“จับของกูบ่อยๆ ระวังกูปล่อยในมึงสักวัน” “กลัวตายล่ะ” เพราะเป็นคนจัญไรอยู่แล้วเลยเล่นกับเพื่อนที่ศีลเสมอกันถึงเนื้อถึงตัวแบบไม่คิดอะไร แต่ไปไงมาไง ทำไมผีผลักกลายเป็นเราสองคนได้ในกระท่อมกลางนาวะเนี่ย "ไอ้คิน มึง...กี่นิ้วอ่ะ" "เก้าครึ่ง ทำไม" "ก็ว่าอยู่ทำไมเจ็บฉิบหาย ที่แท้ใหญ่กว่าพี่โด้ (ดิลโด้) กูห้านิ้วกว่านี่เอง"
View More“ฮ้าว…”
ฉันปิดปากหาวเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าหลังจากนั่งรอพี่สาวแสนสวยหาตัวช่วยในการหัวผัวมาแล้วกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
“ง่วงอ่ะพี่เดือน” ปรือตามองพี่เดือนแล้วหาวใส่หน้าเธออีกครั้ง
ฉันง่วงมากๆ ง่วงจนสามารถทอดกายนอนตรงไหนก็ได้บนพื้นไม้แล้วเนี่ย
“เมื่อคืนไม่ยอมนอนเอง บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้ขับรถพามาดูดวงที่นครปฐมน่ะ” พี่เดือนพูดก่อนหันไปชะเง้อมองดูว่าตอนนี้ถึงคิวตัวเองแล้วหรือยัง
“ก็ไอ้คินมันชวน จะไม่ไปก็ยังไงอยู่” พาดพิงถึงอีกคน พอฉันพูดชื่อนั้นพลันเจ้าของมันก็ปิดปากจามเสียงดังตามมาแทบจะทันที “แถมไอ้เม่ามันเลี้ยงด้วย ไม่ไปคือเสียโอกาส”
เมื่อคืนเพื่อนรักเพื่อนเลิฟที่ปกติไม่ค่อยควักตังค์จ่ายเงินให้กับอะไรง่ายๆ เกิดเป็นบ้าอยากเลี้ยงเหล้าขึ้นมา จะให้พลาดโอกาสนี้ก็ยังไงอยู่ มันเหมือนเป็นบุญอ่ะนะ เพื่อนที่ขี้เหนียวที่สุดยอมเลี้ยงคุณ เพราะงั้นฉันเลยจัดมันซะเต็มที่ ลำบากไอ้คินลากกลับบ้านด้วยสภาพไม่ต่างจากหมาตอนตีสี่ แล้วฉันต้องตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเพื่อขับรถพาพี่เดือน (ที่ขับรถไม่เป็น) มาดูดวงกับหมอดู (ที่คิดว่า) แม่นมากคนหนึ่ง แต่ฉันดันแฮงค์หนักและยังมึนไม่หาย คินเลยอาสาขับให้ เพราะเจ้านั่นมันค้างบ้านฉันไม่ยอมกลับห้องเมื่อคืน
“เห็นแก่กิน”
“ก็รู้ดีว่าน้องเป็นยังไง ฮ่า” หัวเราะแหะใส่พี่สาวเบาๆ “ว่าแต่เมื่อไหร่จะถึงคิวพี่อะ นี่เรารอเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
“อีกคิวเดียว เดี๋ยวคงเรียกมั้ง” พี่เดือนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วถอนหายใจแผ่ว “เบื่อแล้วเหมือนกัน อุตส่าห์จองคิวไว้เป็นเดือนๆ ไม่คิดว่ามาถึงหน้างานจะต้องรออีก”
“จองคิวเป็นเดือน? ถามจริง เพื่ออะไร”
ฉันถามด้วยสีหน้าจริงจัง ว่ากันตามตรงคือไม่เชื่ออะไรแบบนี้เลยสักนิด ฉันไม่ชอบเรื่องงมงาย ต่างจากพี่เดือนลิบลับ รายนี้น่ะดูดวงเก่ง แก้ดวงเก่ง แต่ไม่ว่าจะแก้ยังไงเธอก็ยังหาสามีไม่ได้สักที เพราะเหตุนี้ฉันถึงคิดว่ามันไร้สาระไง
