"ยัยเอวาใกล้ถึงคิวเรานำเสนอแล้ว..." อิงดาวเอ่ยบอกกับเจ้าของร่างบางที่อาศัยจังหวะที่กลุ่มอื่นกำลังนำเสนอพักสายตาคอพับไปกับโต๊ะเรียนชั่วครู่ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ปรือตาด้วยท่าทีงัวเงียเมื่อรู้สึกตัวขึ้นจากการปลุกของอิงดาว
"อือ~" ใบหน้าสวยที่ไม่ค่อยสดใสกระพริบตาถี่ๆ เพื่อตั้งสติพยายามปรับสายตา
"โอ้ย...จะรอดไหมเนี่ย" ทำเอาอิงดาวที่กำลังจับจ้องเพื่อนสนิทสบถออกมาเสียงเบา
"ฉันไหว..."
"อีกห้านาทีใกล้เสร็จแล้ว...เอวาเอารายงานมา" กระทั่งเสียงคีริวที่นั่งอยู่ด้านข้างอีกฝั่งของเอวาเอ่ยขึ้นพร้อมกับแบมือขอเล่มที่ต้องการจากเธอ
"รายงาน?" คนตัวเล็กที่กำลังมึนงงทวนถามขึ้นตาใส
"ก็รายงานที่ต้องส่งวันนี้พร้อมกับพรีเซ้นท์ไง มันอยู่ที่เธอไม่ใช่เหรอ?..." คีริวเอ่ยอธิบาย
"อย่าบอกนะเอวาแก!..." อิงดาวเริ่มฉายสีหน้าไม่สู้ดีขึ้นอีกคนทันทีที่ได้เห็นใบหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวของเอวา
"ระ รายงาน!" ใบหน้าเล็กที่แทบไม่มีสติในตอนแรกกลับเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่นึกอะไรออก
"เธอลืม?" กระทั่งเสียงคีรันที่เอ่ยถามหญิงสาวตัวเล็กเสียงนิ่ง
"อึก..." เอวาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพราะความเร่งรีบและอาการเมาค้างในตอนเช้าทำให้เธอลืมที่จะหยิบเล่มรายงานติดมือมาด้วย
"ยัยเอวา!!!" อิงดาวและคีริวเค้นเสียงเรียกพร้อมกันโดยที่ให้ได้ยินเพียงแค่กลุ่มเธอที่นั่งอยู่ เอวาหดคอลงอย่างรู้สึกผิด
"ข ขอโทษ...ฉันลืม" เธอบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบตาเพื่อนในกลุ่ม
"เอาไงล่ะทีนี้"
"เดี๋ยวก่อนนำเสนอฉันจะลองขออาจารย์เสรีดูก่อน ฮืออ...พวกแกฉันขอโทษ" เอวาเบะปากบอกอย่างรู้สึกผิด
"อาจารย์นี้ยิ่งชอบบ่นเสียงดังอยู่ ขืนแกไปขอได้โดนด่าตรงหน้าห้องแน่"
"ไม่เป็นไร...ก็ยังดีกว่าให้พวกแกต้องโดนหักคะแนนเพราะฉัน"
"กลุ่มสุดท้าย...เชิญครับ" ไม่ทันที่จะมีใครเอ่ยอะไรต่อเสียงก้องกังวาลของครูรายวิชาก็ดังขัดขึ้น ก่อนที่ทั้งสี่คนจะลุกขึ้นยืนออกไปหน้าห้องโดยที่มีคีรันเดินนำเป็นคนแรก
"ไหนเล่มรายงาน?" อาจารย์วัยกลางคนเลิกคิ้วถาม
"ค คือ..."
