คลับ S
คืนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับการมาดื่มเลี้ยงฉลองสำหรับพี่รหัสของไอ้เม่าที่เพิ่งได้ติดต่อมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาว่าเขาได้รับเลือกเข้าเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยที่พี่เขาเป็นเด็กเรียน แต่ดันชอบจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ถึงขนาดเหมาคลับเลี้ยงรุ่นน้องที่รู้จักกัน งานมันเลยค่อนข้างกร่อยและเงียบ แม้จะมีเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟไม่อั้นก็ตามที แต่เพราะมันน่าเบื่อมาก ตอนนี้ฉันเลยเอาแต่นั่งพิงไหล่คิน ทิ้งตัวลงอย่างเบื่อหน่าย พร้อมกับดื่มไวน์ไปแล้วเป็นแก้วที่ 5 ได้
“วินเซนต์ แกออกไปคุยกับพี่ข้างนอกหน่อยสิ”
เสียงน้ันเรียกความสนใจจากทุกคน รุ่นของเม่าหรือไอ้วินเซนต์เดินเข้ามาหา เธอส่งยิ้มให้เราทุกคนก่อนหยุดสายตาอยู่ที่เพื่อนวินเซนต์ที่เราเรียกว่าเม่าอย่างเศร้าสร้อย
“ตอนนี้เลยเหรอ?” เม่าถาม ถึงทำท่าเหมือนอยากจะไป แต่ก็เหมือนเกรงใจพวกเราอยู่ มันคงคิดว่างานนี้ตัวเองชวนเพื่อนมา ถ้าไม่อยู่ด้วยคงเสียมารยาท
“ไปเหอะมึง พวกกูอยู่ได้ โตๆ กันแล้วเนี่ย” ฉันพูดขึ้นก่อนเม่าจะปฏิเสธพี่เขาไป ดูท่าแล้วพี่สาวคนนี้คงมีเรื่องสำคัญมากอยากคุย
ปกติพี่รหัสของไอ้เม่าจะไม่ค่อยเข้ามาทักพวกเรา หรือมาอยู่ใกล้ ตั้งแต่เรียนมาจนเธอจบออกไปแล้วเราอยู่ปีสี่กัน พี่เขาก็ยังคงรักษาระยะห่าง ยกเว้นตอนนี้ เหมือนกับว่าเธอกำลังต้องการทำอะไรบางอย่าง
“งั้นเดี๋ยวกูมา ถ้าจะกลับก็ส่งข้อความหาเข้าใจไหม”
“อือๆ”
แล้วมันก็ลุกเดินไปพร้อมกับพี่เขา เรากลับมานั่งเงียบเหมือนเดิม เวลยังคงใช้เวลาไปกับการเล่นเกมท่ามกลางงานเลี้ยง คนที่ฉันกำลังทิ้งตัวพิงไหล่อยู่ก็นั่งแชตคุยกับใครไม่รู้นานสองนานแล้วแบบไม่สนใจคนอื่นใดรอบตัว ส่วนฉันยังคงส่งไวน์เข้าปากไม่หยุด เพราะช่วงนี้เครียดหนักเรื่องโครงการ ไหนจะต้องออกไปดูงานต่างจังหวัดอีก
เราเรียนปีสุดท้ายแล้ว และสาขาวิศวะที่เราเลือกเรียนมันต้องเลือกที่จะออกพื้นสำรวจจริง ฉันคิดหนักเพราะไม่รู้จะลงไปที่ไหน กลาง อีสาน หรือตะวันออกดี มันหลายอย่างมากจนปวดหัวไปหมด โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานท่ามกลางผู้ชายที่แทบไม่มีประโยชน์สามตัวนี้
