มาเฟียผู้ไม่เคยยอมใครอย่างเขา แต่กลับถูกปู่ผู้มีพระคุณบังคับให้หมั้นหมายกับหลานสาวเพื่อนสนิท ทั้งที่เขาและเธอไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ พิธีหมั้นถูกจัดขึ้นโดยที่เขาและเธอต่างไม่เต็มใจแต่เพื่อผลประโยชน์และอำนาจทำให้ทั้งสอง 'จำยอม' ลองใช้ชีวิตด้วยกัน "เซนโซ่" มาเฟียหนุ่ม ผู้ที่ไม่เคยผูกมัดหรือให้สถานะกับคู่นอนคนไหน แต่กลับถูกปู่ผู้มีพระคุณบังคับให้เขาเข้าพิธีหมั้นอย่างไม่เต็มใจ โมเอิร์น นักศึกษาสาวปี3 นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเป็นที่สุด ทายาทมาเฟียอย่างเธออยากได้อะไรก็ต้องได้เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ แต่แล้ววันหนึ่งกลับถูกคลุมถุงชนอย่างไม่มีข้อแม้ เธอต้องหมั้นกับผู้ชายแปลกหน้า
View Moreก๊อก! ก๊อก!
ร่างสูงดูดีละสายตาจากหน้าจอไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุดเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปยังประตูบานใหญ่หน้าห้องทำงาน ภายในเพนท์เฮาส์สุดหรูบนตึกสูงระฟ้ากลางเมืองแหล่งธุรกิจ
“เข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอนุญาต ประตูถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของ ‘จิม’ มือขวาคนสนิทผู้ติดตามเขาไปทุกที่เพื่อดูแลและช่วยอำนวยความสะดวก ร่างหนาสูงโปร่งสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานเจ้านาย
“มีอะไร”
“นายใหญ่โทรมาสั่งให้นายไปพบที่บ้านตอนนี้ครับ”
“ทำไม?”
“ไม่ทราบครับนาย” จิมตอบกลับ พลางก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด ยอมรับว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อคนที่อยู่ปลายสายคือนายใหญ่ผู้มีพระคุณ เขาจึงไม่กล้าซักไซ้ไล่ถาม
“จิ๊!...” เสียงจิ๊จ๊ะดังจากปากหนาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนก้าวเดินออกจากห้องไป โดยมีลูกน้องคนสนิทเดินตามมาติดๆ เพื่อทำหน้าที่คนขับรถ
ใช้เวลาไม่นานนัก รถหรูสีดำเงาก็ขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาว ตั้งเด่นตระง่านบนพื้นที่กว่าสี่ไร่กลางกรุง
ตึก! ตึก!
สองเท้าหนักก้าวเดินเข้ามาในคฤหาสน์หรูโอ่อ่า ที่ๆเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่จำความได้ ก่อนจะย้ายไปอยู่อังกฤษเพื่อศึกษาเล่าเรียนและเติบโตที่นั่น
“สวัสดีครับปู่”
“แกจะทำแต่งานรึไงเจ้าโซ่ ถ้าปู่ไม่โทรไปตาม แกคิดจะมาหาคนแก่บ้างมั้ย”
“ปู่ก็รู้ ช่วงนี้ผมยุ่ง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แขนทั้งสองข้างวางพาดบนพนักพิงท่าสบาย
“เอาล่ะๆ..เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ปู่ต้องการให้แกหมั้น” เสียงขรึมของชายชราวัยเจ็ดสิบปีเอ่ยบอกหลานชายหัวแก้วหัวแหวน เลี้ยงดูฟูมฟักตั้งแต่เด็กกระทั่งเติบโต และขึ้นแท่นรับตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียใหญ่แทนเขา รวมทั้งสืบทอดธุรกิจสีเทาและมืดสนิททั้งหมด
“ปู่ว่าไงนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะมันไม่เคยอยู่ในหัวสมองเขาเลยด้วยซ้ำ ‘ผมหูฝาดรึไงวะ’
