คนตายด้านความรู้สึก อย่าง ‘แจน’ วิศวกรรมเครื่องกลปี 3 ทายาทมาเฟีย กลับมีความรู้สึก ปะทุร้อนเพราะเห็นเขา ‘เวลล์’ แพทย์ปี 5 เพียงทั้งคู่สบตา ก็เกิดคืนอันเร่าร้อนไฟลุกโชนในชั่วข้ามคืน
View Moreณ. คอนโด
“แจนมึงตื่นได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะ จะสายแล้วนะมึง” เสียงของยัยมีน เพื่อนรูมเมทของฉัน เรียกฉันตื่นจากภวังค์ที่กำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่ ร่างกายของฉันเหยียดตรงบนฟูกนอนหนาอันแสนนุ่มสบาย บิดซ้ายขวา ด้วยความขี้เกียจก่อนเอ่ยไปด้วยความหงุดหงิด
“กูไม่มีเรียนเช้า มีเรียนบ่ายสองโมงโน้น” ฉันตอบไปในขณะที่ลูกตายังไม่พร้อมเปิดด้วยซ้ำ
“ทำไมมึงไม่บอกกูไว้ก่อนล่ะ คนอุตส่าห์เข้ามาปลุก” มีนทำหน้านิ่วใส่ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตรงเครื่องแป้งปลายเตียงของฉัน ฉันลืมตาตื่นมาก็พบว่ามันนั่งได้น่าเกลียดมาก
“นี่ยัยมีน มึงอยู่ในชุดนักศึกษารัดติ้ว กระโปรงก็แทบจะเสมอหู ช่วยนั่งดีๆ หน่อย เห็นหมดแล้ว” ฉันได้แต่เอิอมกับความไม่ระวังตัวของเพื่อนสนิทคนนี้
เอาล่ะฉันจะมาแนะนำก่อน พวกเราสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จวบจน ม.ปลาย แม้แต่มหาลัย เรายังเลือกเรียนที่เดียวกันอีก เพียงแต่เราไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน ยัยมีนมีความฝันอยากเป็น นักข่าว พิธีกร อะไรทำนองนี้ นางจึงเลือกเรียนนิเทศ ส่วนฉันเรียนวิศวกรรมเครื่องกล เพราะอยากเรียนแค่นั้นแหละ
เราสองคนค่อนข้างตัวติดกันไปไหนไปกัน แม้รสนิยมและนิสัยจะต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราสองคนมีปัญหากันแต่อย่างใด จะมีก็แต่มันชอบแต่งตัวเซ็กซี่วาบหวิว บางทีไปไหนมาไหนกับมันก็ล้วนเป็นเป้าร่วมสายตาตลอด ทำให้ฉันเองก็ถูกสายตาเหล่านั้นเพ่งมองมาเหมือนกันอย่างช่วยไม่ได้ เอาจริงโคตรไม่ชอบเลย ต่างจากมันลิบลับ
“ก็จะให้ระวังทำไมละคะ อยู่ในห้องเนี้ย” ยัยมีนเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย
“เอาเถอะเรื่องของมึงแล้วกัน ” ฉันส่ายหัวก่อนจะนอนต่อ แต่ยัยมีนก็ยังชวนคุยไม่หยุดเพราะมันดันไปค้นของในโต๊ะเครื่องแป้ง
“มึงยังใช้พวกนี้อยู่เหรอ ติดจังนะมึง ถ้าไม่ไหว ก็ไม่หาดิ กลัวอะไร”
“เรื่องของกู แล้วมึงอ่ะนั่งอยู่ทำไม ไม่ไปเรียนรึไง”
“ซวยแล้ว ลืมเวลาไปเลย กูไปเรียนก่อนนะ บ่ายโมงกินข้าวที่โรงอาหารกัน มาด้วยไม่มาแม่จะด่าให้เข็ด”
“จ้า ๆ ไปได้ยัง กูจะนอนต่อแล้วเพื่อน” ยัยมีนโบกมือ ก่อนจะวิ่งกระโตกกระตาก แจ้นคว้ากระเป๋าออกจากห้องไป ให้ตายเถอะ ฉันที่มีเรียน บ่ายสองโมงแต่ดันมาโดนปลุก แปดโมงเช้า ทำเอารมณ์เสียสุด ๆ
12.00 น.
