เมื่อการกลับมาของเธอทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ผ่านมาเขาคอยบอกมันอยู่ตลอดว่า "ไม่รัก ไม่เจ็บ" และเขาจะทำยังไงกับใจที่มันไม่รักดีของเขา -------- "ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแหละ" ธานินทร์ อัศวดิศร....ธาม อายุ 22 ปี วิศวกรรมซอฟต์แวร์ มหาวิทยาลัย A ปี 4 หล่อ นิ่ง สุขุม ใจเย็น เย็นชา พูดน้อย "ถ้างั้นเราคงไม่เคยรู้จักกันซินะ" รังศิตา ตรีทรัพย์...โรส อายุ 22 ปี เรียนบริหาร มหาวิทยลัย A ปี 3 สวยสไตล์หวาน สดใส น่ารัก ยิ้มเก่ง
View More@ สนามบินเชียงใหม่
ฉันเดินเข็นรถกระเป๋าสัมภาระออกมาหยุดอยู่ตรงหน้า Gate ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายตัวเองออกมากดเปิดเครื่องและต่อสายไปยังผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวของฉันทันที
ตืดดด...ตืดด
“โรสถึงแล้วนะคะ คุณพ่อ”
ฉันเอ่ยบอกปลายสายเสียงหวานทันทีที่ปลายสายกดรับ
[พ่อให้คนเอารถไปให้ที่สนามบินแล้ว ลูกลองมองหาเขาดู]
ฉันทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ กวาดสายตามองหาป้ายชื่อตัวเอง ไหนหว่า...อ๋อนั่น
“เจอแล้วค่ะ”
[ลูกจะเข้ามาหาพ่อก่อนไหม หรือไปคอนโดเลย]
“ไปคอนโดเลยดีกว่าค่ะ”
[งั้นก็ตามใจละกัน ถ้าว่างแล้วพ่อจะไปหานะ]
“ค่ะ”
ติ๊ด…
ฉันกดวางสายก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สาวเท้าเล็กไปหาคนที่ชูป้ายชื่อฉันอยู่ตรงทางออก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปหาพ่อหรือไม่คิดถึงพ่อหรอกนะ แต่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว ฉันไม่อยากวุ่นวายกับท่านไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ถือว่ารบกวนท่านมากเกินไปแล้ว
“สวัสดีค่ะ ฉัน...รังศิตาค่ะ”
“สวัสดีครับ นี่ครับของคุณหนู” คนของคุณพ่อโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ฉันรับมันมาเปิดดู พบว่าข้างในมีครบทุกอย่างที่ท่านเตรียมไว้ให้ฉัน กุญแจรถ คีย์การ์ดคอนโด ที่อยู่คอนโด บัตรเครดิต
…และบัตรนักศึกษา
พอหยิบมันขึ้นมาดู ก็ต้องตาโตทันที เชื่อแล้วว่าเงินทำได้ทุกอย่างจริงๆ คุณพ่อเอาฉันเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับจังหวัดตอนกลางเทอมได้จริงๆ ด้วย สุดยอดไปเลย…
ฉันขยับไหล่ขึ้นอย่างสบายๆ และโยนบัตรนักศึกษาลงซองสีน้ำตาลเหมือนเดิม ก่อนจะเดินตามคนของคุณพ่อที่เข็นกระเป๋าสัมภาระของฉันนำออกมาด้านนอก
“คุณหนูรออยู่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมาให้” คนของคุณพ่อหันมาบอกฉันอย่างนอบน้อม ฉันเลยยิ้มน้อยๆ กลับไปก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบกุญแจรถในซองสีน้ำตาลยืนให้เขา
