Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-21 04:50:12

Ep.4

Bad moon rising

ภายในห้องแต่งตัว ส่วนตัวของคุณคริสตัล ในงานอีเวนต์หนึ่ง

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”

เธอถามขึ้นขณะที่ตายังโฟกัสไปที่โทรศัพท์ของเธอ

“ไม่มีค่ะ”

ฉันเลือกที่จะไม่รบกวนสมาธิทำงานของเธอด้วยปัญหาส่วนตัวของฉันเด็ดขาด

คุณคริสเงยหน้ามองฉันนิ่ง ๆ

“ถ้ามีอะไรก็บอกแล้วกัน ถือซะว่าฉันเป็นรุ่นพี่เธออีกคนก็ได้”

เธอพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ตามสไตล์คุณคริสนั่นแหละ ก่อนที่เธอจะเดินถือแก้วค็อกเทลเดินหายไปในห้องลองชุด

“ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับอย่างรู้สึกดี ก่อนจะรีบเดินไปช่วยเธอเปลี่ยนชุด แต่คุณคริสห้ามไว้ซะก่อน

“แค่สวมและถอดง่าย ๆ ฉันทำได้” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะส่งแก้วค็อกเทลให้ฉัน และหันหลังเดินไป

เอาจริง ๆ เธอเป็นดาราที่ดูหยิ่งและเข้าถึงยากจริง ๆ แต่พอได้ทำงานใกล้ชิดแล้วจริง ๆ คุณคริสเธอใส่ใจคนรอบข้างเสมอ แค่ไม่แสดงออกและไม่เซ้าซี้เท่านั้นเอง

หลังจากที่คุณคริสเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอก็กลับมานั่งที่โต๊ะประจำที่ เพื่อรอช่างแต่งหน้าที่ทางงานได้จ้างมาโดยเฉพาะ เห็นว่าเป็นช่างติดอันดับ 1 ใน 3 ของไทยเลย

“เป็นเกียรติมากเลยนะคะ ที่ได้แต่งหน้าคุณคริส” ช่างแต่งหน้าเพศที่สามเดินถือกระเป๋าเครื่องสำอางแบรนด์ชาแนลเข้ามานั่งตรงหน้าคุณคริส

คุณคริสหันไปมองเล็กน้อยและยิ้มอ่อน ๆ

“ผิวหน้าดีอะไรเบอร์นี้ ไปคลินิกไหนบอกเจ๊บ้างสิ” ช่างแต่งหน้าสาวสองคนนั้นเริ่มชวนคุยราวกับคนสนิท

“แถวทองหล่อน่ะค่ะ พอดีเป็นพรีเซนเตอร์ให้ด้วย” เธอตอบแบบปัด ๆ ไป

“แล้วพี่ขอถามหน่อยสิ คุณคริส… คุณคริสเหลาจมูกที่เกาหลีหรือไทยอะ ทรงธรรมชาติดีนะ” ช่างแต่งหน้าแต่งไปก็ชวนคุยไป ด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยจะสร้างสรรค์เท่าไหร่

“คริสไม่ทำจมูกหรอกเจ๊แต๋ว เพราะเวลาไปตบกับคนอื่นกลัวจมูกจะเบี้ยว ถ้าเจ๊สนใจจะทำก็ต้องระวังตัว”

"คริสหมายถึงเลือกหมอดี ๆ หน่อยน่ะค่ะ”

เธอตอบตรง ๆ ไปแบบนั้นเล่นเอาเจ๊สาวสองคนนั้นเงียบไปพักหนึ่ง

“นี่ ๆ คุณคริสรู้ไหมว่าดาราหน้าใหม่ห้องข้าง ๆ ที่มาร่วมงานเทียบชั้นคุณคริสเนี่ย"

"ที่นางชื่อพิกเล็ตน่ะ ปากก็บอกไม่ได้ทำไม่ได้ทำ ที่ตอนนักข่าวไปสัมภาษณ์นางอะนะ"

"แต่ว้ายยย ทานโทษจ้าาา ตอนพี่ไปแต่งหน้านี่แข็งอย่างกับหิน นมนี่ชนแขนพี่เป็นก้อน ๆ เลยจ้า แล้วบอกไม่ทำ ๆ” ยัยช่างแต่งหน้ายังคงเม้าส์อย่างสนุกปาก ยุแยงตะแคงรั่วแบบไม่มีหยุดไม่มีหย่อนแทบลืมหายใจกันไปเลย

