ที่ร้านอาหาร
“เอ่อสวัสดีค่ะ” เอิงเอยเอ่ยทักทายเจย์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามานั่ง
ตอนนี้เอิงเอยทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อวานจู่ ๆ เอิงเอยก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวให้อีกเสร็จสรรพ
ตอนตื่นนอนตอนแรก เธอยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าพอได้อ่านโน้ตที่อีกฝ่ายเขียนแปะไว้ให้ก็ยิ่งเขินใหญ่
[ขอโทษที่รื้อกระเป๋าหากุญแจนะครับ แล้วก็ประตูรั้วหาช่างมาทำที่ล็อกไว้ก็ดี]
ตอนนั้นเอิงเอยกรี๊ดหนักมากผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งใจดี แถมลายมือที่เขียนก็ยังดูสุภาพสมกับเป็นเขาเสียเหลือเกิน
แต่ความจริงแล้วประตูรั้วมันพังมานานแล้วแหละเอิงเอยแค่ยังไม่มีเวลาเรียกช่างมาซ่อม เพราะจะให้ช่างมาซ่อมก็ต้องมีเพื่อนคอยอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ความคิดของเอิงเอยเหรอนะแต่เป็นความคิดของมิ้นและเจมส์ต่างหาก และตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ค่อยว่างก็เลยยังไม่ถูกซ่อมเสียที
“สวัสดีครับ เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ” เจย์เอ่ยถามเอิงเอยตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเรียกพนักงานมารับออเดอร์
“ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะเจย์ที่พาเอิงเข้าบ้านไปนอนอย่างปลอดภัย” เจย์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่วันนี้อยากทานอะไรครับพี่เลี้ยงเอง” เจย์เอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นเมนูอาหารให้เอิงเอยเพื่อดูเมนู
“หืม จะเลี้ยงเอิงทำไมคะ เอิงเป็นคนชวนมา”
“ห้าล้านที่น้องเอิงให้มาใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ คิดว่าเป็นเซอร์วิสพิเศษเพิ่มอีกอย่างให้ก็แล้วกัน” เจย์พูดติดหัวเราะ ทำให้เอิงเอยยิ้มออกมาอย่างสบายใจทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังแอบเกรงใจเจย์อยู่ นิด ๆ
หลังจากได้รับเมนูอาหารมา เอิงเอยเลือกสั่งอาหารกับพนักงานซึ่งเมนูล้วนแล้วแต่เป็นภาษาอังกฤษแต่เอิงเอยก็ออกสำเนียงได้ดีทีเดียวแถมวันนี้ยังมาในลุคที่แตกต่างจากเมื่อวานมาก
เจย์มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ลุคของเธอดูแปลกตาหน่อย ๆ ผมตรงยาว ใบหน้าแต่งหน้าอ่อนๆ เข้ากับสีลิปสติกสีีพีชที่เด่นชัด บนหัวประดับไปด้วยกิ๊บติดรูปดอกไม้สองข้าง ชุดก็เป็นชุดกระโปรงสีพีชหวานเรียบ ๆ ไม่ได้สั้นและไม่ได้ยาวจนคลุมทั้งขารองเท้าก็เป็นส้นเตี้ยรัดข้อสีขาวสบายๆ กระเป๋าที่สะพายมาก็เป็นรูปดอกไม้สีขาวที่มีจุดสีเหลืองตรงกลาง
เรียกได้ว่าแต่งได้หวานฉ่ำเหมือนยกสวนดอกไม้มาไว้ที่ตัวเลยก็ว่าได้
“เออแล้วพี่เจย์อยากทานอะไรคะ”
“อ่าครับว่าไงครับ?” เจย์เอาแต่จ้องมองเอิงเอยตอนที่เธอสั่งอาหาร จนเกือบจะลืมตัวไปเหมือนกันว่าเผลอมองหญิงสาวตรงหน้าไปแล้ว
“ลอยไปถึงไหนกันคะเนี่ย”
“อ่อ กำลังคิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง”
เอิงเอยหัวเราะเบา ๆ ไม่ตอบรับอะไรกับคำชมเพราะว่ามันธรรมดาและเบสิกเอามาก ๆ ก่อนที่เอิงเอยจะชวนเจย์คุยต่อ
“เออแล้วปกติของการเป็นโฮสต์ พี่เจย์ต้องทำอะไรบ้างหรือคะ”
เจย์มองเอิงเอยแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่วนเอิงเอยก็ยิ้มให้เขาและรอฟังคำตอบของเขาที่กำลังทำท่ากระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบออกมา
“ก็ไม่มีอะไรมากเหรอครับเราก็แค่ดูแลลูกค้าตามปกติคอยเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ”
“แล้วเขามีดีลลับอย่างอื่นกันด้วยใช่ไหมคะ”
เจย์หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามจากเอิงเอย เขาคงกำลังคิดละสิว่าทำไมเอิงเอยถึงกล้าถามอะไรแบบนี้ แต่ทำไงได้เธออยากรู้จริง ๆ นี่ ว่าพี่เจย์ของเธอรับแขกด้วยหรือเปล่า
แขก...ที่หมายถึงแขกที่เป็นผู้ชาย ...ที่เจย์บอกว่าชอบ
“ครับก็แล้วแต่ทั้งคู่ตกลงกัน” เจย์ตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา
เอิงเอยเลยได้ยิ้นเจื่อน ๆ
-ไม่รู้ถามออกไปทำไม ถามเองเจ็บเองนักเลยพอ แหะ ๆ -
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่เขาสั่งมาก็มาเสิร์ฟ ทั้งเอิงเอยและเจย์เลยตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะตั้งใจกินอาหารของตัวเองไป
เจย์ดูไม่อะไร นั่งกินอาหารไปเรื่อย ๆ ส่วนเอิงเอยก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาเลยน่าจะเจริญอาหาร พอเห็นเขาอารมณ์ดี เอิงเอยเลยไม่ได้ชวนคุยอะไรมาก ปล่อยให้เขาได้กินอย่างสบายใจ
เอานะ ขอแค่ครบสามวันอีกไม่นาน ความอึดอัดของพี่เจย์ตรงนี้ก็จบลง
“ขอบคุณที่มาในวันนี้นะคะแถมยังเลี้ยงอาหารอีกด้วย” เอิงเอยเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจที่เจย์เป็นฝ่ายออกค่าอาหารให้ทั้งหมด แต่ก็อย่างที่เจย์บอก การเลี้ยงอาหารในวันนี้แค่เล็กน้อย เทียบไม่ติดกับเงินที่เอิงเอยจ่ายให้เขาเลยด้วยซ้ำ
เจย์ยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำ
“แล้ววันนี้กลับยังไงครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินออกจากร้านอาหารมาได้สักพัก ก่อนจะเอิงเอยจะสังเกตและมองไปรอบๆ พบว่ามีสายตาหลายคู่นั้นมองมาที่เขาตลอดเวลา
ก็นะ คนระดับเจย์คงน่าจะเป็นที่รู้จักของหลายคน หลังจากที่เขาได้ไปร่วมงานถ่ายแบบกับซีรีส์วายแห่งหนึ่ง แล้วทางค่ายเริ่มโปรโมตหนักขึ้น ทำให้คนน่าจะรู้จักเขาพอประมาณ
สงสัยต่อไปเอิงเอยคงได้ซื้อหมวกซื้อแว่นตามาใส่เดินแล้วซะมั้ง
“อ๋อ คือวันนี้เองพอดีมีนัดเจอกับเพื่อนที่นี่ต่อค่ะ^^…ยังไงก็กลับดีๆ นะคะ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” เอิงเอยเอ่ยลาพร้อมส่งยิ้มกว้างเจย์
เขาส่งยิ้มกลับ ยกมือขึ้นเอ่ยลาเอิงเอยบ้าง
เจย์ขอตัวเดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายตัวเองก็อดทนจนผ่านการทานข้าวกับยัยเด็กสาวน่าเบื่อนั่นจนกระทั่งหมดเวลา
“เฮียเจย์!”
