Masukภาพวาดต้องยอมขายคืนแรกให้กับมาเฟียเพื่อแลกกับเงินจำนวนหนึ่งมาช่วยครอบครัว แถมยังแอบวางยาแล้วหนีออกมา ใครจะคิดว่าแค่คืนเดียวเธอต้องมาอุ้มท้องลูกของเขา ทำให้ชีวิตต้องพบกับจุดเปลี่ยน...
Lihat lebih banyakดวงตาสีน้ำตาลใสกวาดตามองทั่วห้องอย่างตื่นตระหนก ภริตาไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างพาให้เธอมาอยู่ ณ จุดนี้ได้อย่างไร แต่เวลานี้หากจะถอยหลังกลับไปก็คงไม่ได้อีกแล้ว ความเป็นความตาย และความเดือดร้อนของพ่อรอให้เธอปลดโซ่อยู่
เอาวะ สักตั้ง คงไม่พลาดหรอก
“จ้องอะไรอยู่ ถอดเสื้อออกสิ” เสียงทุ้มแต่เต็มไปด้วยอำนาจเอ่ยสั่ง
ภริตาสะดุ้งโหยง ผินหน้าไปมองเจ้าของเสียงทุ้มแต่เจือความคุกคามที่ดังขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยความหวาดหวั่น
“ค่ะ”
รับคำจบ มือเรียวก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออก เวลานี้เธอเป็นเพียงสินค้า สินค้าที่รอให้ผู้ซื้อเชยชม แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดประสงค์ทั้งหมดของเรื่องราวในค่ำคืนนี้…
“อ๊ะ! คุณเอเมอร์!”
ร่างเพรียวบางร้องขึ้นเพราะยังไม่ทันได้ถอดเสื้อตัวเองออก อีกฝ่ายก็กระชากร่างเธอเข้ากับผนัง ก่อนลมหายใจสะอาดแผ่วถูกพ่นเข้าซอกคออย่างจงใจ
“กลัวเหรอ”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายศีรษะ เงยหน้าขึ้นสบมองด้วยตาคมดุสีเปลือกสน “วาดไม่ได้กลัว แต่แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ครั้งแรกล่ะซิ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยปากถาม แต่ดวงตาสีน้ำตาลลึกล้ำของเขากลับเปล่งประกาย
ภริตาอยากโต้ตอบกลับ แต่นึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายของเธอไม่ใช่ทำให้เขาพอใจ แต่เป็นการเอาของไปให้ผู้ว่าจ้างต่างหาก สุดท้ายจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ ก่อนช้อนสายตาหยาดเยิ้มยั่วยวนเขาอย่างจงใจ
“ยั่วเก่งเสียด้วย” เอเมอร์พูดแล้วจัดการบดกลีบปากของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ ดูดดึง กดแนบแน่นก่อนจะครอบครองเรียกร้องในที
“อ้ะ” ภริตาส่งเสียงกระเส่า ยอมรับว่าเซ็กซ์ของผู้ชายคนนี้ร้อนแรงดั่งพายุ
เรียวลิ้นฉ่ำซอกซอนเข้าในโพรงปากชุ่มของตนเอง ลิ้นแลกลิ้น บดขยี้สลับละเลงลิ้นไม่หยุดกระบวนท่าจนเธอแทบหลอมละลายเผาไหม้
