“หยาบคายมาก!” ฉันเบะปากใส่ ส่วนคินเชิดหน้าขึ้นกวนๆ
“มึงนั่นแหละหยาบคาย คิดไงมาสะกิดหัวนมผู้ชาย ไอ้เรื่องที่ชอบจับของกูบ่อยๆ ยังไม่เคลียร์กันเลยนะ”
“เชอะ ทำเป็นหวงตัว!” กอดอกเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น
ก็จริงอยู่เรื่องว่าฉันชอบจับนั่นจับนี่ของคินเพราะมันเขี้ยวบวกด้วยที่ว่ามันน่ารัก แต่ฉันไม่ได้คุกคามอะไรมันนะ ฉันว่าคินมันก็ชอบ แถมไม่ได้ถือสาอะไร มีแต่ช่วงหลังๆ นี่แหละชอบด่าฉันเวลาเมาแล้วเผลอจับหัวนมเล่น
ฉันเป็นประเภทเมาแล้วรั่ว เมาแล้วลวนลามคนไปทั่ว เคยมีไปขอจูบใครก็ไม่รู้มาแล้วด้วยซ้ำ คิน เวล แล้วก็เม่าหรือไอ้วินเซนต์มันรู้ดี พวกนี้ต้องเอาใจใส่ฉันอย่างมากเวลาไร้สติ
จะบอกว่ารู้สึกสำคัญตัวมากก็ไม่แปลก ดอกไม้หนึ่งเดียวในดงหมามุ่ย ถูกปกป้องจากชายฉกรรจ์หน้าตาดีทั้งสาม ฉันล่ะภูมิใจจริงๆ ที่คบพวกมัน เพราะมันทำให้รู้สึกมีคุณค่าแปลกๆ โดยเฉพาะตอนไอ้พวกนี้มากอดขาอ้อนวอนขอร้องให้ฉันช่วยเรื่องเรียน
หมับ!
เฮือก!
สะดุ้งเฮือกตอนมือใหญ่กว่าใบหน้าประกบเข้าแก้มทั้งสองข้าง คินประคองฉันให้หันกลับมามองในระยะที่เรียกได้ว่ารู้สึกถึงลมหายใจ
ตึกตักๆ
กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมอุ่นๆ ทำหัวใจฉันเต้นผิดจังหวะ สายตาลุ่มลึกแต่ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมานอกจากนิ่งเรียบนั่น ดูมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในตอนนี้
ฉันอยากจะผลักคินออกไปไกล แต่ทำไม่ได้เลย ไม่ใช่เพราะเมาจนไม่มีแรง แต่เพราะตัวเองดันรู้สึกชอบตอนหัวใจเต้นพล่านในอก
เอ๊ะ? อะไรกันน่ะ นี่ฉันกำลังรู้สึกดีกับเพื่อนเหรอ
อีดาว ไม่ได้นะ ผิดผีตาย เดี๋ยวพระเจ้าลงโทษ
คิดได้ดังนั้นจึงใช้ฝ่ามือน้อยๆ ยันใบหน้าหล่อเหลาออกไปห่างจากหัว คินส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ด่าหรือว่าอะไรให้ฉัน ซ้ำยังยอมถอยห่างแต่โดยดี
“ถ้ากูหวง มึงคงไม่ได้จับแม้แต่ปลายก้อย แต่มึงควรรู้ว่าไอ้เนี่ยมันอันตราย” นิ้วชี้เรียวสวยชี้ไปตรงเป้าตัวเอง “ถ้ามันตื่นขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”
“ไร้สาระ กูจับออกบ่อย ไม่เคยเห็นมันตื่น” จนฉันคิดว่าคินไม่ชอบผู้หญิง ไม่ก็คงเห็นฉันเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคน เคยแอบจับมาสองรอบเห็นจะได้ นอกจากความนุ่มนิ่มแล้ว ไม่เคยเห็นว่ามันจะแข็งไปมากกว่านี้
“ไอ้ดาว มึงยังเป็นผู้หญิงป่ะเนี่ย” เสียงนั้นทำฉันเหลียวหลังขวับไปมองเวล ผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีอีกคนกำลังยี๋ปากใส่ฉันอย่างรังเกียจ
“ทำไม อยากโดนจับอีกคนหรือไง”
ทำท่าจะพุ่งไปจับเป้าของเวล เจ้าตัวถึงกับผวาถอยกราดไปจนสุดพนักโซฟา เขายกขาสองข้างขึ้นปกป้องส่วนนั้น มือชี้หน้าฉันด้วยความหวาดระแวง
