LOGINฝีเท้าโรมรันฝุ่นตลบอบอวล ความรุนแรงของการจ้วงเท้าหันเหทุกสายตาในห้องประชุมให้หันมาสนใจ เจนิสไม่แม้แต่จะหยุดชี้แจง เธอไม่แคร์แม้แต่เพื่อนสนิทของตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าส่ิงที่เพื่อนบอกนั้นจะเป็นอะไรที่คอขาดบาดตายมากกว่า
.
ในทิศ 3 นาฬิกาเยื้องตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากเรือนพยาบาลราว 400 เมตร ที่นั่นเป็นที่ตั้งของกำแพงสูงหน้าวิลเลจ มันคือป้อมปราการสำคัญที่ใช้ป้องกันกลุ่มผู้ติดเชื้อไม่ให้รุกรานเข้ามาได้ แถมยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการออกแบบเส้นทางในการออกหาเสบียงของหน่วยลาดตระเวนในแต่ละครั้งด้วย
.
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้เรื่องพรรณนี้เกิดขึ้นได้ ใครกันที่เป็นคนอนุมัติตัดหน้าเรา?!"
"ปล่อยให้กลุ่มคนติดอาวุธที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าขึ้นไปยุ่มย่ามกับงานบนกำแพงได้ยังไง จะมากเกินไปแล้ว! ถ้าพี่แพรวรู้เข้าแกไม่ยอมหรอก อย่าว่าแต่เป็นพวก AP เลย จะกลุ่มไหนหน้าไหนแกก็ไม่มีทางยอมแน่!"
.
วิ่งไปพลางคิดคำด่าในใจไปด้วย เสียงฝ่าตีนกระทบพื้นดังกว่าเสียงรอนท้องกระทบกันเมื่อตอนเอากันในฝัน เจนิสไม่มีเวลาแล้วเธอจะช้าไม่ได้ 3 วันผ่านไปนานจนอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนแปลงไปหมด หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงตัดสินใจหักเลี้ยวไปทางขวา วิ่งกระโดดข้ามแปลงผักของคุณลุงคณป้า เจตนาจะใช้เป็นทางลัดเพื่อมุ่งไปยังป้อมปราการให้เร็วที่สุด
.
แต่นั่นก็ต้องแลกมากับการที่ต้องวิ่งผ่านหน้าคลังอาวุธซะก่อน แล้วเชื่อไหมว่าคนแรกที่เจนิสสังเกตเห็นก็ดันกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่มายืนเฝ้ายามอยู่หน้าประตูแทน เขาใส่ชุดสีดำสนิทปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่ง มีแม้กระทั่งเสื้อเกราะกันกระสุน ส่วนอาวุธในมือก็เป็นปืนกลมือ Heckler & Koch รุ่น MP5 แบบเดียวกับที่นาวิกโยธินสหรัฐใช้ในสงครามอีรัก
.
ไอ้เย็ดแม่ม! เด็กสาวเดือดดานเกินทน ก่อนจะปรี่เข้าไปเอาความด้วยความโมโหโกธา!
.
“นี่คุณ! คุณเป็นใครมาจากไหนเนี่ยะ? ใครอนุญาตให้คุณมายืนจังก้าอยู่ตรงนี้มิทราบ คนของฉันไปไหนหมด! เราวางระเบียบแบบแผนกันไว้แล้ว.. ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ! ให้มันรู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครคุม!”
.
“…..”
ชายชุดดำไม่ตอบ เขานิ่งไม่พูดไม่จาและภายใต้แว่นตากันแดดสีดำสนิท เจนิสก็มองไม่ออกเช่นกันว่าเขามีแก้วตาที่สื่ออารมณ์แบบไหนอยู่ รู้แต่ว่าตัดภาพมาอีกทีปากกระบอกปืนขนาดลำกล้อง 4.5 นิ้วของ HK MP5 ก็จ่อเข้าที่หน้าผากเธอซะแล้ว
.
“แกร๊ก!”
.
“กูมีปืนอีหนู.. เกรงใจกูบ้าง”
เขาคงคิดในใจแบบนั้น แต่ก็คงต้องมัดปากเอาไว้ด้วยหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมาย ทหารรับจ้างก็แบบนี้แหละ! พวกเขาถูกจ้างให้ทำอะไรก็ทำดุจดั่งหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาจากโรงงาน
.
“เช๊อะ! ลองเป็นอีหรอบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ฉันขอเข้าไปดูข้างในหน่อยล่ะกัน.. ถอยไป! หลบ!”
เจนิสเดือดดานมากขึ้นทุกที เธอดันร่างชายฉกรรจ์ออกจากทาง ก่อนจะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่ถึงกับช็อคตาค้างหลังผ่านเข้ามาเห็นบรรยากาศที่อยู่ภายใน
.
