LOGINเมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอตื่นขึ้นมาในร่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ร่างกายอ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำ นี่คือร่างของ ซูเว่ยหราน สตรีอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมงในยุคจีนโบราณ! "นี่ไอ้คนแซ่หลี่ ข้าอยากตกลงกับเจ้าหน่อย บ้านเจ้ามีผู้ใหญ่มากมายแต่กลับให้ลูกข้าอายุแค่สีขวบไปรับจ้างหาเลี้ยง ข้าว่าเราหย่ากันเถอะ ลูกข้าจะเอาไปด้วย" "เจ้าไม่มีญาติที่ไหน เอาลุกไปลำบากกับเจ้าหรือ" "ถ้ามีญาติประสาแดกและเห็นแก่ตัวแบบบ้านหลี่เจ้า ข้ายอมโดดเดี่ยวดีกว่า" ซูเว่ยหรานเดินลงเขาไม่สนใจเขาอีก หลี่จื่อหานยืนงง เป็นนางที่วางยาเขาเพื่อได้แต่งงาน อยู่ๆบอกจะหย่าก็หย่าและยังจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง นี่ท่านย่าทุบนางจนสติผิดเพี้ยนไปแล้วหรือ
View Moreแคว้นต้าเป่ย
หมู่บ้านชาวประมง
ซูเว่ยหรานที่ตอนนี้พยายามลืมเปลือกตาที่หนักอึ้ง กำลังจะลุกก็รู้สึกแปลกไป ลุกไม่ไหวราวกับมีอะไรมาฉุดเอาไว้ ก่อนเอามือกุมขมับสองข้าง ความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามาราวกับเธอกำลังดาวโหลดข้อมูลใส่เมมโมรี่การ์ด
ในความทรงจำภาพสตรีโบราณอ้วนฉุคนหนึ่งที่ถูกวางยาให้หลับนอนผู้ชายคนหนึ่งและหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็แต่งงานกับเธอ ต่อมาไม่นานก็คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงออกมา แต่ยายอ้วนนี่ร้ายกาจมากนัก ชอบตบตีขโมยของจนเป็นที่รังเกียจและเอือมระอาแก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ว่าความร้ายกาจของยายนี่ก็มีสาเหตุมีที่มา
เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอหยิบกระจกทองเหลือที่เหลือเพียงเศษมาส่องดูใบหน้าถึงรู้ว่า เธอได้ตื่นขึ้นมาในร่างที่อ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำของสตรีคนนั้น
จากการประมวลผล นี่คือร่างของ ซูเว่ยหรานที่มีชื่อแซ่เดียวกับเธอ สตรีอ้วนอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมง เธอทะลุมิติมายังโลกอดีต ซูเว่ยหรานหมดแรงจะถือกระจก แขนสองข้างทิ้งลงข้างลำตัวอย่างท้อแท้เอ่ยรำพึงรำพัน
"ฮือๆ..พระเจ้าท่านทอดทิ้งลูกช้างหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ไปอยู่จวนขุนนางหรือบ้านเศรษฐี ทำไมต้องมาอยู่บ้านชาวประมงยากจนที่แทบไม่มีอะไรกินด้วย อีกทั้งยายนี่อ้วนจนเกือบจะร้อยโลได้กระมัง ฮือๆๆ สวรรค์ไม่มีจริง ฉันทำดีมาตลอดเลยนะ ฮือๆๆๆ"
