@ปัจจุบัน
ฉันดีใจมากที่ตอนนั้นตัวเองตัดสินใจถูก เลือกที่จะเก็บลูกไว้ก่อนที่จะห่วงอนาคตตัวเอง ตอนนี้ฉันมีสองแฝดเป็นเหมือนกำลังใจไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็จะมีพวกแกคอยอยู่ข้างๆ
และที่สำคัญพี่หมอกหลงหลานทั้งสองคนมากๆ ด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันเจอคำพูดสารพัดจากคนรอบตัว เพราะฉันหาพ่อให้ลูกไม่ได้ ให้คำตอบกับคนที่มาถามไม่ได้ว่าใครเป็นพ่อของลูก จนมีการตัดสินกันไปต่างๆ นานา ว่าฉันกับพี่หมอกมีอะไรกันบ้างเพราะพี่หมอกไม่มีแฟน หรือไม่ก็ฉันขายตัวจนท้องเลยหาพ่อให้ลูกตัวเองไม่ได้
มันหนักนะกว่าฉันจะผ่านจุดนี้มาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จุดที่ฉันชินกับคำพูดพวกนั้น ชินกับสายตาของคนรอบข้างที่มอง น้อยคนที่จะเข้าใจและไม่ซ้ำเติมกัน
จะด่าจะว่าจะทำอะไรกับฉันก็เชิญแต่อย่ายุ่งกับลูกของฉันทั้งสองคน เพราะฉันคงไม่ยอมแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น
"แม่คร้าบ~ แม่ขา~"
"จ้า ว่ายังไงคะคนเก่ง"
"ผมคิดถึงแม่จังเลยครับ"
"หนูก็คิดถึงแม่เหมือนกันค่ะ"
"ไปเรียนแค่นี้เอง คิดถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ใช่ครับ//ใช่ค่ะ"
"โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ แล้วลงมากินข้าวด้วยกัน แม่ทำกับข้าวใกล้เสร็จพอดีเลย"
"คร้าบ//ค่า"
สองแฝดพากันวิ่งขึ้นบันไดไป พวกแกเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายบอกอะไรก็ทำเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมาตั้งแต่เกิดแล้ว
"ทำอะไรกินกลิ่นหอมไปถึงข้างนอกเลย" พี่หมอกเดินเข้ามา
"มีกับข้าวหลายอย่างเลยค่ะพี่หมอก"
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะแล้วจะรีบลงมาช่วย"
"ค่ะ"
ตอนนี้ฉันได้งานประจำทำแล้ว เป็นพนักงานบริษัทมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เงินเดือนมันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกแต่ก็ยังดีที่มีพี่หมอกคอยช่วย ถ้าไม่ได้พี่หมอกฉันกับลูกก็คงจะลำบากแย่เลย
ลูกแฝดชายหญิงของฉันชื่อว่าสกายกับสโนว์ ก็เป็นชื่อที่คล้ายกับฉันนั่นแหละ เพราะฉันชื่อสมาย แต่คนส่วนใหญ่ติดเรียกว่ามายคำเดียวมากกว่า
@ผ่านไปสักพัก
"มาแล้วคร้าบ//มาแล้วค่า"
"ค่อยๆ เดินกันสิลูกอย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม"
"ผมหิวหนิครับ"
"ถ้าหิวก็กินเยอะๆ เลยนะครับ" พี่หมอกพูด
"ครับคุณลุง"
แกไม่ได้เรียกพี่หมอกว่าพ่อหรอก ฉันสอนให้พวกแกเรียกลุงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ฉันไม่อยากให้พวกแกเข้าใจผิดไม่อยากให้คนอื่นมองพี่หมอกไม่ดีด้วย
ถึงพี่หมอกจะทำทุกอย่างไม่ต่างอะไรจากพ่อคนนึงเลยก็เถอะ
หลังจากนั้นเราทั้งสี่คนก็ร่วมวงกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยตามปกติ จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน
ทั้งสองคนแยกห้องนอนจากฉันไปตั้งแต่อายุ 4 ขวบแล้ว ฉันกับพี่หมอกช่วยกันทำห้องให้แกทั้งสองคนในช่วงวันหยุด เอาจริงๆ ฉันก็อยากหัดให้แกนอนตามลำพังแบบนี้อยู่แล้ว เพราะถ้าวันไหนฉันมีงานกลับช้าพวกแกก็จะได้นอนเลยไม่ต้องห่วงหรือรอฉันกลับมา
@เช้าวันต่อมา
"ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับแม่"
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะแม่"
"สวัสดีค่ะ ตั้งใจเรียนกันนะคะทั้งสองคน เดี๋ยวตอนเย็นลุงหมอกก็ไปรับเหมือนเดิมแหละ เดี๋ยวแม่ก็จะรีบกลับมาทำของอร่อยไว้ให้พวกเราไง"
"ครับ//ค่ะ เย้!!"