“อย่ามาใกล้กูนะ กูรังเกียจ ของกูห้ามจับ ไปจับของไอ้คินนู่นไป!” ไม่พอยังกวักมือไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมา เห็นดังนั้นเลยนึกหมั่นไส้ขึ้นมา
ฉันถลกแขนเสื้อขึ้นไปกองบนไหล่ ปีนขึ้นไปบนโซฟา คลานเข้าหาเวลอย่างเชื่องช้า ก้มหน้าต่ำมุมสี่สิบห้าองศาแล้วแสยะยิ้มสยองใส่มัน
“กรี๊ด…! อีดาว อย่ามาใกล้กู!!” เห็นดังนั้นผู้ชายอกสามศอกวันๆ เอาแต่เล่นเกมกับจีบสาวก็ถึงกับกรี๊ดเสียงหลงสาวแตก “อย่าเข้ามา!!”
ฉันไม่สนใจคำห้าม ไม่สนด้วยว่าเวลจะยกขาขึ้นทำท่าจะถีบ เพราะฉันรู้ว่าเพื่อนมันไม่ทำหรอก
“มามะ มาให้จับเจ้าหนอนตัวน้อยๆ ซะดีๆ เวล… เวลจ๋า…”
“กรี๊ด อย่าเข้าม๊า!! ไอ้คินช่วยกูด้วย”
คินมันไม่ช่วยหรอก ดีไม่ดีคงกำลังขำหน้าดำหน้าแดงอยู่
วืด...~
แต่เปล่าเลย ตัวฉันปลิวกลับไปนั่งข้างกายคินด้วยการถูกยกคอเสื้อขึ้นเหมือนลูกหมาถูกจับหลังจากเวลพูดจบเลยด้วยซ้ำ
โป๊ก!
“อ๊ะ”
ตามมาด้วยมะเหงกหนึ่งทีที่กระหม่อม
“อย่าเล่นทะลึ่ง นี่ผู้ชาย ตัวเองเป็นผู้หญิง” เสียงเข้มดุ
“ผู้หญิงที่พวกมึงไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงอ่ะนะ?”
คินส่ายหน้า ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายใส่ “เออ ถึงอย่างนั้นร่างกายเราก็แตกต่าง”
“ไม่เห็นมีตรงไหนต่าง…”
“มีดิ” คินหลุบตาต่ำมองเป้าตัวเอง “มึงไม่มีไข่”
ไข่? อ้อ ถ้าหมายถึงไอ้นั่นล่ะก็ “มีสิ พี่เดือนซื้อไว้เต็มตู้เลย มึงหิวเหรอ เรากลับเลยก็ได้นะ เดี๋ยวกูทำไข่เจียวผงชูรสครึ่งซองให้กิน”
เท่านั้นแหละเพื่อนฉันสองคนก็พร้อมถอนหายใจใส่หน้าทันที ก่อนจะเป็นคินหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปชงเหล้า กับเทไวน์แก้วใหม่ให้ฉัน
“แดกๆ ไป จะได้กลับตอนไอ้เม่ามา กูง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านด้วย เดี๋ยวไม่มีพลังไปสู้รบกับพ่อ”
ทุกอย่างพลันตกอยู่ในความเงียบ เวลกับฉันมองหน้ากันอย่างรู้ใจ แล้วค่อยหันไปส่งสายตาเห็นใจให้กับคิน
“ไม่ต้องมาทำหน้าสมเพชกูเลย กูโอเค โคตรสบาย”
“ก็ไม่ได้สมเพชนี่ เนาะดาว” เป็นเวลที่พูด ฉันพยักหน้ารับ
“พรุ่งวันเกิดแม่มึงใช่ไหม ให้กูไปเป็นเพื่อนป่ะ เผื่อช่วยอะไรได้”
คินส่ายหัวไปมา “มึงจะช่วยอะไรได้อ่ะ ช่วยเป็นไม้กันหมาเหรอ”
“ก็…”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก เดี๋ยวจัดการเอง”
ถ้ายืนยันอย่างนั้นฉันก็จะไม่ขัด
คินเกิดในครอบครัวคนรวย พ่อกับแม่ทำธุรกิจทั้งคู่ เขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง เต็มไปด้วยความสุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ ยกเว้นอย่างเดียว
คือความสุข
