EP.42
(Well Part)
ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอแจนเลย เพราะผมยุ่งอยู่กับวอร์ดค่อนข้างมาก แถมต้องสะสางงานที่ต้องส่งมหาลัยด้วย จึงได้แค่แชตส่งข้อความ ไม่ก็โทรหากันไม่กี่นาที เหมือนแจนเองก็ยุ่งวุ่นกับการเรียนของเธอเหมือนกัน แต่การไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลานานแบบนี้ก็ทำเอาผมรู้สึกแย่เหมือนกันนะ ผมเองก็อยากเจอหน้าเธอสักนิดก็ยังดี อยากได้กำลังใจจากเด็กดื้อคนนั้น
ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กว่าจะว่างมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายใจในรอบหลายวันแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ อีกอยาก เพราะความดื้อดึง ของน้าสาวของผมที่ ตอนนี้กลับมาเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลของตระกูลหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศ
น้าใช้อำนาจความเป็นใหญ่คะยั้นคะยอให้ผมมาทานข้าวเป็นเพื่อน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธได้
“นี่หลานรัก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” น้าผมเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ก็เรียนหนักครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวเงียบ ๆ ขรึม ๆ ตามสไตล์ของผมนั่นแหละ
“น้ากลับจากต่างประเทศเอาของฝากมาให้หลานเยอะเลยนะ อ่อ ฝากเผื่อพี่ส
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
EP.44แม้ตอนนี้ฉันจะมีอะไรให้คิดมากมาย แต่เมื่ออยู่กับเพื่อน ๆ ฉันก็ต้องเฮฮาให้เต็มที่ สายตาอาจจะยังดูออกว่าหนักอึ้งเพราะยังเอาแต่คิดถึงเขา แต่ฉันก็ต้องฝืนเพราะพวกเราทุกคนในโต๊ะนี้ต่างผ่านนรกที่เรียกว่าโปรเจคเล็ก ๆ ปีสามกันมาจะให้มาเสียบรรยากาศเพราะฉันได้ยังไงล่ะอาหารที่สั่งเริ่มทยอยจัดวางบนโต๊ะของพวกเรา จากโต๊ะที่โล่งโจ้ง ตอนนี้กลับดูแคบไปถนัดตา เพราะหน้ามืดตามัวสั่งกันแบบไม่ยั้งคิด ตอนนี้ก็เลยมาลำบากท้องของพวกเราเองล่ะนะ“สั่งกันขนาดนี้จะกินหมดเหรอ” พลอยมองอาหารบนโต๊ะพลางทำหน้าเจื่อน“แค่เห็นก็รู้สึกอิ่มแล้วนะเนี้ย” ฉันพูดพลางกอดอกพิงหลังลงพนักพิง“จะมาโทษฉันคนเดียวไม่ได้นะเว้ย พวกแกเองก็พูดสิ่งที่อยากกินออกมาทั้งนั้น ฉันก็สั่งไปตามนั้น” ไอ้นัทลุกขึ้นยืนยันโต๊ะเถียงขาดใจ“ก็ยังไม่มีใครว่าอะไร นั่งลง ๆ” มิกที่อยู่ข้าง ๆ ไอ้นัทดึงตัวมันนั่งลง“เออ ใจเย็นก็แค่บ่น ๆ กันเท่านั้น ทานกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นชืดหมด”พวกเราทั้งสี่คน ต่างเอ็นจอยกับอาหารที่อยู่ต