เสียงคุ้นเคยของคนคนหนึ่งตะโกนเรียก เจย์เลยหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารแห่งเดียวกัน
“ว่าไงไอ้เจมส์มาทำอะไรที่นี่วะ” เจย์เอ่ยทักทายน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะเจย์ออกมาอยู่คอนโดส่วนตัว ส่วนน้องก็อยู่กับที่บ้าน มีอะไรพี่น้องสองคนมักจะติดต่อหากันในไลน์เท่านั้น
พอไล่มองการแต่งตัวของน้องชายที่ดูหล่อเนี้ยบผิดปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง พร้อมยิ้มยียวนให้น้องชาย มาแนวนี้คงหนีไม่พ้นมาเดทอย่างแน่นอน
“สายตาอะไรของเฮียเนี่ย ไม่ใช่อย่างที่คิดนะเฮีย”
“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ว่าแต่นัดใคร หญิงอ่อ”
“เปล่าเฮีย แค่นัดมาเจอเพื่อนเฉยๆ” เจย์มองหน้าน้องชายที่เอ่ยปฏิเสธ แต่ใบหน้ามันดูแดง ๆ แถมยังยิ้มเขิน ๆ
นั่นอีกดูก็รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก็เอาเถอะเพราะน้องชายก็ยี่สิบสามแล้ว ควรจะมีแฟนได้แล้วเหมือนกัน
“เออ...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นเฮียไปทำงานต่อละ ตามสบายไอ้น้อง” เจย์ตบบ่าน้องชายเบา ๆ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป โดนมีเสียงเจมส์ที่ตะโกนตามา
“เฮียเจย์ ไว้ว่างๆ ก็กลับมาบ้านบ้างนะเฮีย พ่อกับแม่บ่นคิดถึงนะ”
เจย์พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้น้องชาย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป แต่ก่อนจะไปก็หันไปแซวมันอีกที
“พาหญิงมาแนะนำบ้างนะเว้ย” เจย์ยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตะโกนกลับมาด้วยความเขินอาย
“โธ่เฮีย ก็บอกว่าเพื่อนไงเล่า!” พอพูดจบเจมส์ก็เดินจ้ำหนีเขาไปภายในร้านอาหารทันที
เจย์เลยหัวเราะออกมาที่ได้แกล้งน้องชาย เสียดายที่เขาไม่ได้ไปทักทายผู้หญิงของน้อง เพราะดันมีงานต่อ
เอาเถอะถ้าน้องชายจะมีแฟนจริง ๆ อีกไม่นานเหรอเดี๋ยวน้องชายเขาก็คงจะพามาเปิดตัวเองนั่นแหละ
💜
ห้าปีต่อมา“เดซี่”“พ่อคะแม่คะ” ใบหน้าสวยหวานโบกมือทักทายผู้เป็นพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้มใสเด็กตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักเหมือนนางฟ้านางสวรรค์คนนี้มีชื่อว่าเดซี่และแน่นอนว่าเอิงเอยคือลูกสาวของเอิงเอยและเจย์“ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ดูแลเดซี่ให้” เจย์เอ่ยขึ้นมองพ่อกับแม่ที่เริ่มแก่ลงแต่ก็ยังมาคอยช่วยเลี้ยงหลานในวันที่เขาและเอิงเอยติดธุระ“ไม่เป็นไรลูกแล้วเอิงเอยไปไหนล่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม“หลับน่ะครับสงสัยเดินเยอะแล้วคงจะเพลีย” เจย์เอ่ยบอกพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยด้วยความคิดถึง“ดูแลกันดีๆ นะลูกพ่อกับแม่ขอตัว” เจย์โบกมือลาพ่อกับแม่รวมถึงเดซี่ที่ยิ้มส่งลาทั้งคู่อย่างน่ารัก“แม่หลับเหรอคะ” เดซี่เอ่ยถาม“ครับสงสัยน้องน่าจะกวนทั้งคืน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มวันนี้เขาพาเอิงเอยไปตรวจครรภ์ครบแปดเดือนมา ท้องของเอิงเอยใหญ่มาก เนื่องจากใกล้จะคลอดเต็มที่เด็กในท้องเป็นผู้ชายร่างกายสมบูรณ์และคึกมากๆ เพราะเจ้าตัวถีบท้องเล่นตลอดจนเอิงเอยต้องตื่นกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง“น้องดีน่ะเหรอคะ” คำพูดของลูกสาวทำเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางเดซี่ลงนั่งบนโซฟาและเดินไปหาน้ำมาให้ลูกสาวดื่ม“น้องดีเหรอใครเป็นคนตั้งชื่อ” เขาเอ่
