2
จุดเริ่มของความสัมพันธ์
พนักงานกินเงินเดือนที่แม้จะทำงานมาเกือบสามปีแล้ว แต่ยังได้เงินเดือนเพียงแค่สองหมื่นบาท กับนักธุรกิจหล่อรวยมีเงินหลักหมื่นล้าน ดูเป็นไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสได้มาเจอกัน
ปวิชญาเองก็ไม่คิดว่าตัวเธอจะได้กลายเป็นเพื่อนที่มากกว่าเพื่อนกับเขา
เริ่มแรกความสัมพันธ์ของพวกเธอก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมเรียนนี่แหละ
เนื่องจากเรียนจบป.ตรีมาสักพักแล้ว แต่ยังหางานประจำทำไม่ได้ ต้องทำงานพาร์ทไทม์หาเงินกินข้าวและส่งแม่ไปวันๆ ปวิชญาจึงตัดสินใจเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรระยะสั้นด้านเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ด้วยหวังว่าเกียรติบัตรที่ได้รับ จะช่วยปูทางให้เธอหางานได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วยความที่หลักสูตรนี้เปิดให้กับบุคคลทั่วไปได้ลงเรียน จึงมีผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่นักศึกษาจบใหม่ไปยันพวกเจ้าของธุรกิจที่อยากจะอัพเดทความรู้สมัยใหม่
เพราะเป็นหลักสูตรที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียง จึงมีงานกลุ่มที่ค่อนข้างโหดหินให้พวกเธอได้จับกลุ่มทำกัน และธเนศเองก็ได้มาเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมกลุ่มของเธอ
เป็นธรรมดาที่หนุ่มหล่อสาวสวยมักจะมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน
ถึงแม้จะมีฐานะไม่ดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปวิชญานั้นเป็นคนสวยทีเดียว ทั้งสวยทั้งมีรูปร่างที่แสดงความเป็นผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยม แม้จะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด ก็ไม่อาจปกปิดความอวบอิ่มของหน้าอกและสะโพกไว้ได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุยกันถูกคอหรือเปล่า แต่รู้ตัวอีกที เธอกับเขาก็จบกันที่บนเตียงเรียบร้อย
เพราะความเข้ากันได้ในเรื่องบนเตียง แบบที่ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน และการลงเอยที่โรงแรมหลายครั้งต่อหลายครั้ง สุดท้ายพวกเธอก็ตกลงที่จะเป็นเพื่อนร่วมหลับนอนกัน
ซึ่งมันก็แฟร์กับหญิงสาวมาก เพราะเขาอยากเจอเธอเมื่อไหร่ก็แค่ทักมา ส่วนเธอมีอารมณ์ อยากเจอเขาเมื่อไหร่ ก็ค่อยทักไป เป็นความสัมพันธ์แบบวินวินกันทั้งสองฝ่าย
แรกๆ ก็เจอกันที่โรงแรมอยู่หรอก แต่พอเขารู้ว่าเธอพักอยู่ในหอพักแคบๆ ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ก็เลยเสนอให้เธอไปอยู่ที่หนึ่งในคอนโดซึ่งมีอยู่หลายแห่งของเขา
“บอกไว้ก่อนนะว่าสถานะของพวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ และตองก็ไม่ใช่เด็กที่พี่ปูนเลี้ยงไว้ด้วย”
“ครับ พี่ก็ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“ตองไม่ได้อยากจะเป็นเด็กเสี่ย และไม่ได้อยากได้เงินหรือของอะไรจากพี่ปูน เราแค่มีความสุขกับการมีเซ็กซ์กันเฉยๆ”
“เพราะตองให้ความสุขพี่ในด้านนี้ได้ไง พี่ถึงอยากจะช่วยอะไรตองบ้าง คิดซะว่าเป็นการอำนวยความสะดวก ช่วยประหยัดค่าโรงแรมให้พี่ก็แล้วกัน”
