หยุนเจิงทะลุมิติมาเป็นองค์ชายหกแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน เขาไม่ชิงบัลลังก์ ไม่ร่วมแก่งแย่งอำนาจในวัง เขาอยากเป็นเพียงเจ้าหกที่กุมอำนาจทหารอย่างสบายใจเฉิบเท่านั้น! มีอำนาจทหารอยู่ในมือ ใต้หล้านี้ล้วนเป็นของข้า! จักรพรรดิเหวิน: เจ้าหก พวกเสด็จพี่ทั้งหลายของเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม ให้พ่อยืมกำลังพลทหารแสนนายมาจัดการพวกเขาที! องค์รัชทายาท: น้องหก มีอะไรพวกเราคุยกันดีๆ อย่านำกองกำลังทหารมาข่มขู่พี่ชายเจ้าเลยนะ! ขุนนางใหญ่: องค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ ท่านรู้สึกว่าบุตรสาวคนเล็กของกระหม่อมนั้นเป็นอย่างไร
View More“ฮะ?”จักรพรรดิเหวินตกตะลึงนี่ใช้สำหรับอาบน้ำงั้นหรือกลิ่นของสิ่งนี้คล้ายกับกลิ่นขนมไหว้พระจันทร์ชัดๆกลิ่นดอกไม้แรงมากคงจะใส่ดอกไม้เพิ่มระหว่างการผลิตทำไมถึงกลายเป็นว่าสามารถใช้อาบน้ำได้ล่ะหยุนเจิงผลิยิ้มบางๆ และอธิบายว่า “ทั้งลูกและลั่วเยี่ยนเราทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น กลัวว่าขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำมาแบบลวกๆ จะไม่อร่อย ทำให้เสด็จพ่อและทุกคนเสียอารมณ์ จึงเลือกอย่างอื่นมาแทน ตั้งใจจะถวายให้กับเสด็จพ่อ““เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่สามมาที่จวนของลูก บังเอิญรู้เข้าว่าลั่วเยี่ยนทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น จึงช่วยทำเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ลูกและลั่วเยี่ยนต้องเสียหน้า”“แต่ลูกไม่กล้าหลอกลวงเสด็จพ่อ และไม่อยากรู้สึกไม่ดีที่ต้องปฏิเสธน้ำใจของพี่สาม ก็เลยเก็บขนมไหว้พระจันทร์ไว้ ตั้งใจว่าจะเอากลับไปกินเอง ขนมไหว้พระจันทร์ที่พี่สามมอบให้ ลูกยังวางไว้ที่นั่น...”ขณะที่พูด หยุนเจิงก็กระวีกระวาดไปเอาขนมไหว้พระจันทร์ที่หยุนลี่ส่งมาเมื่อมองดูขนมไหว้พระจันทร์ในมือของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินก็ขมวดคิ้วอีกครั้งหัวใจของหยุนถิงก็เต้นแรงเช่นกันทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองอาจตกหลุมพรางแล้ว!“เ
ยังดีที่เขาเชื่อถวายสบู่ ยังดีกว่าต้องมาหวาดกลัวลนลานต่อให้หยุนเจิงถวายสบู่แล้วผิดประเพณี แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้หลอกกษัตริย์อีกอย่าง อีกไม่นานหยุนเจิงก็จะไปซั่วเป่ยแล้ว ต่อให้เสด็จพ่อจะตำหนิลงโทษเขา ก็คงไม่ลงโทษถึงขั้นรุนแรงเมื่อคิดได้เช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”และในตอนีที่พวกเขากำลังถวายสบู่อยู่นั้นเอง องค์ชายสี่หยุนถิงก็ลุกพรวดขึ้นหือ?จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงเล็กน้อย มองหน้าหยุนถิงด้วยความสงสัย ก่อนจะโบกพระหัตถ์พลางกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ ข้าต้องการชมพระจันทร์และดื่มด่ำไปกับพวกเจ้าเท่านั้น ไม่พูดถึงเรื่องบ้านเมือง หากเจ้ามีเรื่องอันใดก็ค่อยว่ากันในท้องพระโรงวันพรุ่ง!”หยุนถิงส่ายหน้าและยืนหยัดที่จะกล่าว “เสด็จพ่อ เรื่องที่ลูกจะกราบทูลนี้ เกรงว่าไม่อาจกราบทูลในวันพรุ่งได้พ่ะย่ะค่ะ”เช่นนั้นหรือ?จักรพรรดิเหวินไม่พอพระทัย ตรัสอีกว่า “งั้นเจ้าก็ว่ามา มีเรื่องอันใดจะกราบทูลข้า?”หยุนถิงโค้งคารวะก่อนจะกล่าวว่า “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ขนมไหว้พระจันทร์ที่น้องหกถวาย พระชายาของน้อง