ฉันยืนกอดอกพิงรถเข็นสัมภาระตัวเองรอรถที่คนของคุณพ่อกำลังไปขับมาให้ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่ฉันได้มาเหยียบแผ่นดินเมืองไทย คิดถึงทุกคนที่นี่จัง แต่คงไม่มีโอกาสได้เจอแล้วแหละ ก็ดีเหมือนกันที่คุณพ่ออยู่เชียงใหม่
ไม่ใช่กรุงเทพ…
ครู่เดียวก็มีรถสีขาวคันหรูยี่ห้อดังป้ายแดงเคลื่อนมาหยุดตรงหน้าฉัน ก่อนที่คนของคุณพ่อจะเปิดประตูลงมาจากลงและเดินเอากุญแจมาคืนให้ฉัน จากนั้นเขาก็เข็นรถสัมภาระฉันไปทางท้ายรถ เปิดกระโปรงหลังขึ้นและขนของขึ้นรถจนหมด
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเดินไปสำรวจของตัวเองที่ท้ายรถพร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณคนของคุณพ่ออย่างนอบน้อมตามมารยาท เขาหันมาโค้งให้ฉันทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามตามหน้าที่
“ให้ผมขับรถไปให้ไหมครับคุณหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ ก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูขึ้นรถฝั่งคนขับแล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกมาจากสนามบินตรงไปตามเส้นทางที่ระบุใน GPS หน้าจอคอนโทรลของรถ
ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านทูต ที่มีเงินและมีอำนาจพอสมควร แต่ท่านทั้งสองแยกทางกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่เป็นผู้ที่ดูแลฉันมาตลอด เราสองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพก่อนที่จะไปอยู่อเมริกาถึงสี่ปีเต็มและไม่เคยมาวุ่นวายก้าวก่ายคุณพ่อเลย เพราะท่านแต่งงานใหม่ไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะมีทายาทสืบสกุล ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ถ้าไม่เพราะผู้เป็นมารดาเสียชีวิตลงกะทันหันฉันคงจะไม่ได้มาเหยียบเมืองไทยอีกเป็นแน่และก็คงไม่ต้องกลับมาพึ่งใบบุญคุณพ่ออีกครั้ง
ฉันขับรถมาทางสักพักก็เห็นป้ายคอนโดขึ้นหราอยู่ข้างหน้า ถึงสักทีนะ...อยากพักผ่อนจะแย่อยู่แล้ว พวงมาลัยรถถูกหักเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้า ก่อนที่จะมีชายชุดดำสองคนเดินตรงเข้ามาที่รถฉัน ถ้าเดาไม่ผิดคนเป็นคนของคุณพ่อที่มารอขนของขึ้นคอนโดให้ พวกเขาโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะเปิดกระโปรงท้ายรถ ขนของฉันลงใส่รถเข็นของคอนโด
“ขึ้นไปก่อนเลยค่ะ โรสจะไปรอที่คอฟฟี่” ฉันยื่นคีย์การ์ดคอนโดให้หนึ่งคนในนั้นแล้วเอ่ยบอกพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางคอฟฟี่ของคอนโด
“ครับคุณหนู” คนของคุณพ่อรับคีย์การ์ดไปก่อนจะโค้งรับคำสั่งของฉันแล้วเข็นสัมภาระผ่านประตูเลื่อนของคอนโดเข้าไปทันที ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลย
คุณหนู...คุณหนู...คุณหนู
เฮ้ออออ...หาชาเขียวกินดีกว่าระหว่างรอพวกเขาเอาของขึ้นไปเก็บ
ปึกกก!!
อ๊ะ!