เนื่องจากได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ปวิชญาจึงสะดวกใจที่จะอาศัยอยู่ในคอนโดของธเนศ โดยไม่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลาง และอีกฝ่ายก็ไม่เคยคิดจะให้ของมีค่าอะไรเธออีก มีเพียงให้ของขวัญกันเล็กๆ น้อยๆ เนื่องในโอกาสพิเศษอย่างวันเกิด ที่คนเป็นเพื่อนมักจะทำให้กันได้
พวกเธอดำเนินชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ คุยกันแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ข่าวสารบ้านเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน หาความสุขกายใส่ตัวมาเป็นระยะเวลาได้สองปีกว่า สุดท้ายก็มาถึงจุดที่ทำให้ปวิชญารู้ตัวว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
“เปตอง งานที่พี่ฝากให้แก้ ได้หรือยัง” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงาน ปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์
“ขอโทษค่ะ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง เสร็จแน่นอนค่ะ”
“อย่ามัวแต่เหม่ออีกล่ะ ถ้าคิดงานก็อย่าคิดนาน มือน่ะขยับด้วย ไม่ใช่นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวคนเขานึกว่าหลับในหมด”
คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ เพราะว่าเธอเหม่อลอยจริงๆ นั่นแหละ
ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกับธเนศนานวันเข้า เธอยิ่งเอาแต่คิดถึงเขา เริ่มเฝ้ามองโทรศัพท์ว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะเป็นคนติดต่อมา ทั้งที่ปกติแล้ว ถ้าอยากเจอ เธอก็แค่นัดให้เขามาที่คอนโด ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก
แต่วันก่อนๆ เธอถึงขั้นเริ่มเสิร์ทหาข่าวของเขาทางอินเทอร์เน็ต และก็ย้อนอ่านทุกข่าวที่มีเรื่องของเขา ทั้งที่ปกติแล้ว เวลาเธอเห็นข่าวเขา ก็จะมองเพียงผ่านๆ เท่านั้น
...เพราะโลกของเขาและโลกของเธอนั้น ไม่มีทางมาบรรจบกันได้
พอคิดถึงเขาบ่อยๆ เข้า อยากใช้เวลาร่วมกับเขามากกว่าเรื่องบนเตียง อยากรู้เรื่องของเขามากขึ้น ปวิชญาก็เลยรู้ตัวว่า... เธอตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว
นี่จึงเป็นที่มาของการที่เธอโทรไปขอตัดสัมพันธ์กับเขาเมื่อวานนี้
และเป็นเหตุให้ธเนศบุกมาหาเธอถึงออฟฟิศในวันนี้ ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยไปหาเธอมาก่อน
“ซู้ดดด ยังอร่อยเหมือนเดิม เก่งมากยัยตอง”
เจ้าของทรวดทรงในฝันที่สาวๆ หลายคนต้องการ เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับชามยำวุ้นเส้นสุดแซ่บที่เธอเพิ่งทำเสร็จ
มื้อเย็นของเธอส่วนใหญ่มักจะเป็นอาหารง่ายๆ ประเภทตำยำ และที่สำคัญคือต้องเผ็ดแซ่บ เครื่องต้องถึง
ฝีมือในการทำและปรุงอาหารบ้านๆ บอกเลยว่าเธอไม่เป็นสองรองใคร ก็คนมันทำกินเองมาตั้งแต่สมัยเรียน จะไม่ให้เก่งได้ไงกัน
เอาชามมาวางไว้บนโต๊ะหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ ก่อนจะนั่งลงบนพื้นพรม เมินเฉยต่อโซฟาเสร็จ หญิงสาวเจ้าของผมสั้นก็กดเปิดทีวีเพื่อดูซีรีส์เรื่องโปรดต่อ
ใจก็คิดถึงเรื่องชายหนุ่มที่จะแวะมาหาคืนนี้อยู่หรอก แต่เธอก็ควรจะต้องทำตัวแบบเดิม
อะไรที่ทำให้เธอมีความสุข เธอก็ควรทำ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด... ตี๊ดดด
นั่งหลังพิงเบาะนั่งของโซฟา ตีพุงหลังกินเสร็จได้สักพัก ก็มีเสียงกดรหัสเข้าห้องของเธอดังขึ้น