แต่พี่มันไม่เข็ดไม่หลาบ เราสามคนเลยมานั่งจุ้มปุ๊กรอคิวดูดวงกันเป็นชั่วโมงอยู่นี่ไง
“ก็ชอบ แค่ชอบดูไม่ได้เหรอ” พี่เดือนทำตาปริบๆ ใส่ ฉีกยิ้มหวานปานนรผึ้ง คงหวังทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมั้ง แต่รู้อะไรไหม นอกจากมันไม่ได้ผลแล้ว ฉันยังโคตรจะหงุดหงิดเพิ่มเข้าไปอีก
คิดไงมายิ้มใส่น้องแบบนั้น สยองเกล้าไปหมด
“ขอร้องพี่อย่ายิ้มแบบนั้น มันยิ่งทำให้ฉันเครียดเข้าไปใหญ่ไม่รู้หรือไง”
“เอ๊ะ ไอ้ดาว! เดี๋ยวแม่ฟาดให้ นี่พี่นะโว้ยไอ้เด็กนี่”
มือน้อยๆ ยกขึ้นทำท่าจะฟาดมาไหล่ฉัน แต่เป็นต้องชะงักเมื่อมีพี่ผู้ชายรูปร่างผอมบางกว่าฉัน ตัดผมสั้นรองทรงเดินมาทางเรา
“ใช่คิวที่ 99 ไหมครับ ถึงคิวแล้วนะครับ” เขาก้มตัวพูดกับเรา
เท่านั้นทุกคนก็ยิ้มออกมาอย่างพร้อมเพรียงไม่เว้นแม้กระทั่งคินที่นั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
ยังจะได้ยินอีก นึกว่าหมา หูนี่ดีเหลือเกินนะ
“ไปๆ ไปเลย รอเป็นชาติแล้วเนี่ย” พูดใส่หน้าผู้ชายคนนั้นแบบไม่เกรงใจ ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันอยากนอนเกินกว่าจะมานั่งรออีกต่อไปแล้ว
เราสองคนเลยจูงมือกันเข้าไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ดูข้างนอกว่าธรรมดาแล้ว ข้างในนี่ธรรมดากว่าสิบเท่า มันเป็นแค่ห้องปูนเปลือยฉาบแบบไม่ลงสีขนาดประมาณ 24 ตารางเมตรเห็นจะได้ ในนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากชายอายุประมาณ 70-80 นั่งใส่แว่นตาหนาเตอะตรงโต๊ะ ข้างหน้าเขามีอุปกรณ์ดูดวงวางอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไพ่ แว่นขยาย และอื่นๆ ที่ฉันไม่รู้จัก
ทีแรกนึกว่าจะเป็นสำนักทรงซะอีก นี่มันดูไม่มีอะไรเลย พี่ฉันตามใครมาวะเนี่ย
“มึง กูรอตรงมุมนี้นะ” คินพูดขึ้น
อ้าว ฉันนึกว่ามันไม่ได้ตามมาซะอีก
เลยพยักหน้าให้ แล้วหลังจากนั้นไอ้คนตัวสูงใหญ่มากๆ ก็นั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ดูท่าจะรับน้ำหนักไม่ค่อยไหว ขามันปลิ้นเบ้บิดไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนฉันก็ยังนั่งกอดอก เอาขาไขว้ห้างหลับตาลงอย่างสบายใจ สบายอารมณ์ ไม่กังวลกับขาเก้าอี้แม้แต่น้อย
เออดี ดูไม่สนโลกสมกับเป็นคินดี
“ค่าครูวางไว้ตรงนี้เลยหนู”