ในสวนหลวงถูกจัดแต่งกลายเป็นงานเลี้ยงอย่างรื่นเริงเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางจำนวนไม่น้อยมาถึงแล้วเมื่อเห็นหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนมาถึง คนจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น“น้องหก อีกไม่กี่นานก็จะเดินทางไปซั่วเป่ยแล้ว เจ้าไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก”“องค์ชายหก ไปซั่วเป่ยครานี้ ถนอมตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“น้องสะใภ้ น้องหกต้องมอบให้เจ้าเป็นคนดูแลแล้ว เจ้าต้องปกป้องน้องหกให้ดีนะ ข้าในฐานะพี่ต้องขอบใจเจ้าแล้ว”“องค์ชายหก คืนนี้ต้องดื่มกันสักหน่อยแล้ว……”ทันใดนั้น ทั้งสองก็ดูเหมือนจันทราที่อยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมของดวงดาราก็มิปานเผชิญหน้ากับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดที่จะสับสนมึนงงไม่ได้สถานการณ์ไม่เหมือนกับที่นางได้จินตนาการเอาไว้เลย!นางยังคิดด้วยซ้ำว่าวันนี้คงหลีกหนีไม่พ้นการเยาะเย้ยของคนเหล่านี้!ในฐานะพระชายา นางเตรียมพร้อมรับมือและตอบโต้กับคนเหล่านี้มาแล้วด้วยซ้ำแต่สุดท้าย นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ คนเหล่านี้จะเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเช่นนี้ความกระตือรือร้นอย่างน่าประหลาดใจนี้ ทำให้นางตั้งรับไม่ทันเลย
หยุนเจิงเข้าใจการขยิบตาของเขา จึงเดินไปหาหยุนลี่ทันทีเสิ่นลั่วเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามไปเช่นกันนางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหยุนเจิงจะถูกทำลายความฝันอย่างไร้ความปรานีลงเช่นไร!ภายใต้การนำทางของหยุนลี่ ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาในที่ที่ลับตาคนหยุนลี่ฝืนเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ และยื่นเงินปึกใหญ่ตรงหน้าหยุนเจิง “น้องหก เงินหนึ่งแสนตำลึง เจ้าลองนับดู”ห๊ะ?เมื่อเห็นหยุนลี่ยื่นเงินให้หยุนเจิงเช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นสองคนนี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร!คนหนึ่งก็กล้าเอ่ยปากยืม อีกคนหนึ่งก็กล้ายื่นเงินหนึ่งแสนตำลึงให้ยืมนี่พวกเขากำลังฝันอยู่หรือว่านางกำลังฝันอยู่กันแน่นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?หยุนลี่กลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?นี่เรียกว่ายืมที่ไหนกันเล่า!เห็นได้ชัดว่าเอาเงินหนึ่งแสนตำลึงมาให้ฟรีๆ“ไม่ต้อง ไม่ต้องนับหรอก ข้าเชื่อใจพี่สาม!”หยุนเจิงหรี่ตายิ้มพลางรับเงินนั้นมา “ต้องขอบคุณพี่สามแล้ว!”เขาเชื่อว่าหนุนลี่ไม่กล้าให้เงินเขาขาดแม้แต่ตำลึงเดียว“ไม่เป็นไร!”หยุนลี่ฉีกยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก และยื่นกล่องขนมไหว้พระจันทร์กล่องนั้นให้ห