EP.45พี่เวลล์พาฉันขับรถออกจากร้านอาหาร ฉันมองเขาอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้สักนิดว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน ทำอะไร ฉันรู้ได้แค่ว่าตอนนี้เขารู้สึกเหมือนร่างท่านมารสุดหล่อสายตาสุดแซ่บที่สามารถชี้นิ้วสั่งฉันให้ทำอะไรก็ได้แบบนั้น สายตาความอ่อนโยนที่เคยเห็นมันไม่มีเลยสักนิด ดูร้ายๆ เหมือนจ้องจะงับเหยื่ออยู่ตลอด“วันนี้พี่แปลกๆ นะคะ” ฉันจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ก็ดูสิขนาดขับรถอยู่ก็ทำมุมปากยกยิ้มเป็นระยะ ดื้อๆ เขาเหมือนคนโดนเข้าสิงอ่ะ“ฮ่า....พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”“เนี้ย หัวเราะแบบนี้ก็แปลกแล้ว พี่ไปโดนยาอะไรมารึเปล่า” ฉันยืดหน้าไปมองเขาที่กำลังตั้งใจขับรถใกล้ๆ จ้องเขาอย่างคาดคั้น แต่ไม่ทันที่ฉันได้ตั้งตัว เขากลับหันมาจุ๊บฉันหนึ่งทีที่ริมฝีปากแล้วกลับไปสนใจกับการขับรถต่อฉันหดตัวกลับมานั่งประจำที่ตัวเอง ยกมือลูบปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะมองค้อนคนข้าง ๆ วันนี้ปากฉันเปื่อยไปหมดแล้วเพราะเขาแต่ถามว่าชอบไหม ริมฝีบางของเขาฉันต้องชอบอยู่แล้วล่ะ“พี่จะบอกฉันได้รึยังว่าจะพาฉันไปไหน”&ldquo
EP.46(Well Part)จู่ๆ คนเมาในอ้อมแขนของผมก็กระซิบบอกรักผมซะงั้น ถ้าในเวลาปกติของแจนล่ะก็ไม่มีทางจะได้ยินคำบอกรักด้วยแววตาเสน่ห์แบบนี้เป็นแน่ สงสัยผมต้องขอบคุณคนที่คิดค้นน้ำมึนเมาขึ้นมานี้แล้วล่ะ เพราะมันสามารถเปลี่ยนคนที่แข็งกร้าวในยามปกติ ให้กลายเป็นคนขี้อ่อย ขี้อ้อนมาได้แต่นั่นก็ทำให้ผมเริ่มคิดอีก ถ้าเธอไปดื่มหนักที่ไหน เธอจะมีท่าทีแบบนี้กับคนอื่นด้วยรึเปล่า ไม่ได้การหลังจากนี้ผมคงต้องเข้มงวดกับเธอหน่อย ก็ตอนนี้เธอคือแฟนผมผมอุ้มคนเมามายวางลงโซฟากลางห้อง เพราะผมยังไม่ได้ทายาบริเวณขาและเข่าของเธอที่มันยังปรากฏรอยฟกช้ำ แม้ตอนนี้มันเป็นรอยจางสีม่วงแล้วก็ตาม แต่เพราะเธอทำตัวยุกยิกนั่งไม่นิ่ง จนผมต้องนั่งโอบรัดเธอจากด้านหลัง“นั่งนิ่งๆ พี่ทายาให้ก่อน” ผมบีบยาลงในมือก่อนจะเอื้อมลูบไปตามรอยแผลฟกช้ำอย่างเบามือ “ยังเจ็บอยู่ไหม” ผมเอ่ยข้างหูเธอ“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เสียงอันบางเบาของเธอตอบผม“ถ้าหายแล้วงั้น.....” ผมพูดให้เธอคิด ก่อนจะงับใบหูของเธอเบาๆมือผมเริ่มอยู่ไม่สุขละจากการทายาเลื่อนมาสัมผัสหน้าอกของเธอคลึงเบาๆ ผ่านเสื้อยืนแสนบางที่ผมให้เธอเปลี่ยน ใบหน้าผมโน้มลงเล็กน้อยมองต้นคอระหงส์ท
ให้ตายเถอะ เสียวมากอยู่หรอก แต่ดูเหมือนคนที่ยืนอยู่จะเสียวกว่าฉันมากไปหน่อยไหม เล่นสอบเอวใส่ปากฉันจนมิดลำแทบสำลัก ดีนะว่าควบคุมมันไว้ทันทันทีที่เขากระตุกตัวปล่อยน้ำขุ่นอุ่นร้อนของเขาออกมาเต็มโพรงปากฉัน ฉันก็ตั้งใจกลืนมันทุกหยดไม่ให้เหลือ รอบนี้เหมือนเขาไม่ได้บังคับ แต่เป็นฉันเองที่เสียวซ่านจนอยากจดจ่ออยู่ตรงกึ่งกลางกลายเขาอีกสักหน่อย แต่พอโลมเลียได้ไม่ทันไร มันกลับมาแข็งขืนขึ้นอีกครั้งแล้ว‘พี่เวลล์ แอบหื่น นะเนี่ย’พอฉันละปากออกจากเจ้าแท่งที่ตอนนี้มันพยักหงึก ๆ อีกรอบนั้น ฉันก็ทรุดลง มือยันพื้นหยัดตัวไว้ หอบหายใจแรงจนต้องเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ ยกมือเช็ดคราบบริเวณริมฝีปากพลางหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อย