เช้าตรู่วันนี้ตลาดฝั่งคนเมืองดูคึกครื้นเป็นพิเศษ เสียงบรรดาผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าในเช้านี้ต่างพูดคุยถึงเรื่องผักของร้านเทียนฝูกันเสียทั้งสิ้น ผักที่ความกรอบเป็นที่หนึ่ง ความงามของผักไม่นั้นไม่เป็นรองผู้ใด ผักกินง่ายรากก็ขาวสะอาดประหนึ่งหยกเนื้อดีเลยทีเดียว“เร็ว ๆ พวกเราทางนั้นได้ยินว่ามีร้านแผงผักเปิดใหม่ แถมยัง…”“แถมยังอะไรเล่า รีบๆ บอกมาให้เร็วข้าอยากรู้จะแย่แล้ว เร็วสิ”“แถมยังบอกว่าเป็นผักจากร้านเทียนฝูเลยน๊า แถมยังราคาถูกกว่าเท่านึงแน่ะ”ชายเจ้าของร้านผ้าไหมออกมาบอกเล่าต่อถึงเรื่องราวตื่นเต้นที่คนงานในร้านนำมาแจ้งตนหลังจากเกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นบริเวณตรอกแถวหลิงจิ่งขึ้นจนเป็นที่ผิดสังเกต เขาบอกเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและจริงจัง อีกทั้งยังบอกว่าราคาถูกกว่าของร้านเทียนฝูกว่าครึ่ง ผักงามแถมหัวใหญ่ ก่อนจะนำบางส่วนที่ตนนั้ไต่แถววซื้อตั้งแต่ร้านเปิดออกมาให้กับบรรดาคนที่สัญจรผ่านไปมาได้ดู“อ่ะไม่เชื่อ ไม่เชื่อใช่มั๊ยดูสิ นี่!”“โอ้โห นะนี่เรื่องจริงงั้นหรือ เช่นนั้นข้าต้องรีบหน่อยแล้ว ขอบคุณเถ้าแก่”ผู้คนที่ล้อมเขาอยู่เมื่อครู่สลายหายไปในพริบตาเดียว ทันใดนั้นกู้ไห่ซินก็เดินมาหาพร
หมิงอี้ที่มานั่งหน้าโต๊ะบัญชีเองคู่กับอู๋ไป๋หลังจากที่เฉิงอี้อยู่ช่วยเสียครึ่งวันก็ขอตัวกลับไป อ้างว่ามีธุระเร่งด่วนต้องสะสางก่อนจากก็มิวายทิ้งทวนรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้นางใจเต้นอีกครา หมิงอี้ไล่สายตามาหยุดตรงรายชื่อหนึ่ง“หลานเย่หรง” หมิงอี้ครางในใจคนผู้นี้ซื้อร่วม 200 จิน นี่ผักเกือบ 100 กิโลกรัมคนผู้นี้เอาไปทำสิ่งใดกันนอ นี่นับว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่เลยนี่ ขอสวรรค์เมตตาลูกค้าซื้อไปแล้วติดใจกลับมาซื้ออีกเยอะ ๆ ทีเถิดสาธุ ๆ“ข้าเองเจ้าค่ะ”“เจ้าเองรึ”“เจ้าค่ะ ข้าเป็นสาวใช้ของฮูหยินมารับผักแทนเจ้าค่ะ นี่ตั๋วเจ้าค่ะ” สตรีรูปร่างสมส่วนใบหน้าหมดจรดกล่าวยิ้ม ๆ ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้ว่านางนั้นตื่นเต้นอยู่มิน้อย“อ่อ เป็นเช่นนี้ขอถามได้รึไม่นายหญิงเจ้าซื้อไปมากมายเพียงนี้ เอาผักข้าไปทำอันใดเช่นนั้นหรือ” หมิงอี้ด้วยความอยากรู้จึงเอ่ยถามออกไป“อ่อ คนตระกูลกู้เป็นครอบครัวใหญ่คนในตระกูลเยอะนักเจ้าค่ะ ฮูหยินของข้ามีใจที่จะซื้อไปเผื่อแผ่พี่น้องทุก ๆ คน อยากให้ได้กินของดี ๆ อีกทั้งผักของร้านเทียนฝูช่างน่าอัศจรรย์นักจึงคิดอยากให้คนในตระกูลได้ลิ้มลองกันทุกคนเจ้าค่ะ”“อืมเป็นเช่นนี้ฮูหยินช่างใจกว้างยิ่งนัก