ในตอนนี้หยุนลี่อยากจะตบหยุนเจิงให้ตายจริงๆเจ้าสุนัขบ้านี่!นี่เสียสติไปแล้วกระมังตนช่วยเตรียมขนมไหว้พระจันทร์มาให้ ยังกล้ามายิืมเงินตนอีกนี่เขาเสพติดการหลอกเงินตนไปแล้วหรืออย่างไรเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจนิ่งอึ้งไปกับอาการสมองกลับของอย่างแปลกประหลาดนี้ของหยุนเจิงเช่นกันนี่เขายังไม่ตื่นจากฝันในเมื่อคืนหรืออย่างไรกันเขายังจะยืมเงินหยุนลี่อีกอย่างนั้นหรืออีกทั้งยังกล้าเอ่ยปากยืมถึงแสนตำลึงเขาคิดว่าหยุนลี่เห็นเขาเป็นน้องไปแล้วจริงๆ หรือ“น้องหก เจ้าอย่าทำให้พี่สามลำบากใจเลยนะ”หยุนลี่ระงับความโกรธเอาไว้ในใจ และกล่าวอย่างทุกข์ใจว่า “ตอนนี้พี่สามไม่มีเงินจริงๆ! อีกอย่าง พี่สามมางานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ จะนำเงินมากมายเช่นนั้นติดตัวมาด้วยเหตุใดกันล่ะ?”หยุนเจิงกระพริบตาปริบๆ “ไม่เป็นไร พี่สามก็ไปยืมได้หนิ่!”“ห๊ะ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น มองหยุนเจิงด้วยความสับสนตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยเจอใครที่หน้าด้านเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ!จะให้ไปยืมเงินคนอื่นเอามาให้เขายืมเนี่ยนะ?อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เงินแค่สองสามร้อยตำลึงหรือพันตำลึงนั่นมันเงินหนึ่งแ
“เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญาอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงกรอกตามองบนใส่นางอีกครั้ง “ท่าทางเจ้าเป็นเช่นนี้เสด็จพ่อมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าทำขนมไหว้พระจันทร์ไม่เป็น! หากถูกจับได้นั่นหมายความว่าเจ้าหลอกลวงกษัตริย์! เจ้าลืมเรื่องล่าสัตว์ที่หนานย่วนไปแล้วหรือไง?”ขนมไหว้พระจันทร์เพียงชุดเดียวต่อให้ราคาแพงมากเพียงใดก็ไม่ได้มีค่ามากตามราคาดังนั้นที่ให้ทุกคนทำขนมไหว้พระจันทร์ด้วยตัวเองนำมาถวาย นับว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านี้ยังจะไปให้คนอื่นทำให้ หากถูกจับได้ขึ้นมาเสด็จพ่อจะคิดเช่นไร“เอาล่ะๆ! เจ้าพูดถูก พอใจหรือยัง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนแสยะปากทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกอย่างไม่พอใจ “ข้าว่าเจ้าก็ไม่ได้มีความสามารถอันใด แต่ปากของเจ้ามันยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ไม่ว่าจะพูดเช่นไรเจ้าก็มีเหตุผลที่สุดแล้วล่ะ!”“ก็ข้ามีเหตุผลจริงๆ หนิ่!”หยุนเจิงหัวเราะชอบใจขึ้นทั้งสองทะเลาพะกันมาตลอดทาง จนในที่สุดก็มาถึงวังหลวงแล้วงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในปีนี้ถูกจัดขึ้นในสวนหลวงภายใต้การนำทางของคนในวัง ทั้งสองจึงเดินมาถึงสวนหลวงแล้ว“น้องหก น้องสะใภ้! พวกเจ้ามาสักทีนะ!”