คินไม่เคยได้รับความรักจากคนในครอบครัว พ่อกับแม่เขาแต่งงานกันเพราะเหตุผลทางธุรกิจและการเงินล้วนๆ ไร้ซึ่งความรักโดยสิ้นเชิง นั่นทำให้พ่อคินชอบมีชู้ แม่คินชอบขอหย่า สองคนทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า คินเห็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ กระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะเดินหนี เพราะเหนื่อยหน่ายที่จะทน
เขาแยกออกมาอยู่คนเดียว คงหวังว่าชีวิตจะสงบ แต่ไม่เลย… เพราะหน้าตาดีมาก แถมรวยสุดๆ ระดับที่สามารถซื้อไฮเปอร์คาร์มาขับได้ ทำให้สาวๆ เข้าหาคินเป็นอย่างหนัก ทีแรกเพื่อนฉันมันชอบนะ แต่ไปๆ มาๆ เริ่มรำคาญเพราะมีคนคอยตามคุกคาม หนักสุดคือตามมาที่คอนโดฯ หวังถ่ายคลิปแบล็คเมลล์มัน เพราะงั้นคินเลยมาค้างบ้านฉันทุกครั้งที่มีโอกาส
ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร ถ้าตัดความปากหมาออกไปอ่ะนะ
[Vincent’ s POV]ผมเคยคิดเล่นๆ นะว่าชีวิตคนเรามันดราม่าได้สักแค่ไหนกันเชียว จนกระทั่งวันหนึ่งรุ่นพี่ที่ตัวเองชอบและพึงใจมานานมาภาพรักในตอนที่เธอกำลังไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วหลังจากนั้นก็มีรุ่นน้องมาบอกว่าชอบในเวลาไล่เลี่ยกัน เธอไม่ได้ขอสถานะ ขอแค่ให้ได้มีผมอยู่ข้างๆ ก็พอดีและผมก็ตอบรับมันอย่างเต็มใจในวันนั้นผมคบกับเธอแบบไม่มีสถานะ เรานอนด้วยกัน ผมเลี้ยงดูเธอเหมือนเลี้ยงผู้หญิงคนหนึ่งไว้ใช้งาน ไม่ได้ให้ใจ ไม่ได้ให้อย่างอื่นนอกจากเงินและเซ็กซ์ดีๆ และเธอก็ยอมรับมัน เข้าใจ ไม่ทำตัวน่ารำคาญ ไม่อยากเลื่อนขั้นแต่อย่างใด“พี่วินซ์… พี่ว่าเราเป็นอะไรกัน”จู่ๆ วันหนึ่งเธอก็ถามผมขึ้นในขณะที่กำลังบรรจงจูบเธออย่างดูดดื่มท่ามกลางแสงจันทร์“คู่ขา คู่นอน อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แฟน”“อ้อ อย่างนั้นเหรอคะ ดีใจจังที่ได้รู้”เธอตอบแบบยิ้มๆ ไม่ได้มีท่าทีผิดหวังแต่อย่างใด ทั้งยังกอดผม เรียกชื่อผมทั้งคืนอีกต่างหาก ทว่าเมื่อตอนเช้ามาถึง ตัวเล็กๆ กลับหายไป ไม่ทิ้งแม้กระทั่งความอบอุ่นบนเตียงเอาไว้วันแรกที่เธอหาย ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใดสัปดาห์ต่อมาก็ยังไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปกระทั่งหหนึ่งเดือนผ่าน อยู
[Valton’ s Pov]ผมคือหนึ่งในลูกที่ครอบครัวตั้งความหวังมากเกินไป และตามใจจนเสียนิสัย เป็นคนเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ดูผิวเผินผมอาจจะเป็นลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ดูเปราะบางน่าทะนุถนอมเหมือนหญิงสาว แต่เนื้อในผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ ดื้อรั้น ชอบทำตามใจตัวเองเสียจนเคยตัว มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่ผมจะยอมก้มหัวให้ และพวกนั้นก็คือเพื่อนในกลุ่มเรา นั่นคือ คิน นับดาว และวินเซนต์เท่านั้นพ่อผมเป็นชาวเอสโตเนีย เป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองเมืองหนึ่ง ท่านทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งเทา และขาวสะอาด เดินทางไปรอบโลกเพื่อติดต่อเจรจาหาคู่ค้าอยู่เสมอจนมาหยุดที่นี่ ที่เมืองไทย เมื่อเจอแม่ผมเข้า ทั้งสองแต่งงานมีลูก และเลิกราเพราะพ่อเจอคนที่ถูกใจกว่าในตอนไปติดต่อการค้าในประเทศอื่นถึงอย่างนั้นพ่อก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูผมตลอด เงินไม่เคยขาดมือ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ เพราะเหตุผลเดียวเลยคือ ท่านเป็นหมันหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่สามารถมีลูกได้อีก นั่นหมายถึง ผมคือทายาทคนเดียวที่มียังไงล่ะพ่อตั้งความหวังไว้กับผมสูงมาก อยากให้ผมเรียนวิศวกรรมการบิน เพราะจะได้สานต่อธุรกิจที่มี แต่ผมที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยแม่เพี
เที่ยงคืนหลังจากที่เราแยกย้ายห้องใครห้องมัน ฉันกับคินก็จูงมือกันออกมาขับรถเล่นที่บ่อกุ้งของเพื่อระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ค่ำคืนอันแสนเร่าร้อนที่เราเกือบมีอะไรกันตรงท่าน้ำฉันหย่อนตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมไม้ตกกุ้ง ไม่นานคินก็นั่งลงตาม แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เว้นระยะห่างเหมือนเคย ขยับเข้ามาเบียดฉันทั้งยังโอบไหล่หลวมๆ“ไม่ต้องมาเบียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง คืนนี้ไม่ได้หนาว” ขยับเข้าชิดเขา แต่ปากคือไล่ ฉันก็แค่เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจอ่ะนะ เรื่องนี้คินรู้ดีเลยไม่ถือสา“ก็อยากกอดแฟน” พูดทั้งยังเกยคางบนหัวฉัน “อยากกอดแบบนี้ไปนานๆ อยากกอดตลอดไปเลย”“พูดดีไปเถอะ เดี๋ยววันหนึ่งก็เบื่อกันอยู่ดี”คินผละออกมามองหน้าฉัน ก่อนหยิกแก้มด้วยความมันเขี้ยว “ทำไมกล้าพูดว่ากูจะเบื่อมึงอ่ะ นี่คบกันมากี่ปีแล้ว”“ไม่รู้สิคิน แค่คิดว่าพอสถานะเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน วันหนึ่งกูอาจจะคาดหวังกับมึงมากเกินไปแล้วมึงรำคาญก็ได้ใครจะรู้”คินยิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าฉันกังวลเรื่องนี้ บางทีตอนพูดกับพ่อเมื่อตอนกลางวันเขาคงแอบได้ยินมันเลยไม่ได้ตกใจอะไรกับคำพูดฉันมาก“ก็ไม่เห็นเปลี่ยนนี่ เรารักกันเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไม่เห็นเหรอ”“ก็เห็น” คินแสดง