นั้นดึงความสนใจฉันให้มาโฟกัสตรงหน้าแทนร่างสูงที่เริ่มส่งเสียงกรนเบาๆ รบกวนเรา
ลุงคนนั้นกับพี่ฉันคุยกันไปถึงไหนแล้วไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่สาววางเงินหนึ่งพันบาทบนจาน แล้วหลังจากนั้นคุณลุงก็เริ่มถามวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก นู่นนี่นั่น
ไม่นานลุงก็เริ่มพูดถึงเรื่องนิสัยของพี่ ดวงโดยรวมว่าเป็นคนที่อาภัพรัก ดวงนางต้องห้าม บลาๆ สุดท้ายก็ให้พี่เปิดไพ่ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มทำนายเรื่องความรักตามที่พี่ขอ
“เอ็งจะไม่มีคนรักจนกว่าจะแก้ดวงตรงนี้ได้” นิ้วเหี่ยวย่นเคาะตรงแผ่นกระดาษสามที “ดวงเอ็งมันคือดวงนางต้องห้าม ต้องไปขออนุญาตท่านก่อนถึงจะมีผัวได้”
พี่เดือนทำตาโต เหมือนว่าตกใจเป็นอย่างมากที่รู้เรื่องนี้ นั่นเพราะไม่ว่าจะไปดูดวงที่ไหนก็ไม่มีใครเคยทักในลักษณะนี้ พี่คงกำลังตะลึง อึ้ง และสมองกำลังสั่งให้เชื่ออย่างสุดใจแน่ๆ
“ถ้าหนูทำแล้วจะมีผัวเลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ ยิ่งรีบทำเท่าไหร่ยิ่งดี”
แล้วหลังจากนั้นฉันก็เข้าโหมดหูดับเพราะรู้สึกถึงความไร้สาระที่ทั้งสองคนพูด ไม่รู้นานแค่ไหน อยู่ๆ คุณลุงหมอดูกับพี่ก็หันมามองฉันเป็นตาเดียว
ฉันที่นั่งเท้าคางกับโต๊ะอยู่เลยยืดตัวขึ้น มองสองคนกลับบ้าง
“อะไร”
“ไปนอนในรถรอไหม แกหาวใส่ฉันสิบรอบแล้วเนี่ย”
“ไม่เอา จะนั่งอยู่นี่แหละ”
ฉันอยากอยู่เพราะเหตุผลเดียวเลยคือคอยห้ามพี่เดือนไม่ให้ใช้เงินกับเรื่องไร้สาระพวกนี้มากเกินไป สามสี่เดือนมานี้พี่ตระเวนดูดวง แก้ดวงหมดมาเป็นหมื่นแล้ว ฉันเสียดายตังค์ไม่ใช่ไรหรอก
“งั้นก็ห้ามหาว รำคาญ คนจะแก้ดวง”
นั่นไง มาแล้วไอ้แก้ดวงงี่เง่านั่น นี่ฉันต้องห้ามพี่อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย
“เสียเงินเป็นหมื่นอีกแล้วเหรอ พี่เอาเงินพวกนั้นไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวสักที่แล้วคว้าเอาสักคนมาทำผัวไม่ง่ายกว่าเหรอ วันๆ ขลุกแต่อยู่ในบ้าน อยู่กับหน้าจอคอมไม่ออกไปเจอคนใหม่ๆ มันจะไปหาผู้ชายได้ยังไง ผู้ชายนะพี่ไม่ใช่ฝน ที่จะตกลงมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าบ้านน่ะ”
ร่ายยาวจนเหนื่อย ฉันถึงกับต้องหยิบน้ำมาจิบ คอแห้งจนเสียงแหบหมด ไม่น่าสั่งสอนพี่มันเลย เหนื่อยนะเนี่ย
“ครั้งนี้ฟรีโว้ย ลุงไม่เอาเงิน เอาแค่ค่าครู”
ฉันเงียบ มองหน้าลุงแล้วยิ้มแหย “ฟรีเหรอคะ?”