ไม่กี่วันถัดมา หยุนเจิงก็เตรียมพร้อมเกี่ยวกับเรื่องที่จะเดินทางไปซั่วเป่ยคนที่อยู่ทางด้านเขาเมาเอ่อร์ก็เคลื่อนไหวขึ้นแล้ว พวกเขารีบเร่งมือทำเสบียงอาหารแห้งเช่นนี้ก็สามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้ด้วยระหว่างนั้นหยุนเจิงก็ไปหาจางซูเอาสบู่มากล่องหนึ่ง จางซูเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางไปซั่วเป่ยกับเขาเพียงแต่ว่า จางซูได้บอกกับหยุนเจิงอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อาจลงสนามรบได้หากสงครามซั่วเป่ยลุกเป็นไฟขึ้นมา ไม่อาจทำการค้าได้ เขาก็จะกลับสำหรับเงื่อนไขนี้หยุนเจิงไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดขอเพียงแค่จางซูไปซั่วเป่ยกับเขา เขาก็มีวิธีที่จะทำให้จางซูยอมอยู่ต่อและในขณะที่หยุนเจิงกำลังเตรียมตัวอย่างแข็งขัน วันไหว้พระจันทร์ก็ได้มาถึงแล้วงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ล้วนแต่จัดในยามรัตติกาลเท่านั้นญาติและเชื้อพระวงศ์ทุกคนต้องเข้าวังเพื่ออยู่ชมพระจันทร์กับจักรพรรดิเหวินเหล่านขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญๆ ก็ได้รับเชิญเข้าร่วมเช่นกันเมื่อยามอาทิตย์ใกล้ตกดิน หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนจึงนั่งรถม้าเดินทางเข้าวัง“เจ้าจำบทกลอนเหล่านั้นได้หรือยัง?”ในรถม้า เสิ่นลั่วเยี่ยนถามหยุนเจิงเรื่องบทกลอน
นอกจากนี้ หยุนเจิงยังให้นางตัดสิ่งของที่สามารถหาซื้อได้ที่ซั่วเป่ยออกและหากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ถึงซั่วเป่ยแล้วค่อยหาซื้อสิ่งใดที่ไม่จำเป็นต้องเอาไปก็จะไม่เอาไปเช่นนี้ ก็สามารถลดจำนวนสิ่งของที่พวกเขาต้องเอาไปได้แล้วเมื่อเห็นหยุนเจิงพูดจาฉะฉานมีหลักเกณฑ์เช่นนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เจ้าสารเลวนี่คิดเรื่องพวกนี้ได้ด้วยหรือ“ตกลง!”เยี่ยจื่อตอบรับ และเอาสมุดบัญชีอีกเล่มออกมา “นี่เป็นบัญชีในจวนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเจ้าสองคนมีใครตรวจสอบกับข้าได้บ้าง?”“ของพวกนี้มีอันใดต้องตรวจสอบกันเล่า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “พวกเราเชื่อใจพี่สะใภ้ไม่ได้หรืออย่างไรกัน?”“อย่างไรก็ต้องตรวจสอบสักหน่อย!”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เราต้องดูว่าในจวนเหลือกินเหลือใช้เท่าไหร่!”“เรื่องตรวจสอบบัญชีเจ้าตรวจสอบเถอะ ข้าไม่ตรวจสอบ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนลุกขึ้น “ข้าดูตัวเลขพวกนี้แล้วปวดหัว พวกเจ้าทั้งสองค่อยๆ ตรวจสอบไปก็แล้วกัน!”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เดินทอดน่องออกไปทันทีเมื่อก่อนตอนอยู่จวนสกุลเสิ่น นางไม่เคยถามไถ่เรื่องบัญชีในจวนเลย เรื่องบัญชีเหล่านี
เมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้า สีหน้าของหยุนเจิงดูสดใสมากในทางกลับกัน สีหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนดูขุ่นเคืองมากครั้งนี้ นางกลายเป็นพระชายาที่ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ แล้วไม่ใช่อื่นหรอก แต่เป็นเพราะตอนที่นางตื่นมาในยามเข้าเห็นตนเองกอดกับหยุนเจิง“เจ้าจ้องหน้าข้าด้วยเหตุใดกัน?”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “เจ้าเป็นคนอยากกอดข้าเอง ข้าไม่ได้อยากกอดเจ้าสักหน่อย เจ้าคงไม่โทษว่าข้าไม่รักษาคำพูดกระมัง?”“ขะ ข้า……”ใบหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนแดงก่ำ นางกล่าวด้วยความโกรธว่า “ใครบอกว่าข้าอยากกอดเจ้า? ขะ ข้า……ข้าก็แค่นอนละเมอก็เท่านั้นเอง!”แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองละเมอเช่นไรถึงไปกอดหยุนเจิงได้“จะละเมอเช่นไรก็เป็นเจ้าที่กอดข้า!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “เจ้าละเมอจนเกือบจะบีบคอข้าข้ายังไม่กล่าวโทษเจ้าเลยนะ!”“ข้าจะบีบให้ตายเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องเขม็งหยุนเจิงด้วยความโกรธเกี้ยว ในใจตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าต่อไปหากนอนกับหยุนเจิงอีกต้องแยกหมอนกันนอน!หยุนเจิงไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นเมื่อเห็นท่าทางลำพองใจเช่นนี้ของเขาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ย