เมืองใหม่ตงไห่ หลี่หลงหลินกำลังวางแผนสร้างเรือนพักเพิ่มเติม ราษฎรผู้อพยพที่เดินทางมายังเมืองใหม่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เมืองใหม่เองก็ต้องพิจารณาเรื่องการขยายอาณาเขตแล้ว องครักษ์นายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่หลงหลินชะงัก วางพู่กันและหมึกลง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?” เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ องครักษ์หอบหายใจ เอ่ยว่า “เมื่อครู่ฝ่าบาทเสด็จออกไปพร้อมกับท่านพระเชษฐภาดาพ่ะย่ะค่ะ” หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเขาสองคนออกไปทำอันใด?” หลี่หลงหลินคิดแล้วคิดเล่าก็นึกไม่ออกว่าหลู่จงหมิงกับฝ่าบาทออกไปข้างนอกจะทำเรื่องดีอันใดได้ องครักษ์เอ่ยเสียงขรึม “วันนี้ท่านพระเชษฐภาดามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่จวนกะทันหัน บอกว่าเกรงฝ่าบาทจะทรงเบื่อหน่ายที่ประทับในจวนหลายวันนี้ จึงชวนพระองค์ออกไปสถานเริงรมย์ฟังดนตรีขับกล่อม เพื่อคลายความอัดอั้นพระทัย” “เหมือนจะบอกว่าไปหอที่ชื่อหอละอองฝนอะไรสักอย่าง ตามหาแม่นางหลิงเอ๋อร์ รายละเอียดหลังจากนั้น ข้าน้อยก็ไม่ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ...” หลี่หลงหลินพึมพำ “แม่นางหลิงเอ๋อร์?” แม้ว่าตอนนี้ต
ฮ่องเต้หวู่ทรงเสด็จเพียงลำพังในอุทยานหลวงด้านหลัง ทอดสายตามองเหล่าบุปผชาติที่ประชันโฉมเบ่งบาน ในใจรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง เว่ยซวินรีบเดินเข้ามา คารวะพลางทูลว่า “ฝ่าบาท ท่านพระเชษฐภาดามาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ฝีเท้าของฮ่องเต้หวู่ชะงักงัน แล้วทรงตรัสถามอย่างประหลาดใจ “พระเชษฐภาดามาทำอันใด?” เว่ยซวินส่ายหน้า แล้วเอ่ยว่า “บ่าวมิทราบพ่ะย่ะค่ะ ทราบเพียงว่าตั้งแต่ฝ่าบาทเสด็จมาถึงตงไห่ ยังมิได้มาเข้าเฝ้าเป็นการเฉพาะ จึงตั้งใจมาเข้าเฝ้าในครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่โบกมือ แล้วตรัสอย่างจนใจ “ให้เขาเข้ามาเถิด” การมาของพระเชษฐภาดาคงไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องที่ดินห้าแสนหมู่นั่น ที่ทำให้เราปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก แต่เมื่อเจ้าเก้าตัดสินใจไปแล้ว เราก็มิอาจทำอันใดได้ ครู่ต่อมา หลู่จงหมิงก็ตามเว่ยซวินเข้ามาในอุทยานหลวงด้านหลัง เมื่อหลู่จงหมิงเห็นฮ่องเต้หวู่ก็รีบถวายบังคม “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงขรึม “ลุกขึ้นเถิด” หลู่จงหมิงค่อยๆ ลุกขึ้น ใบหน้าเจือรอยประจบประแจงเล็กน้อย ฮ่องเต้หวู่เหลือบมองหลู่จงหมิง แล้วตรัสว่า “พระเชษฐภาดา หากเจ้ามาเพราะเรื่องที