“หวานมาก ชุ่มฉ่ำ” ชายหนุ่มถอนจูบแล้วแลบลิ้นสากที่ชุ่มฉ่ำตวัดติ่งหูของเธอไปมาสะอาดยั่วเย้าพาเอาหญิงสาวเสียวกระสันจนเผลอขยุ้มเสื้อเขาไปอย่างอดไม่อยู่
“เสียวก็ร้อง อย่าเก็บไว้” เขากระซิบเสียงพร่าริมหู แต่ไม่หยุดจูบลำคอเล็กก่อนลากไปยังแองชีพจรที่เต้นตุ้บๆ
“อื้อ”
“อีกสิ ครางดังๆ สิ ฉันอยากฟังอีก”
“อ๊ะ”
เหมือนเป็นนักเรียนที่ดีที่พอครูสั่ง เธอก็พร้อมทำตาม ปลายนิ้วแข็งแรงม้วนพันช่อผมของหญิงสาวเล่น กระตุกเบาๆ ราวกับเรียกให้อารมณ์หวาบหวามกระจายไปทั่วร่าง
ภริตาลุ่มหลงรสกามของมาเฟียหนุ่มจนด้านในเปียกแฉะแทบจะคั้นน้ำออกมาได้ ปล่อยให้อีกฝ่ายตายใจ ลากนิ้วไล้แผ่วเบาตามลำคอเล็ก แค่สัมผัสแนบชิดระหว่างกันราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะชั่วคราว จนหลงลืมภารกิจลับชั่วคราว
มือใหญ่ฟอนเฟ้นก้นงอนงามของหญิงสาวอย่างลุ่มหลง เอเมอร์ยอมรับว่าความต้องการของเขา ณ ตอนนี้แทบจวนเจียนคลั่ง อยากจะกระแทกแรงๆ ให้ร่างเล็กที่อยู่ใต้ร่างแหลกลาญ
“อ๊ะ โอ่ว”
เสื้อของภริตาถูกเขาถอดออกตอนไหนไม่รู้ ปล่อยให้สายตาคมกริบสีน้ำตาลกวาดตามองทั่วร่างขาวผ่องอย่างเผลอไผล แม้จะเขินอาย หากทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่ถูกสั่งมาในหัว ภริตาก็พร้อมปัดทุกสิ่งอย่างออกจากสมองทันที
“อุ๊ย!”
“ไปโซฟา ฉันไม่ชอบท่ายืน มันเมื่อย”
เอเมอร์อุ้มหญิงสาวขึ้นกระเตงก่อนจะเดินตรงไปยังโซฟาตัวนุ่มแล้ววางบั้นท้ายของคนตัวเล็กทิ้งตัวลงบนนั้น โน้มตัวทาบลงมาบดจูบอย่างเร่าร้อนบดคลึงริมฝีปากนุ่มละมุนนั้นสลับไปมาเบาๆ วนเวียนสัมผัสไปทั่วตัวจนหญิงสาวขนลุกเกรียว
“ฉันอยากกินเธอแล้ว อยากกระแทกแรงๆ ” เขาส่งเสียงกระเส่าเมื่อสอดนิ้วลูบไล้กลางร่องสวาทของภริตาที่กำลังเปียกแฉะไปด้วยน้ำสวาทที่มันไหลเยิ้มออกมาจากที่ถูกเขากระตุ้นเร้า
“อื้อ…”
แค่เพียงอีกฝ่ายเอ่ยมา ร่างบางที่อยู่ใต้ร่างใหญ่ก็พร้อมสนอง หันหลังส่งบั้นท้ายเล็กๆ ของตนเองให้ชายหนุ่ม สองเข่าเข้าประจำที่ เสียบดุ้นใหญ่สุดแรงจนสั่นสะท้าน
“อ้ะ อ้ะ”
เสียงของภริตาดังคลอไปกับเสียงกระแทกเนื้อตับๆ ร่างเขาสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก สองมือใหญ่บีบเคล้นก้นงอนงามอย่างมันเขี้ยวจนแดงเถือก
“อื้ออออ~” คนตัวเล็กหลุดเสียงครางหวิวด้วยความเสียวสะท้าน
“รูแน่นมากเลย...”