“อื้ม นะนี่! อื้ม” อู๋ไป๋ที่ยกดื่มรวดเดียวพร้อมกำลังเคี้ยวไข่มุกตุ้ย ๆ ในปากครางออกมาเบา ๆ อย่างพอใจซึ่งไม่ต่างจากสหายคนอื่น ๆ ของนางและมารดาอย่างอี้เฟินหมิงอี้มองเหล่าสหายที่กำลังพักเหนื่อยจากการขายเปลี่ยนมาลองดื่มชานมไข่มุกของตนก็พึงพอใจยิ่งนัก เธอเผยยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคนดูบัญชีให้สหายทั้งสองได้ค่อย ๆ ดื่มชานมไข่มุกอย่างอร่อย“มาเลยเจ้าค่ะ คนต่อไปมาเลย” หมิงอี้ก้มดูบัญชีว่าบัดนี้ไล่ขายถึงลำดับที่เท่าใดแล้ว“...”หมิงอี้ที่ยังคงก้มหน้าก้มตามองบัญชีก็จำต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อพบสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อลูกค้าของตนเรียกแล้วไม่ขานรับ“แม่นาง ชื่ออะไรเล่าเจ้าค่ะ ขอดูตั๋วจองด้วยเจ้าค่ะ” หมิงอี้เงยหน้าขึ้นมองก็คนเป็นสายน้อยแรกรุ่นยืนบิดชายชุดที่สวมใส่ไปมา ท่าทางเขินอายกระมิดกระเมี้ยนช้อนสายตามองหมิงอี้ แต่เพียงหมิงอี้มองสบนางก็หลบสายตาจนหมิงอี้เอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่สงสัย“แม่นาง เป็นอะไรไปรึเจ้าคะ ท่านไม่สบายรึไม่ อู๋ไป๋ ๆ” หมิงอี้เมื่อเห็นจึงเรียกสหายรักให้เร่งมาดูสตรีตรงหน้า แต่เธอเอ่ยได้เพียงครึ่งคำก็ถูกนางเอ่ยละล่ำละลักแย้งขึ้นดวงตานั้นเบิกกว้างอย่างตระหนก“อะเอ่อ เถ้าแ
หมิงอี้ที่วิ่งมาถึงโรงเรือนก่อนก็รีบเปิดประตูอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นที่จะให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาไข่มุกที่ตนเองลงมือทำ“โอ๊ะ นี่ลืมไปเสียสนิท” หมิงอี้เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังขาดบางอย่างที่สำคัญไป และสำคัญอีกด้วยจึงหันไปหมายจะใช้ลู่อินที่เธอนั้นเรียกให้ตามมาดูในสิ่งที่เธอทำแฮ่ก ๆลู่อินที่มาถึงก็มีอาการเหนื่อยหอบเพราะตนนั้นกลัวเจ้านายจะเกิดหกล้มจึงเร่งวิ่งให้ทันเถ้าแก่สาว ‘หือ กลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ นี่มันอะไรกัน’ ลู่อินสูดจมูกดมกลิ่นที่ไม่ค่อยคุ้นเสียเท่าไหร่พร้อมทั้งมองซ้ายแลขวาเพื่อหาต้นตอของกลิ่นประหลาด ของหวานหรือขนมเช่นนั้นหรือ“ลู่อิน น้ำแข็งที่ซื้อเก็บไว้ใต้เรือนครั้งก่อนยังเหลืออยู่ใช่รึไม่”“ยังพอเหลืออยู่เจ้าค่ะ น่าจะเหลือใช้ถึงหน้าหนาวที่จะมาเลยแหละเจ้าค่ะ” ลู่อินตอบและนึกทึ่งที่เถ้าแก่ตนคิดรอบคอบครั้งก่อนนำคนงานออกไปตัดน้ำแข็งมาเก็บไว้ใต้เรือนทำให้หน้าร้อนทั้งร้านเทียนฝูก็มีน้ำแข็งเย็น ๆ พอดับกระหายร้อน“อืมเช่นนั้นเจ้าไปเอามาให้ข้าที อ่อลู่อินทุบ ๆ ให้แตกเป็นก้อนเล็ก ๆ มาให้ข้าด้วยนะ อืมลู่อินไปตามคนที่พอว่างงานมาอีกสักคนเถิดแล้วเอาถ้วยชามาให้ข้าทีขอมากหน่อยนะ” หมิงอี้ที่กำลังริ