ฉันผงะเซถอยเมื่อหันมาชนเข้ากับแผงอกของใครก็ไม่รู้แต่โชคดีที่แขนแกร่งอ้ารับตัวฉันไว้ได้ทันและดึงฉันกลับเข้าแนบอก ไม่งั้นนะ...ไม่อยากจะคิดเลย ก้นจ้ำเบ้าตรงนี้แน่ๆ
สัมผัสนี้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นชินนักนะ ฉันเงยขึ้นเพื่อจะขอบคุณเขาแต่ทันทีที่สายตาเราสบกัน ฉันสตั้นไปเลย ภาพจำที่ฉันไม่อาจลืมแล่นเข้ามารวมกันอยู่ในหัวทั้งหมด ใจเต้นแรงจนเหมือนจับจังหวะไม่ได้
ไม่จริงใช่ไหม...เป็นเขาได้ยังไง
เขาเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับปล่อยฉันให้เป็นอิสระแล้วหันหลังเดินออกไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดมาจากปากเขาสักคำ ทิ้งให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างกายฉันไม่อาจขยับเขยื้อนทำได้แค่มองตามแผ่นหลังนั่นไปด้วยสายตาที่พร่ามัวเพราะน้ำใสๆ มันเอ่อล้นออกมาบดบังทัศนียภาพของฉันจนแทบมองไม่เห็น
สายตาที่แสนจะว่างเปล่าคู่นั่นเหมือนสายฟ้าฟาดกลางใจ ทำฉันชาวาบไปทั้งตัว อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ฉันไม่สามารถรั้งเขาไว้เพื่อฟังคำอธิบายของฉันได้เลย แต่มันก็สมควรแล้วไหม...เพราะฉันเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง จะมาเรียกร้องอะไร คำถามมากมายแล่นเข้ามาในหัวฉันอย่างหาคำตอบไม่ได้
ทำไมเขามาอยู่ที่นี่
ทำไมฉันหนีเขาไม่พ้น
ทำไมเขาดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร ลืมฉันได้แล้วงั้นเหรอ
ทำไมถึงทำเหมือนไม่รู้จักฉัน
ทำไมฉันถึงเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน
“งั้นจูบเอง”อื้อออ~สิ้นเสียงธามปากฉันก็ถูกปิดด้วยจูบเขาทันที คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด แต่สุดท้ายฉันก็ยอมให้เขาจูบอยู่แบบนั้น ฉันไม่เคยต้านทานสัมผัสที่เขามอบให้ได้เลยสักครั้ง และมันต้องเลยเถิดไปไกลแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่ามีสายเรียกเข้าซะก่อนครืดดดด~~ ครืดดดดดฉันรีบผลักธามออกก่อนจะล้วงเข้าไปเอามือถือในกระเป๋าออกมาโดยที่ปากหนาของนายธานินทร์ยังซุกไซร้อยู่บนซอกคอฉันไม่ยอมหยุดชู่วววว์~“ธาม หยุดก่อน คุณพ่อโทรมา”แต่พอเห็นว่าใครโทรมา ฉันเลยต้องส่งสัญญาณไปให้ธามเงียบและหยุดทำสิ่งที่เขากำลังอยู่ทันที แต่มีรึที่คนอย่างนายธานินทร์จะฟัง เขานิ่งไปพักนึงแต่พอฉันรับสายปุ๊บปากหนาก็กดจูบลงมาที่เดิมปั๊บ“คะ คุณพ่อ”‘พ่อเตรียมชุดไว้ให้หนูแล้วนะ มาแต่งตัวที่บ้านเราแล้วกันเนอะ’ระหว่างที่คุณพ่อกำลังพูดฉันก็ต้องคอยปรามคนข้างๆ จนไม่มีสมาธิฟัง ว่าแต่คุณพ่อพูดถึงชุด...ชุดอะไร“ชุดอะไรคะ”‘อ้าวก็ชุดไปงานเลี้ยงบ้านคุณอาตะวันเย็นนี้ไง อย่าบอกนะว่าหนูลืม’แป