“ลุงไม่ได้ต้องการหากินกับความเชื่อคนแบบนั้นหรอกอีหนู ที่มากันเยอะก็เพราะมีคนเอาไปทำคอนเทนต์ พอมันดังคนเขาก็แห่กันมาดู ลุงน่ะไม่ได้อะไรหรอก ช่วยได้ก็ช่วย ไม่ได้อยากได้เงินพวกเอ็งเลย”
อุ้ย ตัดสินลุงไปซะแล้ว ไม่น่าเลย
จะโทษฉันก็ไม่ได้นะยะ ก็พี่เดือนน่ะถูกหลอกมาแล้วตั้งกี่รอบ ฉันก็แค่ปกป้องคนในครอบครัวเท่านั้นเอง
“ว่าแต่หนูไม่ดูกับพี่สาวหน่อยเหรอ”
รีบส่ายหัวทันที “ไม่อ่ะ หนูไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ชีวิตลิขิตเอง จะเดินไปทางไหนคนตัดสินใจมันหนู ไม่ใช่ดวง”
“แต่เรื่องความรักมันขึ้นอยู่กับโชคชะตานะ”
ลุงเหมือนจะอยากให้ฉันดูด้วย เลยพยายามชวนคุยเรื่องความรักขึ้นมา หารู้ไม่ว่าฉันไม่เคยสนใจเรื่องพวกนั้นเลย
“หนูไม่สนใจเรื่องพวกนั้น”
“มิน่าล่ะถึงได้ตาบอดมองไม่เห็นเนื้อคู่ตัวเอง” ลุงยิ้ม มองฉันอย่างมีเลศนัย “คู่ของเอ็งอยู่ใกล้แค่เอื้อม เหลือบมองมันบ้างนะ เดี๋ยวมันหลุดมือไป”
คุณลุงหมอดูพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนหันไปคุยกับพี่สาวต่อ
ใครวะคนที่อยู่ใกล้ตัวมากๆ ฉันดันมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันสุดๆ สามคนด้วยสิ ลุงแกหมายถึงหนึ่งในนี้หรือเปล่านะ
คิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองเพื่อนอีกคนของฉัน
อคิราห์ หรือคิน ผู้ชายที่ฉันสนิทสุด เชื่อใจสุด จะใช่มันคนนี้หรือเปล่านะ
ให้ว่ากันตามตรง คินก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่นะ ออกจะหล่อ รวย แถมยังมีเสน่ห์สุดๆ ด้วย แต่มันติดอยู่อย่างเดียว อย่างเดียวจริงๆ ที่ฉันรับไม่ได้ นั่นคือนิสัยยังไงล่ะ
อาจเพราะเราสนิทกันมากไปด้วยมั้งมันเลยทำให้เรารู้ไส้รู้พุงกันหมด สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือ เบื่อหน่าย
ฉันเคยสาบานกับตัวเองเอาไว้ครั้งหนึ่งด้วยซ้ำว่าจะไม่เอาไอ้สามตัวนี้เป็นผัวโดยเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอา!
อยู่ๆ คินที่หลับก็สะดุ้งตื่น เขาปัดมือไปมากลางอากาศไล่แมลงวัน ทั้งยังทำปากจู๋เป่าลมใส่มัน ทำเหมือนกับว่าจะให้กลิ่นปากฆ่าแมลงวันตายอย่างไรอย่างนั้น
พอไล่แมลงวันไปได้สำเร็จ ไอ้ผู้ชายอดีตดาวมหาวิทยาลัย และหนึ่งในหนุ่มฮอตประจำคณะก็ใช้นิ้วก้อยแคะขี้มูกตัวเอง เขาเอามันออกมาดู เพ่งพิจารณาก้อนขี้มูกด้วยสายตาคมกริบชนิดที่ทำสาวๆ ใจละลายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก่อนจะส่งมันเข้าปาก พยักหน้าขึ้นลงเหมือนวิเคราะห์รสชาติของก้อนขี้มูกตัวเอง
อี๋… ทุเรศ อุบาทว์ที่สุด
เพราะงี้ไงใครมันจะอยากเอาไปทำผัว
กูล่ะหน่ายกับเพื่อนจริงๆ
พวกผู้หญิงชอบพวกมันไปได้ไงวะ
สรุปแล้ววันนั้น ฉัน พี่ และคินก็ไปที่อื่นกันต่อ เพื่อพาพี่เดือนไปไหว้ขออนุญาตมีผัวกับรูปปั้น จากนั้นถึงกลับบ้าน เราเลี้ยงหมูกระทะคินเป็นการตอบแทนในตอนเย็น ส่วนเพื่อนฉันแทนที่จะกลับบ้านหรือไปนอนห้องตัวเองหลังกินมื้อเย็นเสร็จมันเสือกขอค้างกับฉันที่บ้านต่อ เหตุผลเพราะ
“กูรำคาญพ่อ ส่วนที่คอนโดแม่งชอบมีสต็อกเกอร์มาดักรอจะเข้าห้องเพื่อไปขึ้นกูอยู่นั่น อยู่ที่นี่กับมึงกับพี่เดือนสบายใจกว่าเยอะ”
“จ้ะ พ่อหนุ่มฮอต พ่อเด็กมีปัญหา”
จะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันไปนอนห้องรับแขกตรงโซฟา ไม่มาเบียดกันบนเตียนห้าฟุตในห้องกับฉันน่ะ!