เราใช้เวลาซื้อของประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนพากันขับรถตรงไปยังบ่อกุ้ง ระหว่างทางฉันก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองก่อนเจอกันให้คินฟังเขาเป็นคนรับฟังที่ค่อนข้างดี ไม่ดุ ไม่ว่าที่ฉันทำตัวไม่ดี และที่สำคัญยังชมว่าฉันเก่งที่ก้าวข้ามมันมาได้ฉันรู้ด้วยตัวเองไงว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เพราะงั้นหลังจากถูกลงโทษแล้วพ่อส่งไปดัดสันดานกับพี่เดือนที่กรุงเทพฯ เลยไม่ขัดขืน เต็มใจที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และที่ไม่น่าเชื่อเลยคือ ฉันไปได้ดีมากกับทางใหม่ที่เลือก อาจจะเพราะได้เจอคิน ไม่ก็เพราะสภาพแวดล้อมที่ดีกว่ามากก็ได้ ฉันไม่ได้ว่าที่บ้านไม่ดีอะไรหรอกนะ แต่เพื่อนที่ฉันคบในโรงเรียนพาฉันไปทำในสิ่งที่ไม่น่ารักซะส่วนใหญ่น่ะสิ แล้วเด็กอ่ะนะ ยิ่งมีคนอวยยิ่งได้ใจ ผลลัพธ์ที่ได้ก็อย่างที่เห็น มีคนเกลียดจนถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านไปหลายต่อหลายปีแล้วก็ตาม“มาแล้ว!!”ตู้ม!ร้องเสียงดังวิ่งตรงไปยังบ่อกุ้งของพ่อ กระโดดตูมลงน้ำแบบไม่ฟังพ่อห้ามเลยสักนิด“ไอ้ดาว กุ้งตื่นหมดแล้ว” เสียงเอ็ดนี้ไม่ใช่จากพ่อ แต่เป็นเวลที่ตอนนี้จดจ่อ ตั้งใจสุดๆ กับการลากตาข่ายต้อนเจ้ากุ้งที่แสนน่ารัก“กูอยากช่วย”“ไปไกลๆ เลย กูจะทำเอง กุ้งกูหายหมด
เราเดินทางมายังบ้านพ่อแม่ฉันหลังจากเคลียร์ปัญหา และจัดการเรื่องโปรเจกต์เรียนจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เราสี่คน (ฉัน คิน เวล และเม่า) ยังมีแม่ของคินตามมาด้วยเพื่อมาขออนุญาตให้ลูกๆ ได้คบกันทีแรกฉันบอกท่านแล้วนะว่าไม่ต้องก็ได้ แต่คุณหญิงดื้อมาก ท่านบอกไม่ได้ พูดแบบนั้นไม่ดี (ตำหนิฉันไปอีก) ยังไงผู้ใหญ่ต้องมาพูดเองถึงจะถูก ส่วนเรื่องหมั้นหมายไม่ได้บังคับ แล้วแต่เราทั้งสองเลยเอาตรงๆ นะ ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าคุณหญิงมาตากำลังเร่งจับฉันแต่งงานกับคินอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งพักหลังมานี้ยิ่งหนัก โทรคุยกับแม่ฉันเป็นวรรคเป็นเวร มีแอบไปได้ยินว่าแพลนจะอุ้มหลานกี่คนด้วยนะคืออีดาวเพิ่งยี่สิบต้นๆ นะ ยังไม่พร้อมเสียสละเวลาไปเลี้ยงเด็กขนาดนั้นแต่ข้อดีคือพวกแม่ๆ ไม่ได้กดดันกันตรงๆ เพียงแค่พูดว่าอยากมีหลาน เพราะครอบครัวฉัน พี่เดือนตอนนี้ก็ยังไม่ท้อง ฉันเองยังเรียนอยู่มีลูกไม่ได้ ส่วนคินเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน ถ้ามันไม่แต่งงานหรือทำผู้หญิงท้องยังไงคุณหญิงก็ไม่มีวันได้เห็นหน้าหลานถึงจะพูดอย่างนั้นมันก็แอบกดดันไม่น้อยอ่ะนะ ถ้าเราสองคนคบกันนานจนขนาดแต่งงานมีลูกได้ก็ค่อยว่ากันอีกที อนาคตไม่