“ปู่บอกว่า แกต้องหมั้นกับหลานสาวเพื่อนปู่” ไซซีบอกความต้องการให้เซนโซ่รับรู้ เพราะเจ้าหลานชายตัวดี เอาแต่ทำงาน เที่ยวกินไปทั่ว ไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใครสักที คนเป็นปู่จึงคิดหาผู้หญิงดีๆซักคนมาอยู่เคียงข้าง ให้สมกับตำแหน่งหัวหน้ามาเฟีย และหลานสาวเพื่อนเหมาะสมที่สุด
“ไม่ครับ! ผมไม่หมั้น! ผมไม่พร้อมดูแลใครตอนนี้” เซนโซ่ปฏิเสธเสียงแข็ง เวลานี้เขาอยากทำงานมากกว่าต้องมานั่งเอาอกเอาใจ ดูแลใคร อีกอย่าง...นั่นไม่ใช่นิสัยเขาซักนิด อยากก็ใช้เงินซื้อ เสร็จแยกย้าย ไม่ผูกมัดไม่มีสถานะแม้กระทั่งคู่นอน คนอย่างเขาครั้งเดียวก็เกินพอไม่กินซ้ำสอง
“เหอะ! นี่ไม่ใช่คำบอก แต่ เป็น คำสั่งของปู่” ไซซีเน้นชัดทุกคำด้วยท่าทีจริงจัง มองจ้องหลานชายเพียงคนเดียวด้วยแววตาแน่วแน่
“ปู่จะสั่งเรื่องไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้เพราะผมไม่มีทางยอม!” น้ำเสียงหนักแน่นลั่นจากปากหนาหยักลึก ร่างสูงดันตัวลุกขึ้น สาวเท้าเดินไปจากห้องรับแขกทันที
‘เซนโซ่’ เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ดวงตาคมกริบ เรียวคิ้วหนาพาดเฉียง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักลึกสีอ่อน แม้จะผ่านการสูบบุหรี่มาอย่างหนักก็ไม่อาจทำให้สีคล้ำลงแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้า ทุกอย่างที่เป็นเขาเหมาะสมลงตัวไปเสียหมด
ร่างสูงเดินออกจากคฤหาสน์หรูหราใหญ่โตด้วยอารมณ์หงุดหงิดพลุ่งพล่าน โดยไม่คิดใส่ใจเสียงตะโกนเรียกของไซซีแม้แต่น้อย ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า ปู่ผู้มีพระคุณออกคำสั่งเด็ดขาดผ่านมือขวาคนสนิทให้เขารีบมาที่นี่ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเลี่ยงได้ ทำให้ต้องทิ้งงานมานั่งฟังเรื่องไร้สาระไกลถึงที่นี่
“เหอะ!หมั้นอย่างนั้นหรอ น่ารำคาญชิบหาย!”
“เชิญครับนาย” เมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามาใกล้ จิมจึงรีบเปิดประตูรถให้ และพาตัวเองขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยประจำตำแหน่งคนขับทันที หลังจากรถแล่นพ้นอาณาเขตคฤหาสน์ซักพัก ก็ยังไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากเซนโซ่ จิมทำได้เพียงเหลือบสายตามองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะไม่กล้าปริปากถาม
“มองอะไรไอ้จิม! ไปคลับ” เซนโซ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเยียบทั้งที่สายตาคมยังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ราวกับล่วงรู้ความคิดลูกน้องคนสนิทยังไงอย่างงั้น
“ครับๆ”
ไม่นานเกินรอ รถหรูขับเข้ามาจอดภายในลานจอดวีวีไอพีสำหรับเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้เท่านั้น ทันทีที่รถจอดสนิทจิมรีบลงจากรถเพื่อทำหน้าที่เปิดประตูให้เจ้านายเหมือนกับทุกครั้ง พร้อมติดตามเข้าไปด้านใน เซนโซ่ใช้ทางเข้าออกด้านหน้าเหมือนลูกค้าคนอื่น แต่ที่ต่างออกไปเห็นทีจะเป็นเหล่าบอดี้การ์ดทำหน้าที่บริเวณนั้นยืนตรงโค้งศีรษะเล็กน้อยขณะเขาเดินผ่าน
วันต่อมา...