“อื้อ ฉ ฉันเจ็บ”
“แม่ง! โครตเสียวเลยว่ะ” เอเมอร์สบถเพราะความแน่น เลือดความบริสุทธิ์เปรอะแก่นกายเขา แต่เวลานี้เขาไม่คิดสนใจอีกแล้ว
“เจ็บ เอาออกเถอะค่ะ ขอร้อง”
แม้คนใต้ร่างจะคร่ำครวญ ทว่าเอเมอร์ไม่อาจจะถอยได้ หลับตาแน่นควบทะยานไม่หยุด
ร่างของภริตาสั่นกระเทือนราวกับได้นั่งอยู่บนรถคันหรูที่วิ่งด้วยความเร็วเต็มเข็มไมล์ กลีบสวาทของเธอถูกคนตัวใหญ่กระเด้งตัวใส่จนสำลักความสยิวซ่านและจุกเจ็บไปทั้งตัว
ปึก ปึก
ภริตาปล่อยให้เอเมอร์ควบกระหน่ำจนมิดด้าม แรงกระแทกที่แม้จะเจ็บ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันเสียวจนอยากให้เขาเอาตลอดเวลา
“อื้อ...” ภริตาเสียววาบปล่อยให้ร่างแกร่งเสียบดุ้นถี่รัวอย่างช่ำชอง
“อ๊า... อ๊างงง ได้โปรด ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ…อ๊ะ”
“ซี๊ดส์ โคตรแน่นเลย”
“อื้ม ไม่ไหวแล้ว ฮือๆ”
“ไม่ไหวก็แตกออกมาเลย ผมจะเลียกินให้หมดเอง สวยมากขนาดนี้ รับรองจะกินไม่เหลือ”
“อื้อ... ซี๊ดดดด เสียว~ อ๊าส์”
“อ๊ะ... อื้ม~” ภริตาร้องเสียงหลงด้วยความยิ่งใหญ่จากขนาดของเขา ท่อนเสียวทำเขาเจ็บจุกไปถึงท้องน้อย รูรักขยายออกจนฉีกขาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกเสียวนำพาความสุขขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
“อื้อ เสียวจัง”
“อื้มแน่น นี่ผมยังใส่เข้าไปไม่หมดเลยนะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะค่อยๆ ดันเห็ดออรินจิของตัวเข้าโพรงฉ่ำนุ่มนั้นอย่างทรมาน เขาอยากจะมุดเข้าไปทีเดียว แรงๆ ให้สมกับความหิวกระหายในร่างเล็กที่นุ่มหยุ่นไปทั้งตัว แต่พอเห็นใบหน้างามเหยเกยแล้วก็ต้องอดใจไว้
“อ๊ะ.. ซี๊ดดดด”
“รูแน่นมากเลย ซี๊ดดดดด โคตรเสียวเลย อ๊าก”
“อื้อ...เอาออกไปก่อนได้มั้ยคะ อ๊า..” ถามออกไปแล้วเธอก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกระแทกเอวเพื่อนำส่งให้ท่อนเนื้อเสียบแทงเข้าไปอย่างลึกซึ้งขึ้น
“อดทนนะครับเด็กดี~”
สวบ!!!!!
ในที่สุดท่อนดุ้นยาวใหญ่ก็ทะลุเข้าไปจนสุดลำ เขากระแทกเอวในจังหวะเชื่องช้านุ่มนวลจนร่างน้อยกระเพื่อมขยับตามแรงกระแทกของเขา
“ซี๊ดดดด ตอดรัดดีจัง”
“อื้อออ... เสียว อ้ะ”
“ทำไมยั่วเก่งขนาดนี้นะ ขอกระแทกแรงๆ สักทีเถอะ”
“อ๊า..ง อ๊างงง เสียว~ จุก มะไม่ไหวแล้วว อื๊อ…”
ชายหนุ่มกระแทกรัวถี่จนภริตาเสร็จไปหลายครั้ง ตามด้วยท่อนเสียวของเขาถูกตอดรัดด้วยรูนุ่มจนเขาตัวเกร็งกระตุกและเสร็จตามกันในเวลาต่อมา
พรวดดดด~~~~
“อา... แตกแล้ว~”
บทรักจบลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ภริตาเห็นว่าสบโอกาสจึงลุกขึ้นไปรินน้ำเปล่าใส่แก้วสองใบ แน่นอนว่าแก้วข้างซ้ายเธอไม่ลืมที่จะหยอดใส่ยาหนึ่งหยดไว้ตามคำสั่ง
‘เขาจะตายไหมคะ แล้ววาดจะติดคุกไหม’
‘มันไม่ตายง่ายๆ หรอก ยานี่แค่ทำให้มันหมดสติ เธอก็เอากระเป๋าสตางค์มันมาให้ฉันก็พอ’
