เงียบ…ชั่วครู่ ความตึงเครียดเต็มอากาศ องศายืนมองคีย์ลีนอย่างไม่ขยับ ใบหน้าคมสันไร้รอยยิ้ม แม้จะมีประกายบางอย่างในดวงตา แต่ก็ยังแฝงความไม่พอใจ“คีย์ลีน…” เสียงเขาต่ำและนิ่ง แต่หนักแน่นเหมือนสัญญาณเตือน คีย์ลีนกระพริบตา น้ำตาที่รอคอยอยู่แทบล้นออกมา แต่เธอเบือนหน้าไปทางอื่น พยายามกลั้นไว้“ฉันเหนื่อย ฉันเจ็บปวด แต่ฉันจะยังคงยืนหยัดเอง ไม่ใช่เพราะใคร…แต่เพื่อครอบครัวของฉัน”องศาสูดลมหายใจเข้าลึก ชั่ววินาทีที่เหมือนเวลาหยุดเดิน เขาเงียบ ไม่ตอบโต้ ไม่ขยับ ชายหนุ่มเพียงยืนมองเธอเหมือนพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอคีย์ลีนหันหลัง เดินไปที่รถเมล์ที่รออยู่ แต่ข้างในหัวใจกลับเต็มไปด้วยพลังใหม่ แรงสู้ที่ถูกจุดขึ้นจากความเจ็บปวดและความรักของครอบครัว และที่มุมมืดของถนน ท่ามกลางแสงไฟที่สลัว เงาขององศายังคงยืนอยู่ ราวกับคำสัญญาที่จะติดตามเธอไปทุกหนแห่ง…ไม่ใช่เพื่อทำร้าย แต่เพื่อทดสอบความเข้มแข็งของเธอ“งั้นฉันคงต้องงัดไพ่ใบสุดท้าย”องศาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยยัน ก่อนที่คีย์ลีนจะก้าวเดินออกไป ทว่าในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ครืด~ครืด~เทวา : หายหัวไปไหนของมึงองศา :
กลางดึกวันหนึ่ง หลังการทะเลาะกับพี่ชายเรื่องหนี้พนัน คีย์ลีนกระจายกระดาษบัญชีรายรับ รายจ่ายออกเต็มโต๊ะ เธอนั่งกอดอก สูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกมาเสียงเรียบแต่จริงจัง“ฉันจะดรอปเรียน…อย่างน้อยก็หนึ่งปี”เคและคลาสต่างเงยหน้าพร้อมกัน เสียงตกใจดังพร้อมกัน “ห๊ะ!?”“ค่าเทอมที่เหลือพอใช้หนี้บางส่วนได้ ฉันจะทำงานเต็มเวลา รับทั้งงานสัก งานวาด งานร้านกาแฟก็ได้ ขอให้มีเงินหมุนเข้ามาตลอด ฉันไม่อยากให้บ้านนี้ถูกยึด”เธอร่างตารางรายจ่ายบนกระดาษ A4 •ค่าเช่าที่ค้าง 6 เดือน: ต้องจ่ายทยอยเดือนละ 3 หมื่น•ค่าใช้จ่ายประจำ: ไฟ น้ำ อาหาร รวมเดือนละ 8 พัน•หนี้พนันของเฮีย: คีย์ตัดสินใจแบ่งชำระขั้นต่ำ ไม่ให้โตขึ้น•เงินเก็บฉุกเฉิน: ตั้งเป้า 10% จากทุกงานที่ได้“แต่พี่…เรียนมาเกือบจบแล้ว จะยอมทิ้งง่าย ๆ ได้ไง”“ฉันไม่ได้ทิ้ง ฉันแค่พัก เพื่อให้เรารอดก่อน ปริญญาไม่ได้หายไปไหน แต่ถ้าบ้านนี้ถูกยึด เราจะไม่มีที่ให้กลับมานั่งคุยกันแบบนี้อีก”คลาสน้ำตาคลอ ก้มหน้าพูดเสียงเบา “ทั้งหมดเพราะฉันแท้ ๆ…” “เพราะเราเป็นครอบครัวต่างหาก ไม่ใช่เพราะใครคนเดียว”เช้าวันถัดมาคีย์ลีนเดินทางไปสมัครงานพิเศษในร้านกาแฟย่านทองห
ภายในบ้านเงียบสงัด ก่อนที่คีย์ลีนจะตัดสินใจถามพี่ชายเธออีกครั้ง “เฮียมีอะไรที่ยังไม่บอกพวกเราพูดมาให้หมด ไม่งั้นเราจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้” พัดลมเพดานหมุนเอื่อย ๆ จนเสียงมอเตอร์ดังหึ่งค้างอยู่ในอากาศ กลิ่นฝนชื้น ๆ ลอยเข้ามาทางหน้าต่างบานไม้ที่ปิดไม่สนิท โคมไฟตั้งพื้นให้แสงเหลืองซีด ๆ เหนือโต๊ะกลางซึ่งเต็มไปด้วยสลิปโอนเงินยับ ๆ และสมุดบัญชีที่มุมขาด คีย์ลีนยืนเท้าแขนอยู่ปลายโต๊ะ หน้าเธอแดงจัดจากทั้งโกรธทั้งอาย หัวใจยังเต้นแรงไม่หายจากภาพครอบครัวขององศาที่เพิ่งเดินออกประตูไปเมื่อครู่ คลาสยืนกอดอกพิงเสากลางบ้าน สายตาหลบ ๆ พื้น เหงื่อซึมขมับแม้จะมีลมพัด เคนั่งงอหลังบนโซฟาผ้าสีซีด หยุดนิ้วที่เผลอเขี่ยขอบหมอน จ้องสลิปบนโต๊ะสลับหน้าพี่สาว “ฉันกับเครับงานนอกมาตลอดสามเดือน” คีย์ลีนเริ่มช้า ๆ แต่กดเสียงให้ชัด “เงินที่โอนให้พี่ทุกต้นเดือน…ไปไหนหมด” คลาสกลืนน้ำลาย “ก็จ่ายนี่แหละ ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าของเข้า” “ไม่พอจะค้างค่าเช่าหกเดือน?” คีย์ลีนปัดสลิปกระจาย แผ่ก “อธิบายให้มันตรงที” คลาสยกมือเกาหลังคอ ทำท่าหัวเราะแห้ง ๆ “ก็แค่…ลองเล่นนิดหน่อย หวังต่อทุน จะได้โปะค่าเช่าทีเดียว” “นิดหน่อ
ห้องทำงานชั้นสูงของบริษัทย่านใจกลางเมือง โต๊ะทำงานไม้โอ๊คเงาวับ วางเรียงเอกสารสัญญาไว้เต็มไปหมด องศาก้าวเข้ามาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม สายตาคมกริบจับจ้องพ่อกับแม่ที่กำลังตรวจเอกสารอยู่ “พ่อ…เรื่องตึกที่สาทร ที่ตระกูลวรรณากำลังเช่าอยู่ ค้างค่าเช่ากี่เดือนแล้ว?” เสือเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม ชะงักนิดหน่อยก่อนตอบ “ถ้านับจริง ๆ ก็เกือบหกเดือนแล้ว ตามสัญญาเรามีสิทธิ์ยึดตึกได้เลย…แต่พ่อยังไม่อยากกดดันเขามากนัก” เห้อ…เอวาถอนหายใจเบา ๆ “ครอบครัวนั้นไม่ใช่คนมีอันจะกินนัก แค่ยังพอประคองธุรกิจเล็ก ๆ ได้ พ่อเลยเห็นใจเขา” องศายกยิ้มมุมปากทันที ดวงตาเป็นประกายคมกริบ “เห็นใจเหรอครับ…แต่สัญญาก็คือสัญญา ถ้าพวกเขาไม่มีปัญญาจ่าย ก็ต้องคืนตึกมาให้เรา” เสือขมวดคิ้วในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดซึ่งความเห็นใจ หรือไร้ซึ่งความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน “องศา…ธุรกิจมันไม่ใช่แค่ตัวเลขนะ เราต้องมีมนุษยธรรมด้วย” แต่เอวากลับเงียบ มองลูกชายที่แววตาเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง องศาโน้มตัวลง วางแฟ้มเอกสารตรงหน้า “พ่อครับ…ผมว่าถึงเวลาแล้ว เราควรแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ใจอ่อนกับทุกคน…ไม่อย่างนั้นจะมีใครเคารพเงื่อนไขสัญญาของเราอีก
มุมตึกที่เงียบสงัดยามบ่าย เสียงลมพัดใบไม้กระทบกำแพงเป็นจังหวะคีย์ลีนยืนนิ่ง ใบหน้าซีดเผือด สองมือกำแฟ้มจนสั่นเธอเอ่ยออกมาเสียงพร่า“พี่องศา…พี่ต้องการอะไรจากฉันกันแน่”องศาก้าวเข้ามาใกล้ทีละนิดดวงตาคมกริบทอดมองเหมือนนักล่า“อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ”รอยยิ้มมุมปากค่อย ๆ คลี่ออกอย่างอันตราย“มานอนให้ฉันเอาสิ”คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก คีย์ลีนเบิกตากว้าง ถอยหลังชนกำแพงทันที“พูดอะไรออกมา นายบ้าไปแล้วรึไง!”องศายกมือแตะผนังข้างศีรษะเธอ กักไม่ให้หนี“บ้าหรือไม่บ้าก็แล้วแต่จะคิด แต่ฉันแน่ใจว่าคืนนั้นมันไม่ใช่แค่ความผิดพลาด เธอเองก็ปล่อยใจไปกับฉัน”คีย์ลีนส่ายหัวแรง ๆ น้ำตาเอ่อรื้น“ไม่ใช่! ฉันแค่เมา พี่ฉวยโอกาส!”องศาก้มลงใกล้จนลมหายใจแทบปะทะ“ต่อให้เมา…แต่ร่างกายเธอก็ตอบสนอง…เธอปฏิเสธได้แค่ปาก แต่ความจริงเธอเองก็หนีไม่พ้นหรอก”คีย์ลีนผลักเขาสุดแรง ก้าวถอยห่างทั้งน้ำตา“ฉันจะไม่มีวันยอมเป็นของเล่นของพี่ จำไว้!”องศายืนนิ่ง มองเธอที่กำลังตัวสั่นด้วยรอยยิ้มเย็นชา“เธอคิดว่าเลือกได้เหรอคีย์ลีน…เกมนี้ฉันเป็นคนคุม ไม่ใช่เธอ”บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งจนเหมือนอากาศหายไปจากปอด เธอกัดฟันแน่นก่อนจะคว้
เช้าวันถัดมา….เสียงเครื่องปรับอากาศในสตูดิโอดังคลอเบา ๆ กลบเสียงพูดคุยของนักศึกษาที่กระจายตัวนั่งทำโมเดลและเขียนแบบอยู่ตามโต๊ะ คีย์ลีนเดินเข้ามาช้า ๆ มือข้างหนึ่งกอดแฟ้มกระดาษแบบแน่นเหมือนเป็นเกราะกำบัง เธอเลือกมุมในสุดของห้องที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน“วันนี้ต้องทำให้เหมือนปกติ…เหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น” เธอบอกตัวเองในใจ ขณะนั่งลงและจัดเรียงอุปกรณ์ออกแบบตรงหน้าแต่เพียงไม่กี่นาทีต่อมา เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังใกล้เข้ามาตึก…ตึก…ตึก…กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมลอยมาแตะจมูก กลิ่นเดียวกับคืนนั้น ทำให้เธอชะงักมือที่กำลังจับดินสอ“อรุณสวัสดิ์…คีย์ลีน” เสียงทุ้มนุ่มแต่กดต่ำดังอยู่เหนือศีรษะเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ก็เจอกับองศาในชุดเสื้อเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแลคสีเข้ม ยืนบังแสงไฟเหนือโต๊ะจนเงาของเขาทอดลงมาทับเธอ“ช่วยหลบหน่อยค่ะ” คีย์ลีนพยายามกดเสียงให้ราบเรียบองศายิ้มมุมปาก “แต่ฉันอยากนั่งตรงนี้…ข้างเธอ”เขาดึงเก้าอี้ข้างเธอออกแล้วนั่งลงเหมือนไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น ทำให้เพื่อนผู้หญิงที่โต๊ะตรงข้ามเหลือบมองทันที“พี่องศา!” เธอกระซิบเสียงเข้ม เมื่อเขาเอนตัวมาหาเล็กน้อย เสียงแทบกระซิบข้างหู “ทำแบบไห