บนเรือลำใหญ่ ลมทะเลสายหนึ่งพัดผ่าน ใบเรือโบกสะบัดพลิ้วไหวตามลมองค์หญิงใหญ่มีสีหน้าเย็นเยียบ “ท่านลุง ฉวยโอกาสที่ฮ่องเต้หวู่ยังอยู่ที่ตงไห่ ตอนนี้ท่านยังมีโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกกระดาน”หลู่จงหมิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กล่าวเสียงสั่นว่า “โอกาสสุดท้ายที่จะพลิกกระดานหรือ? จะพลิกได้อย่างไร โปรดองค์หญิงใหญ่ชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”องค์หญิงใหญ่ตรัสเสียงเคร่งขรึมว่า “ลอบสังหารฮ่องเต้หวู่ แล้วโยนความผิดเรื่องนี้ไปให้เจ้าเก้า”“อะไรนะ!” ในดวงตาของหลู่จงหมิงฉายแววตื่นตะลึงหลังจากสิ้นเสียง นอกห้องโดยสาร ลมฝนก็โหมกระหน่ำ ฟ้าแลบหลู่จงหมิงพยักหน้าเล็กน้อย จมอยู่ในภวังค์ความคิดการลอบสังหารฮ่องเต้หวู่คือโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต หากเรื่องถูกเปิดโปงขึ้นมาเมื่อใด ก็ยากจะหนีพ้นภัยพิบัติ!แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้ตนไม่ทำอะไรเลย ยอมจำนนรอความตาย สุดท้ายก็เป็นหนทางสู่ความตายอยู่ดีตอนนี้ทรัพย์สินกิจการทั้งหมดของตระกูลหลู่ถูกหลี่หลงหลินหลอกเอาไปหมดแล้ว เงินในบัญชีของจวนเหลืออยู่เพียงร้อยตำลึง คนกว่าร้อยชีวิตทั้งจวนพระเชษฐภาดาล้วนต้องใช้เงินสำหรับค่ากินค่าอยู่ค่าใช้จ่าย ตอนนี้ไร้ซึ่งทรัพย์สินตระกูลแล้ว หล
องค์หญิงใหญ่กำลังจิบชาหอมในมือ เมื่อเห็นหลู่จงหมิง ก็เหลือบตามองขึ้นเล็กน้อย “ท่านลุง ท่านมาได้อย่างไร?”หลู่จงหมิงมีสีหน้าประจบประแจง “ไม่ได้พบกันนาน จึงมาเยี่ยมเยียนท่านเสียหน่อย มาพูดคุยรำลึกความหลัง”องค์หญิงใหญ่แค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องพูดจาห่างเหิน คงไม่ใช่เพราะเจอเรื่องยากลำบากอะไรเข้าอีกแล้วกระมัง?”หลู่จงหมิงชะงักไป หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่มีเรื่องใดรอดพ้นสายตาของท่านไปได้จริงๆ ลุงเจอปัญหาจริงๆ จึงคิดจะมาหาท่านเพื่อปรึกษาหารือวางแผน”องค์หญิงใหญ่วางถ้วยชาในมือลง กล่าวเสียงเรียบว่า “ว่ามาเถิด พบเจอปัญหาอันใดอีก? หรือว่าเกี่ยวข้องกับหลี่หลงหลินอีกแล้ว?”หลู่จงหมิงพอได้ยินชื่อของหลี่หลงหลิน ในใจก็พลันเดือดดาลด้วยโทสะ!“องค์หญิงใหญ่ เจ้าหลี่หลงหลินนี่ ตอนนี้มันชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว! มันถึงกับอ้างเรื่องการแลกเปลี่ยนที่ดิน แลกเอาที่นาชั้นดีอันอุดมสมบูรณ์ในตงไห่ของพวกเราไปจนหมด! นั่นล้วนเป็นรากฐานของตระกูลหลู่ของพวกเรานะพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงใหญ่ตะลึงงันทันที “แลกเปลี่ยนที่ดินหรือ”หลู่จงหมิงอธิบายเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดให้องค์หญิงใหญ่ฟัง
เหล่าผู้อพยพซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก ต่างพากันคุกเข่าลงคำนับ“องค์รัชทายาท! การได้พบท่านนับเป็นวาสนาสามชาติของข้าโดยแท้ บุญคุณนี้ชั่วชีวิตก็ไม่อาจตอบแทนได้หมดสิ้น!”“มีที่ดินผืนนี้ ข้าก็มีบ้านแล้ว ไม่ต้องร่อนเร่พเนจรไปทั่วสารทิศอีกต่อไป! ต่อไปตงไห่ก็คือบ้านของข้า!”“...”หลี่หลงหลินกล่าวเสียงขรึมว่า “เมืองใหม่มีรูปลักษณ์เช่นปัจจุบันนี้ได้ ไม่ใช่ความดีความชอบของข้าเพียงผู้เดียว แต่ยังเป็นความดีความชอบของพวกเจ้าด้วย ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถมองเมืองใหม่นี้เป็นบ้านของตนเองได้อย่างแท้จริง”ดวงตาของหลิวเกินเซิงพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา น้ำตาขุ่นสายหนึ่งไหลผ่านแก้ม “องค์รัชทายาท! บุญคุณถึงเพียงนี้ ชั่วชีวิตข้าก็ยากจะตอบแทนได้หมดสิ้น!”