“พริบพราว ฉันขอหูฟังในกระเป๋าฉันหน่อยสิ” เธอพูดขึ้นขัดจังหวะของช่างแต่งหน้า

ก่อนจะรับหูฟังไร้สายไปเพื่อต่อกับโทรศัพท์และยัดใส่หูทั้งสองข้างด้วยใบหน้าที่รำคาญอย่างไม่มีปิดบัง เล่นเอาช่างแต่งหน้าคนนั้นหน้าเสียไปอีกรอบและอีกรอบ

หลังจากนั้นการทำงานของคุณคริสทั้งวันก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยมีฉันคอยช่วยมากที่สุดเท่าที่ฉันทำได้

เพราะค่าจ้างที่พี่จินนี่ให้มามันมากกว่าปกติ และต่อชีวิตให้ฉันกับครอบครัวได้ในช่วงนึงเหมือนกัน

-------------------

“ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานนะ” คุณคริสพูดขณะที่ฉันขับรถของเธอเข้ามาจอดเทียบในคอนโด

“เออ! พริบพราว แล้วรถเธอจอดที่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันเอาสติกเกอร์ที่จอดรถให้ วันหลังจะได้เข้ามาจอดโดยไม่ต้องแสตมป์บัตรจอดให้” คุณคริสตัลหันมาถามฉันขณะที่เธอกำลังถอดแว่นกันแดดออก

“อ่อ คือพราวนั่งรถเมล์มาน่ะค่ะ” ฉันตอบไปตามตรงอย่างไม่ปิดบัง

คุณคริสตัลนิ่งไปชั่วครู่ก็จะพยักหน้าและกดลิฟต์ชั้นของเธอเอง

“ส่งฉันแค่นี้ก็พอ เธอรีบกลับเถอะเดี๋ยวจะดึก” เธอพูดก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางและเสื้อผ้าตัวเองอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย

หรือลูกน้องใด ๆ

“ไปสิ” พอเธอเห็นฉันยืนนิ่งเธอก็พูดย้ำอีกครั้ง

“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณคริส” ฉันยกมือไหว้และเดินออกมาทันที

อื้ออออออ อื้อออออ

จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา

-น้าผึ้ง-

“ฮัลโหลสวัสดีค่ะน้าผึ้ง พราวเพิ่งจะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคดีเลย น้าผึ้งก็สวนขี้นมาก่อน

“พ่อเราหายไป ตำรวจบอกน้าว่ามีคนมาช่วยเขาหนีคุกออกไปเมื่อคืนนี้ ตอนนี้น้าถูกสอบสวน” เสียงน้าผึ้งสั่นและเต็มไปด้วยความกลัว

“พ่อเนี่ยนะหนีคุก?” ฉันทวนคำนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าพ่อของฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้จริง ๆ

“พราวลูก น้าฝากไปรับยัยแพรวดาวที่โรงเรียนทีสิลูกและพวกหนูไม่ต้องมาที่นี่นะ” น้าผึ้งพูดเสียงเบา ๆ เล็ดลอดผ่านสัญญาณโทรศัพท์ออกมา

“ทางเราไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์นะครับ คุณ!!!” ตู๊ด ๆ ๆ ๆ ก่อนที่สัญญาโทรศัพท์ของน้าผึ้งจะตัดไป

ฉันเองก็รีบไปรับตัวยัยแพรวดาวทันที เพราะนี่ก็เลยเวลาน้องเลิกเรียนมาสักพักแล้ว อีกอย่างก็คือยัยดาวไม่เคยนั่งรถเมล์หรือรู้เส้นทางการเดินรถใด ๆ เลย ทำให้ฉันกับน้าผึ้งต้องสอนจนกว่ายัยแพรวดาวจะชินกับสถานะที่เปลี่ยนไปของบ้านเรา

แม้ว่าฉันจะโทร. หากี่สิบสาย น้องก็ไม่ยอมรับสายเลยสักที… ยิ่งทำให้ฉันยิ่งร้อนรนใจ

@โรงเรียน

ในเวลาตอนเย็นที่เด็กทุกห้องเลิกเรียนกันไปหมด รถของทั้งครูและผู้ปกครอง

ค่อย ๆ ทยอยออกกันไปทีละคันสองคัน

“แพรวดาว หายไปไหนของหนูนะ” ฉันพูดอย่างเป็นกังวลและเดินกลับไปถามครูที่หน้าประตูทางเข้าออกของโรงเรียน เพียงแต่ว่า

“จริง ๆ น้องแพรวดาวมีคนมารับไปแล้ว เห็นบอกว่า เป็นลูกน้องคนสนิทของคุณพ่อ ทางเราจึงปล่อยน้องไป” คุณครูหน้าวัยรุ่นพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวนะคะ นั่นไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่เด็ก คุณปล่อยออกไปได้ยังไง???” ฉันถามกลับไปเชิงต่อว่า

“ตัวเด็กเองก็ดูยินยอมจะไปกับเขา ทางเราเลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่คะ” เธอก็เถียงกลับมาด้วยสีหน้าที่เริ่มวิตกกังวล

“ถ้าคุณอยากดูกล้องเดี๋ยวดิฉันเปิดให้ได้นะคะ” ครูสาวคนนั้นเริ่มกลัวความผิดมากขึ้นและหาทางช่วยฉันในที่สุด

“คนสนิทของคุณพ่อ???” ฉันพยายามตั้งสติและคิดตามว่าคือใคร จนกระทั่งวิดีโอเปิดออกมาเป็น...

