บทที่ 9 ที่รองรับ (อารมณ์คนท้อง)
เช้าวันต่อมา…
เดย์ตันยืนพิงขอบหน้าต่างในห้องพักฟื้น มือข้างหนึ่งถือแท็บเล็ตที่เปิดอ่านบทความเรื่อง “อารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงตั้งครรภ์กับผลกระทบต่อทารกในครรภ์”
ข้างๆ มีแก้วน้ำขิงอุ่นวางอยู่ และลูกน้องคนสนิทของเขา เติร์ดยืนตัวตรงอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าลมหายใจของตัวเองจะรบกวนระบบไหลเวียนเลือดของคนท้อง
“นายจะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ?” เติร์ดถามอย่างสุภาพที่สุดในชีวิต
เดย์ตันหลุบตามองรายงานการประชุมบริษัทยังไม่ทันอ่าน แล้วพึมพำเสียงต่ำขณะไถหน้าจอ
“เอาน้ำมะพร้าว…แต่ไม่หวาน เอายาคลายกรดแบบที่กินแล้วไม่ขม กับลูกพีชกระป๋องแบบไม่มีน้ำตาล…ยี่ห้อที่เธอไม่เบ้ปากใส่”
เติร์ดปากกระตุกนิดๆ เขาหรี่ตามองแล้วถามแบบกล้าๆ กลัวๆ
“เอ่อ…นายครับ นี่เราเลี้ยงคุณยาหยี…หรือเรากำลังตามใจนางฟ้าลงมาจุติครับ?”
“อย่าเผลอเรียกเธอว่านางฟ้าให้ได้ยิน…” เดย์ตันตอบเสียงเรียบ “ไม่งั้นฉันจะส่งแกไปดูนางฟ้าตัวจริงเร็วขึ้น”
“ครับๆ! แม่พระประจำครรภ์ก็ได้ครับ!”
เขายังพูดไม่จบ เสียงยาหยีก็ตะโกนจากเตียงเสียงสูงปรี๊ดจนทั้งห้องสะเทือน
“นี่!! ใครเอาน้ำขิงมาอุ่นเข้ามา ฉันเหม็น! เหม็นเหมือนหมาเปียก!! เอาไปเททิ้งเดี๋ยวนี้เลย!!”
เดย์ตันหันไปสบตากับเติร์ดอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปยิ้มบางๆ แล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำขิงไปเททิ้งอย่างเชื่องช้า เติร์ดกระแอมเบาๆ
“อา…คุณยาหยีเหมือนจะ…อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มากเลยนะครับ”
“ไม่ใช่แค่ขึ้นลง…” เดย์ตันตอบขณะเทน้ำลงอ่าง “บางวันเหมือนขับรถเจอเนินแล้วตกเหวแล้วก็พุ่งกลับขึ้นมาบนดอย”
เติร์ดหลุดหัวเราะพรืด
“โห…เปรียบซะเห็นภาพเลยครับนาย”
เดย์ตันวางแก้วเปล่าแล้วพูดเสียงต่ำ
“กูต้องอดทน เพราะเธออุ้มท้องลูกกูอยู่ ถ้าเธอเครียดมากไป…ฮอร์โมนจะทำให้เด็กในท้องเสี่ยงโรคซึมเศร้าในอนาคต แล้วถ้าเครียดมากๆ อาจจะแท้ง”
“ครับ นายเป็นห่วงลูกมาก”
“ลูกแค่ส่วนหนึ่ง…” เขาตอบสั้น แววตาเขาเหลือบไปทางเตียงที่ยาหยีกำลังนั่งกอดหมอนหน้ามุ่ยเหมือนแมวน้อยอารมณ์เสีย “แต่เธอก็คือแม่ของลูก…ฉันจะทำลายเธอไม่ได้ แม้เธอจะอยากฆ่าฉันทุกเช้าก็ตาม”
เติร์ดแอบหัวเราะเบาๆ แล้วถามต่อ
“งั้น…วันนี้ให้ผมเตรียมอะไรบ้างครับ? อะไรที่ช่วยให้อารมณ์คุณแม่ดีขึ้นน่ะ?”
