LOGINหลายวันต่อมา
@มหาวิทยาลัย
“โอเคไหมแก” ของขวัญถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของเพื่อนรักที่แม้จะมาเข้าเรียน แต่เหมือนจะลืมเอาวิญญาณมาด้วย
“แกคิดว่าไงล่ะ” เกวรินหันไปคุยด้วยช้าๆ เบะปากเตรียมจะร้องไห้ แต่โดนชี้นิ้วห้ามไว้เสียก่อน
“หยุดค่ะ! ไม่ต้องร้องแล้ว!”
“อึก...ไม่ได้ร้อง~”
“เฮ้อออ...มานี่เลยแก อายชาวบ้านเขา”
ว่าแล้วก็ดึงข้อมือเล็กของเกวรินให้เดินตามไปที่ศาลาใต้ร่มไม้ใหญ่แห่งหนึ่งนอกอาคาร ซึ่งบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนอยู่ในโรงอาหารเมื่อครู่
“เอาเลย ทีนี้อยากร้องก็ร้องเลย”
“อึก...บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้อง” เธอตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ทีหนึ่ง แล้วสูดน้ำมูกกลับคืนแรงๆ ราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน
หลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น ตอนเช้าเขาแค่มาส่งที่คอนโดแล้วก็กลับไป เธอรู้ว่าเขาโกรธ แต่เธอก็น้อยใจเขาเหมือนกัน เลยไม่ได้โทรไปง้อหรือคุยกับเขาเลยสักคำจนตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว...
“จ้ะ ไม่ร้องเลย”
“ฮึก...แกว่าเฮียภีมเขารังเกียจฉันไหม”
“ฉันว่าไม่นะ”
“แต่เฮียไม่ให้ฉันไปหาที่ห้องแล้วนะ...”
“เดี๋ยวก็หายโกรธเองแหละน่า แกอย่ากังวลไปเลย ฉันไม่เคยเห็นเฮียภีมของแกใจแข็งได้สักที”
“รอบนี้ดูโกรธมากเลยนะแก...บางทีฉันอาจจะรุกแรงเกินไป” เกวรินเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าหวานดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดจนของขวัญรู้สึกเห็นใจ แต่เรื่องความรู้สึกก็ไม่มีใครบอกแทนกันได้นอกจากเจ้าตัว
“งั้นก็ไปง้อซะสิ...คิดถึงก็ไปง้อ อย่าทำให้มันยาก”
“ไม่รู้ดิ...ฉันไม่กล้า...”
“ทำไมไม่กล้า สู้เขาหน่อยสิแก มัวแต่นั่งนอยด์ทั้งวันแบบนี้จะได้คืนดีกันไหม” ของขวัญพยายามพูดให้กำลังใจ เกวรินรู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วง อยากให้ปรับความเข้าใจกันให้เร็วที่สุด
แต่มันติดอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอไม่กล้า...
“ฉันอาย...” เธอเอ่ยเสียงเบา เขี่ยปลายเท้ากับพื้นไม้ของศาลาหลังเล็กไปมาอย่างคิดไม่ตก ไม่รู้จะแบกหน้าไปง้อเขาได้ยังไงหลังจากที่ใจกล้าทำเรื่องนั้นไปแล้วโดนปฏิเสธเข้าอย่างจัง
“เฮ้อ...แกเนี่ยน้า~”
“ฉันกลัวมองหน้าเฮียไม่ติดอะ...ตอนนั้นตั้งใจพลีกายถวายตัวให้เฮียเต็มที่ แต่โดนจับทุ่มใส่เตียงแล้วสั่งเสียงแข็งว่าไม่ให้ไปหาซะขนาดนั้น เป็นแก แกยังจะกล้าไปเจอหน้าเฮียไหมล่ะ”
“ก็จริงแฮะ...แต่สำหรับฉันนะ ฉันว่าเฮียไม่ได้รังเกียจอะไรแกหรอก รู้จักกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ถ้าไม่ชอบจริงๆ ที่ผ่านมาคงไม่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ แกแบบนี้หรอกมั้ง”
“เฮียอาจจะคิดแค่น้องหรือเปล่าอะ...ฉันเดาใจเฮียไม่ถูกเลย บางทีก็ดูเหมือนจะมีใจให้ฉัน แต่บางทีก็ไล่กันง่ายๆ เหมือนไม่แคร์ฉันเลย” ดวงตากลมโตหม่นแสงลงอย่างนึกเศร้าใจ
“อยากรู้ไหมล่ะว่าเฮียเขาคิดยังไงกับแก?”
“ก็ต้องอยากสิ”
“งั้นก็ลองแบบนี้...”
ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ เอามือป้องปากซุบซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน เล่าเสร็จก็ผละหน้าออกแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“จะได้ผลไหมอะ”
“บอกแล้วไง ไม่ลอง ไม่รู้”
ได้ฟังวลีเด็ดจากเพื่อนรักแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างคิดหนัก รอบที่แล้วแผนก็ล่มไม่เป็นท่าจนโดนสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปหาที่คอนโด ไม่รู้ว่ารอบนี้จะรอดหรือจะร่วงกันแน่
แต่ก็อย่างที่เพื่อนของเธอพูดนั่นแหละ...
ไม่ลองก็คงไม่รู้!
@บริษัทภากร
ภายในห้องประชุมแอร์เย็นเฉียบ เสียงนำเสนอพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มซึ่งกำลังจะเปิดตัวใหม่ในไม่ช้าได้หยุดลง ทุกคนเงียบกริบรอฟังความคิดเห็นจากท่านประธานหนุ่มไฟแรงในวัยเพียง 28 ปี ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนคิดว่าเขาคงไม่ค่อยชอบใจกับสิ่งที่ประชุมกันไปเมื่อครู่ แต่ใครจะรู้ว่าในตอนนี้ในหัวเขาเอาแต่วนเวียนคิดถึงเด็กแสบจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร
“เอ่อ ไม่ทราบว่า...”
“รูปแบบโฆษณาเอาเอาตามนั้นแล้วกัน แต่ว่าตัวของพรีเซนเตอร์...” ภากรเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ว่าฟังดูสุขุมและมีอำนาจอย่างที่น้อยคนจะมี ก่อนจะสั่งให้เปลี่ยนคนที่จะเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ใหม่ ซึ่งแม้จะดังมากในตอนนี้ แต่อายุยังน้อยเกินไป เขาต้องการให้ภาพลักษณ์ของสินค้าตัวใหม่ไร้ที่ติและไม่มีประเด็นให้ต้องกังวลหลังจากเปิดตัวไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะเอาแต่คิดถึงเด็กดื้อทั้งวัน ทำให้ไม่ได้จดจ่อกับหัวข้อประชุมเท่าที่ควร แต่ด้วยความสามารถของเขา อาศัยเพียงการฟังและปราดมองบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่อีกฝ่ายกำลังนำเสนอเพียงรอบเดียวก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด
“เอ่อ อะไรนะคะ?”
“ผมไม่ชอบพูดอะไรซ้ำสอง” น้ำเสียงที่กดต่ำลงทำให้หลายคนกลืนน้ำลายไปตามๆ กันอย่างนึกหวาดหวั่น เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าท่านประธานเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมากแค่ไหน สำหรับคนที่ไม่ตั้งใจฟังเรื่องที่เขาพูดจนต้องเอ่ยบอกเป็นรอบที่สอง เป็นคนประเภทที่เขาไม่ชอบที่สุด
แน่นอนว่าเมื่อครู่หล่อนทำพลาดเข้าอย่างจัง...
1 เดือนต่อมา...“อื้ออ...เฮียอย่าแกล้ง” เสียงหวานครางแผ่วเมื่อคนเจ้าเล่ห์ขยับตัวลงมาแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองของเธอ ก่อนจะตวัดลิ้นเลียกลีบอวบอูมเปียกเยิ้มด้านล่างไม่หยุดหลายวันมานี้ พออาการเหม็นกลิ่นและเหม็นขี้หน้าสามีของเธอเริ่มหายไป เขาก็คลอเคลียและหาเรื่องหื่นใส่เธอไม่หยุดหย่อนตอนนี้เธอก็เพิ่งจะตื่น แต่คนหื่นก็เริ่มอีกแล้ว!แผล็บ จ๊วบบบ“อืมมม เฮียไม่ได้แกล้ง...เฮียอยากกินเมีย”“ซี้ดดด เฮียขา...อึก พะ พอแล้ว”เพราะไม่ได้มีอะไรกันนาน หรือเพราะเธอกำลังตั้งท้องอยู่ก็ไม่รู้แน่ชัด ทว่าที่เธอรู้สึกได้ก็คือ ตอนนี้อารมณ์ของเธอจุดติดง่ายกว่าเดิมเสียอีก“นะครับ ขอกินหน่อยนะ เฮียไม่ได้กระแทกหนูมานานแล้ว” เขาเอ่ยเสียงพร่า ก่อนจะก้มลงตวัดลิ้นระรัวตรงเม็ดเล็กสีหวานอย่างหนักจนร่างอวบอิ่มสั่นสะท้าน ครางเสียงหวานอย่างสุดจะกลั้น“อ๊าส์ ฮะ เฮีย...แต่หนูกลัวว่า...”“เฮียสัญญาว่าจะทำเบาๆ เฮียถามหมอมาแล้ว เราสองคนมีอะไรกันตอนหนูท้องได้”เพราะกลัวว่าเธอจะหาข้ออ้างไม่ให้เธอจับกิน คนหื่นและคลั่งรักเมียอย่างเขาจึงไปหาข้อมูลเตรียมพร้อมมาอย่างดี มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาต่อลูกในท้องอย่างแน่นอน“ซี้ดด...แน่นะคะ..