คิดเช่นนั้นหมิงอี้ก็เปลี่ยนคิดทางการเดินมุ่งตรงไปยังโรงเรือนที่ตนใช้คลุกตัวคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ มือบางเปิดประตูไม้อย่างเบามือ ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ แขนเสื้อกว้างถูกนำเชือกมามัดก่อนจะนำมาคล้องคอเพื้อไม่ให้เกะกะการทำชาไข่มุกในครั้งนี้ของตน ดวงตาเปล่งประกายตื่นเต้นเมื่อคิดไปถึงรสชาติแปลกใหม่ที่ผู้คนที่อยู่ด้านนอกนั้นจะได้ลิ้มรสกัน“เอาล่ะชาไข่มุกในโลกอนาคตจะมาเสิร์ฟให้ทุกท่านได้ชิมแล้วนะบัดนี้ ฮ่า ๆ” มือบางปัดกันไปมาก่อนลงมือทำ“อยู่นี่ไง อืมยังพอเหลืออยู่แค่นี้ก็ได้” หมิงอี้ก้มลงหยิบแป้งข้าวเหนียวสีขาวออกมา พอดีกับน้ำอุ่นที่เธอมักอุ่นไฟไว้ชงชาถูกนำมาผสมเทผสม สองมือขาวเนียนละเอียดค่อย ๆ นวดแป้งไปมาจนน้ำแลแป้งเข้ากันเหนียวหนึบเป็นเนื้อเดียวกันจนได้เป็นก้อนขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไปออกมาก้อนหนึ่ง หมิงอี้มองดูก้อนแป้งที่ตนนั้นได้ออกมาหลังจากนวดไปมาอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจสักเท่าไหร่สีมันดูจืดชืดไปกระมังเช่นนั้น“อืม เอาอย่างนี้แล้วกันใส่ ๆ ไปหากอร่อยจะได้ทำขายไม่แน่เพื่อคนยุคนี้ชอบ ฮึ ๆ” หมิงอี้หยิบผลอิงเถาจากจานที่มารดามักนำมาวางไว้ในเธอเมื่อเห็นว่าเธอชื่นชอบมัน ขึ
“อะฮึ่ม” เฉิงอึ้ครั้นเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใดก็พลันชิงกระแอมขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ฮุ่ยเหอที่เตรียมทำความเคารพเขาหน้าตาตื่นนั้นต้องชะงัก พร้อมทั้งเปลี่ยนทีท่าในทันที เพียงเห็นท่าทีขององค์รัชทายาทเฉิงอี้เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าผู้คนที่รายล้อมพระองค์อยู่ในบัดนี้ไม่ร็สถานะแท้จริงของพระองค์ โดยหาร็ไม่ว่าเฉิงอี้นั้นหาได้ปกปิดฐานะตนกับเจ้าของร้านเทียนฝูแห่งนี้ไม่ อีกทั้งเปิดเผยแล้วหมิงอี้นางยังไม่มีทีท่าจะสนใจซ้ำจะปีนป่ายขึ้นมาเคียงข้างเจ้าของตำหนักบูรพาเฉกเช่นเขาไม่ ซึ่งเรื่องนี้เองฉฺงอี้ก็สงสัยอยู๋ไม่น้อยใต้หล้านี้ผู้ใดไม่หมายตาตำแหน่งพระชายาของเขากัน เห็นแต่มีเพียงนางที่ยังเห็นเขานั้นเป็นสหายเฉกเช่นสหายผู้อื่นของนาง เห็นได้ชัดว่าเขานั้นมากความสามารถแลมิได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใดไม่ เขาย่อมมั่นใจ! ว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นกับนางเป็นแน่“อ้าว ท่านผู้ตรวจการก็มารับผักในวันนี้งั้นรึ ได้จองไว้รึไม่เล่าฮึ” เฉิงอี้เอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบผู้คนเริ่มซุบซิบนินทากันไปใหญ่จนเกิดเสียงดังเซ็งซ่ขึ้น“อะเอ่อปะเปล่าพ่ะ เอ่อ ข้า ฮึ่มเพียงมาดูความสงบ อะฮึ่ม” เป็นฮุ่ยเหอที่จู่ ๆ ก็เกิดลิ้นเ