แต่นั่งได้ไม่นาน คนที่ยืนจ้องมองกันอยู่ก็สอดแขนใต้รักแร้ฉัน ดึงฉันขึ้นให้ยืนจากนั้นก็สวมกอด“เหนื่อยแล้วเหรอ” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ส่วนฉันหอบหายใจแรงเหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละหายใจไม่ทัน“ค่ะ เหนื่อย” ฉันตอบไปตามตรงแม้ว่าตรงนั้นจะปวดหนึบเพราะอยากมากก็ตาม“แต่พี่ไม่เหนื่อยเลยนะ” เขาเอ่ยเสียวแผ่วเบาก่อนจะงับใบหูเล็กๆ ของฉัน ตอนนี้เขาคงอารมณ์มาเต็มที่เพราะลมหายใจที่รดฉันมันร้อนมาก ร้อนช
ดวงตาที่หลับสนิทของฉัน ถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามายังบานหน้าต่าง ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หรี่มองไปยังหน้าต่างเล็กน้อยทอดมองออกไปยังตำแหน่งของแสงที่พาดผ่านมา ยกมือขยี้ดวงตาเบา ๆ พลางยืดแขนขึ้นเพื่อคลายความงัวเงีย“อ่ะ...” เพียงแค่ขยับจะลงจากเตียงก็รู้สึกได้ว่าร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัว เสียงที่เปล่งออกทำให้คนที่อยู่ด้านนอกวิ่งมาด้วยความตกใจ“เป็นอะไรครับ” ฉันที่เห็นพี่เวลล์วิ่งกุลีกุจอวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตกใจหน้าตื่น เลิกคิ้วมองเพื่อรอให้ฉันตอบ อึ้ย...ใครจะไปบอกกันล่ะ ว่าพี่คะฉันปวดตรงนั้นมาก ให้ตายก็ไม่พูดหรอก แค่นี้ไม่สะเทือน ‘อึก’“ป่าวค่ะ สะดุ้งตื่นนิดหน่อย ว่าแต่กลิ่นอะไรหอมจัง”“พี่ทำกับข้าวไว้ให้ รีบลุกมาแปรงฟัน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาทานด้วยกันนะ”“ค่ะ ฮี่...” ฉันยิ้มจนตาหยี่ให้เขาก่อนที่เขาจะลูบหัวเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป“ว่าแต่เมื่อคืนฉันนอนไปตอนไหน” ฉันลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ก็จ้องมองกระจกที่สะท้อนตัวเองขึ้นมา “แล้วชุดที่สวมใส่นี่ล่ะ พี่เวลล์ก็จัดการให้หมดงั้นเหรอ” พอหลับตาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ในสมองฉันกลับจดจำแต่เรื่องอย่างว่า ท่านั้น ท่านี้ ได้เท่านั้น
หลายเดือนต่อมาอีกไม่กี่วันก็ใกล้ปิดภาคเรียนแล้ว การมุ่งไปสู่ปีสี่ก็คืบคลานเข้ามา แม้โปรเจคนรกปีสามจะผ่านไป แต่การเรียนวิศวะมันไม่ง่ายเลย ยิ่งปีสี่แล้วถึงใจฉันจะพับโครงการนั่นไป แต่การเรียนในมหาลัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ส่วนพี่เวลล์ก็ง่วนกับโรงพยาบาลตามเคย แม้จะไม่ค่อยได้เจอกัน ความรักของฉันกับพี่เวลล์ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี โดยฉันกับพี่เขาก็เติมหวานด้วยการสัญญาว่าในหนึ่งวัน ต้องโทร หรือส่งข้อความหากัน ห้ามหายเด็ดขาด บางครั้งพอมีเวลาวันหยุดก็มักไปเที่ยวด้วยกัน หรือแม้กระทั่งเมคเลิฟกันบ้างถ้าสถานที่อำนวยส่วนวันนี้ ฉันกะจะเข้าไปตรวจโกดังสักหน่อย เพราะที่ผ่านมายุ่งทั้งเรื่องการเรียน และหาเวลาให้พี่เวลล์ ทำให้ห่างจากการไปดูแลงานของตระกูลไปพอสมควร จะปล่อยให้พี่ทิมจัดการคนเดียวได้ไง เขาก็มนุษย์คนหนึ่ง ถ้าฉันเป็นพี่เขา ก็คงบ่นว่า เจ้านายไม่ได้เรื่องแหง ๆ อีกอย่างเด่นเรื่องเรียน กับ ความรักไปแล้ว การงานจะน้อยหน้าได้ยังไงจริงไหมดังนั้นวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เจียดไปเยี่ยมลูกน้อง แถมยังต้องติดตามอัปเดตข่าวสารพวกสายลับมาเฟียคู่อริอีก จะให้พวกมันมาหยามแย่งอิทธิพลทางการค้าฝั่งตะวันตกไม่ได้เด็ด
EP.50ณ.โรงพยาบาลฉันได้สติอีกทีเหมือนจะถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลแล้ว มองไปรอบ ๆ ดูเหมือนจะนอนพักอยู่ในห้องพิเศษวีไอพีของโรงพยาบาลที่คุ้นตานั่นแหละ จริง ๆ ก็จำเหตุการณ์หลังจากที่หมดสติในรถนั่นไม่ได้หรอก คงเป็นพี่เวลล์ที่เรียกรถพยาบาลมาละมั้ง ทำให้ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ไม่นานนักก็มีพยาบาลวนเข้ามาตรวจฉันเป็นระยะ อาหารอ่อนเข้ามาเสิร์ฟ ส่วนพี่เวลล์ก็มีเข้ามาหาบ้าง ไม่สิค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ แต่เพราะเขาเองก็ยังวุ่นกับวอร์ดจึงอยู่นานไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียง ให้กำลังใจ มอบรอยยิ้มให้ แล้วก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ ส่วนยัยมีน กับพลอย ก็เจียดเวลามาเยี่ยมแล้ว แต่ฉันก็เป็นฝ่ายไล่พวกมันกลับไปไม่อยากให้พวกมันเฝ้า เพราะยังไงฉันเองก็มีสิ่งที่ต้องทำอยู่ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล เขาจะฟูมฟาย ดูกังวลและแสดงออกว่าเป็นห่วงมากกว่านี้ แต่เปล่าเลยเขาไม่เพียงดูนิ่งขรึมใบหน้าราบเรียบ แต่ไม่เอ่ยถามไถ่สาเหตุที่ฉันได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำก็เลยค่อนข้างแปลกใจอยู่หน่อยฉันที่ลุกขึ้นนั่งได้เพียงเครั้ง ก็ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิน พลางมองฝ้าเพดานคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่รู้เหมือนกันที่หมดสติไป
แสงแดดยามเย็นเริ่มทอแสงสาดส่องเข้ามา ฉันกับพี่เวลล์กำลังนั่งทานอาหารว่างกันอยู่ริมทะเล บรรยากาศดีสุด ๆ“ทานแตงโมหน่อยไหมครับ”“ค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขา“ม่ะ...พี่ป้อน” เขาจิ้มแตงโมที่หวานฉ่ำนั้นป้อนให้ ฉันโน้มตัวเข้าไปกินอย่างมีความสุข “อร่อยไหมครับ”“อร่อยค่ะ แจนชอบแตงโม”“แล้วพี่ล่ะ แจนชอบไหม”“เอ๊ะ มันวกมาเวนี้ได้ยังไงกันคะพี่ ไม่ชอบค่ะ แต่รักเลย ฮี่...” เอ่ยจบเขายื่นมือมาบีบแก้มฉันด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นเขาก็ยังเอาแต่ป้อนผลไม้ให้ฉันทาน ถามว่าฉันกินไหม ก็กินสิผู้ชายหล่อป้อนทั้งที“แจนครับพอดีพี่มีประชุมด่วนของโรงพยาบาล พี่ขอตัววิดิโอคอลที่ประชุมสักครู่นะครับ”“ได้สิคะ งั้นแจนขอลงไปเล่นน้ำหน่อยนะคะ อยากเอาตัวจุ่มน้ำแล้ว”“ระวังด้วยนะครับ อย่างลงไปเล่นน้ำลึกมากล่ะ”“ค่ะพี่ แจนจะอยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ” เขาสวมผ้าคลุมที่เตรียมไว้พร้อมหยิบไอแพดปลีกตัวไปนั่งเก้าอี้ชายหาดใส่หูฟังพร้อมประชุม สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและตึงเครียดมากขึ้นก็จริงล่ะนะ ถึงแม้เราจะมาพักผ่อน แต่งานก็ต้องดำเนินต่อไป จริงๆ แล้วฉันก็มีงานที่ต้องสะสาง แต่เพราะมีพ่อ มีพี่ทิม มีแฟรงค์ จึงสามารถวางใจได้ แต่พี่เวลล์เขาเป็นหมอ