ปัจจุบัน...“เกี๊ยวครับ หนูอยู่ไหน?” ภากรเดินตามหาภรรยาตัวน้อยให้วุ่น ทั้งนอกบ้านและในบ้าน แต่กลับไม่เจอร่างอวบอิ่มของเธอสักที“โอ๊ยย~ เฮียเลิกตามมาสักทีได้ไหมคะ”เสียงหวานของภรรยาสาวบ่นกระปอดกระแปดอย่างคนเหนื่อยใจ แต่งงานกันมาตั้งสองปีแล้ว แต่ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่ตามติดเธอราวกับเงาเลยสักครั้ง“ไม่พูดแบบนี้สิครับ เฮียเป็นห่วงหนูกับลูกนะ” เขาเอ่ยเสียงอ่อน ค่อยๆ เดินเข้าสวมกอดภรรยาที่กำลังยืนเทนมใส่แก้วอยู่ในห้องครัวจากทางด้านหลัง ก่อนจะหอมแก้มนิ่มไปมาอย่างหลงใหล ทั้งยังลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของเธออย่างทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้“เฮียเลิกมากอด เลิกมาใกล้หนูได้ไหม มันเหม็นเนี่ย!” คุณแม่ท้องอ่อนกระฟัดกระเฟียด ขืนตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นของเขาอย่างนึกหงุดหงิด ทั้งยังยกมือขึ้นมาบีบจมูกเอาไว้เพราะกลิ่นตัวเขามันเหม็นมากจริงๆ“แต่เฮียเพิ่งอาบมาเองนะครับ ไม่ได้ฉีดน้ำหอมด้วย...” เขาเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ดูแล้วไม่ต่างจากหมาหงอยเลยสักนิดตั้งแต่รู้ว่าเกวรินตั้งครรภ์เขาก็วางมือเรื่องงานที่บริษัทชั่วคราว และมาคอยดูแลเธอทุกฝีก้าวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ซึ่งทุกอย่างก็กำลังไปได้ดี จนกระ
“หึ คิดว่าแอบหอมแก้มลูกสาวน้าในบ้านตั้งหลายครั้งจะปิดบังน้าได้เหรอ?” มุมปากเขากระตุกขึ้นน้อยๆ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีแข็งขึง“ผมขอโทษครับ”“ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอก...น้าก็พอจะมองออกว่าภีมดีกับลูกสาวน้าไม่น้อย คอยดูแลตัวแสบอยู่ตลอดตั้งแต่ยังเด็กๆ” เขาเองก็ไม่ใช่คนใจบอดตามืดมัวถึงขนาดจะกีดขวางทั้งคู่ เด็กหนุ่มคนนี้คอยแวะเวียนมาหาลูกสาวของเขาไม่ขาดแม้จะไปทำงานอยู่ไกลก็ตาม ทั้งยังคอยเอาใจใส่ลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้ระคายหูเลยสักครั้ง“แต่ว่าน้ากังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าภีมพอจะช่วยน้าได้หรือเปล่า...”“ถ้าผมพอช่วยได้ ผมก็ยินดีช่วยเต็มที่ครับ” ภากรเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อเขาได้ฟังดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ พร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ“ดี…น้าไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ถ้าภีมยังรักยังชอบลูกสาวของน้าอยู่ก็อยากให้ยัยหนูเรียนจบก่อนค่อยคบกัน ตอนนี้เกี๊ยวยังเด็ก ยังต้องโฟกัสกับการเรียนอีกมาก…” แม้เขาจะเคยคุยกับทางบ้านของภากรไปแล้วว่าถ้าเกวรินเรียนจบถึงจะให้แต่งงานกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องถามความต้องการและความสมัครใจของทั้งคู่ด้วยเมื่อเห็นเด็กทั้งสองมีใจให้กันแบบนี
4 ปีก่อน...“หึ...เด็กดื้อ หลับปุ๋ยเชียวนะ” ภากรมองใบหน้าหวานของเด็กสาวที่กำลังหลับพริ้มคาโต๊ะหนังสือแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ช่วงนี้เขาไม่ได้เจอเธอบ่อยนักเพราะเพิ่งจะเริ่มรับช่วงต่อบริษัทจากพ่อของเขา จึงต้องจัดการกับอะไรหลายๆ อย่างให้ลงตัว กว่าจะกลับจากทำงานก็ดึกดื่นจนบางครั้งกลับเช้าเลยก็มีแต่ไม่จะทำงานหนักแค่ไหน อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเขาก็จะหาเวลากลับมาหาเธอจนได้...“คิดถึงเกี๊ยวชะมัดเลย...”