ฉันที่นอนต่อยาวมาตั้งแต่เช้า แม้จะมีเรียนบ่ายสองโมงแต่ก็ต้องตื่นก่อนเพราะมีนัดทานข้าวกับยัยมีนที่โรงอาหารมหาลัย ฉันเองก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่เพราะช่วงนี้นางเฮิร์ท เลิกรากับแฟนเก่า เพราะจับได้ว่าเขามีกิ๊ก นางก็ตัดใจบอกเลิกทันที แม้จะยังรัก ต้องยอมรับว่านางเก่งนะ พอรู้ว่าโดนหักหลัง ก็ตัดใจบอกเลิกในอีกวันเลย แม้ตัวเองจะยังรัก และเจ็บมากแค่ไหน แถมแฟนเก่าก็ยังมาป่วนมาง้อ นางก็ไม่ใจอ่อนสักนิด ช่วงนี้เพื่อรักษาบาดแผลใจ เลยทำตัวสวย แต่งตัวสุดเอ็กซ์ เซ็กซี่ เหมือนเก็บกดไม่ได้แต่งตอนมีแฟนนั่นแหละ
โรงอาหาร มหาลัย
ฉันขับรถยนต์มาถึงลานจนรถของโรงอาหารมหาลัย ก่อนลงจากรถฉันต้องไลน์ถามมันก่อนไม่งั้นคงต้องเดินวุ่นหานาง ยิ่งเวลานี้คนเยอะ ฉันไม่ชอบเวลาคนมองฉัน ก็ไม่รู้ทำไมฉันต้องเป็นจุดสนใจขนาดนั้น แล้วยิ่งต้องยืนอยู่กับยัยมีนยิ่งโดนซุบซิบใหญ่
Janny : กูมาแล้ว มึงอยู่ตรงไหนของโรงอาหารมีน ”
Meeny : กูอยู่โต๊ะติดริม เสาเบอร์ 2 รีบมาเร็วคนเยอะจัด
Janny : กูก็บอกมึงแล้วว่าโรงอาหารไม่เหมาะกับกู
Meeny : เอานาเพื่อน โรงอาหาร ถูกและอร่อยจะตาย แถมอาหารตาก็ดี
Janny : ไม่พิมพ์ล่ะ เดี๋ยวเข้าไป แค่นี้
เมื่อก้าวออกจากรถ ฉันก็เริ่มมองหายัยมีน ไม่ทันไร คนรอบ ๆ ก็คุยกันแซ่เซง เริ่มมอง เริ่มจับจ้อง ให้ตายสิ เพราะยัยมีนแท้ ๆ ไม่งั้นฉันไม่มากินที่นี่หรอก
วันนี้ฉันมาในชุดช๊อปวิศวะของคณะ สวมกระโปรงทรงเอเหนือเข่าเล็กน้อย พร้อมกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจ ที่แสนสะดวกสบายในการเคลื่อนที่ ผมทรงใหม่ที่ตัดสั้นประบ่า ย้อมสีไวน์แดง
เพียงแค่ก้าวไปมองเพื่อนที่รออยู่โต๊ะอาหารยืนโบกไม้โบกมือไปมา แค่นั้นคนก็แค่มองเป็นจุดรวมสายตาอย่างช่วยไม่ได้ ยัยมีนที่ขึ้นชื่อว่าสวยน่ารัก เซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่ม แห่งคณะนิเทศ นางก็เป็นคนหนึ่งที่หนุ่ม ๆ หมายปอง
ส่วนฉัน เคยไปอ่านกระทู้มหาลัย เขาบอกว่าฉันเป็นสาววิศวะมาดสวยเท่ หน้านิ่ง (คนอื่นมองฉันแบบนี้สินะ) ที่มันน่าแปลกคือนอกจากผู้ชายที่จะชอบฉันกันอยู่บ้าง แต่สาว ๆ เองก็กรี๊ดกร๊าดฉันเยอะไม่แพ้กันจนงง แถมยังไปโผล่ในโพลผลโหวตที่สาว ๆ อยากได้เป็นแฟนอีก ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว (โพลห่าอะไรก็ไม่รู้)
ฉันนั่งลงบนโต๊ะที่ยัยมีนจองไว้ คนตรงหน้าก็เปิดปากอย่างไว
“กินข้าวที่นี่ดีเนอะครึกครื้นดี”
“เหอะ”
“แต่อึดอัดไปหน่อยคนมองเยอะ จะกินข้าวลงไหม”