พวกแกชอบกินอาหารฝีมือฉันมาก ฉันไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ฉันรู้สึกว่าฝีมือการทำอาหารของฉันมันก็ปรับปรุงดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
"ขับรถดีๆ นะพี่หมอก แล้วเจอกัน"
"จ้ะ"
สาเหตุที่พี่หมอกต้องไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนทุกวันเพราะที่ทำงานของพี่หมอกผ่านทางนั้นพอดี ขากลับก็มาแวะรับทั้งสองได้เลย แต่ฉันทำงานอยู่อีกที่นึงและมันไกลกว่ามาก แน่นอนว่าเลิกงานแล้วฉันก็ต้องรีบกลับมาถึงบ้านก่อนที่ทั้งสามคนจะมา
มันเหนื่อยแหละ แต่ฉันก็โตจนป่านนี้แล้วนี่นา อายุก็จะปาเข้าไป 30 เต็มทีแล้ว
หลังจากที่รถของพี่หมอกออกจากบ้านไปฉันก็รีบปิดบ้านและเดินออกไปขึ้นรถแท็กซี่ทันที
@บริษัทGG
กว่าจะนั่งรถแท็กซี่มาถึงก็เกือบแปดโมงพอดี แต่ก็ยังไม่ถือว่าสาย แน่นอนว่าฉันไม่เคยมาทำงานสายเลยสักครั้งเดียว
"สวัสดีค่ะผู้จัดการ"
"สวัสดีจ้ะ"
"ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" ฉันเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อถูกผู้จัดการมองแปลกๆ เหมือนกำลังต้องการอะไรจากตัวฉัน
"เธอทำงานอยู่ที่นี่มานานแล้วใช่มั้ย?"
"ก็ได้สักพักแล้วค่ะ"
"ฉันอยากให้เธอเปลี่ยนตำแหน่งงาน"
"คะ!? เปลี่ยนตำแหน่งงาน แต่ผู้จัดการเป็นคนบอกเองว่า..."
"เอาน่า ฉันคิดว่าเธอนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว"
"....." ฉันขมวดคิ้วมองหน้าผู้จัดการด้วยความสงสัย ผู้จัดการจะให้ฉันย้ายไปอยู่ตำแหน่งไหน ผู้จัดการเคยบอกกับฉันว่าวุฒิการศึกษาของฉันไม่ได้สูงและทำได้แค่นี้ ถ้าจะให้ไปทำตำแหน่งสูงกว่านี้ก็ต้องมีวุฒิการศึกษาสูงกว่านี้ "ผู้จัดการจะให้มายเปลี่ยนไปอยู่ตำแหน่งไหนเหรอคะ"
"เลขาของท่านประธาน"
"ห๊ะ!? เลขา!" ฉันร้องอุทานขึ้น ตำแหน่งเลขาของท่านประธานก็มีสิทธิ์สั่งผู้จัดการได้ไม่ใช่เหรอ
"ใช่ ตอนนี้ท่านประธานต้องการเลขาคนใหม่ด่วน และฉันก็คิดว่าเธอเหมาะสมที่สุดแล้ว"
"แต่ว่ามาย...ไม่เคยทำงานแบบนั้นเลยนะคะ"
"เอาน่า แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะ ท่านประธานไม่ชอบคนจุกจิกจู้จี้ ไม่ชอบคนพูดมาก ชอบคนทำงานเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ซึ่งเธอก็อยู่ในเกณฑ์ที่ท่านประธานต้องการพอดีเป๊ะ"
"....." ทำไมฉันรู้สึกว่าตำแหน่งงานที่จะได้รับใหม่มันดูเหมือนกับว่าฉันต้องแบกรับอะไรสักอย่างที่มันหนักใจ "แล้วถ้ามายไม่รับล่ะคะ?"