ณ.ห้องครัวพี่เวลล์เข้าครัวทำกับข้าวให้ฉันตามที่ฉันร้องขอว่าอยากกิน กลิ่นผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าหอมฉุนไปทั่วบ้านพัก ทำเอาฉันสูดฟึดฟัด เพราะกลิ่นมันหอมจนอดไม่ไหว“หอมมาก อยากทานแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ในขณะที่เขากำลังจัดเตรียมอาหารเหล่านั้นวางบนโต๊ะอาหาร"งั้นก็รอทานให้อร่อยนะพี่ตั้งใจทำให้แจนเป็นพิเศษเลยนะครับ"“ค่ะ..^^”ฉันนั่งรอที่โต๊ะอาหาร พร้อมแล้วกับการทานข้าวมื้อพิเศษที่เขามอบให้ อาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กและผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า แบบพิเศษใส่ใจ“เสร็จแล้วครับ”“อื้อหื้อ น่าทานมาก ๆ ค่ะ จะทานแล้วนะคะ” ฉันที่ตั้งท่าจะทานแล้วนั้น ดันโดนพี่เวลล์ห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวสิครับ ล้างมือรึยัง ก่อนทานล้างมือก่อนครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แต่ก็ลุกไปล้างมือแต่โดยดี พอล้างเสร็จก็กลับมานั่งที่เดิม โดยที่พี่เวลล์เองก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารแล้ว“ทานเยอะๆ นะครับ” เขาไม่ใช่แค่พูด แต่ตักอาหารมาใส่จานให้ฉันด้วย ทั้งการกระทำและคำพูดเขาอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากพ่อ ก็เขานี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้จริงๆ“พี่เองก็ทานเยอะๆ นะคะ”“ครับ” ฉันยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน เราต่างก็ทานอาหา
12.00 น.ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งร่างกายอยู่บนเตียงฟูกนุ่มแล้ว และกำลังนอนกอดกันตัวเป็นเกลียวกับคนข้างๆ ที่ฉันรักมาก ร่างกายเรายังเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสพสุขกันไปกี่ยก แต่ที่แน่ ๆ ระเบียงนั่น ฉันวนไปทุกมุม ขนมาทุกท่า แถมพี่เวลล์ตัวดีดันแข็งแรงทั้งร่างกายและน้องชายเขาก็ตื่นไม่พัก จึงต้องเป็นฉันที่ทนรับอยู่ร่ำในคืนที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วงเขายังนอนหลับสนิท สองมือเขากอดฉันแน่น ส่วนใบหน้าฉันก็แนบชิดกับแผงอกของเขา ฉันเงยหน้ามองเขา ดูสิตอนนอนก็ยังหล่อเลย ขนตายาวงอน ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งสันทัดผิวขาวเปล่งปลั่ง สันกรามที่บาดคม เฮ้อหล่อจนร้องขอชีวิตนั่นและ เป็นบุญของฉันที่ได้มีโอกาสมารักเขาจริง ๆดวงตาเขาค่อย ๆ เปิดออกหลุบมองฉัน เขาค่อย ๆ ฉีกยิ้มก่อนจะออกแรงแขนรัดฉันแน่นขึ้น“แจนทำให้พี่เวลล์ตื่นเหรอคะ”“ป่าวหรอกครับ ความรักต่างหากที่ทำให้พี่ตื่น”“ดีนะ แจนยังไม่ได้ทานข้าวไม่งั้นมีอ้วกแน่ๆค่ะ” สิ้นคำฉัน เขายิ้มมองฉันก่อนจะลูบหัวเบาๆ ก้มหอมฟอดใหญ่ๆ บนหัวฉัน“ทนนะ หลังจากนี้จะได้ยินแบบนี้บ่อยขึ้น เพราะพี่คลั่งรักแจนไม่ไหว”“กลัวแล้ววววววว