ปึกก...ตุ๊บบบบโอ๊ยยย/โอ๊ยยเห้ย!!ฉันกับนนท์หันกลับไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันและภาพที่เห็นก็คือรุ่นน้องสองคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หินอ่อนหน้าคณะร่วงลงไปกองรวมกันอยู่กับพื้น“เชี่ยยย!”แต่ที่ทำให้นนท์อุทานออกมาเสียงหลงและฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนั่น ก็เพราะคนทำไม่ใช่ใครอื่น..แต่เป็นแฟนฉัน เสียงผู้คนแตกตื่นทำให้ฉันได้สติและรีบพุ่งตัวไปขวางธามไว้ก่อนเขาจะเข้าซัดเด็กนั่น“ธาม ธาม หยุด เป็นอะไร ไปทำพวกเขาทำไม”ปักกก...อึกกกธามดันร่างฉันออกและพุ่งเข้าไปเตะปากน้องคนหนึ่งอย่างแรงจนเลือดพุ่งออกมาเหมือนใส่เอฟเฟคยังไงยังงั้น และมันทำให้คนแถวๆ นั่นพากันมามุงดูกันใหญ่ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนเอามือปิดปากตัวเองแบบยังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่“ใจเย็นนน รุ่นพี่ ใจเย็นก่อนนะ” นนท์พยายามเข้ามาขวางไว้เพราะธามทำท่าจะพุ่งใส่อย่างเดียว ฉันไม่เคยเห็นธามของขึ้นแบบนี้มานานมากแล้วนะ เขาไม่ใช่คนจะมารังแกใครสุ่มสี่สุ่มห้า พวกนี้ต้องไปทำอะไรให้ธามไม่พอใจถึงขั้นสุดแน่ๆ“....” ธามไม่พูดอะไรเอาแ
“อยากเล่นง่ะ” รุ่นพี่คนที่กำลังเล่นอยู่หันมาถามฉัน ฉันรีบฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบทันที“นู้น ไปให้ไอ้ธามมันสอนไป”ฉันเดินไปหาธามเกาะแขนเขาทำตาปริบๆ บวกกับสีหน้าออดอ้อนสุดๆ แต่คำตอบที่ได้มาคือไม่ กะแล้วเชียว…“งั้นรุ่นพี่สอนเราหน่อยซิ นะคะ” ฉันเดินกลับมาพูดกับรุ่นพี่คนเดิมที่ไล่ฉันไปหาธามเมื่อกี้ด้วยเสียงออดอ้อน เขาหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลง แต่…“มานี่” ธามดึงแขนฉันมายืนอีกฝั่งของโต๊ะซะก่อน ตวัดตามองรุ่นพี่คนนั้นอย่างกราดเกรี้ยว ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมุมปากให้แบบกวนๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม“ธามจะสอนโรสใช่ม่ะ เยสส!” เสียงตื่นเต้นหลุดออกมาเมื่อธามส่งไม้ยาวมาให้ฉันเขาไม่ตอบอะไรแต่จับตัวฉันหันเข้าหาโต๊ะ แล้วช้อนเข้าด้านหลัง จับมือฉันที่ถือไม้วางทาบไปบนโต๊ะ ส่วนอีกมือก็ถูกเขาจับขึ้นไปวางบนโต๊ะเพื่อรองไม้ยาวนั่นอีกทีตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะโฟกัสกับอะไรก่อนดี ลูกกลมๆ นั่น ไม้ มือ หรือคนที่อยู่ประชิดด้านหลัง ใจเต้นแรงแปลกๆ คงเพราะตื่นเต้นที่จะได้เล่นพูลเป็นครั้งแรกล่ะมั้ง“มองที่ลูกขาว”เสียงทุ้มของธามทำให้ฉันละสายตาจากใบหน้าคมที่อยู่เกือบชิดแก้มฉันมาสนใจที่ลูกสีขาวตาม
พอรถเคลื่อนเข้าจอดสนิทหน้าตึกบริหาร ฉันก็เตรียมตัวจะลงจากรถ แต่ธามเรียกไว้ซะก่อน“เดี๋ยว”“หืม”ธามเอื้อมมือมาเปิดเก๊ะหน้ารถหยิบถุงอะไรไม่รู้มายื่นให้ ฉันรับมาแล้วเปิดดูด้วยความอยากรู้ทันที ปรากฏว่าข้างในมันคือยาคุมฉุกเฉิน! จริงสิ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย“เม็ดแรกกินได้เลย และกะ..”“รู้แล้วๆ โรสรู้หรอกน้า” ฉันพูดแทรกขึ้นพลางก้มหน้างุด บ้าจริง ไม่คิดว่าฉันจะอายบ้างเลยรึไงนะ ฉันรีบเก็บถุงยาเข้ากระเป๋าและเปิดประตูลงจากรถทันที หน้างี้ร้อนผ่าวเลย แดงแค่ไหนแล้วเนี่ย นี่โลกเรามาถึงจุดที่ต้องให้ผู้ชายมาสอนกินยาคุมแล้วเหรอ…“อะ...