ใช่! เราสองคนนอนด้วยกัน เมื่อคืนมันก็นอนห้องฉัน แต่ถามว่าเคยเกินเลยกันไหม คือไม่! แค่คิดฉันก็ขนลุกขนพองไปหมดแล้ว
ย้อนไปเมื่อประมาณเกือบสามปีก่อนพอลเตอร์กำลังนั่งทำหน้าตาระรื่นในห้องรับแขกบ้านไร่ขุนเขาโดยมีเจ้าของบ้านและน้องสาวเขากอดอกมองด้วยคิ้วขมวดยับย่นทั้งสองข้างหลังจากรับรู้เรื่องภารกิจที่พอลเตอร์เกริ่นถึงเมื่อหลายเดือนก่อนขุนเขาก็แทบอยากจะเข้าไปถีบยอดหน้าเพื่อนเข้าให้ เพราะนอกจากมันจะเสี่ยงอันตรายแล้ว ไอ้เพื่อนแสนรักยังจะขออนุญาตให้น้องสาวแสนรักของตนปลอมตัวไปพร้อมกับมันเพื่อให้แนบเนียนยิ่งขึ้นตอนนี้ขุนเขาเลยค่อนข้างไม่พอใจพอลเตอร์เป็นอย่างมาก ส่วนต้นหญ้าเองก็ไม่ค่อยต่าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนพี่ชายต้องเจาะจงเป็นเธอ ทั้งที่เขาน่าจะมีผู้หญิงที่เป็นทีมงานของตนอยู่ไม่น้อย“เหตุผลง่าย ๆ ผู้หญิงในทีมฉันมีแต่ระดับนางงาม หมายถึงหน้าตาอะนะ ไอ้จะไปหาคนหน้าตาบ้าน ๆ ดูซื่อ ๆ หลอกง่ายที่ไว้ใจได้มันก็ออกจากยากไปหน่อยน่ะ”“ไอ้บ้านี่! นั่นปากเหรอวะ”ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักเพราะชายหนุ่มพูดภาษาอังกฤษเร็วมาก แต่เธอก็พอจับใจความได้ว่าตนถูกเหน็บแนมเรื่องความสวยนะโว้ย“แกกำลังบอกว่าน้องฉันขี้เหร่มากพอจะช่วยงานได้?”“ต้นหญ้าไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น แต่เธอดูไม่มีพิษมีภัย เหมาะกับภารกิจมากกว่าสาวแซ่บในทีมฉัน”“
วันนี้เป็นวันเปิดตัวสินค้าและเปิดตัวคู่ค้าคนใหม่ที่เพิ่งตกลงเซ็นสัญญาหลังจากการพูดคุยกันกว่าสามปีกับไฮโซป้อง ด้วยเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างมีชื่อเสียงและฝั่งขุนเขาเองก็กำลังก้าวหน้า งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมหรูใจกลางเมืองงานเริ่มไปแล้วเมื่อสามสิบนาทีก่อน แต่เจ้าภาพอย่างขุนเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น มีเพียงเมธีเท่านั้นที่เข้ามารับหน้าให้ เนื่องจากเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารเช่นเดียวกัน นั่นสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ก้องเกียรติ เขาคิดว่าชายหนุ่มไม่ให้เกียรติตนและต้องการหักหน้า อาจเพราะเมื่อครั้งในอดีตเขาเคยเล็งธาราเอาไว้ ขุนเขาคงนึกแค้นในใจแล้วเอาคืนเขาในครั้งนี้หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วขุนเขาไม่ได้นึกแค้นเคืองก้องเกียรติแต่อย่างใด ที่เขายังมาไม่ถึงงานเพราะติดปัญหาใหญ่นั่นคือการแต่งตัวของเมียคนสวยมากกว่า!ธาราในชุดเดรสปักเหลื่อมแสนสวนสีแดงสด มันดูเข้ากันมากกับการแต่งหน้าด้วยลุคเปรี้ยวจี๊ดปากสีเชอร์รีของเธอ หากข้างหน้าไม่แหวกลึกจนเห็นเนินนม และข้างหลังไม่เว้าจนเกือบเห็นก้มก้นงอนงามขุนเขาไม่ยอมให้เมียออกไปจากห้องโดยเด็ดขาดจนกว่าเธอจะยอมเปลี่ยน แม้เขาจะทำให้คู่ค้าไม่พอใจ แต่ชา