วันต่อมา“พ่อคะแม่คะ หนูพาลูกเขยพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ” เอิงเอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสกับหลุมศพของพ่อกับแม่ซึ่งเจย์ก็ได้แต่ยืนนิ่งแม้จะรู้ว่าเอิงเอยในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่แต่ภายในของเอิงเอยก็คงเศร้ามากอย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมเจย์ครับ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะวางดอกไม้เป็นการเคารพทั้งสองท่านเอิงเอยยิ้มและปัดไปที่รูปภาพเล็กๆ ของทั้งสองอย่างคิดถึง“ไม่ต้องห่วงหนูนะคะหนูใช้ชีวิตอย่างดีมาโดยตลอดและต่อไปนี้หนูก็จะมีคนมาดูแลด้วย” เอิงเอยพูดพร้อมหันไปหาเจย์ที่ส่งยิ้มและบีบมือของเอิงเอยอยู่“คิดถึงนะคะ..นะ..หนูคิดถึงฮึกก....พะพ่อกับแม่มากๆ เลย” เจย์มองเอิงเอยที่เริ่มร้องไห้ออกมาเขาโอบไหล่บางเป็นการปลอบเอิงเอยเข้มแข็งมากที่อยู่ตัวคนเดียวได้บนโลกใบนี้“ตะต่อไปฮึกหนูก็จะคิดถึงพ่อกับแม่อีกฮึกถ้าชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีกนะคะ” เอิงเอยเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าเจย์ดึงเอิงเอยมาก่อนพร้อมกับลูบผมของเอิงเอยอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้เอิงเอยร้องไห้ออกมาจนพอใจก่อนจะผละตัวออกไป“พี่สัญญาว่าต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเราแทนพ่อกับแม่ของเอิงเอง” เจย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะกดจู
“พร้อมไหม?” เจย์เอิงถามกับเอิงเอยตอนนี้ทั้งคู่มายืนอยู่หน้าบ้านของเจย์แล้ว สายตาคมจ้องมองบ้านตัวเองที่ไม่ได้มานาน ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่ไปมากขนาดไหนซึ่งก่อนมาเขาก็ฝากบอกน้องชายให้บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว“ค่ะ!” เอิงเอยเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเจย์ประหลาดใจเล็กน้อยที่เอิงเอยดูไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ และทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในบ้านทันที“ลูก/เจย์” ใบหน้าหล่อมองบุคคลทั้งสองด้วยความคิดถึง เอิงเอยปล่อยมือให้เจย์ได้เข้าไปกอดกับพ่อแม่ทั้งสามยืนกอดกันและเป็นแม่ของเจย์ที่ร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงลูกชายส่วนเจย์ก็ยิ้มดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อกับแม่อีกครั้ง“ผมขอโทษนะครับ” เจย์เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดแต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็คงจะเลือกหนีออกจากบ้านเหมือนเดิมเพราะเขาคงทนอยู่ด้วยความอับอายกับความโง่เขลาของตัวเองไม่ได้เหรอ“ไม่เป็นไรลูกผิดพลาดแล้วก็ช่างมัน” แม่ของเจย์เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นพร้อมกับกอดเจย์อีกครั้ง ส่วนพ่อของเขาก็ยกมือขึ้นลูบผมลูกชายด้วยความรักเช่นกันเอิงเอยมองภาพอบอุ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็อยากกอดพ่อกับแม่แบบนี้บ้างจัง“แล้วแม่สาวน้อย..”“สวัสดีค่ะหนูชื่อเอิงเอยค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยขึ
เคร้ง!คำพูดของเอิงเอยทำเขาถึงกับทำช้อนตกใส่จานอาหาร เอิงเอยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเจย์ทำท่าช็อก“พูดอะไรเนี่ย!” เจย์เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างไม่เชื่อหู มีที่ไหนผู้หญิงจะขอผู้ชายแต่งงานก่อน“ไม่แต่งเหรอคะหนูให้สินสอดพี่เยอะๆ เลยก็ได้” เอิงเอยยังคงพูดต่อ เธอเกรงใจที่เจย์ต้องไปๆ มาๆ ที่คอนโดกับที่บ้านเอิงเอย สู้ย้ายมาอยู่บ้านเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวก็สิ้นเรื่อง“เอิงครับ พี่สิต้องเป็นคนขอ ไม่ใช่เรา” เจย์เอ่ยตอบเสียงเรียบ“นี่มันสมัยไหนกันแล้วค่ะไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนขอก่อน นะๆ แต่งงานกันนะคะ พี่เจย์จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเอิงไง”เจย์ผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจต้องเป็นเขาสิที่เป็นคนขอเอิงเอยแต่งงานและต้องเป็นเขาสิที่ต้องพาเอิงเอยย้ายมาอยู่ด้วยกัน“น้าๆ ~” เอิงเอยยังคงเว้าวอนไม่เลิกดวงตาสวยกะพริบกันถี่ ๆ จนคนเจย์อมยิ้มออกมา“ไหนแหวนล่ะ” เขาเอ่ยถามเอิงเอยชะงักไปทันทีเพราะไม่ได้เตรียมมา“อะเอ่อเป็นจุ้บ ๆ ขัดไว้ก่อนได้ไหมคะแหะ ๆ ^^” เจย์มองเอิงเอยที่จำแห้งเขาลุกขึ้น ก่อนจะเชยคางเอิงเอยมาจูบอย่างดูดดื่มเอิงเอยจูบตอบด้วยรอยยิ้มเขินในทันทีไม่นานเจย์ก็ผละจูบออกไปสองสายตามองกันพร้อมกับ
“แย่จังนะคะ พอดีพ่อแม่เอิงทิ้งมรดกไว้ให้เยอะมากเสียด้วยสิ” เอิงเอยเอ่ยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากเมย่าได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ที่ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเอิงเอยได้แล้วตอนนี้ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาใสซื่ออย่างเอิงเอยก็กำลังควบคุมเอิงเอยจนอยู่หมัดเมย่ามองทั้งสองด้วยความแค้นก่อนจะเอ่ยขึ้น“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เมย่าเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป ส่วนเอิงเอยได้ยักไหล่ออกมาอย่างไม่แคร์ “ไม่รับฝากจ้าขี้เกียจถือมันหนักคิกๆ” เจย์ส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของเอิงเอยเขาถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกไม่สบายใจทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กับเข้ามาสะสางปัญหาให้เขาจนหมดสิ้น“ขอโทษนะครับ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพี่แท้ ๆ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เอิงเอยมองใบหน้าหล่อก่อนฉีกยิ้มกว้าง“งั้นเอิงขอกอดจากพี่เจย์แน่น ๆ เป็นของรางวัลได้ไหม?”"แถมให้มากกว่ากอด ทั้งคืนเลยครับ"ใบหน้าหล่อระบายยิ้มออกมาก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายเต็มรัก เอิงเอยจมอยู่ในอ้อมกอดแกร่งด้วยรอยยิ้มและหวังว่าต่อจากนี้ผู้ชายของเอิงเอยจะมีแต่ความสุขในทุกๆ วันหนึ่งเดือนต่อมากระแสคู่จิ้นของเจย์และเควินได้ค่อย ๆ หาย
“นายแบบชิดกับนางแบบหน่อยครับ” เจย์ขยับตามคำสั่งเขาโอบเอวบางอันเปลือยเปล่าของเอิงเอยก่อนจะบีบเคล้นมันเบาๆ เอิงเอยเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเงยหน้ามองเจย์ที่ส่งสายตาดุให้กับเธอ แต่เจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานกลับไป“ดีครับน้องนางแบบขอยิ้มแบบสดใสเลยนะครับ” เอิงเอยทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะปรับเปลี่ยนท่าไปตามที่ช่างภาพบอกทุกคนต่างมองด้วยความอึ้งเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมากประหนึ่งถ่ายแบบคู่รักก็ไม่ปาน“ดีครับเจย์กอดจากด้านหลังได้ไหมครับนางแบบโอเครึเปล่า” ช่างภาพเอ่ยถามเอิงเอยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มไม่นานเจย์ก็เดินไปทางด้านหลังของเอิงเอย ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังและใช้ใบหน้าหล่อเกยบนไหล่ของเอิงเอย“ดีมากครับยิ้มหน่อยครับนางแบบเอามือ แตะหน้านายแบบ เยี่ยมครับ” ทั้งสองถ่ายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปรอเปลี่ยนฉากเอิงเอยโดนช่างแต่งหน้าเรียกไปเติมหน้า เช่นเดียวกับเจย์ไม่นานฉากใหม่ก็ถูกจัดขึ้นและทั้งสองต้องลงไปนั่งในบ่อน้ำด้วยกันเอิงเอยลงนั่งเป็นคนแรกระดับน้ำอยู่ตรงช่วงอกของเอิงเอยพอดีไม่นานเจย์ก็เดินตามเข้ามา“กลับบ้านไปเจอแน่” เขาเอ่ยเสียงดุก่อนจะหันไปสนใจช่างภาพอีกครั้ง เอิงเอยที่ได้ยินแบบนั้นก็