@คฤหาสน์ไซซี
“ปู่โทรตามผมมาทำไมอีกครับ” เสียงทุ้มเรียบนิ่งเอ่ยขึ้น ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกตรงข้ามกับปู่เขา
“ปู่มีนัดทานข้าว”
“เกี่ยวอะไรกับผม?” เซนโซ่ถามกลับด้วยท่าทียียวนกวนประสาท มีนัดก็ให้เลขาขับรถพาไปสิ จะโทรตามเขามาทำไมอีก
“แกต้องไปทำความรู้จักกับว่าที่คู่หมั้น แล้วก็พาน้องไปที่คลับของแกด้วย จะได้รู้จักกันมากขึ้น”
“แต่ผม...” ร่างสูงดูดีไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น คนเป็นปู่เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ทำตามที่ปู่บอกเจ้าโซ่!!” เสียงขรึมหนักแน่นพูดบอกด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ก่อนเดินนำออกไปขึ้นรถหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่มีเลขาคนสนิทรออยู่และขับออกสู่ถนนใหญ่ โดยมีรถสปอร์ตหรูสีดำเงาของเซนโซ่ขับตามมาติดๆ
ปึก!
“โธ่โว๊ย!” ร่างสูงสบถอย่างหัวเสีย กระแทกมือสากลงบนพวงมาลัยรถเต็มแรงอย่างต้องการระบายอารมณ์ เท้าหนาเหยียบคันเร่งตามรถลีมูซีนคุ้นตา กระทั่งขับเข้ามาในบริเวณบ้านหลังใหญ่ขนาดไม่ต่างจากคฤหาสน์ไซซี
“สบายดีมั้ยวะไอ้ไซ” โฬมเจ้าของบ้านเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเพื่อนรักอย่างไซซีก้าวลงจากรถ เป็นจังหวะเดียวกับรถสปอร์ตหรูอีกคันขับเข้ามาจอด เรียกความสนใจจากโฬมกับแบล็คได้เป็นอย่างดี นั่นไม่ใช่รถของหลานสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจและพวกเขากำลังเฝ้ารอเธออย่างใจจดจ่อ หวังอย่างยิ่งว่าหลานสาวจะไม่หักหน้าป๊ากับปู่โดยการผิดนัดผู้ใหญ่
“สวัสดีครับอาไซ” แบล็คทักทายชายสูงวัยรุ่นพ่อรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี
“สบายดีนะแบล็ค”
“ครับอา”
“นี่เจ้าโซ่ หลานฉัน” ไซซีเอ่ยแนะนำหลานชาย ถึงแม้ทั้งสามคนเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่เซนโซ่ยังเด็กอาจจะจำกันได้อย่างเลือนลาง
“สวัสดีครับปู่โฬม...สวัสดีครับอาแบล็ค” เซนโซ่ทักทายญาติผู้ใหญ่ พลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีนอบน้อมตามมารยาท
“ไม่เจอกันนาน โตเป็นหนุ่ม หล่อเชียวนะ...ไปๆ เข้าไปนั่งข้างในก่อน นานๆเจอกันทีฉันมีเรื่องคุยเยอะแยะ” โฬมเอ่ยบอก พร้อมกับหมุนตัวเดินนำเข้าไปด้านในตัวบ้าน หวังจะชวนคุยประวิงเวลารอหลานสาวตัวแสบ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ใกล้มาถึงบ้านรึยัง
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก
“ไอ้โซ่มึงกลับไปห้องทำงานก่อน”“กูไม่ไป ที่นี่คลับกู” คนที่สมควรออกไปคือคนไม่คิดให้เกียรติเจ้าของสถานที่เขาคิดอย่างนั้น“โซ่เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนอย่างตาลงั้นหรอ” ลูกตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หล่อนถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียน วันนี้หล่อนก็ยังต้องการเซนโซ่มาเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อน“โมเอิร์นเป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน” เซนโซ่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกทำเช่นนั้นหากผู้หญิงตรงหน้ายังแสดงท่าทีหยาบคายใส่คนรัก“ไอ้โซ่ถือว่ากูขอ มึงใจเย็นก่อนดิวะ กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”“ไม่!!”