มันคือภาพของทีมงานวิลเลจราว 10 ชีวิตที่กำลังรุมล้อมหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ ติดกับหน้าจอสุดคือทหารรับจ้างนายหนึ่งที่กำลังสาธิตวิธีการใช้โปรแกรมสืบค้นอาวุธให้แก่พวกพี่ ๆ เรียนตามตรงว่าการปรากฎตัวของเจนิสนั้นช่างไร้ความหมาย เธอเหมือนผีที่ไม่มีตัวตน และพอเหลือบมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าบรรดาปืนผาหน้าไม้ อาวุธแบบแฮนด์เมดที่สร้างขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ก็ล้วนแต่ถูกแทนที่ด้วยยุทธภัณฑ์ที่ทันสมัยไปซะหมด
.
ปืนพก ปืนกล ปืนออโตเมติก เครื่องยิงลูกระเบิด ฯลฯ ถูกจัดเรียงไว้บนผนังบนชั้นวางของบางชิ้นก็แขวนไว้บนกำแพง พวกมันทั้งสวยงามและเป็นระเบียบ มองผ่าน ๆ แล้วเหมือนพวกทหารรับจ้างได้เปลี่ยนที่นี่ ให้กลายเป็นห้องลับใต้ดินของพวกซุปเปอร์ฮีโร่ไปแล้ว เจนิสก็เลยพยายามจะเรียกร้องความสนใจ ด้วยการสืบเท้าเข้าไปหาพร้อมกับส่งเสียง
.
“เฮ้! ทุกคน! พี่ ๆ คะ! ฮัลโหล! หนูกลับมาแล้วได้ยินหนูไหม?”
.
“เอ้าแม่หนูเจนิส.. ตื่นแล้วเหรอลูก?! มาสิ! มาดูโปรแกรมอันนี้เร็วมันเจ๋งมากเลยล่ะ ต่อไปนี้เราจะมีอาวุธใช้กันอย่างไม่จำกัดแล้วนะ มีแต่ปืนแรง ๆ ด้วย”
ลุงคนที่เคยเป็นยามเฝ้าประตูป้องปากบอก อายุอานามแกน่าจะมากกว่าเจนิสถึงครึ่งรอบ แต่ก็ยังดี้ด๊าตาใสราวกับเด็ก ๆ
.
เช่นกันกับพี่หน่วยลาดตระเวนอีกคนที่บอกว่าเขาขอโทษ ที่ไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เธอทราบ รูปแบบห้องเก็บอาวุธจำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ลิงค์กับตัวโปรแกรม ต่อไปนี้จะไม่มีการบันทึกชื่อผู้ใช้ด้วยลายมือผ่านหน้ากระดาษอีกแล้ว แต่จะใช้บาร์โค้ดยิงไปที่ด้ามจับของปืนแทน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเก็บสถิติแถมยังง่ายต่อคนที่เบิกไปใช้ด้วย
.
“ที่สำคัญนะเจนิสมานี่! พี่จะพามาดูอะไร! มันเป็นเครื่องมือที่เด็ดมาก ๆ เลยล่ะ ด้วยนวัตกรรมที่พวก AP นำมาให้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้อีกต่อไป”
.
“อะ.. เอิ่ม..! ค่ะ..! อะไรเหรอคะพี่?”
.
ข้อมือถูกจับกระชากอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เรือนพยาบาลแต่เป็นการฉุดรั้งจากหน่วยลาดตระเวนที่เข่นฆ่าผู้ติดเชื้อด้วยลูกธนูมานับต่อนัก เขาจูงแขนเจนิสเดินอ้อมออกมาจากหน้าจอคอม ลากผ่านกองอาวุธแบบเก่าที่มีทั้งปืนผาหน้าไม้และลูกดอกอาบยาสลบ รวมไปถึงขวดระเบิดเพลิงโบโนท็อกที่ตั้งเรียงรายกำพร้าเจ้าของ นับแต่นี้ไปพวกมันคงถูกเมิน เพราะถูกแทนที่ด้วยระเบิดไปม์บอมป์ ระเบิดแฟลช แล้วก็ระเบิดควันที่พลานุภาพสูงกว่า
.
“นี่พี่จะพาหนูไปไหนเนี่ยะ! นี่หลังอาคารแล้วนะ! มันจะทะลุออกไปข้างนอกอยู่แล้ว?”
.
“เอาน่า.. จะถึงแล้ว พี่ทหารพวกนั้นบอกว่ามันต้องตั้งไว้กลางแจ้ง ให้โดนแดดโดนลมไม่งั้นผลงานจะไม่มีความเสถียรเปราะและแตกหักง่าย”
.
"เฮ๊อะ! อะไรของพี่ หนูไม่เห็นจะเข้าใจเลย!"
.
กระทั่งผ่านไปราว 1 - 2 นาที หลังจากการฉุดกระชากลากถูกันเสร็จ เจนิสก็ได้เห็นกับตาตัวเองถึงอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่มีลักษณะคล้ายกับเตาหลอมเหลว รูปทรงของมันคล้ายกับเตาเผาถ่านทรงโค้งที่เป็นรูปโดมครึ่งวงกลม ฐานล่างถูกฝังลงในดินคล้ายกับบ้านใต้ดินของเหล่าเทเลทับบี้ แต่ที่ด้านบนจะมีช่องเอาไว้สำหรับให้ใส่เศษโลหะ ถัดไปอีกนิดจะมีหน้าจอทัชสกรีนเอาไว้ให้เลือกรูปแบบกระสุนที่ต้องการ
.
“นี่คืออะไรคะ?”
เธอถามแบบงง ๆ
.
“อ่า! ตอนแรกฉันก็ถามแบบเธอนี่แหละ เอาเป็นว่าฉันจะทำให้ดูแล้วกัน บอกเลยว่าแต่นี้ต่อไปเราจะมีกระสุนใช้อย่างไม่จำกัด ฝูงผู้ติดเชื้อด้านนอกจะทำอะไรเราไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ ฮั่ว! ฮ่า ๆ ๆ !”
.
หัวเราะแบบไร้เหตุผลเสร็จ เขาก็ดันร่างของเจนิสให้หลบออกจากทางเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือลงไปหยิบปลอกกระสุนที่ใช้แล้วในถังด้านล่างขึ้นมาเทลงไปในช่อง ตามติดมาด้วยการดึงจอคอนโทรลที่เป็นทัชสกรีนออกมา แล้วก็จิ้มนิ้วเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่สองสามที พลันกดปุ่ม Enter !
.
"ปั๊กกก!"
.
แค่นี้ก็เรียบร้อย! ตัวเตาเผาทรงโค้งเริ่มขั้นตอนทำงาน มีเสียงดังและการสั่นที่รุนแรงแต่ก็แลกมากับกระสุนปืนเวอร์ชั่นรีไซเคิลอีกมากกว่า 1,000 นัด ที่ร่วงกราวออกมาจากช่องด้านหน้าราวกับเม็ดข้าวสารที่ได้จากโรงสี
.
แล้วก็อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้ยังใหม่มากสำหรับคนที่นี่ก็เป็นได้ คุณพี่หน่วยลาดตระเวนแกถึงดีอกดีใจใหญ่ เพราะหากจะพูดกันตรง ๆ แล้วล่ะก็ แกเองก็เพิ่งจะหัดใช้เครื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
.
“เราเพิ่งติดตั้งเสร็จเมื่อเช้าเองน้องเจนิส ได้ผลดีขนาดนี้พี่เองก็ปลื้มปริ่มอยู่นะ ฮั่ว! ฮ่า ๆ ๆ !”
.
เจนิสยิ้มตามแบบเฝื่อน ๆ เธอพยายามจะทำความเข้าใจ พร้อมกับเดินดูกระบวนการทำงานของเครื่องไปด้วย ก่อนจะถามขึ้น
.
“พี่คะ? แล้วพวกทหารพวกนั้นเขาขนมายังไงอ่ะ? อย่าบอกนะว่ายกใส่ ฮ. มาทั้ง ๆ อย่างงี้เลย?”
.
“บ้า! จะบ้าเหรอ! เขาเอามาแค่พิมพ์เขียว ส่วนวัสดุทุกอย่างเราหาเอาจากที่นี่ รูปร่างมันก็เลยดูกระท่อนกระแท่นอย่างที่เห็น แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ล่ะนะ ต่อไปนี้เราไม่ต้องลาดตระเวนแบบประหยัดกระสุนอีกแล้ว ธนูก็คงจะไม่จำเป็น พวกเขาบอกว่าจะเปิดคอร์สสอนการใช้อาวุธให้พวกเราด้วยล่ะ ทหารรับจ้างจาก AP คืองานดีมาก ๆ เราต้องขอบคุณพวกเขาแล้วก็คุณมิวท์ด้วย”
.
คุณพี่ร่ายยาวเป็นฉาก ๆ แววตาเปล่งประกายฉายแววโรจน์ เหมือนแกจะสรรเสริญสมาชิกที่มาใหม่กลุ่มนี้มากเหลือเกิน เผิน ๆ จะเหนือกว่าเมื่อคราวที่แพรวกับเจนิสมาถึงที่นี่ด้วยซ้ำ
.
หรือนี่จะเป็นการรัฐประหารแบบกลาย ๆ เป็นการยึดอำนาจแบบตีเนียนรึเปล่า เจนิสยังไม่ค่อยแน่ใจในประเด็นนี้เท่าไหร่นัก แถมยังปราศจากหลักฐานแต่เท่าที่รู้คือมันชักจะแหม่ง ๆ
.
.
“พี่มิวท์อีกแล้วเหรอ? AP อีกแล้วด้วย? ทำไมฉันไม่ตื่นให้เร็วกว่านี้นะ ยังมีอะไรให้ฉันต้องเซอร์ไพรต์อีกเพียบเลยใช่ไหมเนี่ยะ?”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