หันไปมองก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียวกับเมื่อกลางวัน ผลักประตูเดินเข้ามา
“ไม่เห็นจะทำเผื่อพี่บ้างเลย”
ชายหนุ่มถอดรองเท้า วางกุญแจรถและโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะข้างประตูด้วยความเคยชิน ปลดกระดุมแขน ถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ก่อนจะเดินมาทางหญิงสาวที่ยังคงนั่งอืดอยู่หน้าทีวี มีชามเปล่าวางอยู่
“ปกติพี่ปูนก็กินจากข้างนอกมาตลอดนี่คะ”
ปวิชญายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเขาแซวเล่นไปอย่างนั้นแหละ
เขาเคยคิดจะกินข้าวกับเธอที่ไหนกัน ส่วนใหญ่ก็มักจะกินกับพวกคู่ค้าทางธุรกิจที่ร้านอาหารหรู ไม่ก็ในงานเลี้ยง กว่าจะแวะมาหาเธอก็สามทุ่มขึ้นไปตลอด
“แต่ครั้งนี้พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย เลิกงานแล้วก็ตรงมาหาตองทันที ทำให้พี่กินหน่อยสิ”
ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟา มองลงไปยังเสี้ยวหน้างามของหญิงสาวที่ดูจะจดจ่อกับซีรีส์ซะเหลือเกิน
“ไม่เอาค่ะ ถ้าหิวก็ไปทำกินเองสิคะ วัตถุดิบในตู้เย็นมีเยอะแยะ อยากทำอะไรก็ทำเลย” ปวิชญาปฏิเสธเสียงแข็ง ในเมื่อจะตัดขาดความสัมพันธ์แล้ว เธอก็ไม่ควรจะทำอะไรให้เขาอีก
“ทำไมวันนี้ตองดื้อจัง”
“เรามาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่าค่ะ” เธอกดหยุดทีวี ขยับกายขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างชายหนุ่ม โดยเว้นระยะห่างไว้หนึ่งเบาะ
“พี่ว่าตองควรลองคิดดูดีๆ ก่อนนะ”
เห็นท่าทางนั่งซะชิดอีกขอบโซฟาเหมือนคนรังเกียจเขาของอีกฝ่าย ธเนศก็เริ่มเข้าใจว่างานนี้ท่าทางจะหินกว่าที่คิด
“ตองคิดดีแล้วค่ะ ยังไงสักวันเราก็ต้องยุติความสัมพันธ์นี้อยู่ดี มาหยุดกันตอนนี้เถอะค่ะ”
“หรือว่าตองมีคนอื่น? อยากเริ่มความสัมพันธ์แบบจริงจังกับคนอื่นแล้ว!?”
บทส่งท้าย กริ๊งกร่อง~ เสียงออดบ้านที่ดังขึ้น ทำให้เจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ประตู ลุกขึ้นเดินไปเปิด ก่อนจะพบกับคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่นอกประตูรั้ว แปลกหน้าไม่เท่าไหร่ แต่ทั้งหล่อ แต่งตัวดูดี มีออร่าจับนี่สิ เขามั่นใจมากว่าไม่มีใครในบ้านเขารู้จักคนอย่างนี้ “ผมมาหาเปตอง ปวิชญาครับ” ผู้มาเยือนพูดภาษาอังกฤษใส่ ทำให้เจ้าของบ้านรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนแถวนี้ เพราะคนแถวนี้พูดแต่ภาษาจีน ไม่ก็มาลายูกันทั้งนั้น “คุณเป็นอะไรกับเธอ” “เป็นแฟนครับ ผมมารับเธอกลับ” หลังจากเจรจากันอยู่สักพัก เจ้าของบ้านก็ยอมอนุญาตให้ธเนศเข้าไป ชายหนุ่มเดินไปยังบริเวณข้างหลังบ้าน ซึ่งมีซุ้มไม้เลื้อยและโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนนั่นคือหญิงสาวคนที่เขาเฝ้าตามหาอยู่เกินครึ่งปี ข้างๆ กันคือเด็กหญิงวัยห้าขวบ กำลังคุยจ้อไม่หยุด ท่าทางน่ารักน่าชัง แก้มยุ้ยผิวขาว ดูคล้ายกับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถ้าเขาไม่ได้เจอเธอหลายปี เขาก็คงนึกว่าเด็กนั่นเป็นลูกของเธอเหมือนกัน “พี่ปูน...” ปวิชญามองมาทางเขาอย่างตกใจ ก่อนจะขยี้ตา และมอ