“เบาๆ หน่อย เดี๋ยวแม่งก็เมา” คนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่นานพูดขึ้น มือใหญ่ดันหัวฉันออกจากไหล่ให้กลับไปนั่งตัวตรง
พอถูกผลักออกไร้ที่พิงหัวฉันก็หมุนทันที นี่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเมา กระทั่งหัวโงนเงนทำท่าจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
“เมาไร ไวน์แค่ห้าแก้วไม่สะทกสะท้านกระเพาะด้วยซ้ำ” ฉันเชิดหน้าขึ้น เริ่มเห็นหน้าคินไม่ชัดเหมือนคนสายตาสั้นไปแล้ว
“แน่ใจ? กูว่ามึงหน้าแดงแล้ว” คนตัวใหญ่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันผงะถอย ด้วยความที่ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่แล้วเลยหงายหลังตึงใส่ตักเวล หัวกระแทกต้นขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมันเต็มๆ
“เชี่ยเวล ขาหรือเหล็กวะ แข็งฉิบหาย โอยย…หัวกู”
คนถูกด่าสะดุ้งเล็กน้อย เวลทิ้งโทรศัพท์ไว้ข้างตัวก่อนใช้นิ้วชี้ดันหัวฉันหนีจากตักมัน
“ถ้าแข็งก็ไม่ต้องมาหนุน ตักนี้มีไว้เพื่อแฟน ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้หญิงแบบมึงไอ้ดาว” พูดจบก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกใส่ฉัน เหมือนรังเกียจกันแบบสุดๆ
ป๊าด!!! ไอ้บ้านี่ กล้าดียังไงมาทำหน้าทำตารังเกียจใส่ฉันแบบนั้นน่ะ
“ไอ้เวร…” กอดอกยืดตัวขึ้นทันใด ตอนนี้เมาคืออะไรฉันไม่รู้จักแล้ว “ถ้าวันไหนกูเลื่อนขั้นเป็นเมียมึงนะ…” ชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง
ทว่ายังไม่ทันได้พูดจบประโยค หนึ่งมือใหญ่หยาบกร้านน้อยๆ ก็รวบนิ้วฉัน แล้วร่างทั้งร่างก็ลอยวืดหนีห่างจากเวล
ตุบ!
กลับมานอนบนตักแข็งๆ ของใครอีกคนแทนเฉยเลย
อะไรวะเนี่ย?
“นอนตักกูนี่ ไอ้เวลมันหวงตักก็ไม่ต้องไปบังคับนอนหนุนมัน” คินพูดอย่างไม่มองหน้าฉัน ตัวมันตอนนี้รินเหล้าอยู่ด้วยซ้ำ “อีกอย่าง ถ้าคิดว่าไอ้เวลจะเอามึงทำเมียนี่ฝันไปเหอะ คิดว่าทั้งโลกนี้เหลือมึงกับแมลงสาบให้เลือก มันยังเลือกแมลงสาบเป็นเมียเลยดาว”
อึก!
สะอึกจนแทบสิ้นใจ ทำไมเพื่อนแต่ละคนของฉันมันใจร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กันจังวะ
“รู้ได้ไงว่าไอ้เวลมันจะไม่เลือกกู” ฉันพูดแล้วหันไปสะกิดเข่าเวลด้วยนิ้วเท้าเบาๆ เวลเงยขึ้น เลิกคิ้วตั้งคำถามแทนพูด “ระหว่างแมลงสาบกับกู มึงจะเลือกใครทำเมีย?” ถามมันไปตรงๆ เลย อยากรู้คำตอบเหมือนกัน
“มึงก็รู้ว่ากูเกลียดแมลงสาบ…”
“หมายถึงมึงจะเลือกกู?”