อ้าว ทำไมจอดนี่อะ” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นธามปิดประตูรถและกดรีโมทล็อกทันที ฉันนึกว่าเขาจะขับรถไปซะอีก“จอดไม่ได้?” ธามหันมาเลิกคิ้วถามแบบกวนๆ พลางก้าวเท้าเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉัน“จอดได้ แต่ธามก็ต้องเดินไกล ขับรถไปไม่ดีกว่าเหรอ”“ชอบเดิน”“ง่ะ แล้วทำไมไม่เดินมาจากคอนโดโน่นเลยอะ” กวนมาก็กวนกลับ แฟร์ๆ คนอะไรนิ่งๆ แต่กวนประสาทโคตรๆ ธามเค้นเสียงในลำคอก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน“ความจริง กลัวโรสเหนื่อยต่างหาก เดี๋ยวคืนนี้ไม่มีแรง”ผลั่กกก!“พะ...พูดบ้าไรเนี่ย” ฉัน
11:50 น.Rungsita Talkอ๊อดดดด!!ฉันหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรดของตัวเองแล้วเดินตรงไปเปิดประตูทันทีโดยไม่ส่องตาแมว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร และก็ไม่ผิดจากที่คิด“เสร็จยัง”ฉันพยักหน้าให้ธามแทนคำตอบ ก่อนจะดึงประตูปิดลง พากันเดินไปที่ลิฟต์ทันที….….“ธาม ทำไมมานี่อะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะอยู่ๆ ธามก็เลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองแบบไม่บอกกล่าว จำได้ว่าเราไม่ได้คุยกันว่าจะไปไหนนิ ฉันนึกว่าเขาจะเข้ามหาลัยเลยซะอีก“ไอ้ยูมันชวนมากินข้าว”“อ่อ” ก็แทนที่จะบอกกันก่อนสักนิด นึกจะพาไปไหนก็ไป จริงๆ เลยพอรถจอดสนิทฉันก็เปิดประตูลงจากรถ ส่วนธามก็เดินมาจูงมือฉันให้ไปตามทางที่เขาอยากจะพาไป สักพักเขาก็พาฉันเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง และเดินมาหยุดที่โต๊ะยาวกลางร้าน ที่มียูตะ มิณ เพลิน ดิน พี่หนูดา และพะ...พลอยใส ฉันรีบหลบหลังธามทันทีที่พลอยใสหันมามอง เอาจริงๆ ที่เจอวันนั้นยังช็อกๆ อยู่เลย“ไม่มีไรหรอก” ธามดึงตัว
เฮือกกกก!ผมสะดุ้งโหย่งก่อนจะพุ่งตัวไปหาร่างบางบนเตียงที่จู่ๆ ก็ดีดตัวขึ้นนั่งหายใจหอบถี่จนตัวโยน พลางฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง เหงื่อผุดออกเต็มกรอบหน้า ผมคิดว่าเธอน่าจะฝันร้าย“ฝันร้ายอีกแล้ว?”“อือ..” โรสครางรับในลำคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม ฉีกยิ้มบางให้ ราวกับจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ผมโคตรกังวลใจ ผมเห็นเธอเป็นอย่างงี้มาสองครั้งสองครา จนเริ่มอยากรู้ว่าเธอฝันถึงอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นผมเอามือวางบนหัวเล็กทุยแล้วออกแรงโยกเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมายื่นให้โรส และหมุนตัวกลับไปจัดการตัวเองต่อให้เรียบร้อย“ธาม มีคลาสเช้าเหรอ”“อืม โรสหล่ะ” ผมครางตอบแล้วถามกลับ พลางติดกระดุมเสื้อตัวเองไปด้วย“วันนี้คลาสบ่าย งั้นโรสขอเอารามไปเล่นที่ห้องนะ นะธาม นะ” เสียงออดอ้อนเอ่ยขึ้น ผมละสายตาจากกระดุมเสื้อตัวเองที่ติดเสร็จพอดี ถอดมองไปยังเงาในสะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ที่ผมยืนอยู่ เห็นโรสนั่งทำตาปริบๆให้ผมอยู่บนเตียง ผมหมุนตัวเดินไปนั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยขึ้น&ld
Comments