"พอดีผมลืมเอามาครับ...อยากจะขออาจารย์ส่งย้อนหลังได้ไหมครับ" เรียวปากเล็กของเอวาที่กำลังจะเอ่ยอธิบายกลับต้องชะงักนิ่งไปเมื่อเสียงของคีรันกลับดังขัดเธอขึ้นก่อน
"ลืม?...ลืมเล่มรายงานที่ต้องส่งวันนี้เนี่ยนะครับนักศึกษา" อาจารย์วัยกลางคนเอ่ยตอบด้วยท่าทีที่เริ่มรู้สึกได้ถึงความพอใจ คีรันยืนเงียบมองหน้าอาจารย์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิมตามที่เขาชอบทำ
"ครับ...ผมเป็นคนลืมเอามาเอง" คีรันเอ่ยตอบเน้นย้ำอีกครั้งมองหน้าอาจารย์อย่างไม่หลบหลีก ผิดกับเอวาที่ก้มหน้ามองพื้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"แล้วผมควรทำอย่างไรกับพวกคุณดี ทั้งที่ผมเน้นย้ำแล้วว่างานนี้จะได้ครึ่งคะแนนของคะแนนเก็บทั้งหมด หากทำไม่ได้หรือทำไม่สำเร็จผมจะปรับตก ผมพูดแล้วใช่ไหมนักศึกษา" อาจารย์วัยกลางคนเอ่ยบอกเสียงนิ่งพร้อมกับหันไปถามความคิดเห็นของนักศึกษาท่านอื่นที่นั่งมองกลุ่มของเขาที่ยืนหน้าห้อง
"บอกแล้วค่ะ/ครับ" นักศึกษาหลายคนในห้องต่างพากันตอบ
"ผมพูดแล้วใช่ไหมครับนายเหมันต์" อาจารย์ประจำวิชาจึงหันมาทางกลุ่มเธออีกครั้งก่อนที่จะเรียกชื่อจริงของคนที่คิดว่าทำผิดอย่างคีรัน
"พูดแล้วครับ...ผมขอโทษครับ"
"จะอะไรนักหนาวะ...แค่ลืม" คีริวที่มีนิสัยแตกต่างไปจากพี่ชายเริ่มอารมณ์ร้อนขึ้นก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองอาจารย์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
"..." ทว่าคีรันกลับใช้สายตาไปมองน้องชายอย่างห้ามปรามจนคีริวต้องลดสายตาลงหันไปมองอีกทางอย่างระงับอารมณ์ไว้
"..." อาจารย์วัยกลางคนนิ่งมองหน้าคีรันอย่างพิจารณา ทำให้เอวาที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเงยหน้าขึ้นไปมองคีรันอย่างรู้สึกผิดทั้งที่คนที่สมควรโดนควรจะเป็นเธอ แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดขัดขึ้น เธอทำได้แค่เม้มปากก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
กระทั่ง...
"ครั้งนี้ผมจะให้โอกาสคุณเพราะเห็นว่าคุณทำงานดีมาตลอดแต่ครั้งหน้าอย่าให้มีแบบนี้อีก..."
"...เอารายงานมาส่งผมในวันพรุ่งนี้ก่อนเก้าโมงถ้าช้ากว่านั้นพวกคุณเตรียมลงเรียนใหม่กันยกกลุ่มได้เลย"
"ครับอาจารย์"
"เชิญนำเสนอ" ทั้งสี่พ่นลมปากอย่างโล่งอกทันทีที่ได้ยินคำตอบที่หลุดออกมาก่อนที่พวกเธอจะรีบทำการนำเสนองานตามลำดับและหน้าที่ที่มอบหมายกันเรียบร้อย
"โอ้ย...หัวใจฉันแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว..." หลังจากที่การนำเสนอผ่านพ้นไปด้วยดี อิงดาวพูดออกมาเสียงดังลั่นอย่างปลดปล่อยเพราะตลอดการนำเสนอเจ้าของวิชาก็เอาแต่หาจุดจับผิดของกลุ่มเธอไม่ยั้ง
"ดีนะที่กลุ่มเรามีคนฉลาดอยู่ ไม่งั้นโดนเสรีเชือดจนกระอักเลือดแน่ๆ"
"ฉันรู้ว่าฉันฉลาด ไม่ต้องขอบคุณหรอก" คีริวเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างมั่นใจ