“แล้วมันเป็นเพราะใคร ไม่ใช่ว่ามึงเหรอมีน” ฉันได้แต่สถบ
“พูดให้ดีๆ หน่อยเพื่อนสาว ต้องเรียกว่าทั้งคู่มากกว่าปะ อย่างน้อยสาว ๆ พวกนั้นที่เหล่มาก็ไม่ได้มองฉันแล้วหนึ่ง”
ฉันเหลือบมองไปยังต้นทางที่ ยัยมีนชี้ ก็พบว่ารอยยิ้มของพวกรุ่นน้องหญิงกลุ่มนั้น มองมาที่ฉันจริง ๆ ให้ตายเถอะอยากจะบ้า
“คราวหน้าถ้าจะชวนกินข้าว ขอไม่มาที่นี่อีกนะมึง กูอยากกินข้าวเงียบ ๆ อิ่ม ๆ แบบไม่เร่ง”
“เออได้ แต่วันนี้ทนกินไปก่อนละกัน ฉันซื้อมาให้ล่ะ ของที่แกกินประจำ”
“อืมขอบใจมาก”
หลังจากที่เราทานเสร็จฉันก็ขับรถไปส่งนางที่คณะ ก่อนจะตีตัวรถไปยังคณะของตนเอง
‘ปัง!!!’ เมื่อถึงห้องเรียน ฉันก็โยนเอกสารปึกใหญ่ที่ทำตลอดทั้งสัปดาห์ลงบนโต๊ะเรียนของตนดังสนั่นไปทั่วห้อง ทำเอาเพื่อนผู้ชายในห้องตกใจกันยกใหญ่
“แจน แกเป็นอะไรวะ ตกใจหมด” นัทเพื่อนชายร่วมห้องวิศวะเอ่ยถามโดยที่คนอื่น ๆ ก็เงียบ เงี่ยหูฟัง
“แค่เหนื่อยน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนเลย แล้วนี่ของใครมาวางที่โต๊ะฉันอีกแล้ว” ฉันเหลือบมองสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ สองกล่อง ฉันไม่ได้ตกใจอะไรหรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ตั้งแต่ฉันเรียนมา แต่ยังไงก็ต้องถามหาที่มา
“กล่องสีฟ้าของ รุ่นพี่ราม ปี่สี่คณะเรานี่แหละ ส่วนกล่องสีเขียวของน้องหมวยปีสอง คณะวิทย์ แจน แกนี่เสน่ห์แรงจังนะ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง อิจฉาว่ะ”
“อย่าอิจฉาเลยนัท เหนื่อยจะตายเจอแต่อะไรก็ไม่รู้” ฉันเบะปาก พร้อมกับหยิบกล่องเหล่านั้นเขียนชื่อไว้ เผื่อวันไหนที่คนพวกนั้นมาขอคืน ฉันก็จะได้เอาคืนได้ถูกคน ขอเหล่านี้ไม่ใช่ถูก ๆ ทั้งนั้น ดีนะว่าเพื่อนทั้งห้องช่วยกันสอดส่องแล้วคอยถามชื่อคนนำมาวางไว้
หมอพัฒน์ หมอที่ดูโอบอ้อมอารี ใจดีและเป็นมิตรกับทุกคนในโรงพยาบาล ฉันเคยรักษากับเขา พี่แม็กเองก็ชมเขาไม่หยุด และดูเหมือนพี่เวลล์เองก็จะให้ความเคารพนับถือเขาไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังใบหน้าที่แสนดีขนาดนี้ จะซุกซ่อนความเลวร้ายได้เกินจะบรรยาย“ทำหน้าแบบนั้น ตกใจรึไงกัน” หมอพัฒน์ยังบีบคางฉันแน่นไม่ยอมปล่อย“หึ ถุย...” ฉันสถบถุยใส่เขาไม่เกรงกลัว และแน่นอนว่าฉันถูกตบหน้าไปอีกหนึ่งฉาด ‘เพี๊ยะ’ มือของชายคนนี้รุนแรงมากกว่าผู้หญิงคนนั้นหลายสิบเท่า ตบเพียงครั้งเดียวทำให้หน้าสั่นเลือดกลบปากฉัน จนสำลักเลือดออกมาทางเรียวปากไหลเป็นทาง“ไม่เอานา...