เวลเงียบไป มึงหน้าคินแล้วหลุบตามองฉันด้วยรอยยิ้มแสนร้ายกาจ “กูเลือกมึงก็เอามึงเป็นเมียไม่ลงว่ะ ขอไม่เลือกทั้งสองแล้วฆ่าตัวตายดีกว่า กูขอไปพบพระเจ้าดีกว่าต้องตกนรกอยู่กับมึง กับแมลงสาบ เอเมน”
พูดจบไอ้เพื่อนตัวดีก็สวดภาวนาถึงพระเจ้าที่มันนับถือ ก่อนขยับหนีจากฉันไกลกว่าเดิม เพราะเท้าฉันกำลังยกขึ้นเพื่อถีบมันด้วยความแค้น
ใจร้ายมาก! ไอ้เวลมันร้ายกว่าทุกคนเลยเรื่องปากเนี่ย
“ไอ้เวล ไอ้เลว! มานี่เลยนะ กูจะถีบปากหมาๆ มึงให้”
ฉันทำท่าจะลุกไปขย้ำหัวเวลให้ได้ แต่ตัวยังไม่ทันได้นั่งดีด้วยซ้ำก็ถูกผลักลงนอนที่เดิม
“มึงถามมันเอง จะไปโกรธอะไรมัน” คินพูดทั้งยังส่ายหน้าไปมา
“เออ ช่วยไม่ได้ อยากถามกูเอง มึงกูรู้ว่ากูเกลียดแมลงสาบ”
“แล้วมึงเกลียดกูด้วย?”
“ไม่ กูรักมึง แต่ไม่กล้าเอาทำเมีย เดี๋ยวหัวแบะ”
“หัวแบะ?” นั่นทำให้ฉันขมวดคิ้ว ทำไมเวลถึงพูดอย่างกับว่าฉันมีเจ้าของแล้วเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วอีนับดาวโสดมากกว่า 8 ปีแล้วค่ะ
“เออ อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แบบเพื่อนรักดีกว่า”
ฉันเงียบไป ครุ่นคิดกับประโยคของเวล พออ้าปากกะว่าจะถามอะไรต่อ ไวน์หนึ่งแก้วก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้าซะแล้ว
มองมันครู่หนึ่งก่อนเงยหน้ามองคนที่ยื่นแก้วให้ “อะไร”
“ดื่มไปมึงอ่ะ พูดมาก น่ารำคาญ”
“จ้ะ!”
เพื่อนฉันแต่ละคนนี่ดีๆ ทั้งนั้นเลยแหะ ให้เกียรติฉันดีทุกคนมันเลยสิน่า!
รับแก้วมาแล้วยันตัวลุกขึ้นดื่มดีๆ หลังจากนั้นเราสามคนก็เข้าโหมด Introvert ต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเอง เวลกลับไปเล่นเกม คินนั่งพิมพ์ข้อความอย่างกับกำลังแข่งพิมพ์เร็ว ส่วนฉันนั่งชันเข่าดื่มเงียบๆ ดูบรรยากาศรอบข้าง จนกระทั่ง
ปุก!
หัวหนักๆ ปะทะเข้ากับไหล่กว้างของคนที่นั่งข้างๆ
“เมา?” คินเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ผลักออก ยังยกแขนขึ้นโอบไหล่ฉันไว้หลวม เพราะไม่อยากให้หล่นลงไปนอนกับพื้น หรือโซฟา
ฉันเพียงพยักหน้าตอบ ซบหัวลงกับอกกว้าง ขยับตัวเข้าใกล้คินจนรู้สึกถึงความอุ่นของร่างกาย
“นอนได้นะ เดี๋ยวพากลับบ้าน”
“อือ”
พูดตอบเบาๆ ฉันพยายามหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ทว่าไม่รู้ทำไมเปลือกตามันถึงไม่ยอมปิด ฉันเอาแต่โฟกัสหนึ่งสิ่งตรงหน้าอกคินที่มันนูนออกมาจนเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ น่ารัก
ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้เอื้อมมือสะกิดมันเบาๆ สองสามครั้ง อาจจะเพราะฉันกำลังคิดว่ามันคือเห็บ เลยใจดีจะเขี่ยออกให้เพื่อนมั้ง
“อือ… ไอ้ดาว!” คินครางแผ่วตอนปลายเล็บโดนมัน “หยุดเลยนะ” ก่อนเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเข้มขึ้น
ฉันยังไม่หยุด เขี่ยมันเล่นอยู่อย่างนั้นกระทั่งเหมือนคินจะทนไม่ไหวอีกต่อไป มันผลักฉันออกไปไกลจนแทบโดนเวลด้วยความแรง
“เขี่ยหัวนมกูอยู่ได้ไอ้ดาว เดี๋ยวแม่ง…!”