"ฉันว่าเธอน่าจะรับนะ เพราะตำแหน่งสูงเงินเดือนก็จะสูงมากขึ้นไปอีก ยิ่งได้เป็นเลขาของท่านประธานนะ เงินเดือนสูงกว่าฉันตั้งหลายเท่า บางครั้งถ้าทำดีทำถูกใจท่านประธานอาจจะมีโบนัสต่อเดือนก็ได้นะ"
"แล้วท่านประธานของผู้จัดการชื่ออะไรเหรอคะ?"
"คุณเวคินน่ะ เรียกสั้นๆ ว่าคุณคินก็ได้ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ท่านประธานที่คอยดูแลบริษัทอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่เพื่อนสนิทของคุณเวคินเท่านั้น"
"อ๋อ...แล้วท่านประธานจะมาเมื่อไหร่คะ?"
"วันนี้ ไปเตรียมตัวได้เลย"
"วันนี้เลยเหรอคะ แล้วงานของมาย..."
"เดี๋ยวฉันให้คนไปทำงานแทนเธอเองไม่ต้องห่วง"
"ค่ะผู้จัดการ"
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะมีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นไปอีกฉันก็จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่หมอกเยอะ
( สกาย สโนว์ คาลมิน มายา ) สี่พี่น้องของตระกูลเวคินทร์ หลังจากที่เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มสาว สองแฝดลูกคนโตก็ถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศตามความต้องการของผู้เป็นพ่อ ส่วนคาลมินลูกชายคนที่สามก็ยังเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมนานาชาติแห่งหนึ่ง พร้อมกับน้องสาวคนสุดท้องมายา ถามว่าในบรรดาลูกทั้ง 4 คนใครแสบสุด ก็คงต้องยกให้สองพี่น้องสุดท้อง คาลมินและมายา ด้วยความที่เติบโตมาพร้อมกับพ่อและแม่ มีทุกๆ อย่างพร้อม และที่สำคัญมีเฮียและเจ้คอยหนุนหลังด้วย ไม่ว่าน้องจะทำอะไร พี่ๆ ก็ไม่เคยขัดเลยสักนิดเดียว มีแต่จะสนับสนุนด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ดีหรือไม่ดีพี่ๆ สนับสนุนไว้ก่อน เฮียกาย - เจ้โน / สองพี่น้องเรียกพี่ๆ แบบนี้ ณ คฤหาสน์ ตระกูลเวคินทร์ "สองคนนั้นน่ะ หยุดเลยนะ!" เสียงดุดังขึ้นทำให้สองพี่น้องที่กำลังพากันย่องกลับเข้าบ้านชะงักไปพร้อมๆ กัน มาย หรือ สมายด์ แม่สุดแสนดุของสองแสบ กำลังยืนหน้าเข้มกอดอกมองสองพี่น้องที่เนื้อตัวมอมแมม โดยที่มีเวคินทร์ยืนอยู่ข้างๆ กัน แต่รายนั้นทำอะไรไม่ได้เลย ( เมียเป็นใหญ่สุด ) "หายไปไหนกันมา?" ถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่อยากจะรู้ว่าลูกๆ จะโกหกว่ายังไง "เอ่อ...ปะ ไป.. ไป" มายาเ
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั