ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น
“ดีใจต่างหาก”
“ดีใจ?”
คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น
“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”
“แต่ผมต้องออกนี่”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่
“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”
น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก
“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”
พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง
“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”
ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญเขาค่อนข้างสะดุดใจที่อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยคำว่า ‘พี่’ กับเขา ตั้งแต่วันที่เรียกเขาเข้าไปคุยด้วยพร้อมญาดาก่อนไปเจอหัวหน้าคนใหม่แล้ว ทว่าก็ไม่อยากทักให้หญิงสาวรู้ตัวหรือฉุกคิดได้ เพราะคิดว่าเธอพูดแบบนี้ก็ดูอบอุ่นเป็นกันเองดี
“ขอบคุณครับ”
“อะไรเหรอ”
“ก็ที่คุณวุ้นอุตส่าห์คิดถึงความก้าวหน้าของผม”
แววตาคมที่มองมานั้นชวนใจสั่นแปลกๆ เธอจึงยิ้มบางแล้วหลบตาเลี่ยงไปเปิดรถของตน
“คนเก่งก็ต้องสนับสนุนสิจ๊ะ”
ภาสกรมองท่าทางของอีกฝ่ายออก คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ไม่คิดว่าหญิงสาวจะมีอาการขัดเขินเพียงแค่เขามองด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้พนิดาหวั่นไหว แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ชินกับสายตาของผู้ชายเสียมากกว่า
ผิดกับญาดาที่เขามองแบบนี้เมื่อไร อีกฝ่ายเป็นต้องส่งสายตาดุมาให้ทุกที ญาดาราวกับเคยชินกับสายตาแวววาวเจ้าชู้ของผู้ชาย
“ขับรถได้ใช่ไหมครับ เห็นคุณวุ้นดื่มไปหลายแก้วเลย”
“แหม ได้สิ ไม่เยอะเท่าไรหรอก”
“บ้านคุณออกจะไกล”
“จะขับไปส่งพี่อีกเหรอจ๊ะหืม?”
คราวนี้หญิงสาวหันมาถามยิ้มๆ ดวงตาคู่สวยพราวขึ้นเหมือนล้อเล่น
ชายหนุ่มมองดวงหน้างดงามชวนหลงใหลแล้วหลุดปากออกไปอย่างไม่ทันคิดตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ปากไว
“ว่าจะชวนพักกับผม”
คนได้ยินชะงักอึ้งไปเลยทีเดียว ตาคู่งามสบนิ่งกับตาคู่คมอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายยิ้มออกมาก่อน
“อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ตกใจหมด”
พูดแล้วร่างบางก็ขยับตัวจะขึ้นรถพร้อมกับบอก
“พี่กลับแล้วนะ ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
มือหนารั้งประตูที่กำลังจะปิดเอาไว้ ร่างสูงกำยำโน้มลงไปใกล้พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ถ้าพูดจริงล่ะครับ”
“ซัน”
คราวนี้เหมือนหญิงสาวจะไม่ขำด้วย เธอหันมามองเขาด้วยสีหน้าที่ปั้นให้ดูดุ ทว่าคนมองกลับคิดว่าน่ามองชะมัด แถมยังไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก ก็ในเมื่อทำตาดุหน้าดุใส่เขา ทว่าดวงหน้าสวยกลับแดงเรื่อเสียเห็นชัดขนาดนี้ ใครจะไปกลัว
“พี่ไม่ขำด้วยแล้วนะ”
“ผมเอาจริงนะครับ ไม่ได้เอาฮา”
“เธอเมาหรือไง หรือเห็นว่าพี่ไม่ได้เป็นเจ้านายแล้วก็เลยทำเจ้าชู้ใส่ ไอ้เราก็คิดว่าถึงจะไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง ต่อไปก็ยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ ที่ไหนได้...”
ตอนนี้พนิดาชักไม่พอใจอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว
“เปล่าหรอกครับ แต่แค่เพิ่งเห็นว่าคุณวุ้นก็น่ารักดี”
‘แถมเซ็กซี่มากด้วย’
ชายหนุ่มต่อเพียงในใจ แค่นี้เขาก็เสี่ยงกับการถูกข่วนหน้าแล้ว เพราะอย่างนี้เองอีกฝ่ายถึงใช้คำว่า ‘พี่’ กับเขา
จะว่าไปภาสกรเองก็นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อยู่ๆ ดันคึกปากไวกับเจ้านายเก่า ทว่าไม่รู้เพราะอะไร ได้มาเห็นพนิดาตอนร้องไห้แล้วเขานึกอยากกอดปลอบ เมื่อครู่ก็พยายามเก็บไม้เก็บมือตัวเองแทบตาย
“แล้วยังไง”
คนถามเหมือนจะประชดมากกว่าอยากรู้คำตอบจริงๆ ทว่าเขาก็ตอบจากความรู้สึกจริงๆ
“อยากจีบครับ”
ดวงตาคู่สวยถึงกับโตขึ้น ปากอิ่มสีสวยเผยอค้าง ตาคมจ้องมันทันที เวลาเธอเผยอปากอย่างนี้แล้วมันดูเชิญชวนอย่างน่าใจหาย เมื่อก่อนภาสกรคงพยายามไม่สนใจ ในเมื่อเขามองคนอื่นอยู่ แล้วสถานะของพนิดากับเขาก็ไม่เหมาะนักหากจะไปทำเจ้าชู้รุ่มร่ามกับเธอ ทว่าเวลานี้แตกต่าง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาทำงานให้ธนัญการการพิมพ์ เขาไม่ใช่ลูกน้องและเธอไม่ใช่เจ้านายโดยตรงของเขาอีกแล้ว ถึงจะยังเป็นลูกจ้างของธนัญการ ทว่าก็อยู่คนละบริษัท หากถูกใจแล้วไม่ได้เดินหน้ามีหวังคงโดนสอยไปอีกเหมือนครั้งญาดา
ภาสกรคิดว่าไม่มีอะไรเสียหายหากตนจะจีบอดีตเจ้านายสาว
“ผมจีบคุณวุ้นได้ไหม”
แล้วก็เป็นเขาที่เอ่ยถามกลบความเงียบ
“เลิกเล่นได้แล้ว”
เหมือนหญิงสาวจะได้สติเพราะคำถามนั้น เจ้าตัวขยับหันไปนั่งตัวตรงจะกดปุ่มสตาร์ตรถ ทว่าเขาคว้ามือบางเอาไว้
“เอ๊ะ ซัน”
พนิดาเพียงหันมามองเขาตาดุแต่ไม่สะบัดมือออก และเขาก็รับรู้ได้ถึงความสั่นของมือบาง เธอกลัวเขาหากก็นิ่งพอที่จะไม่ทำตัวโวยวายด่าทอ ค่อนข้างมีสติสมเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ นั่นยิ่งทำให้ภาสกรรู้สึกถูกใจอีกฝ่ายมากขึ้น เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เอะอะก็ใช้เสียง นิดหน่อยก็งอน แงงอเอาแต่ใจ มันน่ารำคาญแล้วก็หน้าเบื่อสำหรับเขา
=====
วัยรุ่นใจร้อน รุกเร็ว ^-^
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”