“เดี๋ยวอะไร พูดมาให้หมด” อายเพราะเมาเลยโมโหมากกว่าปกติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพิ่งทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรกับเพื่อนไป ฉันเท้าเอวมองคินอย่างเอาเรื่อง
“เดี๋ยวกูจับ… แม่ง!”
“…!”
ประโยคนั้นทำฉันอ้าปากค้าง ส่วนไอ้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับเกมถึงกับทำโทรศัพท์หล่นมือ
ย้อนไปเมื่อประมาณเกือบสามปีก่อนพอลเตอร์กำลังนั่งทำหน้าตาระรื่นในห้องรับแขกบ้านไร่ขุนเขาโดยมีเจ้าของบ้านและน้องสาวเขากอดอกมองด้วยคิ้วขมวดยับย่นทั้งสองข้างหลังจากรับรู้เรื่องภารกิจที่พอลเตอร์เกริ่นถึงเมื่อหลายเดือนก่อนขุนเขาก็แทบอยากจะเข้าไปถีบยอดหน้าเพื่อนเข้าให้ เพราะนอกจากมันจะเสี่ยงอันตรายแล้ว ไอ้เพื่อนแสนรักยังจะขออนุญาตให้น้องสาวแสนรักของตนปลอมตัวไปพร้อมกับมันเพื่อให้แนบเนียนยิ่งขึ้นตอนนี้ขุนเขาเลยค่อนข้างไม่พอใจพอลเตอร์เป็นอย่างมาก ส่วนต้นหญ้าเองก็ไม่ค่อยต่าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนพี่ชายต้องเจาะจงเป็นเธอ ทั้งที่เขาน่าจะมีผู้หญิงที่เป็นทีมงานของตนอยู่ไม่น้อย“เหตุผลง่าย ๆ ผู้หญิงในทีมฉันมีแต่ระดับนางงาม หมายถึงหน้าตาอะนะ ไอ้จะไปหาคนหน้าตาบ้าน ๆ ดูซื่อ ๆ หลอกง่ายที่ไว้ใจได้มันก็ออกจากยากไปหน่อยน่ะ”“ไอ้บ้านี่! นั่นปากเหรอวะ”ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักเพราะชายหนุ่มพูดภาษาอังกฤษเร็วมาก แต่เธอก็พอจับใจความได้ว่าตนถูกเหน็บแนมเรื่องความสวยนะโว้ย“แกกำลังบอกว่าน้องฉันขี้เหร่มากพอจะช่วยงานได้?”“ต้นหญ้าไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น แต่เธอดูไม่มีพิษมีภัย เหมาะกับภารกิจมากกว่าสาวแซ่บในทีมฉัน”“
วันนี้เป็นวันเปิดตัวสินค้าและเปิดตัวคู่ค้าคนใหม่ที่เพิ่งตกลงเซ็นสัญญาหลังจากการพูดคุยกันกว่าสามปีกับไฮโซป้อง ด้วยเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างมีชื่อเสียงและฝั่งขุนเขาเองก็กำลังก้าวหน้า งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมหรูใจกลางเมืองงานเริ่มไปแล้วเมื่อสามสิบนาทีก่อน แต่เจ้าภาพอย่างขุนเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น มีเพียงเมธีเท่านั้นที่เข้ามารับหน้าให้ เนื่องจากเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารเช่นเดียวกัน นั่นสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ก้องเกียรติ เขาคิดว่าชายหนุ่มไม่ให้เกียรติตนและต้องการหักหน้า อาจเพราะเมื่อครั้งในอดีตเขาเคยเล็งธาราเอาไว้ ขุนเขาคงนึกแค้นในใจแล้วเอาคืนเขาในครั้งนี้หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วขุนเขาไม่ได้นึกแค้นเคืองก้องเกียรติแต่อย่างใด ที่เขายังมาไม่ถึงงานเพราะติดปัญหาใหญ่นั่นคือการแต่งตัวของเมียคนสวยมากกว่า!ธาราในชุดเดรสปักเหลื่อมแสนสวนสีแดงสด มันดูเข้ากันมากกับการแต่งหน้าด้วยลุคเปรี้ยวจี๊ดปากสีเชอร์รีของเธอ หากข้างหน้าไม่แหวกลึกจนเห็นเนินนม และข้างหลังไม่เว้าจนเกือบเห็นก้มก้นงอนงามขุนเขาไม่ยอมให้เมียออกไปจากห้องโดยเด็ดขาดจนกว่าเธอจะยอมเปลี่ยน แม้เขาจะทำให้คู่ค้าไม่พอใจ แต่ชา
ด้วยความเป็นคุณแม่ฟูลไทม์และขุนเขาเองก็มีงานการให้ทำมากมายแม้จะมีเมธีเข้ามาช่วยเหลือบ้างบางครั้งแต่ชายหนุ่มก็ยังยุ่งอยู่เสมอ ยิ่งเวลาผ่าน บริษัทภายใต้การบริหารของเขาก้าวหน้ามากขึ้นถึงขนาดทำการตลาดกับต่างประเทศขุนเขายิ่งทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลากระทั่งกินข้าวเที่ยงในบางวันต้นน้ำอายุสองขวบแล้วในตอนนี้ จากที่คิดว่าจะทำลูกหัวปีท้ายปี กลายเป็นว่าผ่านไปสองปีแล้วภรรยาสุดสวยยังไม่ตั้งท้องลูกคนที่สองเลย อาจจะเพราะธาราไม่ปล่อยเพราะเธอยังรู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองด้วย และอีกเหตุผลคือเขาไม่ค่อยมีแรงทำการบ้านหนักเหมือนเมื่อก่อน ครั้นจะให้มานั่งนับวันตกไข่ของเมียมันก็ดูออกจะจริงจังเกินไป เพราะเหตุนั้นธาราจึงลงความเห็นว่าเธอจะแบ่งเบาภาระสามีลงด้วยการกลับไปทำงานคู่กับเขา ส่วนต้นน้ำให้บิดาเป็นคนดูแลในตอนกลางวันไปก่อน จนกว่าเด็กน้อยจะอายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนคราแรกมันค่อนข้างยาก เพราะภรรยาคนสวยดูปรับตัวไม่ค่อยได้ พอเวลาผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็ชินกินมากขึ้น บริหารเวลาได้ดีขึ้น และแน่นอนว่ามีเวลาในการออกไปนอนคอนโดใกล้บริษัทเพื่ออยู่กันสองต่อสองบ่อยขึ้นวันนี้ก็เช่นกัน สองผัวเมียจัดดินเนอร์เล็ก ๆ
เสียงร้องแสบหูของทารกแรกเกิดดังก้องไปทั่วห้องคลอด ขุนเขามองร่างเล็กขนาดเพียงแค่ไม่กี่กิโลกรัมกำลังถูกทำความสะอาดโดยพยาบาลแล้วยิ้มกว้างปลื้มปรีติ เขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ตอนเห็นใบหน้าลูกชายคนแรกของตน ลูกชายที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจให้เกิดมา แล้วเขาก็ถือกำเนิดในเวลาต่อมาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ท่าทางแข็งแรงแถมยังคลอดง่ายเพราะคนเป็นแม่แทบไม่ปวดท้องทรมาน หรือออกแรงเบ่งมากเกินไปด้วย“เก่งมากครับที่รัก”ก้มลงจูบภรรยาแสนรักที่ขมับเธอเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจกับการให้กำเนิดของขวัญแสนพิเศษในครั้งนี้ ธารายิ้มหวานตอบกลับ หลุบตามองต่ำไปยังลูกชายของตนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน“นี่ลูกชายของเรา น้องต้นน้ำ ลืมตามามองลูกหน่อยสิครับคนดี”เสียงนั้นปลุกเธอให้ตื่นอีกครั้ง ธาราเอื้อมมือไปสัมผัสลูกน้อย ก่อนรับเขาเข้ามาอุ้มแนบอก ความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย พรั่งพรูออกมากลายเป็นสายน้ำตา เธอร้องไห้ในขณะที่ลูบไล้นิ้วมือไปตามใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนเงยหน้ามองสามีเพื่อยิ้มให้เขา“ของขวัญคนแรกของเรา… ขอบคุณนะครับที่มีเขาให้พี่ เราจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”เพราะความอ่อนเพลียเธอจึงไม่พูดอะไรตอบกลับสามีมากนัก ขุนเขายอมให้ภรรยาได้