เดย์ตันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“เพลงปลาวาฬของอะตอม…ชานมไข่มุกไม่ใส่น้ำตาลแต่ให้ไข่มุกสองเท่า…กับซีรีส์เกาหลีพระเอกตายตอนจบ” แล้วเขาก็หันไปยักคิ้วใส่ลูกน้อง “เพราะเธอดูแล้วจะได้ร้องไห้…ร้องจนหมดน้ำตา จะได้ไม่เอาหมอนเขวี้ยงหัวฉันอีก”
เติร์ดเกือบจะลั่นหัวเราะ แต่ก็รีบยกมือไหว้
“รับทราบครับ! เดี๋ยวผมจัดให้ตามแผนทันทีเลยครับ!” และขณะที่เติร์ดกำลังเดินออกจากห้องพร้อมรอยยิ้มขำๆ เดย์ตันก็เหลือบมองไปที่ยาหยีอีกครั้ง
แม้ใบหน้าเธอจะบูดเบี้ยว และอารมณ์จะแปรเปลี่ยนวันละสิบครั้ง แต่ในสายตาของเขา…เธอกำลังอุ้มสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเขา และไม่ว่าเธอจะวีนแค่ไหน เขาก็พร้อมจะยอม เพราะนี่คือสงครามที่เขายอมแพ้…อย่างเต็มใจ แต่ไม่ได้จะยอมตลอดไป
“รอลูกฉันคลอดก่อนเถอะ…”
ห้องพักฟื้นในตอนสายค่อนเที่ยงวันนี้อบอวลด้วยกลิ่นผลไม้สดและกลิ่นน้ำขิงอุ่นจางๆ เสียงเครื่องวัดชีพจรดังแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เดย์ตันนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบขรึม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแบบไม่ติดกระดุมเม็ดบน แขนเสื้อพับขึ้น เผยเส้นเลือดตรงท่อนแขนที่นูนเด่นเพราะนั่งกอดอกมานาน
ข้างเขาคือชีวินนั่งพิงผนังถือแก้วกาแฟในมือ มองภาพผู้ชายอย่างเดย์ตันกำลังปอกแอปเปิลให้อีกคนอย่างอดทนราวกับเป็นพ่อบ้านประจำรายการทีวี
“ให้ตายเถอะ…” ชีวินพูดเบาๆ แล้วหัวเราะออกมา “มึงแม่ง…ไม่ใช่เดย์ตันที่กูรู้จักเลย”
เดย์ตันเหลือบตามองเพื่อนด้วยหางตา
“แล้วมึงรู้จักกูดีแค่ไหนกันวะไอ้หมอ”
“อย่างน้อยก็รู้ว่ามึงไม่ใช่คนที่จะเดินเข้าไปในร้านโยเกิร์ตไขมันต่ำ แล้วยืนอ่านฉลากดูปริมาณแคลเซียมทุกเช้าแบบนี้”
“…มันจำเป็นต้องรู้” เดย์ตันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะวางถ้วยผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
ชีวินมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างอ่อนลง
“แล้ว…มึงโอเคไหมกับทั้งหมดนี้”
คำถามนั้นทำให้เดย์ตันนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง มือที่เคยแข็งกร้าวของเขายกขึ้นลูบท้ายทอยช้าๆ คล้ายคนครุ่นคิด
“ตอนแรกกูโกรธ…” เขาพูด “โกรธโรงพยาบาล โกรธระบบ โกรธแม้กระทั่งยาหยี…ทั้งที่เธอไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ”
“…แล้วตอนนี้ล่ะ” ชีวินถามต่อ
เดย์ตันไม่ตอบทันที เขาหลับตา ริมฝีปากเม้มแน่นและในห้วงนั้น ภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา
…ศาลเจ้าพ่อกลางเมืองในวันนั้น เขายืนอยู่ใต้ร่มไม้ จุดธูปแล้วอธิษฐานอย่างเงียบงัน
คำอธิษฐานที่เขาเคยหลุดปากเอ่ยด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ในวันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘พร้อม’ คือแบบไหน
และตอนนี้…เด็กคนหนึ่งก็กำลังจะมา ทั้งที่เขาไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้คือคำตอบของสิ่งที่เคยขอไว้หรือเปล่า
“…กูไม่รู้ว่ากูพร้อมจะเป็นพ่อที่ดีหรือเปล่า” เขาเอ่ยช้าๆ “แต่กูรู้ว่าเด็กในท้องผู้หญิงคนนี้…มีเลือดกูครึ่งหนึ่ง และถ้าเธอจะเสี่ยงตายเพราะอยากเอาเด็กออก กูก็จะยอมทุกอย่างเพื่อให้เด็กนั่นรอด”
ชีวินพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เตียงซึ่งยาหยีกำลังนอนหลับอย่างสงบ ริมฝีปากยังคงติดรอยบึ้งตึงแม้หลับตา
“…แล้วเธอล่ะ?” ชีวินถามต่อ
เดย์ตันส่ายหน้าเล็กน้อย