21อับจนหนทาง ต่อให้มีอิทธิพลมากมายแค่ไหน แต่การตามหาคนคนหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ ก็ใช่ว่าจะหาง่ายๆ ธเนศมั่นใจว่าปวิชญากำลังพยายามหลบซ่อนตัวจากเขาอยู่แน่ๆ เพราะการที่คนคนหนึ่งจะหายไป ไร้ซึ่งร่องรอยการกิน เที่ยว ใช้ชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ “ไม่ได้เรื่อง!” ชายหนุ่มตะคอกใส่บรรดาหัวหน้าสาขาบ่อนคาสิโนตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพราะอิทธิพลในด้านสว่างใช้ไม่ได้ผล เขาจึงต้องพึ่งพาเครือข่ายอันกว้างไกลที่มีอยู่ตามสาขาต่างๆ ของบ่อนการพนันทั่วประเทศ “เอ่อ... ไม่แน่ว่าคุณปวิชญาอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศแล้วก็ได้นะครับ” หนึ่งในชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ในท่ารับผิดเหมือนกับลูกน้องแก๊งยากูซ่าเอ่ยเสนอด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ เป็นเหตุให้เพื่อนรอบข้างหันมามองและแทบจะยกนิ้วให้กับความใจกล้านี้ “คิดว่าฉันโง่หรือไง!” ธเนศตวาดเสียงเย็นยะเยียบ ก่อนจะโบกมือให้มือขวาจัดการพาทุกคนออกไป เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าเจ้าพวกนี้อีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่นึกถึงการตามหาเธอที่ประเทศอื่น แต่เพราะโลกนี้มันกว้างมาก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มค้นหาจากประเทศไหน การเริ่ม
20จุดเปลี่ยนของคนบ้า ทุกคนรู้ว่าธเนศแปลกไป แต่ดูเหมือนจะมีเพียงเจ้าตัวเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้ ทั้งออกงานสังคมน้อยลง ไม่ได้มีสาวคนไหนมาเป็นคู่ควงอยู่เคียงข้างกาย และบ้างานหนักขึ้น สั่งให้ลูกน้องทำโอที จนทุกคนแทบจะกราบขอร้องอ้อนวอนให้ปล่อยพวกเขาไปสักที บรรยากาศรอบตัวก็อึมครึมเข้าขั้นทะมึน ใครหน้าไหนก็เข้าหน้าไม่ติด รอยยิ้มจากเขาสักแอะก็ไม่มีโผล่มาให้เห็น แรกๆ ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเดี๋ยวมันก็คงจะดีขึ้น แต่ปรากฏว่าทุกอย่างกลับยิ่งเลวร้ายลง พอไม่มีงานที่บริษัทและที่บ่อนให้ทำ ธเนศก็จัดการหางานเพิ่มโดยการขยายธุรกิจ บินไปโน่นมานี่หาคู่ค้า สั่งเปิดสาขาเพิ่มที่ประเทศใกล้เคียง หางานให้เหล่าลูกน้องไม่เว้นแต่ละวันจนต้องจ้างพนักงานเพิ่ม แม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงาน ไม่คิดจะหยุดพักผ่อนเลยสักนิด “พอเลย ไอ้ปูน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่แกนะที่จะตายก่อน คนอื่นจะได้โดนแกลากไปตายด้วยกันหมด แหกตาดูบ้างสิว่าพนักงานบริษัทเราตาโหลเป็นหมีแพนด้ากันขนาดไหนแล้ว ต่อไปคงได้มีข่าวพนักงานตายในหน้าที่ ยืนถ่ายเอกสารอยู่ก็ไหลตายได้กันพอดี”
19ห้องที่ไร้ไออุ่น “หันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ” เสียงย้ำเตือนดังมาจากภูผา เพื่อนสนิทที่เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศมา และคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักให้กับเธอ ขณะนี้ภูผาและคะนิ้งกำลังมาส่งเพื่อนสาวที่สนามบินดอนเมือง ทั้งที่อาการกระดูกหักของหญิงสาวยังไม่หายสนิท และครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเดินทางไปต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางไปไกลขึ้น...