ผมไม่อยากทำร้ายคุณ ไม่อยากทำให้ใบหน้าสวยนี้ต้องระบมไปมากกว่านี้” หมอพัฒน์ปล่อยมือเขาออกจากใบหน้าฉัน ก่อนจะเดินวนไปมา ท่าทีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขาทำให้ฉันยิ่งเห็นความน่ากลัวของชายวัยกลางคนคนนี้“หมอพัฒน์ ไม่สิคุณพัฒน์ คุณทำแบบนี้ต้องการอะไร”“ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมคือใคร เหมือนที่ผมรู้ว่าคุณคือใครน่ะ คุณหนูแจน” เขายืนกอดอกมองฉันด้วยใบหน้าแสยะยิ้มมองฉันราวกับลูกไก่ในกำมือ ในขณะที่ผู้หญิงด้านหลังนั่นมองฉันแทบจะกินเลือดกินเนื้ออยากฆ่าฉันให้พ้น ๆ“งั้นฉันก็ไม่พิ
EP.50ณ.โรงพยาบาลฉันได้สติอีกทีเหมือนจะถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลแล้ว มองไปรอบ ๆ ดูเหมือนจะนอนพักอยู่ในห้องพิเศษวีไอพีของโรงพยาบาลที่คุ้นตานั่นแหละ จริง ๆ ก็จำเหตุการณ์หลังจากที่หมดสติในรถนั่นไม่ได้หรอก คงเป็นพี่เวลล์ที่เรียกรถพยาบาลมาละมั้ง ทำให้ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ไม่นานนักก็มีพยาบาลวนเข้ามาตรวจฉันเป็นระยะ อาหารอ่อนเข้ามาเสิร์ฟ ส่วนพี่เวลล์ก็มีเข้ามาหาบ้าง ไม่สิค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ แต่เพราะเขาเองก็ยังวุ่นกับวอร์ดจึงอยู่นานไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียง ให้กำลังใจ มอบรอยยิ้มให้ แล้วก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ ส่วนยัยมีน กับพลอย ก็เจียดเวลามาเยี่ยมแล้ว แต่ฉันก็เป็นฝ่ายไล่พวกมันกลับไปไม่อยากให้พวกมันเฝ้า เพราะยังไงฉันเองก็มีสิ่งที่ต้องทำอยู่ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล เขาจะฟูมฟาย ดูกังวลและแสดงออกว่าเป็นห่วงมากกว่านี้ แต่เปล่าเลยเขาไม่เพียงดูนิ่งขรึมใบหน้าราบเรียบ แต่ไม่เอ่ยถามไถ่สาเหตุที่ฉันได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำก็เลยค่อนข้างแปลกใจอยู่หน่อยฉันที่ลุกขึ้นนั่งได้เพียงเครั้ง ก็ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิน พลางมองฝ้าเพดานคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่รู้เหมือนกันที่หมดสติไป
หลายเดือนต่อมาอีกไม่กี่วันก็ใกล้ปิดภาคเรียนแล้ว การมุ่งไปสู่ปีสี่ก็คืบคลานเข้ามา แม้โปรเจคนรกปีสามจะผ่านไป แต่การเรียนวิศวะมันไม่ง่ายเลย ยิ่งปีสี่แล้วถึงใจฉันจะพับโครงการนั่นไป แต่การเรียนในมหาลัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ส่วนพี่เวลล์ก็ง่วนกับโรงพยาบาลตามเคย แม้จะไม่ค่อยได้เจอกัน ความรักของฉันกับพี่เวลล์ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี โดยฉันกับพี่เขาก็เติมหวานด้วยการสัญญาว่าในหนึ่งวัน ต้องโทร หรือส่งข้อความหากัน ห้ามหายเด็ดขาด บางครั้งพอมีเวลาวันหยุดก็มักไปเที่ยวด้วยกัน หรือแม้กระทั่งเมคเลิฟกันบ้างถ้าสถานที่อำนวยส่วนวันนี้ ฉันกะจะเข้าไปตรวจโกดังสักหน่อย เพราะที่ผ่านมายุ่งทั้งเรื่องการเรียน และหาเวลาให้พี่เวลล์ ทำให้ห่างจากการไปดูแลงานของตระกูลไปพอสมควร จะปล่อยให้พี่ทิมจัดการคนเดียวได้ไง เขาก็มนุษย์คนหนึ่ง ถ้าฉันเป็นพี่เขา ก็คงบ่นว่า เจ้านายไม่ได้เรื่องแหง ๆ อีกอย่างเด่นเรื่องเรียน กับ ความรักไปแล้ว การงานจะน้อยหน้าได้ยังไงจริงไหมดังนั้นวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เจียดไปเยี่ยมลูกน้อง แถมยังต้องติดตามอัปเดตข่าวสารพวกสายลับมาเฟียคู่อริอีก จะให้พวกมันมาหยามแย่งอิทธิพลทางการค้าฝั่งตะวันตกไม่ได้เด็ด
ดวงตาที่หลับสนิทของฉัน ถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามายังบานหน้าต่าง ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หรี่มองไปยังหน้าต่างเล็กน้อยทอดมองออกไปยังตำแหน่งของแสงที่พาดผ่านมา ยกมือขยี้ดวงตาเบา ๆ พลางยืดแขนขึ้นเพื่อคลายความงัวเงีย“อ่ะ...” เพียงแค่ขยับจะลงจากเตียงก็รู้สึกได้ว่าร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัว เสียงที่เปล่งออกทำให้คนที่อยู่ด้านนอกวิ่งมาด้วยความตกใจ“เป็นอะไรครับ” ฉันที่เห็นพี่เวลล์วิ่งกุลีกุจอวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตกใจหน้าตื่น เลิกคิ้วมองเพื่อรอให้ฉันตอบ อึ้ย...ใครจะไปบอกกันล่ะ ว่าพี่คะฉันปวดตรงนั้นมาก ให้ตายก็ไม่พูดหรอก แค่นี้ไม่สะเทือน ‘อึก’“ป่าวค่ะ สะดุ้งตื่นนิดหน่อย ว่าแต่กลิ่นอะไรหอมจัง”“พี่ทำกับข้าวไว้ให้ รีบลุกมาแปรงฟัน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาทานด้วยกันนะ”“ค่ะ ฮี่...” ฉันยิ้มจนตาหยี่ให้เขาก่อนที่เขาจะลูบหัวเบา ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป“ว่าแต่เมื่อคืนฉันนอนไปตอนไหน” ฉันลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ก็จ้องมองกระจกที่สะท้อนตัวเองขึ้นมา “แล้วชุดที่สวมใส่นี่ล่ะ พี่เวลล์ก็จัดการให้หมดงั้นเหรอ” พอหลับตาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ในสมองฉันกลับจดจำแต่เรื่องอย่างว่า ท่านั้น ท่านี้ ได้เท่านั้น