ภริตาหวนนึกถึงคำสั่งแล้วอยากเปลี่ยนใจ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของพ่อแล้วก็ฮึดสู้ รีบประคองถาดที่มีแก้วน้ำสองใบมาให้เอเมอร์มาเฟียหนุ่มผู้เป็นทายาทอัศวธารากุลรุ่นที่สาม โดยที่ภริตาไม่รู้ว่าคนจ้างนั้นไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดแก่เธอว่ายาที่ให้เธอมานั่นเป็นยาพิษ มันจะออกฤทธิ์ช้าๆ จนคนดื่มหมดสติและหมดลมหายใจไปเอง หากแพทย์ตรวจวินิจัยก็จะพบแค่ว่าหัวใจล้มเหลว
“ดื่มสิคะ”
“…”
ภริตานั่งลุ้น พอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยกแก้วดื่ม เธอจึงคว้าแก้วน้ำที่จำได้ว่าอยู่ข้างขวามาขึ้นดื่มเอง หากก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากลำคอของอีกฝ่าย ทว่าภริตากลับไม่สนใจเพื่อให้เหยื่อตายใจก่อนยกขึ้นดื่มตามเธอ รออยู่สักพัก ชายหนุ่มเริ่มตาปรอยก่อนหลับในเวลาต่อมา หญิงสาวจึงรีบไปหาของตามที่ต้องการแล้วค่อยย่องออกมาในเวลาดึก เพื่อมารับเงินตามที่ได้รับการว่าจ้างจึงได้รู้ว่าเธอโดนหลอกให้วางยาพิษกับเอเมอร์
เมื่อรู้เช่นนั้นด้วยความที่กลัวความผิดเธอจึงคิดที่จะหนีเพราะกลัวว่าเรื่องจะสาวมาถึงตัว ในระหว่างนั้นเธอก็พยายามดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีข่าวการตายของเอเมอร์หรือไม่
หลังจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ตกลงกันเสร็จสิ้นนัยนาก็รับหน้าที่ไปจัดการเรื่องการ์ดเชิญแขกที่จะมาร่วมงาน ส่วนภาพวาดและเอเมอร์จึงมานั่งคุยกันถึงเรื่องวันงาน“วาดขอจัดงานไม่ต้องใหญ่โตมากนะคะ เราเชิญเฉพาะแค่แขกที่สนิทจริงๆ ก็พอค่ะ”เสียงใสพูดกับสามีด้วยรอยยิ้มบางๆ แต่เอเมอร์กลับเลิกคิ้วเข้มขึ้นอย่างตั้งคำถาม ฐานะของเขาก็ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ทำไมภรรยาถึงอยากให้จัดงานแค่เพียงงานเล็กๆ“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากจัดงานใหญ่ๆ ให้ตัวเองมีหน้ามีตาในสังคมงั้นเหรอ”“ไม่หรอกค่ะ วาดอยากจัดแบบอบอุ่นมีแค่คนกันเอง วาดว่ามันดูเรียบง่ายและไม่วุ่นวายดีค่ะ”“งั้นเหรอ”“ค่ะ แล้วอีกอย่างลูกเราก็ยังอายุไม่ถึงหนึ่งขวบเลย ไว้ให้ลูกครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่วาดอยากจะจัดงานอีกรอบ และอยากให้เราสองคนพาลูกเข้าประตูวิวาห์ด้วยค่ะ เพื่อเป็นพยานรักให้กับเราสองคน คุณว่าไงคะ?”ภาพวาดร่ายยาวถึงความตั้งใจของเธอที่อยากมีลูกมาร่วมพิธีด้วย ทำให้เอเมอร์มองหน้าสวยพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู“รู้ตัวมั้ยว่าเธอน่ารักมาก”มือห
“ทำไมต้องเป็นคุณด้วยนา”เสียงทุ้มเอ่ยถามอดีตคนรักเก่าอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าสามีของภาพวาดจะเป็นลูกชายของเธอจริงๆ“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะว่าหนูวาดเป็นลูกสาวของคุณ” นัยนาตอบชายหนุ่มไปด้วยความสัตย์จริง เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้“ผม…”เกริกถึงกับพูดอะไรไม่ออก หลายปีมานี้เขาไม่เคยลืมเธอได้เลย แต่โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้สองคนวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว เพราะเขาทั้งคู่ต่างคนก็ต่างเริ่มต้นใหม่เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น!