ถึงต่างประเทศ “เดี๋ยวก่อนนะ แกต้องถามฉันสิ ว่า แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไป” “พูดอย่างกับว่าภูถามตอนนี้แล้วตองจะเปลี่ยนใจทัน” ภูผาว่า “ใช่ ก็แกทั้งซื้อตั๋วเครื่องบิน ทั้งเซ็นสัญญา จ่ายเงินค่านายหน้าไปหมดแล้ว คงไม่ใจเสาะ ยอมยกเลิกเอาตอนนี้หรอกมั้ง” คะนิ้งรีบเอ่ยสนับสนุน “เกลียดจริงพวกรู้ทัน” ปวิชญายิ้มมุมปาก “ฉันไปก่อนนะ” “เออ โชคดี ว่างๆ ก็บินกลับมาบ้าง กรุงเทพ-ปีนังก็แค่ปากซอย” คะนิ้งว่า หญิงสาวผมประบ่าเพียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกอดลาเพื่อนที่กรุงเทพทั้งสองคน และเดินจากไป ตอนที่ออกจากคอนโด เธอได้ส่งข้าวของทั้งหมดกลับไปยังบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และกลับไปพัก
18ความห่างเหิน ทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น การเงียบหายไปของธเนศ มันทำให้เธอตระหนักรู้ว่า เธอหมดประโยชน์ หมดความสำคัญกับเขาแล้ว จากที่ตอนแรกเขายื้อเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอยุติความสัมพันธ์แบบมากกว่าเพื่อน ถึงขั้นพาเธอออกงาน พาเธอไปรู้จักโลกของเขา มันทำให้เธอคิดเกินเลยไปไกลกว่าเดิม...มาก ยิ่งได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ก็ยิ่งไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกออกไป จากคราแรกที่กลัวว่าเขาจะเล่นกับหัวใจเธอ กลายเป็นหวาดกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป และมันก็มาถึงวันนี้จนได้... วันที่เขาตัดขาดจากเธอ เพราะว่าเธอโกรธเขา ที่เขาเล่นกับจิตใจของเธอ...คนที่รักเขา...มากเกินไป แต่ก็ดีแล้ว เพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่เธอร้องขอเขามาตั้งแต่แรก แล้วทำไมวันนี้... วันที่เขายอมปล่อยเธอไป เธอกลับอยากให้เขายื้อเธอไว้อีก เฮ้อ... เจ็บไม่จำจริงๆ เลย ยัยเปตอง ปี๊นๆๆ โครม!!! “โอ๊ยยย” “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ขยับได้มั้ย” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ขณะกำลังนั่งซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์ และ
17ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ “ตองเป็นอะไร โกรธอะไรใครมา” ธเนศยังคงเซ้าซี้ไม่หยุด หลังจากที่หญิงสาวเดินหนี ไม่ยอมกลับเข้างาน จนเขาต้องเป็นคนขับรถไปส่งเธอ เพราะไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวต้องเดินทางตอนกลางคืนคนเดียว “โกรธหมดทุกคนนั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะพี่ปูน” ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมเปิดปากพูด เมื่อรถหรูเคลื่อนเข้ามาถึงหน้าคอนโด “โกรธที่พี่ทิ้งตองไว้คนเดียว? หรือโกรธที่ไม่ยอมบอกเรื่องงานเลี้ยงล่วงหน้า? แต่ไม่น่าจะใช่ งานอื่น พี่ก็ไม่เห็นต้องบอกตองล่วงหน้าเลยนี่” “ใช่สิ ตองเป็นแค่คู่ควง พี่ปูนสั่งให้ไปงานไหนก็ต้องไป ไม่มีสิทธิได้รู้ล่วงหน้าหรอก” “อ้าว พาลโกรธเรื่องนั้นเฉยเลย ไม่เอาสิ สรุปว่าตองโกรธอะไรกันแน่” “จริงๆ งานแบบนี้ พี่ปูนควรจะควงคุณดาด้าไปมากกว่า” “พี่ไม่อยากรบกวนเขา ตองก็รู้ว่าเขากำลังขาขึ้น งานยุ่งมาก” “ก็เลยมาใช้งานคนว่างๆ แบบยัยเปตองคนนี้สินะคะ” น้ำเสียงติดจะประชดประชัน “ตอง ไม่เอาน่า” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน “พี่ปูนก็รู้ว่าตองชอบพี่ ยังจะพามาเจอพ่อแม่พี่อีก” ในที่สุดหญิงสาวก็ระเบิดอ