ด้วยความเป็นคุณแม่ฟูลไทม์และขุนเขาเองก็มีงานการให้ทำมากมายแม้จะมีเมธีเข้ามาช่วยเหลือบ้างบางครั้งแต่ชายหนุ่มก็ยังยุ่งอยู่เสมอ ยิ่งเวลาผ่าน บริษัทภายใต้การบริหารของเขาก้าวหน้ามากขึ้นถึงขนาดทำการตลาดกับต่างประเทศขุนเขายิ่งทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลากระทั่งกินข้าวเที่ยงในบางวันต้นน้ำอายุสองขวบแล้วในตอนนี้ จากที่คิดว่าจะทำลูกหัวปีท้ายปี กลายเป็นว่าผ่านไปสองปีแล้วภรรยาสุดสวยยังไม่ตั้งท้องลูกคนที่สองเลย อาจจะเพราะธาราไม่ปล่อยเพราะเธอยังรู้สึกเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองด้วย และอีกเหตุผลคือเขาไม่ค่อยมีแรงทำการบ้านหนักเหมือนเมื่อก่อน ครั้นจะให้มานั่งนับวันตกไข่ของเมียมันก็ดูออกจะจริงจังเกินไป เพราะเหตุนั้นธาราจึงลงความเห็นว่าเธอจะแบ่งเบาภาระสามีลงด้วยการกลับไปทำงานคู่กับเขา ส่วนต้นน้ำให้บิดาเป็นคนดูแลในตอนกลางวันไปก่อน จนกว่าเด็กน้อยจะอายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนคราแรกมันค่อนข้างยาก เพราะภรรยาคนสวยดูปรับตัวไม่ค่อยได้ พอเวลาผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็ชินกินมากขึ้น บริหารเวลาได้ดีขึ้น และแน่นอนว่ามีเวลาในการออกไปนอนคอนโดใกล้บริษัทเพื่ออยู่กันสองต่อสองบ่อยขึ้นวันนี้ก็เช่นกัน สองผัวเมียจัดดินเนอร์เล็ก ๆ
เสียงร้องแสบหูของทารกแรกเกิดดังก้องไปทั่วห้องคลอด ขุนเขามองร่างเล็กขนาดเพียงแค่ไม่กี่กิโลกรัมกำลังถูกทำความสะอาดโดยพยาบาลแล้วยิ้มกว้างปลื้มปรีติ เขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ตอนเห็นใบหน้าลูกชายคนแรกของตน ลูกชายที่ตนอุตส่าห์ตั้งใจให้เกิดมา แล้วเขาก็ถือกำเนิดในเวลาต่อมาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ท่าทางแข็งแรงแถมยังคลอดง่ายเพราะคนเป็นแม่แทบไม่ปวดท้องทรมาน หรือออกแรงเบ่งมากเกินไปด้วย“เก่งมากครับที่รัก”ก้มลงจูบภรรยาแสนรักที่ขมับเธอเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจกับการให้กำเนิดของขวัญแสนพิเศษในครั้งนี้ ธารายิ้มหวานตอบกลับ หลุบตามองต่ำไปยังลูกชายของตนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน“นี่ลูกชายของเรา น้องต้นน้ำ ลืมตามามองลูกหน่อยสิครับคนดี”เสียงนั้นปลุกเธอให้ตื่นอีกครั้ง ธาราเอื้อมมือไปสัมผัสลูกน้อย ก่อนรับเขาเข้ามาอุ้มแนบอก ความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย พรั่งพรูออกมากลายเป็นสายน้ำตา เธอร้องไห้ในขณะที่ลูบไล้นิ้วมือไปตามใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนเงยหน้ามองสามีเพื่อยิ้มให้เขา“ของขวัญคนแรกของเรา… ขอบคุณนะครับที่มีเขาให้พี่ เราจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”เพราะความอ่อนเพลียเธอจึงไม่พูดอะไรตอบกลับสามีมากนัก ขุนเขายอมให้ภรรยาได้
