@วันต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"มาย...เปิดประตูให้พี่หน่อยมาย"
"....." ฉันได้ยินเสียงของพี่หมอกเคาะประตูเรียกนะ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่อยากสนใจเสียงเรียกของพี่หมอก ฉันอยากนอนนิ่งๆ อยากอยู่แบบนี้
"พี่ขอโทษที่เมื่อวานใส่อารมณ์กับมาย"
"....." ฉันไม่ได้โกรธพี่หมอกหรอกนะที่พี่หมอกพูดแบบนั้นใส่ ฉันเข้าใจความรู้สึกพี่หมอกดี
พี่หมอกก็ไม่ต่างอะไรจากพ่อแม่ที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็กๆ พี่หมอกเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่เป็นทุกอย่างให้ฉันหมดจนฉันเติบโตมาได้ทุกวันนี้
เป็นฉันต่างหากที่ผิดเองทำเรื่องน่าอับอายทำให้พี่ชายต้องผิดหวัง
"เปิดประตูให้พี่หน่อยนะมาย พี่ขอโทษ..."
แกร้ก..
สุดท้ายฉันก็ทนเสียงรบเร้าของพี่หมอกไม่ไหว และเดินไปเปิดประตูให้พี่แกเข้ามา
"เป็นยังไงบ้าง ทำไมเพิ่งมาเปิดประตู"
"มายเพิ่งตื่น พี่มีอะไรหรือเปล่า?"
"พี่เป็นห่วง แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ?"
"ไม่ค่ะ วันนี้มายหยุดเรียน จะได้จัดการเรื่องพวกนี้ให้จบๆ ไปด้วย"
"มาย...."
"....."
"พี่ขอโทษนะที่เมื่อวานพี่พูดรุนแรงกับมายไป พี่ไม่น่าพูดให้มายคิดมากแบบนั้นเลย"
"ช่างมันเถอะค่ะเรื่องมันผ่านมาแล้ว"
"พี่เคารพการตัดสินใจของมายนะ แต่พี่ก็อยากให้มายคิดดีๆ เชื่อพี่อีกสักครั้งนะ"
"พี่คิดว่ามายจะไปทำแท้งเหรอ?"
"ก็ที่มายพูดมันทำให้พี่คิดแบบนี้"
"....." อืม....ฉันเองแหละที่พูดเหมือนกับว่าตัวเองจะไปทำแท้ง ไม่รู้ตอนนั้นฉันรู้สึกบ้าอะไรเหมือนกันถึงได้พูดประชดพี่หมอกไปแบบนั้น
"มาย...จะไปทำแท้งจริงๆ เหรอ"
"แล้วพี่คิดว่ามายมีทางเลือกไหนอีก?"
"พี่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับมาย แต่พี่อยากให้มายคิดดีๆ พี่ไม่อยากให้มายทำแบบนั้นหรอกนะ"
"แต่พี่ก็รู้ว่าเรายังไม่พร้อม มายเองก็ต้องเรียนพี่เองก็ต้องทำงาน"
"ไม่ได้จำเป็นต้องปุบปับตอนนี้เลยหรอกนะ เราค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่ามายท้องแล้วจะคลอดเลยสักหน่อย มันยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือนให้เราได้ปรับตัว"
"พี่ทำงานคนเดียวเลี้ยงมายก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังจะต้องมาเลี้ยงลูกของมายอีกเหรอ?"
"เพราะมายคือน้องสาวของพี่ คือคนเดียวที่พี่เหลืออยู่ในชีวิต พี่ต้องดูแลมายให้ดีที่สุดเท่าที่พี่ชายคนนึงจะทำได้ พี่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวัง"
"....." พี่หมอกพูดแบบนี้มาตลอด บอกว่าฉันคือคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในชีวิต
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่หมอกมีแฟนหรือพูดว่าจะมีครอบครัวเลย
หรือว่าพี่หมอกกลัวว่าฉันจะอยู่คนเดียวไม่ได้หากพี่หมอกแต่งงานมีครอบครัวย้ายออกจากบ้านไป
"พี่อยากให้มายคิดดีๆ นะ ฟังคำเตือนของพี่ชายคนนี้อีกสักครั้ง พี่รู้จักมายดีพี่เป็นคนเลี้ยงมายมาเองกับมือ พี่รู้ว่าน้องสาวของพี่ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้น"
"....."
"มายจะฆ่าลูกตัวเองลงจริงๆ เหรอ"
"....."
"แต่พี่ก็คงจะไปบังคับอะไรมายไม่ได้หรอก พี่ก็คงมาพูดได้แค่นี้แหละที่เหลือมายก็ตัดสินใจเอาเอง พี่เคารพการตัดสินใจของมายนะ"
"ขอบคุณพี่หมอกมากนะคะ"
"พี่ไปทำงานก่อนนะ อาหารเช้าพี่เตรียมเอาไว้ให้แล้วอยู่ด้านล่างกินด้วยล่ะ"
"ค่ะ"
ฉันเองก็เป็นผู้หญิงแต่ไม่เคยได้เรื่องงานบ้านงานเรือนเลย มีแต่พี่หมอกที่เป็นคนทำกับข้าวตอนเช้าตอนเย็นให้กับฉัน เสื้อผ้าพี่หมอกก็เป็นคนขนลงไปซักให้เองโดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากชุดชั้นในของตัวเองที่ฉันเป็นคนซัก นอกนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านพี่หมอกเป็นคนทำเองทั้งหมด
ฉันก็ไม่ได้อยากให้พี่หมอกทำคนเดียวหรอกนะ แต่พี่หมอกแทบจะไม่ฉันหยิบจับอะไรเลย
ฉันเข้าใจในสิ่งที่พี่หมอกกำลังพยายามบอกกับฉัน พี่หมอกไม่ได้อยากให้ฉันทำแท้ง อยากให้ฉันเก็บเด็กเอาไว้และเลี้ยงแกให้เติบโตมามากกว่า
"หนูรู้มั้ยว่าแม่กำลังลำบากใจมาก แม่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปดี เพราะตอนนี้ก็มืดแปดด้านไปหมดแล้ว"
ฉันไม่มีความพร้อมอะไรเลยทั้งเรื่องเงินและความเป็นแม่ ทุกอย่างมันดูกะทันหันจนฉันตั้งรับไม่ถูก
จนตอนนี้ฉันก็ยังทำตัวไม่ถูกเลยที่ตัวเองกำลังจะได้เป็นแม่คน ฉันนึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยพูดกับฉันมาตลอด แม่รักและดีใจที่มีฉันกับพี่หมอก
ตอนนั้นฉันก็ยังไม่โตพอที่จะรู้เรื่องอะไรมากมายหรอก แต่ฉันก็จำได้ดีวันที่แม่นั่งคุยกับฉันและพี่หมอก แม่บอกว่าแม่ก็ไม่ได้พร้อมอะไรเลยตอนที่มีพี่หมอกและมีฉัน แต่แม่ก็ดีใจที่มีลูกเป็นกำลังใจให้แม่ได้ทำอะไรๆ ได้ ผ่านอุปสรรคมามากมายดีบ้างเลวบ้างแต่ก็มีลูกเป็นกำลังใจอยู่ทุกวัน
"มายควรทำยังไงดีแม่ มายไม่รู้จะทำยังไงต่อไปจริงๆ มายมืดไปหมดแล้ว"
น้ำตาของฉันมันไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ฉันสงสารพี่หมอกที่ต้องทำงานงกๆ เพื่อหาเงินมาส่งฉันเรียนไหนจะค่ากินค่าอยู่อีก แต่ยังดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้สร้างหนี้สินอะไรไว้ ฉันกับพี่หมอกก็เลยไม่ต้องมีหนี้สินอะไร
ฉันเห็นพี่หมอกมาตั้งแต่เด็กจนโต พี่หมอกทำงานเก่งมากฉันรู้ว่าพี่หมอกเหนื่อยแต่ทุกครั้งที่ฉันถามพี่หมอกก็จะบอกว่าไม่เคยเหนื่อยเลย
"ฮึก...มายจะเก็บเด็กไว้ จะเลี้ยงแกให้เติบโตมามีคุณภาพชีวิตที่ดี มายจะเลี้ยงแกให้โตไปเป็นคนดีกตัญญูรู้คุณ มายจะเลี้ยงพวกแกเอง"
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้ว่าฉันจะเอายังไงต่อไป ก็จริงอย่างที่พี่หมอกพูดฉันไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้น และฉันก็คงจะทำร้ายเลือดเนื้อที่อยู่ในตัวของตัวเองไม่ลงจริงๆ
ถึงฉันจะไม่มีความพร้อมในด้านของคนเป็นแม่ แต่ฉันก็มีความคิดมากพอที่จะไม่ทำร้ายเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
มีแต่ผู้ใหญ่ที่ผิดเอง ฉันผิดเองที่เมาจนไม่ได้สติ ถึงเขาจะไม่มีพ่อแต่ฉันก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับแกเอง โตมาแกก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
ฉันไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรใคร แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ฉันเห็นแค่แผ่นหลังของเขากับรอยสักที่อยู่ด้านหลัง และก็เหรียญบางอย่างที่ติดมากับฉันเป็นของยืนยันว่าฉันมีอะไรกับผู้ชายคนนั้นจริงๆ
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้