ซูเว่ยหรานโอดครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตน เธอค้นพบว่าร่างเดิมของซูเว่ยหรานคนนี้นั้นไม่ได้เป็นที่รักของใครเลย นอกจากความอัปลักษณ์และนิสัยเกเรแล้ว ซูเว่ยหรานคนนี้ยังก่อเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า
นางกับสามีร่างเดิมมีสัมพันธ์กันเพียงคืนนั้นคืนเดียวกลับมำให้นางกับเขามีบุตรด้วยกันถึงสองคน ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
"โอ๊ย....เจ๊ อยากตายอีกรอบ ยายหมูตอนเธอนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ แล้วทำไมฉันต้องมารับกรรมด้วย แต่ก่อนยายนี่ก็พอดูได้อยู่หรอก แต่พอคลอดลูกก็เอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนเลยอ้วนยังหมูรอเชือดตอนตรุษจีน"
เมื่อนึกถึงสาเหตที่ทำให้ร่างเดิมตาย เมื่อวานฝนตกลมแรง ชาวบ้านออกไปเก็บอวนและทิ้งสมอเรือเพราะกลัวว่าเรือจะลอยออกทะเลไปไกล เรือคือสมบัติล้ำค่าของชาวประมง ทุกคนช่วยกันแต่สามีนางยังไม่กลับมา ทุกคนจึงออกไปตามทว่าซูเว่ยหรานคนนี้กลับขี้เกียจไม่ยอมไปช่วย
ยายแก่หลิวย่าเลี้ยงของหลลี่จื่อหานเลยเอามาเป็นข้ออ้างหาว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีตายจึงลงมือทุบตีจนนางสลบไป เพราะน้ำหนักมากจึงทำให้วิ่งหนีไม่ทัน ร่างเดิมจากไปเพราะถูกตีเข้าจุดสำคัญจนเธอได้เข้ามาอยู่แทน
"ยายหมูตอน เธอควรตอบแทนอะไรฉันบ้างนะที่ฉันต้องมาลำบากในร่างที่วีรกรรมร้ายกาจสุดแสนจะบรรยายอย่างเธอเนี่ย"
ซูเว่ยหรานยกกระจกทองเหลืองขึ้มาดูตัวเองอีกครั้ง สายตายังคงจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองด้วยความไม่เชื่อ ร่างอ้วนฉุและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยด่างดำนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกอย่างรุนแรง เธอพยายามนึกถึงความทรงจำของ ซูเว่ยหราน ร่างเดิมที่เธอเข้ามาสวมรอย
ซูเว่ยหรานคนเก่าเป็นสตรีที่เอาแต่ใจและเกียจคร้าน มักจะสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับครอบครัวของสามีขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ครืดดดด....ร่างอวบอ้วนหันขวับไปมอง นางพบกับหญิงวัยประมาณห้าสิบปีคนๆหนึ่งที่ส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีก
"ตื่นแล้วหรือนางหมูตอน....เจ้ายังไม่ตายอีกรึ!"
เสียงแหลมสูงของนางหลิวดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ซูเว่ยหรานเดาได้ทันทีว่านี่คือนางหลิวซื่อย่าเลี้ยงของสามีร่างเดิม เสียงแหลมบาดหูนั่นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก นางหลิวยังคงตวาดใส่หลานสะใภ้ไม่หยุด
"ยังจะมานอนเหมือนหมูตายอยู่อีก ไม่ไปหุงหาอาหาร คิดว่านอนอืดอยู่บนเตียงแล้วจะมีข้าวกินเองรึ!"