"ฉันหมายถึงคีรัน...ไม่ใช่นาย"
"...นายอยู่ไม่ช่วยอะไรเลย จะบวกอาจารย์อยู่นั้นแหละ" ก่อนที่อิงดาวจะเอ่ยขึ้นทำให้คีริวรีบหันขวับมามองอย่างเอาเรื่อง
"หึ..." เอวาและคีรันเผลอหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกันทันทีที่ได้ยินคำตอบของอิงดาว
"ไออิง!..." คีริวเอ่ยด้วยท่าทีเอาเรื่อง
"ก็ฉันพูดจริงอะ ถ้ารันไม่ห้ามนายคงกระโดดต่อยอาจารย์ไปแล้ว แทนที่จะเรียนให้ผ่านๆ ได้ลงเรียนใหม่ซ้ำกันหมดนี่"
"แค่ลืมรายงานจ้องจับผิดอยู่นั้นแหละ...พูดแล้วก็โมโหชิบ" คีริวเอ่ยด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ทันทีที่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกือบพากันไม่รอดเมื่อห้านาทีที่แล้ว แต่ก็ยังดีที่แม้ว่าอาจารย์จะยิงคำถามอะไรคีรันก็ตอบคำถามได้ทุกข้อ ตอบถูกจนทั้งกลุ่มรอดตัวมาได้ในที่สุด
"ฉันขอโทษนะ เพราะฉันลืมรายงานทำให้ถูกอาจารย์เล็ง..." เอวาจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาใบหน้าสวยซึมอย่างรู้สึกผิดไม่หยุด ก่อนที่เธอจะหันไปสบเข้ากับใบหน้าหล่อของคีรันที่ยืนมองหน้าเธอนิ่งไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
"ขอโทษแล้วก็ขอบคุณนายด้วยที่รับแทนฉัน ความจริงนายไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ คนที่สมควรโดนต้องเป็นฉันมากกว่า" ร่างสวยเอ่ยกับคีรันขึ้นทำให้ทั้งอิงดาวและคีริวต่างพากันหันมาสนใจยังทั้งสองคน
"..." คีรันเงียบไม่ตอบอะไรตามนิสัยไม่ชอบพูดของเขา
"ไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว ไอรันมันตั้งใจทำเพื่อเธออยู่แล้ว" จนอิงดาวที่เห็นท่าทีนิ่งของคีรันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทนอย่างปลอบใจเพื่อนสนิท
"อือ...ถ้ามันไม่รับแทนเธอได้ตกกันหมดนี่แน่...เสรีชอบไอรันจะตาย มันรู้อยู่แล้วว่ายังไงอาจารย์ก็ให้โอกาส...ใช่ไหมรัน" คีริวเอ่ยปลอบใจเอวาขึ้นอีกคน
"อืม" ก่อนที่คีรันจะเค้นเสียงตอบน้องชายฝาแฝดแล้วเหลือบสายตาคมไปมองเธอเล็กน้อย
"..." เจ้าของร่างสวยยังคงนิ่งรู้สึกผิดเหมือนเคยทว่าใบหน้ากลับแสดงทีท่าผ่อนคลายกว่าตอนแรกมากแล้ว
"ถ้ายังรู้สึกผิดก็เลี้ยงข้าวพวกฉันก็ได้ เผื่อจะทำให้เธอสบายใจได้...ใช่ปะแฝด" อิงดาวเอ่ยพร้อมกับใช้มือเรียวไปกอดคอเธอก่อนที่จะหันไปทางชายหนุ่มทั้งสองอย่างต้องการขอความช่วยเหลือ
"อืม" คีรันตอบเสียงนิ่ง
"ปลอบใจหรืองกกันแน่วะไออิง"
"ไอริววันนี้หลายดอกแล้วนะ มาสู้กันสักยกไหมล่ะ" มือเรียวบางที่กอดปลอบในตอนแรกปล่อยออกก่อนที่จะลุกขึ้นไปประชันหน้าคีริวอย่างท้าทาย
"ปกติฉันไม่สู้ผู้หญิงนะ แต่ถ้าเป็นเธอฉันสู้ขาดใจเลยแหละ" คีริวตอบกลับพร้อมกับผลักหัวเล็กของอิงดาวเบาๆ แบบที่ชอบเล่นกันประจำ
"เลิกไร้สาระได้แล้ว" ทว่าสองคนที่กำลังสู้รบอย่างหยอกล้อต้องชะงักขึ้นเมื่อเสียงของคีรันดังขัดพร้อมกับเจ้าตัวที่สาวเท้าหนักเดินนำออกจากห้องเรียนไป