“นั่นมัน ลูกน้องของบลูไนท์” พอฉันเห็นใบหน้าชัด ๆ ก็แทบจะทรุด เพราะคนที่ลักพาตัวยัยแพรวดาวไปคือลูกน้องคนนั้น คนที่เข้ามาในบ้านเรากับเขา

“บลูไนท์ !!” ฉันเรียกชื่อนั้นพร้อมกำหมัดแน่น ก่อนจะสืบหาที่อยู่ของเขาทันที แม้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะได้ที่อยู่ของนักธุรกิจหมื่นล้านจากชื่อบริษัทสินค้าไอทีแนวหน้า แถมยังเป็นทายาทโดยตรงของบริษัทยักษ์ใหญ่เครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของไทย

@บ้านหลังใหญ่โตมโหฬารหลังหนึ่งที่ไม่อนุญาตให้แท็กซี่เข้าไปส่ง

“มาหาใครครับ?” ยามใส่สูทผูกไทถามฉันอย่างสุภาพ

“ฉันมาหาคุณบลูไนท์ค่ะ” ฉันตอบไปด้วยความร้อนใจ

“ถ้าไม่ได้มีนัดเอาไว้ หรือคุณบลูไนท์ไม่ได้เชิญ ก็เข้าไม่ได้นะครับ” ยามส่ายหน้าทันที

“แต่เขาเอาน้องสาวของฉันมาขังไว้ข้างใน ฉันต้องเข้าไป"

"นะคะพี่ยามให้หนูเข้าไปช่วยน้องสาวหนูทีเถอะ”

ฉันยกมือไหว้ยามคนนั้นอย่างวิงวอน และเปลี่ยนน้ำเสียงจากแข็งเป็นโอนอ่อนทันที

“ไม่ได้จริง ๆ ครับ ผมทำตามหน้าที่” พี่ยามตอบอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีแววตาสงสารใด ๆ ให้ฉัน

ครืดดดดดด

แต่จู่ ๆ ประตูบานใหญ่ก็เปิดกว้างออกด้วยระบบไฟฟ้า

“นายให้เธอเข้ามาได้” เสียงของคนใส่ชุดสีดำเดินมาบอกกับพี่ยามหน้าประตูรั้ว ซี่งแกก็รีบผายมือเชิญให้ฉันเข้าไปทันที

ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างพยายามจะไม่กลัว และเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วยหัวใจที่หวิว ๆ

“คุณคะ น้องฉันอยู่ที่ไหน?” ฉันถามบอดี้การ์ดชุดดำคนนั้น แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรยังคงเดินนำต่อไปเรื่อย ๆ

“พี่พราว!!!!!”

เสียงร้องดังลั่นปนเสียงร้องไห้กลัวของยัยแพรวดาวดังขึ้นมาแต่ไกล เมื่อแพรวดาวเห็นหน้าของฉัน และจังหวะที่ฉันกำลังจะวิ่งไปหาน้อง เราทั้งคู่ก็ถูกรั้งเอาไว้ทันทีโดยแรงผู้ชายถึงสองคน

“เหลือแต่ภรรยามันสินะ” เสียงของใครอีกคนดังขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับยัยแพรวดาว

“จับตัวน้องฉันมาทำไมกัน ทำแบบนี้ทำไม??” ฉันหันไปถามเขาอย่างไม่เข้าใจ

“พ่อเธออยู่ไหน????” เขาหันมาพูดกับฉันแค่ประโยคสั้น ๆ แววตาคมกริบจ้องเข้ามาด้านในอย่างพร้อมจะทำลายล้างชีวิตของฉันให้ย่อยยับ

“ฉันให้โอกาสพ่อเธอกับครอบครัวของเธอมามากเกินไปแล้ว!!!!” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและแข็งทื่อ

“หนูไม่รู้ว่าพ่อไปไหน หนูไม่รู้จริง ๆ”

ยัยแพรวดาวยังคงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว และฉันอยากจะวิ่งเข้าไปกอดน้องเหลือเกิน เพียงแค่ตอนนี้มีใครอีกคนที่เดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน และมองฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“100 กว่าล้านไม่ใช่เงินน้อย ๆ แต่ที่ฉันเจ็บกว่าการโกงเงินคืออะไรรู้ไหม???” เขาพูดกับฉันและมองหน้าราวกับคิดว่า ฉันคือพ่อที่กำลังรับฟังอยู่

“พ่อเธอเอาข้อมูลความลับลูกค้า และความลับของบริษัทไปขายจนหมด คนทรยศแบบพ่อเธอ ช่วยฉันคิดทีสิ ว่าจะฆ่ามันด้วยวิธีไหนดี” เขาก้มลงมากระซิบข้างใบหูของฉัน
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 148

    “แค่หนูอยากได้ผัวรวย ๆ และมีชีวิตแบบพี่บ้าง หนูผิดตรงไหน” เธอพูดราวกับว่ามันไม่ผิดสักนิดที่จะมาแย่งบลูไนท์หรือแชร์บลูไนท์กับฉัน“พี่ว่าพี่ชดใช้ให้พ่อกับแม่และน้าผึ้งมามากพอแล้วนะ” ฉันพูดออกไปอย่างคนใจดำและคิดในใจว่ามันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่ พ่อบุญธรรมของฉันทำเอาไว้..แต่กับแพรวดาว ในวินาทีสุดท้ายที่ฉ

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 147

    “เธอเสนอตัวอยากนอนกับฉัน เพราะอยากจะสุขสบาย อยากมีทุกอย่าง อยากได้ทุกอย่าง เหมือนที่พี่ เธอได้..” บลูไนท์พูดแดกดันใส่หน้าของแพรวดาว“จะบอกให้นะ ถ้าเธอใจง่ายให้ผู้ชายไปทั่วแบบนี้ จะไม่มีผู้ชายคนไหนยกย่องเธอ!!!” บลูไนท์ชี้หน้าต่อว่า อย่างไม่ยอมหยุด เพราะแพรวดาวแบะปาก และเขม้นตามองฉันอย่างหาเรื่อง“ขนา

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 146

    “ถ้าวันนั้นพี่พราวไม่เสนอตัวอยากนอนกับคุณ ยังไงคุณก็ต้องเลือกหนู” แพรวดาวเถียงกลับอย่างมั่นอกมั่นใจ“ยัยเด็กนรก แทนที่เธอจะขอบคุณที่พราวเสียสละเพื่อเธอ แต่กลับมาท้วงสิทธิ์อยากเป็นเมียของฉัน จนตัวสั่น” บลูไนท์ตอกกลับไปทันที“ต่อให้ฉันเอาเธอ ฉันก็ไม่มีทางยกเธอให้เป็นเมียหรอกนะ” บลูไนท์ขึ้นเสียงอย่างไม

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 145

    Ep.49HAPPY WIFE HAPPY LIFE (END)“แล้วถ้าคืนนี้ หนูยอมคุณ...คุณจะ....” ร่างของสาวน้อยวัยเจริญพันธุ์ที่ค่อย ๆ เอาทรวงอกโตของเธอถูไถเข้ากับท่อนแขน ของผมอย่างจงใจยั่วยวนให้ผมฟุ๊บบบบ ผมจับแขนของเธอ ก่อนจะดึงออกจากร่างกายของผม และดันท่อนแขนที่บอบบางนั้น ไปด้านหลังของเธอราวกับตำรวจที่จับผู้ร้าย.. ผมกด

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 144

    “ฉันนะไม่มีปัญหาถ้าเธอจะอนุญาตให้ใครมาพักอยู่ที่บ้าน” บลูไนท์จับไหล่ทั้งสองของฉัน“เพราะยังไงเธอก็ถือว่าเป็นเจ้าของบ้านเช่นกัน” เขาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง“แต่ฉันแค่อยากให้เธอระวังและอย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะคนจากบ้านนั้น” บลูไนท์มองไปที่แพรวดาวอย่างไม่วางใจ“ฉันว่าน้องไม่มีพิษภัยอะไรหรอก” ฉันยั

  • BAD PRISON ขังรัก   บทที่ 143

    แพรวดาวเดินเข้ามา ก่อนจะยกมือไหว้ทางบลูไนท์และไหว้มาที่ฉันบลูไนท์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็รับไหว้แบบหน้านิ่ง ๆ “พี่พราว...” เธอเรียกอย่างเกร็ง ๆเพราะสถานะของเราที่เปลี่ยนไป“เธอพาเข้าไปคุยในห้องรับแขกเถอะพราว อยู่ข้างนอกอากาศร้อน” บลูไนท์หันมาพูดกับฉัน ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน พร้อมกับถือถุงช็อปปิ้งเดิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status