“ขี้โกงจังนะครับ ทำไมเสร็จไปก่อนพี่แล้วล่ะ” เขากอดฉันแน่นอีกครั้ง“ก็เป็นเพราะใครล่ะ โดนขนาดนี้ใครจะทนไหวคะ”“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ฉันเอียงคอแหงนมองคนด้านหลังก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ เขายิ้มมุมปากยักคิ้วให้ฉัน พลางก้มหน้าลงมาจุ๊บฉันหนึ่งที“ให้ตายเถอะ บอกอย่าเล่นกับระบบ พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ แจนไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” ฉันลุกขึ้นหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่นั่งอยู่ ผลักไหล่เขาให้ลงนอนราบบนโซฟาใหญ่นี้ พลางมองต่ำตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว่ำนั่งบนลำตัวของเขา ก็รู้แหละว่าตรงนั้นของเขามันแข็งขื่นขนาดไหนเพราะระหว่างขาฉันที่กำลังทับมันอยู่สัมผัสได้ ทำเอาตื่นเต้นชะมัดเป็นฉันบ้างที่เลียริมฝีปาก ทอดสายมองเขาอย่างยิ้มร้าย โน้มตัวลงเอาหน้าเกยไหล่เขาสองมือซุกซนสอดเข้าใต้เสื้อเพื่อสัมผัสผิวเขา มันแน่นมือถนัด ซิกแพคเป็นลอนที่จับก็รับรู้ได้ความแข็งแกร่งของหน้าท้องนั่น ทำเอาอยากเห็นด้วยตาเปล่าเสียตอนนี้“อื้ม...” เสียงครางเล็กๆ เมื่อมือฉันสัมผัสเข้ากับหัวนมของเขา มะ...ไม่ไหวแล้ว เสียงกับร่างกายของเขานี่มันทำเอาฉันคลั่งแทบบ้าเหมือนกันฉันทนไม่ไหวอีกต่อไป ถกเสื้อเขาไปกองไว้เหนืออก เผยให้เห็นแผง
เขายังคงวุ่นอยู่กับการจูบฉันอยู่แบบนั้นไม่มีท่าทีว่าจะคลายจูบเสียที ลมหายใจเขารดถี่ขึ้น ร้อนขึ้น พอๆ กับสัมผัสริมฝีปากของเขาที่พยายามบดเบียดรุกเข้ามาในโพรงปากฉัน ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้เขาทำตามใจ“อึก...โอ๊ย!!” พี่เวลล์กับฉันกำลังพรมจูบกันเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เป็นฉันเองที่ต้องผลักเขาออก“เป็นอะไรไปครับ” พี่เวลล์ประคองใบหน้าฉันมองหน้าด้วยความตกใจ“ขะ...ขาฉันค่ะ”“ขาเป็นอะไรครับ”“พี่ทับขาฉันค่ะ ฉันเจ็บ” สิ้นคำ เขาเหลือบไปมองดูแล้วก็เป็นให้เขาเห็น ก็ขาแกร่งของเขาทับขาเรียวเล็กของฉันจริง ๆ ไม่เจ็บได้ไง โซฟามันเล็กนิดเดียวนะเขาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกขาฉันก่ายตักเขามานวดให้ฉัน อย่างแผ่วเบา“พี่ขอโทษครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไรค่ะ โซฟามันแคบ” ฉันยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาที่ก่ายตักเขาออกวางลงปกติ“นั่นสิเนอะ ถ้าเป็นที่โล่งๆ คงจะดีกว่าใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ...แต่เอ๊ะ ที่โล่งๆ ว๊าย!!!” พี่เวลล์ยกฉันพาดบ่าโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด“พะ...พี่จะยกแจนไปไหนเนี่ยตกใจหมดเลย”“ก็ไปหาที่โล่งๆ ต่อไงล่ะ”“หมายถึงห้องนอนเหรอคะ”“ก็ใช่ แต่...หึ” เพราะฉันถูกพาดบ่าไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน
เรากลับมาถึงบ้านพักของเรา เมื่อกำลังจะเดินเข้าบ้านฉันกลับหยุดเดินและฉุดรั้งเขาไว้ ฉันหันหน้ามองออกไปยังผืนทะเลตรงหน้าบ้านที่กำลังทอประกายด้วยแสงจันทร์ค่ำคืนนี้ พลางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหันไปมองเขา“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ”“พี่คะ พี่รู้สึกยังไงบ้าง พี่อึดอัดใจรึเปล่าที่พี่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่เกลียดมาเฟีย ตอนนี้พี่กำลังข่มใจไว้ใช่ไหมคะ พี่ฝืนอยู่ใช่ไหม พี่กำลัง.......” ฉันพล่ามสาธยายไม่รู้จบ ฉันแค่รู้สึกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่โอเค กับสิ่งที่ฉันเป็น และสิ่งที่ฉันกระทำ ฉันพะวงมันมาตลอด แต่ฉันก็อดไม่ได้เพราะฉันเป็นคนแบบนี้ มันแบบกระวนกระวายใจจนแทบบ้า อดีตมันยังคอยย้ำเตือนเสมอเขาไม่ปล่อยให้ฉันพูดจบ แต่เดินเข้าสวมกอดฉันแน่น จับศีรษะฉันแนบกับอกของเขาไว้ ลูบอย่างแผ่วเบา“พี่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งที่พี่เห็นยิ่งทำให้เข้าใจมุมแจนมากขึ้น เป็นพี่ที่คิดมากไปเอง พี่ผิดที่เอาอดีตที่เจอมาตัดสินจนทำให้รักของเราเคยล่มไปแบบนั้น”“พี่ไม่เกลียดฉันแล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันเป็นมาเฟีย”“ไม่เลยครับ แล้วแจนล่ะครับ ยังโกรธพี่อยู่ไหม” เขาดันฉันออกจับไหล่ฉันทั้งสองข้าง สายตาก้มมองฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันมองเขาด้ว
ภายใต้ดวงตาของเราที่มองไปนั้น ปรากฏเป็นกลุ่มอันธพาลราวสามคน ที่กำลังพังหาบเร่ของคุณยายจนเกลื่อนระเนระนาด ผู้คนใกล้เคียงต่างถอยห่างไม่กล้ายุ่ง ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ ไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือเลยสักนิด จวบจนอันธพาลคนหนึ่งที่ดูกร่างที่สุดคว้าคอเสื้อของคุณยายที่กำลังนั่งก้มไหว้จนตัวสั่นนั้นให้ลุกขึ้น“ได้เงินแล้วนี่ เอามาให้พวกกูซะ” เสียงตวาดของหนึ่งในอันธพาล“ขอร้องเถอะจ๊ะ ยายเพิ่งจะขายได้วันแรกเอง ยายจ่ายดอกเบี้ยหมดไม่ไหว”“อิแก่ กูเห็นเมื่อกี้มึงได้เงินจากลูกค้าเป็นพัน มึงเอามา”“ยายต้องเลี้ยงหลาน ขอแบ่งจ่ายได้ไหมจ๊ะ ยายขอ”“อีแก่ พูดไม่รู้เรื่องเหรอมึง หน็อย!!!” ฉันที่ยืนมองกัดฟันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จะเสียลุคก็ให้มันรู้ไปมาเฟียอย่างฉันก็มีคุณธรรมพอ ใครจะทนดูคนแก่โดนทำร้ายได้ลงคอกันล่ะ ถ้าเขาจะโกรธฉัน จะเกลียดฉัน เพราะมีเรื่องต่อยตีต่อหน้าเขาก็ช่างแม่งแล้ว ฉันไม่สนใจแล้วล่ะฉันตัดสินใจหันไปหาพี่เวลล์เพื่อเอ่ยบอกว่าจะเข้าไปช่วย แต่เอ๊ะ พี่เวลล์ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ หายไปไหนแล้ว หรือว่าไม่ทันที่ฉันจะเข้าห้าม พี่เวลล์กลับเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปก่อนแล้ว ในขณะที่อันธพาลกำลังง้างมือจะท