นางหลิวส่งเสียงตวาดลั่นบ้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห สายตาที่มองมาที่ซูเว่ยหรานเต็มไปด้วย ความรังเกียจอย่างชัดเจน ซูเว่ยหรานอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตอยู่ๆมีคนมาตวาดใส่ด่าหยาบคาย และการถูกด่าทอด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน อีกทั้งยังมีประสบการณ์จากการเป็นเจ้าของมินิมาร์ทที่ต้องรับมือกับลูกค้าสารพัดแบบมาก่อน ทำให้เธอตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
ร่างเดิมตอนที่แต่งงานมาใหม่ๆก็ไม่ได้ร้ายกาจ จนกระทั่งนางคลอดคู่แฝดนางหลิวอาศัยตอนที่หลี่จื่อหานไม่อยู่บังคับให้นางออกเดือนมาทำงานบ้าน ซูเว่ยหรานที่แต่เดิมบิดารัดดุจแก้วตาดวงใจ ถูกวางยาจนเสื่อมเสียและต้องมาแต่งงานกับชาวประมง จนวันหนึ่งบังเอิญได้เห็นหลี่ถงหรือหลิวถงลูกติดนางหลิวพูดคยกับบัณฑิตคนหนึ่งซูเว่ยหรานจึงรู้ว่าคนที่วางยาหลี่จื่อไหานทำให้นางต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้คือหลิวถง
ใบหน้าที่อัปลักษณ์อาจเพราะนางไม่ได้อยู่เดือนเต็มที่ คลอดบุตรออกมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ถูกยายแก่นี่ลากออกมาบังคับให้ทำงาน ซูเว่ยหรานจึงเริ่มต่อต้านและร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ นางร้ายกาจจนไม่มีใครกล้าเข้าใหล้ บางครั้งก็ตบตีกับหลี่ถงที่ชอบยั่วยุและถากถาง บางครั้งก็ตบตีกับแม่เฒ่าหลิวแต่นยางไม่ค่อยชนะเท่าไหร่เพราะอ้วนเกินไปมักเสียเปรียบ
ซูเว่ยหรานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ ดวงตาเรียวเล็กภายใต้ใบหน้าอวบอ้วนจ้องกลับไปที่ย่าสามีอย่างไม่ยอมแพ้ ร้ายมาร้ายกลับสิไหนๆยายเจ้าของร่างนี่ก็ไม่ใช่คนดีแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนยายแก่นี้ก็แค่ย่าเลี้ยงไม่ใช่ย่าจริงๆเสียหน่อย เธอจึงเอ่ยตอกกลับไปอีกอย่างไม่หวั่นเกรง
"เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ากำลังป่วยอยู่ เงินที่สามีข้าหามาก็ถูกยายแก่อย่างเจ้ายึดเอาไป แม้แต่จะซื้อยาให้ข้ายังไม่มี นี่ยายเฒ่าจะใช้งานคนอื่นก็หัดใช้คำพูดกับน้ำเสียงให้มันดีๆ”
"นางขี้ครอก แต่งากินอยู่บ้านคนอื่นมือไม่พาย งานการไม่ขยับสักนิด แกมันนางตัวไร้ค่า"
ซูเว่ยหรานที่ไม่จำเป็นต้องทำดีกับยายแก่นี่แต่อย่างใด เพราะปกติร่างเดิมก็ไม่ได้เคาระยายแก่นี่อยู่แล้วจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญ
"ยายแก่หลิว...คนป่วยน่ะนะ ควรจะได้พักผ่อนนอนให้เพียงพอ ไม่ใช่มานั่งฟังคนแก่ไม่มีมารยาทคอยโหวกเหวกโวยวายข้างหูน่ารำคาญ"
วันที่สามที่ออกเดินทางจากเมืองหลวงมาตามแม่น้ำเพื่อไปยังทะเลสาบ ก่อนจะไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของหมู่บ้านชาวประมง เนื่องจากบ้านที่พวกเขาเคยอยู่นั้นเข้าได้เพียงเรือลำเล็ก แต่ครั้งนี้พวกเขามากันกว่าสามร้อยชีวิตขบวนเรือจึงใหญ่โตเรือล่องไปตามกระแสน้ำ เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วไม้ดอกเริ่มแย่งกันเบ่งบานรับแสงอรุณ ดอกเหมยตามเชิงเขาออกดอกสะพรั่ง แดงบ้าง ขาวบ้าง ชมพูก็มี กลีบดอกลอยปลิวมาตามกระแสลมร่วงสู่ผืนน้ำเมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยิ่งทำให้เป็นภาพทิวทัศน์คล้ายกับอยู่บนสรวงสวรรค์จ้าวจื่อหานที่เพิ่งเอาเด็กๆ เข้านอนกลางวันก็ออกมาด้านนอก เห็นนางกำลังยืนมองไปเบื้องหน้า ร่างสูงเดินมาหาพร้อมกับเอาเสื้อคลุมของตนถอดออกแล้วคลุมให้นาง เขากอดนางจากทางด้านหลังโน้มตัวลงมาเกยคางกับไหล่มนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนรักใคร่"ดูอะไรอยู่หรือหรานหราน""มิวทัศน์สองข้างทางเพคะ ก่อนหน้าตอนที่ติดตามเสด็จพ่อกลับไปมิได้ชื่นชมสักเท่าไหร่ เพราะยามนั้นหม่อมฉันทั้งป่วยและกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพระองค์ แตว่ายามนี้เมฆหมอกอึมครึมหายไปจากชีวิตพวกเราแล้ว อะไรๆ ก็ดูงดงามไปหมด""งามมากหรือไม่""เพคะ? ...หรือว่าพระองค์ไม่
สามวันต่อมาซูเว่ยหรานและเด็กๆ ก็เตรียมตัวกลับไปเยี่ยมชาวบ้านที่หมู่บ้านชาวประมง จ้าวจื่อหานมองดูร่างระหงที่กำลังเตรียมพร้อม คู่แฝดนั่งเรียบร้อยรู้ความยิ่งนัก เสด็จแม่กำลังนำเครื่องเทศที่ต้องใช้กลับไปยังหมู่บ้านเพื่อสอนชาวบ้านถนอมอาหารซูเว่ยหรานกำลังตรวจว่ายังมีสิ่งใดอีกหรือไม่ นางก้มๆ เงยๆจดว่าสิ่งใดลงเรือไปแล้ว สิjงใดยังขาดอยู่จึงไม่ทันเห็นคนที่กำลังเดินมาทางนาง ร่างสูงสง่ามองดูสะใภ้ที่ขะมักขะเม้นก็ยิ้มให้กับบุตรชายที่กำลังคุมการขนข้าวของลงเรือ เถียนติงที่ยามนี้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำแคว้นก็มาช่วยขนข้าวของด้วยตนเองก่อนจะเอ่ยกับฮ่องเต้"ชายแดนระหว่างต้าเหยียนกับจิ้งเฉิงมีทะเลทอดแนวกั้นยาว ชาวบ้านที่อยู่ตามชายฝั่งหากสามารถหาอาหารรและแปรรูปสัตว์น้ำเหล่านั้นได้พวกเขาจะมีชีวิตที่ดี อนาคตก็จะค้าขายแลกเปลี่ยนกันไม่ต้องลำบากเช่นแต่ก่อนอีกพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท""แม่ทัพเถียน ท่านก็รู้สึกว่าสะใภ้ของเราเก่งใช่หรือไม่""ไท่จื่อเฟยทรงประปรีชายิ่งนัก พระนางมีความสามารถจริงๆพ่ะย่ะค่ะ ไท่จื่อช่างสายพระเนตรแหลมคมยิ่งนัก""อืม....แม้ว่าจะมาแบบไม่ตั้งใจ แต่เราเชื่อว่านี่คือความตั้งใจของสวรรค์ที่ส่งนางม
ผ่านมาเป็นวันที่เจ็ดแล้วที่ซูเว่ยหรานนอนหลับ จ้าวจื่อหานนั่งเฝ้านางไม่ห่างสักวัน เขาป้อนยาและเช็ดตัวให้กับนาง จ้าวจื่อหานคอยบีบนวดให้กับนาง เขาเริ่มวิตกกังวลเพราะว่าใต้ซือหยวนคงบอกว่าอย่างเร็วสามวันอย่างช้าเจ็ดวัน นี่วันที่เจ็ดแล้วนางยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นร่างสูงลุกไปเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า ซูเว่ยหรานที่นอนหลับเริ่มมีปฏิกิริยา นางเริ่มที่จะรู้สึกตัวแต่ยังคงเพลียอยู่ เปลือกตาคู่บางขยับเล็กน้อยจากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นมา ในหัวที่เคยรู้สึกตื้อๆ หนักๆ อาการเหมือนกับมีอะไรอยู่ในศีรษะตลอดเวลาหายไปแล้ว ยามนี้นางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป่า ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเรียกร่างสูงเบาๆ"ไท่จื่อเพคะ"จ้าวจื่อหานหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะก้าวสองทีก็มาถึงเตียง เขาทิ้งสะโพกนั่งลงบนขอบเตียงก่อนจะคว้ามือบางเอามากุมเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงดีใจ"หรานหรานของพี่ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที พี่เป็นห่วงยิ่งนัก เจ้าหลับไปถึงเจ็ดวันเชียวนะคนดี""หม่อมฉันหลับไปนานเพียงนั้นเชียวหรือเพคะ ทำพระองค์ลำบากแล้ว"จ้าวจื่อหานประคองนางลุกขึ้นมานั่ง เอาหมอนรองหลังให้นางพิงพนักหัวเตียงก่อนจะจับปอยผมของนางทัดหูให้เบามือ เขากุมม
ซูเว่ยหรานพักอยู่สองวันก่อนที่จะเริ่มแช่สมุนไพรอีกรอบ ครั้งที่สองที่ฝังเข็มเหงื่อที่ขับออกมาเริ่มสีดีขึ้นไม่ดำเหมือนครั้งแรก ทุกๆวันจ้าวจื่อหานรีบไปประชุมเช้าจากนั้นก็กลับมาหานาง เซียวอี้ยามนี้ขอฮ่องเต้ลาออก เขาใช้เวลาเลี้ยงคู่แฝดและดูแลบุตรสาว ส่วนซูหานสู่ขอหลี่เย่าฟางเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนจะแต่งงานนกันลังจากานแต่งของถังเปียวกับหลี่เย่วถิงวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะฝังเข็มให้กับซูเว่ยหราน นางเริ่มไม่เจ็บปวดแล้วแต่ยังคงมีอาการอ่อนเพลียเพราะทุกครั้งที่ฝังเข็มเหมือนกับดึงวิญญาณนางออกจากร่าง จ้าวจื่อหานมองคนที่หลับใหลอย่างสงสาร นางแช่สมุนไพรและฝังเข็มครบสามครั้งแล้ว เหลือเพียงแค่ดึงเข็มทองออกเท่านั้น ด้านนอกเซียวอี้มาหาเขา"ไท่จื่อ...นายท่านเซียวมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ""บอกว่าเดี๋ยวข้าออกไป"องครักษ์รับคำสั่งก่อนจะออกไปบอกตามที่เขาสั่ง มือหนาห่มผ้าให้กับนางจากนั้นก็เดินออกไปพบเซียวอี้ เมื่อออกมาก็เห็นเขาพาคู่แฝดมาด้วย จ้าวจื่อหานกางแขนให้เด็กทั้งสองวิ่งมาสวมกอดก่อนจะเอ่ยถามทั้งคู่"ดื้อกับท่านปู่ทวดและท่านตาหรือไม่""ลูกไม่ดื้อเพคะ เสด็จแม่ไม่สบายลูกต้องเป็นเด็กดี เสด็จแม่จะได้หายประชวรไ
เจ็ดวันต่อมาใต้ซือหยวนคงเตรียมสมุนไพรกว่าร้อยสี่สิบเก้าชนิดครบแล้ว ให้น้องอาบน้ำที่สร้างขึ้นสำหรับรักษาซูเว่ยหรานโดยเฉพาะ ผนังห้องปิดสนิทด้วยแผ่นไม้ไร้อากาศผ่านเข้าออก ถังแช่ตัวถูกสร้างให้ใหญ่กว่าเจ็ดฉื่อและสูงเกือบสามฉื่อเพื่อให้นางได้นั่งเหยียดขาอย่างสบายที่สุดถังถูกตั้งบนเตาที่สร้างอย่างแข็งแรง สมุนไพรใช้เวลาต้มมาเจ็ดวันแล้ว ตอนนี้ซูเว่ยหรานสวมผ้าสีดำสนิทพันช่วงอกลงมาเปลือยไหล่มน เรือนผมนุ่มนวลถูกรวบมวยสูงไว้ตรงกลางศีรษะด้านบนไร้เครื่องประดับ สาวใช้เติมน้ำเย็นลงไปในถังครึ่งหนึ่งอุณหภูมิของน้ำอุ่นพอเหมาะ ฟืนใต้เตาถูกถอนออกเหลือเพียงท่อนเดียวเพื่อให้น้ำไม่ลดอุณหภูมิลงจ้าวจื่อหานอุ้มร่างบางมาที่ถังก่อนจะค่อยๆ หย่อนนางลงไป ซูเว่ยหรานนั่งเหยียดขาหลับตาแช่น้ำสมุนไพรนางเอ่ยกับสามี"ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันจะไม่ถูกตุ๋นจนเนื้อเปื่อยใช่หรือไม่เพคะ""เด็กดื้อ...ที่ต้องใส่ฟืนในเตาเพื่อรักษาความร้อนของน้ำสมุนไพรให้คงที่ เอาล่ะนั่งดีๆ พี่อยู่กับเจ้าด้วยไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปหรอกน่ะ""โอ่ว.....ก็ได้เพคะ"ซูเว่ยหรานนั่งหลับตาอุณหภูมิของน้ำเริ่มที่จะอุ่นขึ้น จ้าวจื่อหานคอยเติมน้ำเย็นทีละถัง ต้องแช่
จ้าวจื่อหานกลับมาจากในวังก็ไปหาคู่แฝดก่อน ครึ่งเดือนมานี้เขาใช้เวลากับอาการป่วยของภรรยามากเกินไปจนแทบจะละเลยเด็กทั้งสอง เมื่อมาถึงกลับเห็นซูเว่ยเป็นนกำลังนั่งวาดรูปอยู่กับคู่แฝด จ้าวหนิงซินนอนคว่ำเท้าคางมองดูพระมารดาวาดตัวการ์ตูน จ้าวเจิ้นหยวนกำลังวาดรูปทิวทัศน์ป่าไผ่ จ้าวหนิงซินเอ่ยถามพระมารดา"เสด็จแม่ทรงวาดรูปอะไรหรือเพคะ""เขาเรียกว่าแมวคิตตี้ ซินซินของแม่ลูกชอบหรือไม่""ชอบเพคะ""ถ้าลูกชอบแม่จะวาดลายนี้ปักลงบนผ้าเช็ดหน้าดีไหม""ดีเพคะ..ท่านพี่....ท่านวาดรูปป่าไผ่งามมากเลยเจ้าค่ะ"เด็กน้อยตอบรับคำมารดาก่อนจะหันไปชมพี่ชาย จ้าวเจิ้นหยวนในวัยหกขวบท่าทางสง่างามราวกับบัณฑิต เขาเงยหน้าเล็กน้อยยิ้มให้น้องสาว ก่อนที่สายตาจะเหลือบเห็นพระบิดาจึงเอ่ยขึ้น"เสด็จแม่ น้องหญิงเสด็จพ่อมาแล้ว"มือที่วาดรูปวางพู่กันลงก่อนจะลุกขึ้นเดินลงมาจากศาลา จ้าวหนิงซินก็ลุกขึ้นเดินตามพี่ชายลงมา ก่อนที่คู่แฝดจะซอยเท้าคู่เล็กวิ่งกางแขนมาหาจ้าวจื่อหาน"เสด็จพ่อทรงมาแล้ว ลูกคิดถึงยิ่งนักเพคะ"จ้าวจื่อหานก้มลงอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นมาคนละข้างและหอมแก้ม จ้าวหนิงซินหอมพระบิดากลับ แต่พี่ชายเขินอายเพราะเป็นบุรุษ"ท










![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

Comments