“น้องโมช่วยพามันไปทีครับ” ฟาสเลือกขอความช่วยเหลือจากโมเอิร์นแทน รู้ดีว่าคนอย่างเซนโซ่ถ้าลองได้ฟาดงวงฟาดงาแล้วไม่ยอมลามือง่ายๆ“พี่โซ่คะ...เราไปห้องทำงานกันเถอะนะ ยืนนานโมเมื่อยขาแล้ว” โมเอิร์นเอ่ยอ้างถึงความเมื่อยล้าเผื่อว่าเข
“พี่โซ่”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากผล็อยหลับไปนานนับชั่วโมง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซนโซ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม“ครับ”“ยังทำงานไม่เสร็จหรอคะ...โอ๊ะ!” สงสัยนอนนานไปหน่อย พอขยับตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งอาการปวดเมื่อยก็เข้าเลยงานอย่างจังจนโมเอิร์นนิ่วหน้า“เป็นอะไร? มานี่มา” ร่างสูงดันเก้าอี้ห่างโต๊ะทำงานเล็กน้อยรอให้คนตัวเล็กเดินมาหา มือหนารั้งให้เธอนั่งลงบนตักแกร่ง โมเอิร์นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดใช้แขนเรียวโอบลำคอหนาประคองตัวเองไว้ มืออีกข้างดึงชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นสูงไปมากกว่านั้น“โมปวดหลัง”ได้รับรู้ถึงสาเหตุมือหนายกขึ้นบีบนวดแผ่นหลังเล็กเบาๆคลายความปวดเมื่อยให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นเขาเองอยากทำด้วยความเต็มใจ“ดีขึ้นมั้ยครับ”“ดีมากเลยค่ะ” โมเอิร์นตอบด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปหาเจ้าของตักหอมแก้มสากเป็นรางวัล การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเซนโซ่ได้เป็นอย่างดี ‘น่ารักจังวะ’“เราจะไปกันตอนไหนคะ”
“ยัยโมจะไปไหนต่อ? ฉันกับนิวอยากดูหนัง” ให้หลังอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปพะแพงหันมาถามโมเอิร์นในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันลุกจากเก้าอี้ ส่วนเธอกับเพื่อนสนิทยังเก็บของไม่เสร็จ“ฉันมีนัดแล้ว ไว้วันหยุดนะ”“คู่หมั้นสุดหล่อมารับอีกแล้วล่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟคที่สุด”“เว่อร์...วันนี้ฉันขับรถมาย่ะ แล้วนัดของฉันก็ไม่ใช่พี่โซ่”“งั้นฉันจะโทรศัพท์ไปฟ้องพี่เซนโซ่ดีมั้ย” นิวแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโมเอิร์นด้วยท่าทีทะเล้น“หยุดเลย ไปได้แล้ว จะไปดูหนังไม่ใช่รึไงรีบไปสิ” โมเอิร์นยกมือดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางเดินก่อนแยกย้ายกันไปโมเอิร์นเดินเลี่ยงมายังมุมตึกจุดที่เจอฟาโรเมื่อเช้า ก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนอย่างที่ว่าไว้ ทว่า เสี้ยววินาทีสายตาเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้วเรียว หัวสมองพลันนึกถึงเซนโซ่ขึ้นมา จู่ๆเธอก็รู้สึ
Comments