ฉันคว้าผ้าเช็ดตัว ก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำล็อคกลอนประตูให้เรียบร้อย เปลืองผ้า ก่อนจะเดินไปเปิดฝักบัว เอาหัวจุ่มผ่านน้ำที่ไหลเป็นสายธารผ่านฝักบัวนี้ แหงนหน้ารับน้ำให้รู้สึกชุ่มฉ่ำไปทั้งตัว ในหัวคิดอะไรต่างๆ มากมาย พี่เวลล์เหมือนจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมากขึ้น และดูจะเป็นฝ่ายรุกหนักกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำที่มันแปลกกลับเป็นฉันเอง ที่ยังคงมีอะไรติดค้างในใจ ว่าเขาละทิ้งทิฐิที่ฉันเป็นมาเฟียได้หมดจดจริงๆ รึเปล่าแล้วสิ่งนี้มันจะกลับมาทำให้ความรักของเราดิ่งลงอีกครั้งไหม ฉันน่ะรักเขามาก แต่ก็กลัวการสูญเสียมันไปอีกครั้งแต่ยังไงซะ ฉันควรจะเป็นตัวของตัวเองดีกว่าล่ะนะ อย่างน้อยถ้าเรายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้มันก็จะไม่กลับมาเป็นปัญหาให้พวกเราต้องผิดใจกันอีกฉันอาบน้ำแช่ อยู่สักพัก ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้อง ลืมตัวอีกแล้วฉันคิดว่าอยู่ห้องคนเดียวด้วยความเคยชิน ดันอาบน้ำออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนไม่ใหญ่มาก พอปกปิดแค่ส่วนบนและส่วนล่างนิดหน่อยเท่านั้น แต่พี่เวลล์ก็ดูนิ่งสงบไม่พูดจาอะไร คว้าผ้าเช็ดตัวของตัวเองก้มหน้าเดินเข้าห้องน้ำต่อไปดื้อๆ ฉันนึกว่าเขาจะมองแทะโลมฉันซะอีก นี่เสน่ห์ของฉันมันลดลงไปแล้วง
สองสัปดาห์ผ่านไปฉันยังคงง่วนกับการจัดการกองเอกสาร ช่วยพ่อตอนนี้ธุรกิจด้านไหนก็เติบโตดีมาก แถมคู่อริตอนนี้ก็หัวหดกันหมดแล้ว อิทธิพลของตระกูลพ่อฉันแผ่ขยาย พ่อก็พยายามกวาดล้างกลุ่มแก๊งมาเฟียอื่นให้มาอยู่ใต้อาณัติ และค่อย ๆแปรเปลี่ยนพวกเขาให้ทำธุรกิจที่ถูกต้องมากขึ้น แถมยังเป็นการขยายสาขาที่ไม่ต้องลงแรงทรัพยากรบุคคลเท่าไหร่ด้วย ยิ่งมีพี่ทิมเข้ามาจัดการคุมเข้มด้วยล่ะก็ ยิ่งง่ายเข้าไปอีกแน่นอนจุดประสงค์ที่โหมทำงานเอกสารกองพะเนินนี้ เพราะจะขอพ่อหยุดยาวไงล่ะ ไหน ๆ ก็สัญญากับพี่เวลล์ไว้แล้ว ไปคราวนี้ก็ไม่อยากให้ต้องพะวงหลังเรื่องงานอีก อยากตั้งใจพักผ่อนเพื่อเขา และก็เพื่อตัวฉันเองด้วยการไปเที่ยวครั้งนี้ ฉันไม่ได้ปิดบังพ่อแต่อย่างใด ถึงไม่บอกพ่อ พ่อก็รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขา พ่อไม่เคยห้าม พร้อมบอกว่าเคยมีประสบการณ์มาก่อน การที่ถูกผู้ใหญ่ห้ามและคลุมถุงชนนั้น มันต่างจะสร้างบาดแผล ซึ่งพ่อเองไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนกับที่พ่อเคยเจอในอดีต ดังนั้นเรื่องความรักพ่อมักจะปล่อยอิสระให้ฉันเต็มที่พี่เวลล์มาตามเวลานัดหมายแถมยังเดินเข้ามาทักทายพ่อฉันแบบไม่เกรงกลัวอีก กล้ามาก แต่พ่อก็แสดงความอ