“คิน…”น้ำเสียงเธออ้อนวอนเสียจนใจผมสั่น จัดการจับเรียวขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน ก่อนรูดชั้นในสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่ออกจากขาเธออย่างช้าๆ ไปกองไว้ที่ข้อขาข้างหนึ่งผมมองหน้าเธอไม่ละสายตาไปไหน มองจนนับดาวต้องหลบตาไปเองเพราะเขิน“มองเหมือนอยากจะกินกันทั้งตัว…” เธอพูดเบาๆ ในลำคอ“ก็อยากจับกินจริง ไม่ผิดเลยสักนิด”พูดจบก็จุ๊บเบาๆ ตรงข้อเท้าเธอ นับดาวมีปฏิกิริยาทันที เธอขยับตัวหนึ่งครั้ง แล้วหลับตาพริ้มมีความสุขเมื่อผมไล่จูบขึ้นไปตามปลีน่อง ขาอ่อนและมาหยุดตรงส่วนที่น่าหลงใหลที่สุดสะโพกยกขึ้นสูงอย่างไม่ต้องเอ่ยขอ ผมใช้มือช้อนใต้ก้นอวบอัดเธอไว้ ดันขึ้นสูงอีกนิดแล้วฝังหน้าลงไปดูดกินเธออย่างคนหิวกระจาย“อา คิน!”นับดาวไม่เก็บเสียงอีกต่อไป ทันทีที่ลิ้นของผมเลียย้ำๆ ไปยังจุดอ่อนไหวที่สุดเธอก็กรีดร้องเสียงหวาน สะโพกบิดเร่าไปมา เรียวขาทั้งสองเปิดอ้าสลับกับหนีบหัวผมไว้ เห็นดังนั้นผมยิ่งคึกคัก อยากจะช่วยเธอถึงฝั่งฝันให้เร็วขึ้นผมขยับตัวหนีห่างเพื่อมองหน้าเธอเล็กน้อย ตอนนี้แก้มทั้งสองของนับดาวสุกปลั่งราวกับเพิ่งได้ตากแดดมา ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าค้าง แลบลิ้นสีสดออกมาเพื่อระบายความร้อนของร่างกายเซ็กซี่เป
[Akirah’ s POV]“ฝันดีฮะแม่ วันศุกร์นี้อย่าลืมนะฮะว่าเราต้องไปบ้านไอ้ดาว”“ไม่ลืมหรอกลูก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เมีย”“งั้นผมไปนะฮะ”“จ้ะสุดหล่อของมาม้า แต่อย่าลืมนะว่าห้ามเข้าห้องนับดาว”“ไม่เข้าแน่นอนครับ”ผมยิ้มหวาน จุ๊บแก้มแม่เบาๆ บอกฝันดีท่าน ก่อนเดินเร็วๆ ออกจากห้องเพื่อตรงไปยังอีกห้องที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งไม่ใช่ห้องผมแน่นอนวันศุกร์นี้เราจะเดินทางไปยังบ้านนับดาว เพื่อให้ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องการคบหาอย่างเปิดเผยที่จริงแม่ผมบอกว่าไม่ได้อยากเร่งเร้า ไม่ได้รีบร้อนหรืออะไรเลย แต่แค่อยากไปพบพ่อกับแม่นับดาวเพราะเหตุผลหลักๆ เลยคือไปจองตัวไว้ อีกอย่างคือท่านรู้ว่าผมได้เสียกับนับดาวแล้ว เลยอยากจะให้เกียรติเธอด้วยการไปบอกกล่าว ผูกแขนเอาไว้ตามวัฒนธรรมคนอีสาน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัด นับดาวก็ไม่ได้ว่า เหมือนฝั่งครอบครัวเธอก็ไม่ค้าน สรุปทุกอย่างลงตัว พร้อมเปิดทางให้เราหมดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมานั่งดราม่าแม่ไม่ชอบเมียเหมือนคนส่วนใหญ่เป็นกัน อาจจะเพราะแม่ผมชอบนับดาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเลยง่ายขึ้นก็คนที่ฉุดกระชาก ดึงผมให้ออกมามีที่หายใจบนโลกนี้ได้ก็คือนับดาวนี่นะ จะไม่ให