การเปลี่ยนมือบริหารอีกครั้งเหมือนจะเป็นเรื่องไม่แย่นัก บริษัทภายใต้การดูแลของขุนเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เติบโตจนทุกคนยังอดแปลกใจไม่ได้ อาจจะเพราะผู้บริหารคนใหม่ทั้งเก่ง ฉลาด หลักแหลม มีหัวคิดการไกล ขุนเขามักจะเสนอไอเดียใหม่ ๆ แบบที่ไม่มีใครกล้าหยิบเอามาทำในที่ประชุมเสมอ และเมื่อทุกคนเห็นชอบ โครงการเขาได้รับเลือกผลที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ ทุกคนจึงเริ่มไว้ใจชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น เริ่มปรับตัวทันเขาเพราะขุนเขาโดยปกติแล้วเป็นคนทำงานรวดเร็วมากแต่ทว่าเจ้าตัวเองดันยังปรับตัวไม่ค่อยจะได้ ชีวิตในวัยสามสิบนิด ๆ ของเขายังต้องการอยู่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไปอีกสักพักใหญ่ นั่นคงเพราะเขาขลุกอยู่ในไร่เป็นเวลานานมากเกินไป การเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเป็นเรื่องลำบาก ติดขัดเสียจนน่ารำคาญในบางครั้ง“เฮ้อ…”เสียงทิ้งปากกาลงกับโต๊ะทำคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะถึงกับชะงัก ธารามองสามีตนทำท่าเหนื่อยล้าพิงร่างหนาลงกับพนักเก้าอี้ปิดเปลือกตาอยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหาเขา วางตะกร้าสตรอว์เบอร์รี่จากไร่ที่ต้นหญ้าส่งมาให้ลงแล้วจัดการนวดบ่าไหล่ให้หวังชายหนุ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น“อืม…สบายดีจังเลยครับ”ค
เรือนจำแห่งหนึ่งธาราตัดสินใจมาเยี่ยมพรรณธิดาหลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก ที่เธอมาเยี่ยมใช่ว่าจะยอมความหรือรู้สึกเห็นใจอาตนเองแต่อย่างใด แต่เธอแค่อยากรู้ว่าหากอาดาเห็นตนอยู่ดีมีความสุขพร้อมมีลูกน้อยในครรภ์ที่กำลังเกิดมาหล่อนจะมีปฏิกิริยาแบบใดมากกว่าหญิงสาวนั่งรอในห้องที่มีกระจกกั้นระหว่างผู้ต้องขังและญาติผู้มาเยี่ยม จะต้องใช้โทรศัพท์ในการโทรคุยกันเท่านั้นและระหว่างคุยจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ด้านหลังตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยมือน้อยกุมเข้าหากันแน่น อดประหม่าไม่ได้เพราะบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างหดหู่ กดดัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ ด้วยเพราะอยากเห็นว่าอาตนจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยม เธออยากเห็นมันจนแทบทนไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียวไม่นานนักร่างระหงของพรรณธิดาก็ปรากฏตรงหน้า หล่อนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นธารานั่งอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลีลาหรือปฏิเสธผู้คุมแต่อย่างใด หล่อนเดินเข้ามานั่งประจำที่ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อพูดคุยกับธาราใบหน้าที่เคยอ่อนเยาว์บัดนี้ดูโทรมเสียยิ่งกว่าอายุจริงของหล่อนไปแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่เป็นทรง เนื้อตัวดูสกปรกจนไม่น่ามอง ทุกอย่างตรงหน้าช่างหน้าเวทนา