"ไปดิ...จะรอให้มันกลับมาลากคอหรือไง" อิงดาวรีบหยิบกระเป๋ามาสะพายหลังก่อนที่จะรีบเร่งจับมือเอวาที่นั่งอยู่เดินผ่านหน้าคีริวไป
เรือนร่างฉันถูกจับพลิกตัวให้นอนราบไปกับโซฟาหรู ก่อนที่มือหนาจะจับเอวคอดไว้แล้วดันให้บั้นท้ายฉันกระดกขึ้นตั้ง หันหน้าไปมองทางประตูระเบียงแล้วเอื้อมมาล็อกมือฉันไว้แน่น"วิวสวยไหม?" คีริวถามพร้อมกับลูบไล้ต้นขาอ่อนฉันเบาๆ เขาเอ่ยเสียงแหบแห้งเพิ่มความเร่าร้อนในจินตนาการของฉันที่เริ่มคิดไปไกลว่าเขาจะลงโทษร่างกายฉันอย่างหนัก"สะ สวย…" ฉันตอบเสียงสั่นเครือ ตัวลอยไปตามแรงเคลิบเคลิ้มของสัมผัสยั่วอารมณ์จากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ก้นงอนของฉันด้วยความเบามือ"วันนี้อิงแสบมากรู้ตัวหรือเปล่า…""ระ รู้…""ริวเตือนอะไรไม่เคยฟังเลย""ฟังแล้ว…""ฟังแล้วทำไมยังดื้ออยู่อีก"เพียะ!ทันทีที่เขาพูดจบฝ่ามือหนาจากที่ลูบไล้กลับฟาดลงบนแก้มก้มฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยงหลุดออกจากห้วงภวังค์ของความวาบหวาม"จะ เจ็บนะ" ฉันหันกลับมาจะลุกหนีแต่คีริวกลับจับเอวมั่นแล้วจัดการฟาดก้นฉันอีกครั้งอย่างไม่ยั้งแรงเพียะ!"สำหรับเด็กดื้อ" อย่างนี้มันหลอกกันนี่นา ฉันคิดว่าเขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียแล้ว เขาทำดีเพื่อทำให้ฉันชะล่าใจ สุดท้ายก็กลับมาตีก้นฉันเป็นการลงโทษโดยที่ฉันไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะถูกเขาล็อกไว้ทุกทาง"งื้อ…เจ็บ ไหนริวบ
"อิงมีเหตุผลที่ทำไปนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากแกล้งสักหน่อย" ทันทีที่เข้ามานั่งในรถฉันก็รีบพูดแก้ต่าง ปรายตามองคีริวที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด"ว่าอะไรหรือยัง" เขาตอบโดนไม่มองหน้า ลดกระจกยิ้มให้พ่อกับแม่ฉันแล้วรถก็เคลื่อนขับออกไปจากหน้าบ้าน"งั้นก็แสดงว่าริวไม่โกรธอิงเหรอ?""ถ้าบอกว่าโกรธ?""อิงทำเพราะทดสอบ ริวต้องห้ามโกรธ""แล้วฉันเลือกอะไรได้ สุดท้ายฉันก็โกรธเธอไม่ได้อยู่ดี""อย่าพูดแบบนั้นสิ…" ฉันตอบเสียงหงอย ผิดคาดที่คิดว่าขึ้นมาในรถแล้วเขาจะโกรธและโวยวายใส่ ไม่คิดว่าเขาจะมาแนวดราม่าตัดพ้อแบบนี้ เจอแบบนี้ยัยอิงดาวถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว"คาดเข็มขัดด้วย" เขาเหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่สนใจที่จะแก้ต่างจนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวก็รีบพูดขึ้นทันที"ขับไหวหรือเปล่า สลับให้อิงขับไหม""ไม่เป็นไร นอนเถอะ ถึงห้องเดี๋ยวฉันปลุก""ไม่เอาจะนั่งเป็นเพื่อน" ฉันรีบส่ายหัว แบมือไปตรงหน้าตักเขาจนเจ้าตัวก้มมามอง"อะไร?""ไม่โกรธก็ขอจับมือหน่อย""จับมืออะไรขับรถอยู่เห็นไหม?"โกรธชัวร์…"ทีตอนอื่นริวยังให้จับเลย" ฉันทำหน้าหงอยมองเขา เฮ้อ…มีหลายคดีตามติดตัวมาต
"อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน ไม่มีใครเคยบอกหรือไง?" หลังจากที่นั่งเราสองคนนั่งลงติดเบาะโซฟาข้างกันเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทันที พ่อฉันยังคงการแสดงละครยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ไม่เคยผิดหวังที่เกิดมาเป็นลูกของท่านเลยสักนิด"ขอโทษครับ" คีริวเอ่ยเสียงเรียบ ยอมรับโดยไม่มีเถียงอะไรสักคำ"พ่อไม่เห็นต้องว่าริวขนาดนั้นเลย…" ฉันเอ่ยเสียงเบา มองหน้าพ่อกับแม่เลิ่กลั่ก เพราะฉันคิดแต่แผนแกล้งเพื่อทดสอบเขาแต่ฉันไม่ได้คิดว่าต้องเฉลยยังไง…ตอนนี้ไม่อยากแกล้งต่อแล้ว รู้ซึ้งทุกอย่างจนต้องมองหน้าพ่อแม่เพื่อพยายามหาทางออกและหาตัวช่วยแล้ว"ผมซื้อของมาฝากคุณพะ…เอ่อ…คุณอัทธ์ด้วยครับ ขอโทษที่พึ่งเอามาให้ครับ" คีริวที่ปรายตามองของฝากที่อยู่ข้างๆ โซฟาก็รีบยกขึ้นมาไว้บนโต๊ะกลาง เป็นเซ็ตของรังนกแท้กล่องสีทองราคาแพงที่เขาตั้งใจเลือกก่อนมาถึง รีบวางไว้เพราะเจ้าตัวพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเอามาฝากด้วย"รังนกของโปรดคุณเลยนี่คะ ขอบคุณนะจ้ะ" แม่ที่เหมือนจะเข้าใจท่าทีของฉันก็พยายามลดใบหน้าที่กำลังตึงใส่คีริว เอื้อมไปหยิบกระเช้าตรงหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณให้จนคนด้านข้างฉันเหวอไปเลยพึ่งจะชมไปหมาดๆ ว่าการละครบ้านนี้ดีแค่ไหน แต่การที่แม่แสดงแ
"ยังเรียนกันไม่จบ จะเลี้ยงลูกสาวฉันได้เหรอ?" ทันทีที่ฉันเดินมาถึงวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะกลางของโซฟากลางห้อง เสียงทุ้มของพ่อฉันก็พูดขึ้นแสดงละครบทโหดอย่างต่อเนื่อง"ผมช่วยงานป๊าได้รับค่าตอบแทนทุกเดือนครับ" คีริวตอบอย่างไม่ลังเล ฉันหันไปขยิบตาใส่พ่อโดยไม่ให้คีริวเห็น ก่อนที่จะลงไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆ คีริวที่กำลังโดนสอบสวนอย่างหนักหน่วง"อิงดาวมานั่งใกล้แม่" ก้นถึงเบาะได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีแม่คนสวยก็เรียกฉันไว้ ฉันแสร้งทำหน้ายิ้มแหย่ๆ หันมามองหน้าคีริวอย่างลำบากใจจนเจ้าตัวพยักหน้าฉันก็เปลี่ยนไปนั่งข้างแม่แทนตีบทแตกกระจายทั้งพ่อและแม่ ลูกคนนี้ภูมิใจมากที่สุดเลย"ช่วยงาน? งานอะไร?" พ่อถามต่อ"ผู้ช่วยผู้บริหารครับ หลังจากที่ผมเรียนจบผมต้องบริหารที่นั้นต่อทันที คุณพ่อวางใจได้ครับ ผมไม่ทำให้อิงดาวต้องลำบากแน่ๆ""ใครพ่อแก!" พ่อฉันรีบตวาดลั่นจนคีริวสะดุ้งโหยง ฉันแทบอยากจะขำกับท่าทีตั้งตัวไม่ทันของคีริวที่ไม่คิดว่าพ่อฉันจะเล่นใหญ่เสียงดังใส่จนตัวเองตกใจแต่ก็ต้องหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ ไว้ อดทนไว้ก่อนอิงดาวห้ามขำ แกยังต้องพิสูจน์ในตัวเขาต่อ"ขอโทษครับคุณลุง""ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นพ่อแก" เนียนมากค่ะพ่อ ทำเ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ฉันปรายตามองพ่อและแม่ที่กำลังมองมาที่เราสองคนอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงทั้งสองก็ต่างไม่มีใครพูดอะไร เว้นแต่ประโยคชวนจากแม่ฉันเพียงแค่หนึ่งประโยคที่ยังตามให้เรานั่งทานข้าวด้วยกัน"เป็นอะไรกัน?" เสียงนุ่มลึกของคนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นกลางวงอาหาร ฉันตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เข้มดุ แต่ดูเหมือนว่าคนด้านข้างฉันจะไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เขารีบโพล่งตอบแทนฉันทันที"ผมเป็นแฟนอิงดาวครับ" คีริวตอบเสียงฉะฉาน เขากลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ฉัน มุมจริงจังที่ยากจะเห็นเขาในมาดนี้ เว้นแต่ตอนที่ดุฉันเท่านั้น"ฉันถามลูกสาวฉัน" เหมือนการทานอาหารครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นสินะ พ่อฉันช้อนสายตามองคีริว เข้มดุอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่สายตานั้นจะกลับมามองที่ฉันเพื่อรอคำตอบ"แฟนค่ะพ่อ" ทันทีที่ฉันตอบคีริวก็หันขวับมามอง คงจะตกใจในคำตอบของฉันที่พูดออกไปว่าเป็นแฟนกัน ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาขอ ฉันปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง"คบกันนานเท่าไหร่แล้ว?" คำถามที่สองมาอีกครั้ง"เรา…""พ่อถามมัน" ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ คนที่นั่งหัวโต๊ะกลับพูดด
"อะ โอ้ย…เจ็บ…" เสียงทุ้มร้องลั่นทั่วห้องคอนโดหรูทันทีที่ฉันใช้สำลีที่ชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แตะลงที่มุมปากหนาของคีริว ท่ามกลางสายตาของคีรันและเอวาที่กำลังมองมาที่ฉันที่กำลังทำแผลให้ก็พากันหัวเราะชอบใจใหญ่ โดยเฉพาะพี่แฝดของคีริวเอง"หึ สมน้ำหน้า" คีรันหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้ามองดูสภาพของน้องชายตัวเอง"ผู้หญิงบ้าอะไรมือหนักชิบ" จนเจ้าตัวเอื้อมมาจับที่มุมปากพร้อมกับตาขวางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้"ก็สมควรกับที่มึงทำไม่ใช่เหรอ?" คีรันเอ่ยต่อ"ตกลงนายพิสูจน์ให้อิงดาวดูยังไงถึงกลับมาเจ็บตัวแบบนี้" เอวาเอ่ยถาม วันนี้หลังจากที่เราอ่านหนังสือสอบกันมาได้ครึ่งวัน คีริวก็นึกคึกเมื่อเราเถียงกันเรื่องที่เขาไปดูรูปสาวๆ แล้วฉันจับได้ หลังจากนั้นฉันก็ถูกลากให้ไปที่คอนโดที่ไหนสักที่ บอกฉันว่าจะพิสูจน์ให้ฉันมั่นใจว่าเขาเลิกกับผู้หญิงทุกคนแล้วจริงๆ สภาพถึงออกมาอย่างที่เห็น"ก็คงเรียกพวกผู้หญิงของมันมายืนยันให้อิงดาวเข้าใจว่าเลิกกันแล้วจริงๆ" คีรันตอบแทนน้องชาย ซึ่งฉายารู้ใจน้องชายมากที่สุดไม่เกินจริงเลย อย่างที่คีรันบอกทุกอย่าง เขาเรียกอดีตผู้หญิงของเขาเกือบห้าคนมายืนเรียง เพื่อยืนยันให้ฉัน