คินพาฉันมาที่บ้านใหม่แม่เขาประมาณสองสัปดาห์ต่อมา วันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่ พ่วงด้วยปาร์ตี้สละโสดของคุณหญิงมาตา จะไม่มาแสดงความยินดีในฐานะว่าที่สะใภ้ (เขิน~) คงไม่ได้ฉันแต่งตัวให้น่ารักที่สุด ใช้ชุดที่ท่านซื้อให้ จ้างช่างแต่งหน้าทำผมมาโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้คุณหญิงเสียหน้า รู้ว่าสังคมของท่านคงมีแต่คนรวย จะมาทำตัวเป็นอีสร้อยอีแซวคงไม่ได้ ฉันรู้จักกาลเทศะดีแต่ถึงอย่างนั้นพอก้าวเข้ามาในงาน ก็ไม่วายโดนตีราคาว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำมาเกาะบ้านคุณหญิงกินอยู่ดี เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่เป็นแบบนั้น เพื่อนคุณหญิงส่วนใหญ่น่ารักกันหมด มีเพียงแค่ประมาณสองถึงสามคนที่มองฉันแบบเปิดเผยว่ารังเกียจนั่นทำให้ฉันกลัวไหม?ก็ไม่อีกนั่นแหละ มองแรงมา อีนี่ก็มองแรงกลับ เบะปากใส่ฉันเพราะหมั่นไส้ อีนี่ก็เบะปากใส่เป็นพี่กิ๊ก สุวัจนี เหมือนกัน หลายคนพอเห็นฉันตอบโต้กลับ ก็ไม่นึกกล้าเสนอหน้าออกมาให้ด่า ไม่ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องนับดาวคนนี้เอาเรื่องพอตัว“คิน หนูคินคะ”ขณะที่เรากำลังเดินไปยังซุ้มเครื่องดื่มหลังจากทักทาย มอบของขวัญให้คุณแม่คินเสร็จแล้ว อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทักคิน เธอคนนั้นรูปร่างหน้าตา
“เหมือนตอนเด็กๆ เราจะเคยเล่นด้วยกันน่ะ แม่น้องเป็นเพื่อนกับแม่กู ชอบพาลูกมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ เหมือนผู้ใหญ่ก็ยุว่าจะจับหมั้นบ้าง จับให้คู่กันบ้าง โตขึ้นจะผูกแขนให้เป็นแฟนกันบ้าง นานเข้าๆ เด็กมันคงคิดลึก คิดว่าจะได้กับกูเลยฝังใจ เริ่มตามกูแบบเงียบๆ มาตั้งแต่ตอนคบกับมึงใหม่ๆ จำได้ไหมช่วงมอปลายที่เรารู้จักกัน”“อือ” นับดาวพยักหน้าตอบเบาๆ “เหมือนเคยเห็นหน้าโรงเรียนบ่อยๆ ทีแรกนึกว่ามาหาใคร ที่แท้มาหามึงนี่เอง”“ใช่ เด็กนั่นมาดักรอกู แค่ให้เห็นหน้าแล้วเขาก็ไปแค่นั้น”นับดาวครางเสียงต่ำในลำคอ เกาคางตัวเองครุ่นคิดกับอะไรบางอย่างอยู่ น่าจะกำลังระลึกชาติ ทบทวนความจำตัวเอง ส่วนสองคนที่เหลือแค่นั่งพิงโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ รอฟังเท่านั้น ไม่ได้เอายถามหรือทำอะไรมากกว่านี้“มีช่วงเข้ามหาลัยปีสามปีสี่นี่แหละเริ่มหนักสุดเพราะกูกับมึงเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น เด็กนั่นคงหึงเลยเริ่มตามกูไปทุกที่ ทำตัวเป็นสต็อกเกอร์ จ่ายใต้โต๊ะกับคอนโดฯ ที่กูอยู่เพื่อให้ได้คีย์การ์ดเปิดห้อง จ่ายให้กับทุกคนเพื่อเข้าถึงตัวกู ดีว่าตอนนั้นกูระแคะระคายก่อนเลยยังปลอดภัย ไม่อย่างนั้นวันนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง”“มึงควรเอาเรื่องคอนโดฯ ม