ให้ตายเถอะ เสียวมากอยู่หรอก แต่ดูเหมือนคนที่ยืนอยู่จะเสียวกว่าฉันมากไปหน่อยไหม เล่นสอบเอวใส่ปากฉันจนมิดลำแทบสำลัก ดีนะว่าควบคุมมันไว้ทันทันทีที่เขากระตุกตัวปล่อยน้ำขุ่นอุ่นร้อนของเขาออกมาเต็มโพรงปากฉัน ฉันก็ตั้งใจกลืนมันทุกหยดไม่ให้เหลือ รอบนี้เหมือนเขาไม่ได้บังคับ แต่เป็นฉันเองที่เสียวซ่านจนอยากจดจ่ออยู่ตรงกึ่งกลางกลายเขาอีกสักหน่อย แต่พอโลมเลียได้ไม่ทันไร มันกลับมาแข็งขืนขึ้นอีกครั้งแล้ว‘พี่เวลล์ แอบหื่น นะเนี่ย’พอฉันละปากออกจากเจ้าแท่งที่ตอนนี้มันพยักหงึก ๆ อีกรอบนั้น ฉันก็ทรุดลง มือยันพื้นหยัดตัวไว้ หอบหายใจแรงจนต้องเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ ยกมือเช็ดคราบบริเวณริมฝีปากพลางหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อย แต่นั่งได้ไม่นาน คนที่ยืนจ้องมองกันอยู่ก็สอดแขนใต้รักแร้ฉัน ดึงฉันขึ้นให้ยืนจากนั้นก็สวมกอด“เหนื่อยแล้วเหรอ” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ส่วนฉันหอบหายใจแรงเหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละหายใจไม่ทัน“ค่ะ เหนื่อย” ฉันตอบไปตามตรงแม้ว่าตรงนั้นจะปวดหนึบเพราะอยากมากก็ตาม“แต่พี่ไม่เหนื่อยเลยนะ” เขาเอ่ยเสียวแผ่วเบาก่อนจะงับใบหูเล็กๆ ของฉัน ตอนนี้เขาคงอารมณ์มาเต็มที่เพราะลมหายใจที่รดฉันมันร้อนมาก ร้อนช
EP.46(Well Part)จู่ๆ คนเมาในอ้อมแขนของผมก็กระซิบบอกรักผมซะงั้น ถ้าในเวลาปกติของแจนล่ะก็ไม่มีทางจะได้ยินคำบอกรักด้วยแววตาเสน่ห์แบบนี้เป็นแน่ สงสัยผมต้องขอบคุณคนที่คิดค้นน้ำมึนเมาขึ้นมานี้แล้วล่ะ เพราะมันสามารถเปลี่ยนคนที่แข็งกร้าวในยามปกติ ให้กลายเป็นคนขี้อ่อย ขี้อ้อนมาได้แต่นั่นก็ทำให้ผมเริ่มคิดอีก ถ้าเธอไปดื่มหนักที่ไหน เธอจะมีท่าทีแบบนี้กับคนอื่นด้วยรึเปล่า ไม่ได้การหลังจากนี้ผมคงต้องเข้มงวดกับเธอหน่อย ก็ตอนนี้เธอคือแฟนผมผมอุ้มคนเมามายวางลงโซฟากลางห้อง เพราะผมยังไม่ได้ทายาบริเวณขาและเข่าของเธอที่มันยังปรากฏรอยฟกช้ำ แม้ตอนนี้มันเป็นรอยจางสีม่วงแล้วก็ตาม แต่เพราะเธอทำตัวยุกยิกนั่งไม่นิ่ง จนผมต้องนั่งโอบรัดเธอจากด้านหลัง“นั่งนิ่งๆ พี่ทายาให้ก่อน” ผมบีบยาลงในมือก่อนจะเอื้อมลูบไปตามรอยแผลฟกช้ำอย่างเบามือ “ยังเจ็บอยู่ไหม” ผมเอ่ยข้างหูเธอ“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บแล้ว” เสียงอันบางเบาของเธอตอบผม“ถ้าหายแล้วงั้น.....” ผมพูดให้เธอคิด ก่อนจะงับใบหูของเธอเบาๆมือผมเริ่มอยู่ไม่สุขละจากการทายาเลื่อนมาสัมผัสหน้าอกของเธอคลึงเบาๆ ผ่านเสื้อยืนแสนบางที่ผมให้เธอเปลี่ยน ใบหน้าผมโน้มลงเล็กน้อยมองต้นคอระหงส์ท