“เธอเกลียดกู เธอไม่อยากอยู่ใกล้กูด้วยซ้ำ แต่กูก็เข้าใจ” เขาถอนหายใจ “แต่ถ้าเธอจะอยู่รอดแค่เพราะกูทำตัวน่ารำคาญไปวันๆ เพื่อให้เธอทนอยู่ได้ กูก็จะทำ”
“ว้าว…” ชีวินยกมือขึ้นลูบคาง “กูไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้ยินคำนี้จากปากเดย์ตัน เจ้าแห่งความเย็นชาแห่งถนนสุขุมวิทและอารมณ์ร้อนเลย”
“อย่ากวนตีน” เดย์ตันปรายตาใส่ ชีวินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดจริงจังขึ้น
“ถ้ามึงทำได้อย่างที่พูด…เด็กคนนี้อาจจะเปลี่ยนมึงได้มากกว่าที่มึงคิดก็ได้”
เดย์ตันหันไปมองหญิงสาวบนเตียงอีกครั้ง มองหน้าท้องที่ยังไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ตอนนี้…เขารู้แค่ว่า เขาอยากพยายาม และมันก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เขาไม่เคยคิดจะทำ
อย่างการตื่นแต่เช้า เพื่อหั่นผลไม้ให้ผู้หญิงที่เกลียดเขาเข้าไส้
“เดย์”
“ว่า?”
“แล้วถ้าอยู่ๆ กันไปแล้วมึงหวั่นไหวกับยาหยีล่ะ มึงคิดไว้ไหมว่าจะเอาไงต่อ”
เดย์ตันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากจะยิ้มบางๆ
“ไม่เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นแน่ เพราะกูเสนอเงินยี่สิบล้านให้เธอแล้ว เธอมีหน้าที่อุ้มท้องเท่านั้น”
“มึงมั่นใจความรู้สึกตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“กูมั่นใจ อีกอย่าง…อายุกูก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วด้วย มีลูกตอนนี้ก็ดีแล้ว แต่มึง” เขาหันมาสบตากับชีวิน “ห้ามเอาเรื่องนี้ไปเล่าที่ไหน โดยเฉพาะกับพ่อแม่กู ขืนแม่กูรู้ว่า…กูกับยาหยีมีลูกด้วยความผิดพลาดของโรงพยาบาลเฮงซวยนั่น มีหวังบ้านแตกแน่”
“เออ ปิดปากเงียบกริบครับเพื่อน”
“ดี”
“ตอนนี้มึงก็ต้องดูแลเธอก่อนสินะ พ่อมาเฟียของกู”
“อืม”
ตอนพิเศษ 2 จบหลายปีต่อมาเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นท่ามกลางสวนหลังบ้านที่ร่มรื่น“พี่ดาริน รอด้วยสิ~!”เด็กชายวัยหกขวบวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังพี่สาวอย่างไม่ลดละ เขามีใบหน้าคล้ายเดย์ตันในวัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มกับคิ้วที่ขมวดแน่นเวลาเอาจริงเอาจัง“ก็พี่บอกแล้วไงว่าใครช้าต้องเป็นลูกหมา!” ดารินวัยเก้าขวบในชุดเอี๊ยมยีนกับหางเปียคู่ หัวเราะแล้ววิ่งนำหน้าต่อไป“ไม่เป็นลูกหมาหรอก! จะวิ่งแซงเลยด้วยซ้ำ!” ดารัณเร่งฝีเท้าขึ้น เสียงหอบเหนื่อยแทรกมาเป็นระยะ แต่ความมุ่งมั่นในแววตานั้นไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อยใต้ศาลากลางสวน เดย์ตันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณพ่อในวัยชรา ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตาอ่อนโยนเมื่อมองไปยังลูกทั้งสอง“รัณโตเร็วใช่เล่นนะ…” พ่อของเดย์ตันพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำชา“ครับ…เหมือนผมตอนเด็ก แต่ใจนุ่มเหมือนแม่เขา” เดย์ตันตอบยิ้มๆ แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายที่เริ่มวิ่งไล่พี่สาวได้ทันดารัณกระโจนไปเกาะหลังพี่สาว แล้วสองพี่น้องก็ล้มลงไปในกองหญ้าแห้ง หัวเราะกันลั่น“พอแล้วลูก เดี๋ยวเปื้อนหมด!” เสียงของยาหหยีดังขึ้นจากระเบียง เธอยืนกอดอกมองลูกๆ ด้วยสายตาหวานปนเอือมระคนเอ็น