คนตัวโตเอ่ยเสียงนุ่ม ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้ทีละน้อย ก่อนจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนนุ่มของเด็กสาวเบาๆ อย่างแสนคิดถึงฟอดดด“อื้ออ~” เกวรินครางในลำคอน้อยๆ อย่างหงุดหงิดใจกับการถูกอะไรก็ไม่รู้มารบกวน เธอหันไปหน้าไปอีกด้านหลีกหนีสัมผัสเมื่อครู่ โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าใครบางคนแอบขโมยหอมแก้มเธอตอนหลับมาหลายครั้งหลายคราแล้ว...ฟอดดด“อื้ออ...อย่ากวน”คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะยกมือขยี้ตาน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อหาสาเหตุว่าใครมารบกวนฝันหวานของเธอ“อ้าว เฮียกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่คิดถึงมาหลายวัน เกวรินก็ฉีกยิ้มร่าอย่างดีใจ เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงสดใส หายง่วงไปเลยในพริ
“หึ แสดงว่าเมื่อคืนไม่เข็ด?”“ปะ เปล่าค่ะ หนูแค่ชมเฮียเฉยๆ ...แหม ก็คุณสามีของหนูแซ่บจริงๆ นี่นา” เกวรินยิ้มร่าอย่างคนอารมณ์ดีในที่สุดเธอก็ได้เรียกเฮียว่าสามีจริงๆ แล้ว...มีความสุขจัง~“งั้นเหรอครับคุณภรรยา แซ่บขนาดนั้นเชียว?” ภากรถามยิ้มๆ รู้สึกหัวใจพองโตไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าสามีจากปากของเด็กสาว“งื้อออ~ เรียกแบบนี้มันเขินเกินไปอะ เฮียอย่าแซวหนูได้ไหม”เกวรินยกมือขึ้นมากุมใบหน้าแดงก่ำของตัวเองอย่างเขินอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า“แต่งก็แต่งแล้ว...เขินทำไมหื้ม”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่ดึงมือนุ่มนิ่มออกแล้วพรมจูบแก้มเนียนของคนรักอย่างทะนุถนอม“เขินเพราะเฮียทำแบบนี้นี่แหละ” เกวรินเถียงเสียงอ้อมแอ้มพร้อมหันหน้าหนีไปอีกทาง“ไม่อยากให้เฮียมอนิ่งคิสเหรอครับ ปกติอ้อนจูบเฮียทุกเช้าไม่ใช่หรือไง” ว่าแล้วร่างหนาก็ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะดึงร่างนุ่มนิ่มของเด็กสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่งแล้วกอดเอวเอาไว้หลวมๆ“ก็อยากค่ะ...แต่มันเขินง่ะ...” เธอหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตากับคุณสามีสุดหล่อ ยังรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่เลยตอนที่เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ‘คุณภรรยา’ฮื
ตกดึก...“เพลียจัง~” เกวรินโอดครวญอย่างเหนื่อยล้า เพราะกว่าทุกอย่างจะจบลงก็ปาไปดึกดื่น วันนี้แม้จะเป็นวันที่พิเศษและมีความสุขมากๆ แต่ก็เหนื่อยมากไม่แพ้กันเลยเมื่อเข้ามาในห้องนอนซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงาม ทั้งยังมีกลีบกุหลาบชมพูโปรยเอาไว้เป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่บนเตียงขาวสะอาดตา เกวรินเห็นแล้วก็ยิ่งอยากทิ้งตัวลงนอนมากกว่าเดิม“งื้อออ ที่นอนจ๋า~”“ไปอาบน้ำก่อน จะได้มานอนสบายตัว”เสียงทุ้มของภากรเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง เขาเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ แล้วโน้มใบหน้าลงหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ก่อนหน้านี้ต้องคอยรับเครื่องดื่มจากคนโน้นที คนนี้ที จนสติเริ่มถดถอย แต่ยังไงคืนนี้เขาก็ไม่ปล่อยให้จบด้วยการนอนกอดกันบนเตียงเฉยๆ แน่“เฮีย...อื้ออ เบาๆ หน่อย” เกวรินเอ่ยเสียงสั่นเมื่อคนตัวโตเริ่มเลื่อนมือมาขย้ำเต้าใหญ่ด้านหน้าอย่างเมามันงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดเกาะอกสีขาวเรียบๆ ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นฟูฟ่องผูกโบขนาดใหญ่สีเดียวกันไว้ด้านหลัง ผมก็มัดรวบเป็นลอนหางม้า แต่งหน้าสีโทนชมพูอ่อนดูน่ารักน่าเอ็นดู“วันนี้เกี๊ยวสวยมากเลยรู้ไหม?”คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าข้างใบหูเล็ก ก่อนจะกระตุกโบด้านหลังออก แล้วร