หลี่หลงหลินก้าวไปข้างหน้า ประคองหลิวเกินเซิงให้ลุกขึ้น “ขอเพียงพวกเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เป็นอย่างดี ก็สำคัญกว่าเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น ตอนนี้การก่อสร้างเมืองใหม่เพิ่งจะเริ่มต้น ต่อไปยิ่งเป็นเวลาที่ต้องการให้พวกเจ้าแสดงฝีมืออย่างเต็มที่”หลิวเกินเซิงพยักหน้า ในดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ......จวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงนับตั้งแต่กลับมาจากจวนอ๋อง ก็เอาแต่นั่งอยู่ใน
...ณ ใจกลางเมืองใหม่ตงไห่ลานกว้างที่เดิมทีว่างเปล่า บัดนี้กลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจนเต็มพื้นที่หลิวเกินเซิงกวาดตามองไป เห็นศีรษะผู้คนเคลื่อนไหวขวักไขว่ ต้องออกแรงทั้งหมดที่มี กว่าจะเบียดเสียดมาถึงแถวหน้าสุดได้ทันใดนั้น ร่างที่คุ้นตาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาเพียงเห็นหลี่หลงหลินสวมชุดปักลายหม่าง ดูองอาจผึ่งผาย ก้าวเดินเข้ามาพอหลี่หลงหลินปรากฏตัว กลุ่มคนที่เดิมทีเสียงดังจอแจก็เงียบกริบลงในทันใด ต่างคุกเข่าลงคำนับบนลานกว้างเหลือเพียงเสียงลมหายใจของเหล่าชาวบ้านอพยพ เงียบสงัดจนกระทั่งเสียงเข็มตกก็ยังได้ยินในสายตาของผู้อพยพ การที่ตนสามารถมีชีวิตเช่นนี้ได้ในปัจจุบัน ล้วนเป็นเพราะหลี่หลงหลินประทานให้หลี่หลงหลินกล่าวเสียงเรียบว่า “ลุกขึ้นเถิด ข้ามีเรื่องจะกล่าวกับพวกเจ้า”ใบหน้าของผู้อพยพเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้หลิวเกินเซิงขยับเข้าไปอยู่ด้านหน้าสุด เอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท มีเรื่องอันใดเร่งด่วนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลี่หลงหลินชูโฉนดที่ดินปึกหนาในมือขึ้น กล่าวว่า “นี่คือที่นาชั้นดีอันอุดมสมบูรณ์ของตงไห่ ทว่าตอนนี้ไร้คนเพาะปลูก ข้าจะแบ่งที่ดินเหล่านี้ให้พวกเจ้า”“แบ่งที่ดิน?!”เหล
ฮ่องเต้หวู่นิ่งอึ้งไปในทันที ในแววตาฉายแววตื่นตะลึง “เจ็ดสิบปี? เวลามันจะไม่นานเกินไปหน่อยหรือ หากมองตามประวัติศาสตร์ แม้แต่ราชวงศ์ที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด จะมีสักกี่ราชวงศ์กันที่อยู่ได้ถึงเจ็ดสิบปี?”หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย ทูลว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้พระองค์อาจยังไม่ทรงทราบ ระยะเวลาเจ็ดสิบปีนี้มิใช่สิ่งที่ลูกกล่าวขึ้นมาพล่อยๆ แต่เป็นผลลัพธ์ที่ได้มาหลังจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“สาเหตุหลักที่แบ่งที่ดินให้ชาวบ้าน ก็เพราะตงไห่ต้องการการพัฒนา และการพัฒนาก็ต้องการคน ทว่าตอนนี้ชาวบ้านอพยพเหล่านี้เปรียบเสมือนจอกแหนไร้ราก ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยอยู่ในหอพักของเมืองใหม่ สุดท้ายก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาอยู่ดี”“ตอนนี้ผู้อพยพเหล่านี้ก็เหมือนต้นไม้ หากไม่มีผืนดิน ก็ไม่อาจหยั่งราก ยิ่งไม่อาจเติบโตเป็นไม้ใหญ่เสียดฟ้าได้ ขอเพียงมีที่ดิน ชาวบ้านก็จะสามารถหยั่งรากในตงไห่ พัฒนาตงไห่ได้”“เจ็ดสิบปีคือเวลาที่เพียงพอสำหรับการสร้างตัวสร้างฐานะของบรรพบุรุษสามชั่วอายุคนพอดิบพอดีพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ทำตามที่เจ้าว่าเถิด ข้าไม่มีความเห็นใดๆ”...เมืองใหม่ตงไห
ทุกคนพยักหน้าเงียบๆ ไม่กล้าเอ่ยคำใดให้มากความหลี่หลงหลินโบกมือ กล่าวเสียงขรึมว่า “ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้านแล้ว ก็ออกไปเถิด ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องหารือกับเสด็จพ่อ”เหล่าตระกูลขุนนางและคหบดีต่างกลัวหางจุกก้น ล่าถอยออกจากจวนอ๋องไปอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่ครึ่งเค่อหลี่หลงหลินถือโฉนดที่ดินปึกหนา เดินไปเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ “เสด็จพ่อ ตอนนี้พวกเราก็มีที่ดินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ช่างเหนือความคาดหมายของข้าอยู่บ้าง จับเสือมือเปล่าได้ดีนัก!”หลี่หลงหลินแย้มสรวลพลางทูลว่า: “เสด็จพ่อ ลูกหาได้จับเสือมือเปล่าไม่ อย่างไรเสียลูกก็ได้มอบที่ดินนับร้อยเท่าให้พวกเขาไปจริงๆ และนี่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนโดยสมัครใจของพวกเขาเองพ่ะย่ะค่ะ”แววพระเนตรของฮ่องเต้หวู่จับจ้องแน่วแน่ ตรัสว่า “ในเมื่อตอนนี้เจ้ามีที่ดินมากมายถึงเพียงนี้ จะเปลี่ยนที่ดินให้เป็นเงินได้อย่างไร? เพราะข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าที่ดินไม่อาจกลายเป็นเงินขึ้นมาลอยๆ ได้ มีเพียงเปลี่ยนเป็นเงินแล้ว เจ้าจึงจะมีทุนพัฒนาสร้างกองเรือ แล่นเรือออกไปค้นหาทวีปใหม่ได้”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “เสด็จพ่อ เรื่องนี้พระองค์อาจยัง
เหล่าขุนนางและคหบดีที่อยู่ที่แห่งนั้นล้วนเจ็บปวดใจและขุ่นเคืองอย่างยิ่ง จ้องมองหลี่หลงหลินเขม็งดุจพยัคฆ์จ้องตะครุบเหยื่อหลี่หลงหลินแย้มยิ้มบางเบา ส่งสายตาให้ซูเฟิ่งหลิงซูเฟิ่งหลิงเข้าใจในทันที กุมกระบี่ประจำกาย ก้าวออกไปข้างหน้า ตะโกนใส่เหล่าขุนนางในที่นั้นว่า “บนโฉนดที่ดินนี้มีตัวอักษรขาวดำเขียนไว้ชัดเจน หรือคิดจะปฏิเสธไม่ยอมรับอีก?”ซูเฟิ่งหลิงสวมเกราะเงิน ท่วงท่างามสง่าองอาจ แผ่จิตสังหารอันแรงกล้าออกมาเหล่าทหารตระกูลซูติดตามมาติดๆ แสดงท่าทีคุกคามน่าสะพรึงกลัวหลู่จงหมิงเพิ่งจะตระหนักได้ในตอนนี้เองนี่มันงานเลี้ยงลวงมาฆ่าชัดๆ!เขาคือมีดเขียง ส่วนข้าคือเนื้อปลา!ฮ่องเต้หวู่เป็นเพียงฉากบังหน้าการกระทำทั้งหมดของหลี่หลงหลินล้วนได้รับความเห็นชอบอย่างเงียบๆ จากฮ่องเต้หวู่ ฮ่องเต้หวู่มิได้ตรัสอันใดเลยแม้แต่คำเดียวตั้งแต่ต้นจนจบหลู่จงหมิงเงยหน้ามองไป เพียงเห็นฮ่องเต้หวู่หรี่ตามองต่ำ เก็บงำสีหน้า ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนหลู่จงหมิงลอบสาปแช่งในใจข้าผู้เป็นถึงพระเชษฐภาดา ปกติอยู่ที่ตงไห่บัญชาการลมฝน มีอิทธิพลยิ่งนัก บัดนี้กลับปล่อยให้เจ้าหลี่หลงหลินมาเหยียบย่ำข้าได้อย่