การเปลี่ยนมือบริหารอีกครั้งเหมือนจะเป็นเรื่องไม่แย่นัก บริษัทภายใต้การดูแลของขุนเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เติบโตจนทุกคนยังอดแปลกใจไม่ได้ อาจจะเพราะผู้บริหารคนใหม่ทั้งเก่ง ฉลาด หลักแหลม มีหัวคิดการไกล ขุนเขามักจะเสนอไอเดียใหม่ ๆ แบบที่ไม่มีใครกล้าหยิบเอามาทำในที่ประชุมเสมอ และเมื่อทุกคนเห็นชอบ โครงการเขาได้รับเลือกผลที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ ทุกคนจึงเริ่มไว้ใจชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น เริ่มปรับตัวทันเขาเพราะขุนเขาโดยปกติแล้วเป็นคนทำงานรวดเร็วมากแต่ทว่าเจ้าตัวเองดันยังปรับตัวไม่ค่อยจะได้ ชีวิตในวัยสามสิบนิด ๆ ของเขายังต้องการอยู่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไปอีกสักพักใหญ่ นั่นคงเพราะเขาขลุกอยู่ในไร่เป็นเวลานานมากเกินไป การเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเป็นเรื่องลำบาก ติดขัดเสียจนน่ารำคาญในบางครั้ง“เฮ้อ…”เสียงทิ้งปากกาลงกับโต๊ะทำคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะถึงกับชะงัก ธารามองสามีตนทำท่าเหนื่อยล้าพิงร่างหนาลงกับพนักเก้าอี้ปิดเปลือกตาอยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหาเขา วางตะกร้าสตรอว์เบอร์รี่จากไร่ที่ต้นหญ้าส่งมาให้ลงแล้วจัดการนวดบ่าไหล่ให้หวังชายหนุ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น“อืม…สบายดีจังเลยครับ”ค
เรือนจำแห่งหนึ่งธาราตัดสินใจมาเยี่ยมพรรณธิดาหลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก ที่เธอมาเยี่ยมใช่ว่าจะยอมความหรือรู้สึกเห็นใจอาตนเองแต่อย่างใด แต่เธอแค่อยากรู้ว่าหากอาดาเห็นตนอยู่ดีมีความสุขพร้อมมีลูกน้อยในครรภ์ที่กำลังเกิดมาหล่อนจะมีปฏิกิริยาแบบใดมากกว่าหญิงสาวนั่งรอในห้องที่มีกระจกกั้นระหว่างผู้ต้องขังและญาติผู้มาเยี่ยม จะต้องใช้โทรศัพท์ในการโทรคุยกันเท่านั้นและระหว่างคุยจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ด้านหลังตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยมือน้อยกุมเข้าหากันแน่น อดประหม่าไม่ได้เพราะบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างหดหู่ กดดัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ ด้วยเพราะอยากเห็นว่าอาตนจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยม เธออยากเห็นมันจนแทบทนไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียวไม่นานนักร่างระหงของพรรณธิดาก็ปรากฏตรงหน้า หล่อนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นธารานั่งอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลีลาหรือปฏิเสธผู้คุมแต่อย่างใด หล่อนเดินเข้ามานั่งประจำที่ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อพูดคุยกับธาราใบหน้าที่เคยอ่อนเยาว์บัดนี้ดูโทรมเสียยิ่งกว่าอายุจริงของหล่อนไปแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่เป็นทรง เนื้อตัวดูสกปรกจนไม่น่ามอง ทุกอย่างตรงหน้าช่างหน้าเวทนา
Comments