EP.45พี่เวลล์พาฉันขับรถออกจากร้านอาหาร ฉันมองเขาอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้สักนิดว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน ทำอะไร ฉันรู้ได้แค่ว่าตอนนี้เขารู้สึกเหมือนร่างท่านมารสุดหล่อสายตาสุดแซ่บที่สามารถชี้นิ้วสั่งฉันให้ทำอะไรก็ได้แบบนั้น สายตาความอ่อนโยนที่เคยเห็นมันไม่มีเลยสักนิด ดูร้ายๆ เหมือนจ้องจะงับเหยื่ออยู่ตลอด“วันนี้พี่แปลกๆ นะคะ” ฉันจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ก็ดูสิขนาดขับรถอยู่ก็ทำมุมปากยกยิ้มเป็นระยะ ดื้อๆ เขาเหมือนคนโดนเข้าสิงอ่ะ“ฮ่า....พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”“เนี้ย หัวเราะแบบนี้ก็แปลกแล้ว พี่ไปโดนยาอะไรมารึเปล่า” ฉันยืดหน้าไปมองเขาที่กำลังตั้งใจขับรถใกล้ๆ จ้องเขาอย่างคาดคั้น แต่ไม่ทันที่ฉันได้ตั้งตัว เขากลับหันมาจุ๊บฉันหนึ่งทีที่ริมฝีปากแล้วกลับไปสนใจกับการขับรถต่อฉันหดตัวกลับมานั่งประจำที่ตัวเอง ยกมือลูบปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะมองค้อนคนข้าง ๆ วันนี้ปากฉันเปื่อยไปหมดแล้วเพราะเขาแต่ถามว่าชอบไหม ริมฝีบางของเขาฉันต้องชอบอยู่แล้วล่ะ“พี่จะบอกฉันได้รึยังว่าจะพาฉันไปไหน”&ldquo
EP.44แม้ตอนนี้ฉันจะมีอะไรให้คิดมากมาย แต่เมื่ออยู่กับเพื่อน ๆ ฉันก็ต้องเฮฮาให้เต็มที่ สายตาอาจจะยังดูออกว่าหนักอึ้งเพราะยังเอาแต่คิดถึงเขา แต่ฉันก็ต้องฝืนเพราะพวกเราทุกคนในโต๊ะนี้ต่างผ่านนรกที่เรียกว่าโปรเจคเล็ก ๆ ปีสามกันมาจะให้มาเสียบรรยากาศเพราะฉันได้ยังไงล่ะอาหารที่สั่งเริ่มทยอยจัดวางบนโต๊ะของพวกเรา จากโต๊ะที่โล่งโจ้ง ตอนนี้กลับดูแคบไปถนัดตา เพราะหน้ามืดตามัวสั่งกันแบบไม่ยั้งคิด ตอนนี้ก็เลยมาลำบากท้องของพวกเราเองล่ะนะ“สั่งกันขนาดนี้จะกินหมดเหรอ” พลอยมองอาหารบนโต๊ะพลางทำหน้าเจื่อน“แค่เห็นก็รู้สึกอิ่มแล้วนะเนี้ย” ฉันพูดพลางกอดอกพิงหลังลงพนักพิง“จะมาโทษฉันคนเดียวไม่ได้นะเว้ย พวกแกเองก็พูดสิ่งที่อยากกินออกมาทั้งนั้น ฉันก็สั่งไปตามนั้น” ไอ้นัทลุกขึ้นยืนยันโต๊ะเถียงขาดใจ“ก็ยังไม่มีใครว่าอะไร นั่งลง ๆ” มิกที่อยู่ข้าง ๆ ไอ้นัทดึงตัวมันนั่งลง“เออ ใจเย็นก็แค่บ่น ๆ กันเท่านั้น ทานกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นชืดหมด”พวกเราทั้งสี่คน ต่างเอ็นจอยกับอาหารที่อยู่ต
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
Comments