“ฉันดีใจนะคะที่คุณเลี้ยงลูกสาวเติบโตมาได้เป็นอย่างดีเลย หนูวาดน่ารักมากๆ ส่วนเรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว”นัยนาส่งยิ้มจริงใจให้เกริกในขณะที่ลูกๆ กำลังพากันงงกับเหตุการณ์เบื้องหน้า แต่ทั้งภาพวาดและเอเมอร์ต่างก็หันมาสบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะไม่อยากขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง เขาทั้งสองฟังอยู่เงียบๆ และปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง“ลูกชายคุณก็หล่อ…น่าจะได้พ่อมาเยอะนะ”เก
หนึ่งเดือนผ่านมาบิดาของภริตาก็ลงมาเยี่ยมหลาน ภริตาดีใจมากที่ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งแรกในรอบปี ตอนแรกเธอคิดว่าจัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่เอเมอร์กลับเห็นว่าไหนๆ พ่อตาก็ลงมาเจอหน้าหลานทั้งที จึงคิดใช้โอกาสนี้ให้สองครอบครัวมาทำความรู้จักกัน เพราะส่วนหนึ่งเขาก็อยากคุยเรื่องแต่งงานด้วยและแล้วงานเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง จากที่จะเลี้ยงกันเล็กๆ ภายในครอบครัวก็กลายเป็นงานเลี้ยงแบบมีพิธีการย่อมๆ“คุณ” ภริตาสะกิดเรียกสามี เมื่อเห็นอาการของสองพ่อที่มาเจอกันในงาน“หือ”“คุณว่าเขาจะคุยกันยังไงคะ” ภริตาพูดแล้วพลางขยิบตามองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะ หากทว่าต่างคนต่างนิ่งเงียบ“ภาษาใบ้ไง” เอเมอร์ตอบกลับ“คุณก็”“ไปเถอะ ปล่อยให้พ่อพ่อเขาคุยกันเถอะ เจ้าอินดี้หิวแล้วล่ะ” เอเมอร์ชวนก่อนจะเดินนำเธอไปหาลูกน้อย ปล่อยให้ชายวัยใกล้หกสิบทั้งสองคนที่เหมือนจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องจ้องหน้ากันเงียบๆคนหนึ่งเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อีกคนเป็นคนต่างชาติที่แม้จะมาอยู่ปร
กลางดึกของวันที่อากาสเย็นเยียบ ภริตาตื่นมาก็สัมผัสกับความเปียกชื้นตรงกลางหว่างขา เธอรีบปลุกร่างใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ กัน“ที่รัก”“…”เงียบไร้เสียงตอบรับ ภริตาจึงเอื้อมมือมาเขย่าแขนกำยำพร้อมกับปลุกเรียกอีกครั้ง“ที่รักตื่นสิ ฉันปวดท้อง”“หืม?”คำว่าปวดท้องทำให้อดีตมาเฟียหนุ่มกระพือตาเปิด ขยี้เปลือกตาไปมาสักพักเพื่อปรับแสง ก่อนลุกนั่งแล้ววิ่งวุ่นจัดการทุกอย่างให้พร้อมสรรพภริตาเริ่มหน้ายับย่น ความปวดเริ่มกระจายวงกว้าง“ที่รัก...ฉันเจ็บท้อง” เธอร้องบอกสามี“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้เห็นหน้าลูกแล้ว”ใบหน้าสวยพยักหน้ารับ ฝืนใจข่มความเจ็บก่อนส่งมือให้ช่วยพยุงพากันลงด้านล่างของเพ้นท์เฮ้าส์ เพราะเป็นเวลาดึกถนนโล่ง เพียงไม่ถึงยี่สิบนาที เอเมอร์ก็พาภริตามาถึงโรงพยาบาล และทันทีที่มาถึงร่างของว่าที่คุณแม่ก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในเอเมอร์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดโรคตามคุณหมอผู้เป็นเจ้าของไข้ กระทั่งผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง&l