ตอนพิเศษ 1วันเกิดปีที่ 3 ของดารินเด็กหญิงในชุดเดรสฟูฟ่องเดินถือของเล่นไปหาพ่อกับปู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในศาลากลางสวน เธอส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยความสดใส“ปะป๋า ดารินอยากได้ของเล่นอีก”“หนูก็ได้แล้วไงครับ ของเล่นหนูเยอะมากแล้ว เล่นให้หมดก่อนนะครับลูก”ดารินยู่ปาก เธอหันไปมองปู่เพราะรู้ว่าคนที่จะตามใจเธอมากที่สุดคือปู่ไม่ใช่พ่อ“คุงปู่~” ดารินหันไปหาคุณปู่ด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกายวาววับ เธอกะพริบตาปริบๆ พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างรู้เชิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสแบบที่เธอมั่นใจว่าคุณปู่ต้องใจอ่อนแน่ๆ “คุงปู่ขา~ หนูอยากได้บ้านตุ๊กตาหลังใหญ่เลย มีลิฟต์ด้วยนะคะ~ หนูจะให้ตุ๊กตาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย~”ดาร์เรลหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่“โอ๋ๆ หลานปู่คนเก่ง อยากได้บ้านตุ๊กตาเหรอ…เอาไว้คุณปู่จะให้คนไปดูให้เลยนะ ว่ามีรุ่นที่มีลิฟต์จริงไหม ถ้ามี…ปู่จัดให้!”“เย่~! คุงปู่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!” ดารินโผเข้าไปกอดคุณปู่อย่างดีใจสุดๆ แล้วหันมายักคิ้วใส่พ่อของเธอด้วยความเหนือชั้นเดย์ตันที่นั่งอยู่ข้างพ่อของตัวเองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ในความเจ้
บทที่ 46 บทส่งท้ายเสียงหัวเราะของทั้งสามคนผสานกันเป็นความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วห้องรับประทานอาหาร ดารินที่กำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะหยุดชะงัก หันมามองผู้ใหญ่ด้วยตาแป๋ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชีวินจนตาทั้งสองข้างหยีน่าเอ็นดู“ดูสิ หลานผมรู้ด้วยว่าใครรักจริง” ชีวินยิ้มกว้าง ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาแนบอก ก่อนจะโยกเบาๆ อย่างทะนุถนอม“หึ เด็กมันเลือกคนใจดีได้แม่นเหมือนกันนะ” เดย์ตันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองลูกสาวเปล่งประกายด้วยความรักล้นเหลือ“ไม่ใช่แค่ใจดีหรอกค่ะ ปะป๋าวินชอบแอบให้ขนมกับดารินตลอด หยีต้องมาคอยห้ามประจำเลย เดี๋ยวจะฟันผุเอา” ยาหยีว่าแล้วก็กอดอกทำหน้าจริงจังชีวินรีบหันไปกระซิบกับหลานเบาๆ“อ้าว หลานเรานี่ไปฟ้องแม่ด้วยเหรอครับ แบบนี้เราต้องเป็นทีมเดียวกันนะ ห้ามหักหลังกันสิ” เขาย่นจมูกใส่ดาริน ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหัวเราะเสียงใสอย่างไร้เดียงสา“ดูสิ…ติดวินเข้าแล้วจริงๆ” เดย์ตันบ่นอุบ แต่ก็ลอบยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวหัวเราะอย่างมีความสุข“อิจฉาล่ะสิ” ชีวินแซว พร้อมส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนรัก“เปล่าสักหน่อย” เดย์ตันตอบ แต่ยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกลั้นขำไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังสามี
บทที่ 45 เมียมาเฟียหลังจากคืนเข้าหออันร้อนแรงผ่านไป รอยยิ้มอ่อนโยนของเดย์ตันก็กลายเป็นสิ่งที่ยาหยีได้เห็นบ่อยขึ้นกว่าเดิม เขาเปลี่ยนจากมาเฟียผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ กลายเป็นสามีที่พร้อมยอมให้เธอทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ตั้งแต่เมนูอาหารเช้า ไปจนถึงการออกคำสั่งกับลูกน้อง เขาเลือกจะถามความเห็นเธอก่อนเสมอ“ฉันมีปืน แต่เธอมีคำพูดที่คมกว่า” เขาบอกกับเธอในวันที่พายุในบ้านเริ่มสงบลง และเขาได้เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงหรือใช้กำลังใดๆ ก็สามารถจัดการความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างหมดจดยาหยีเรียนรู้ทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากหญิงสาวที่เคยร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงปืน กลับกลายเป็นคนที่ยืนถือปืนในสนามซ้อมด้วยท่าทางนิ่งสงบ วันแรกที่เธอยิงถูกเป้าเป๊ะ ลูกน้องของเดย์ตันถึงกับเงียบทั้งสนาม แล้วเสียงปรบมือก็ลั่นตามมาไม่ขาดสาย“เธอจำได้ไหม ครั้งแรกที่มาที่นี่ เธอดูกล้าและท้าทายมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบกลัวใช่ไหม” เดย์ตันเดินเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่ยาหยียังถือปืนมั่นในมือ“ใช่สิ… แล้วฉันก็จำได้ด้วยว่าที่รักที่บังคับให้กล้า” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวให้เขาอย่างคนที่รู้ว่าตั
บทที่ 44 ค่ำคืนนี้มีแค่เรา NCเดย์ตันยกยิ้มมุมปาก สอดฝ่ามือไปตามกลุ่มผมดกดำของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มยาหยีฟอดหนึ่ง“ถึงเวลาแล้วนะ”“อะไรเหรอ?”“ก็…เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะ”“นี่แผนนายด้วยไหมเนี่ย”“เปล่า…แค่จะทวงสัญญาเฉยๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานอะ”“ใครไปสัญญากับนายไม่ทราบ คิดเองเออเองทั้งนั้น อ๊ะ!” ไม่ทันได้ตั้งตัวยาหยีก็ถูกเขารวบตัวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแรงมหาศาล เธอตกใจเบิกตากว้างกับความเร็วของเขา “นะ นี่เร็วไปไหมเนี่ย”“เร็วมากกว่านี้อีก อยากดูไหมว่าเร็วมากแค่ไหน”“อะไร?”เดย์ตันยกยิ้มแล้วดึงผ้านวมมาคลุมตัวเขากับยาหยีไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างช่ำชองผ้านวมผืนหนากลายเป็นปราการแห่งความลับที่ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้ โลกภายนอกเงียบงัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดกันอยู่ใต้ความมืดมัวแผ่วเบานั้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดริมฝีปากของยาหยี เมื่อความเย็นวาบจากปลายนิ้วของเขาแตะต้องลงบนผิวเปลือยเปล่า ความรู้สึกวูบไหวแล่นไปตามแนวสันหลัง เธอเม้มปากแน่นแต่ก็ยังหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามทรวงอกอย่างมั่นคง อ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกิน
บทที่ 43 แต่งงานวันแต่งงานมาถึงในช่วงสาย อากาศเย็นกำลังดี แดดนุ่มพาดผ่านม่านไม้เลื้อยที่พันอยู่ตามซุ้มเหล็กดัดในสวนหลังบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยอ้อยอิ่งไปทั่วสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ละเมียดละไมวันนี้ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีแขกเหรื่อเป็นร้อย ไม่มีแสงแฟลชถ่ายภาพเป็นพัน มีเพียงแค่โต๊ะกลมสีขาวไม่กี่ตัว เก้าอี้หวาย และครอบครัวไม่กี่คนที่รักทั้งสองคนอย่างแท้จริงแม่ของเดย์ตันเป็นคนจัดดอกไม้เองกับมือ คุณพ่อของยาหยียืนพัดไล่ยุงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิชีวินรับบทบาทผู้ดำเนินพิธีการอย่างขันแข็ง พร้อมกับแอบเตรียมซองอั่งเปาขนาดยักษ์แทรกระหว่างของขวัญแต่งงาน และที่กลางสวน ซุ้มไม้สีขาวประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา พวงดอกกุหลาบครีมและใบไม้เขียวสดพาดพรมคือจุดที่เดย์ตันกำลังยืนรออยู่เขาในชุดสูทสีเทาเข้ม สะอาดเรียบและคลาสสิก ผมถูกเซ็ตเรียบกว่าทุกวัน มือถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนที่เตรียมไว้ให้เจ้าสาวด้วยตัวเองท่ามกลางความสง่างามของมาเฟียหนุ่มผู้เคยเย็นชามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้น…เหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เพิ่งมีรักแรกแล้วเธอก็ปรากฏตัว…ยาหยีในชุดกระโปรงลูกไม้ยาวสีขาวสะอาด ผมถูกรวบครึ่งหัว