บทที่ 9 ที่รองรับ (อารมณ์คนท้อง)
เช้าวันต่อมา…
เดย์ตันยืนพิงขอบหน้าต่างในห้องพักฟื้น มือข้างหนึ่งถือแท็บเล็ตที่เปิดอ่านบทความเรื่อง “อารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงตั้งครรภ์กับผลกระทบต่อทารกในครรภ์”
ข้างๆ มีแก้วน้ำขิงอุ่นวางอยู่ และลูกน้องคนสนิทของเขา เติร์ดยืนตัวตรงอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าลมหายใจของตัวเองจะรบกวนระบบไหลเวียนเลือดของคนท้อง
“นายจะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ?” เติร์ดถามอย่างสุภาพที่สุดในชีวิต
เดย์ตันหลุบตามองรายงานการประชุมบริษัทยังไม่ทันอ่าน แล้วพึมพำเสียงต่ำขณะไถหน้าจอ
“เอาน้ำมะพร้าว…แต่ไม่หวาน เอายาคลายกรดแบบที่กินแล้วไม่ขม กับลูกพีชกระป๋องแบบไม่มีน้ำตาล…ยี่ห้อที่เธอไม่เบ้ปากใส่”
เติร์ดปากกระตุกนิดๆ เขาหรี่ตามองแล้วถามแบบกล้าๆ กลัวๆ
“เอ่อ…นายครับ นี่เราเลี้ยงคุณยาหยี…หรือเรากำลังตามใจนางฟ้าลงมาจุติครับ?”
“อย่าเผลอเรียกเธอว่านางฟ้าให้ได้ยิน…” เดย์ตันตอบเสียงเรียบ “ไม่งั้นฉันจะส่งแกไปดูนางฟ้าตัวจริงเร็วขึ้น”
“ครับๆ! แม่พระประจำครรภ์ก็ได้ครับ!”
เขายังพูดไม่จบ เสียงยาหยีก็ตะโกนจากเตียงเสียงสูงปรี๊ดจนทั้งห้องสะเทือน
“นี่!! ใครเอาน้ำขิงมาอุ่นเข้ามา ฉันเหม็น! เหม็นเหมือนหมาเปียก!! เอาไปเททิ้งเดี๋ยวนี้เลย!!”
เดย์ตันหันไปสบตากับเติร์ดอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปยิ้มบางๆ แล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำขิงไปเททิ้งอย่างเชื่องช้า เติร์ดกระแอมเบาๆ
“อา…คุณยาหยีเหมือนจะ…อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มากเลยนะครับ”
“ไม่ใช่แค่ขึ้นลง…” เดย์ตันตอบขณะเทน้ำลงอ่าง “บางวันเหมือนขับรถเจอเนินแล้วตกเหวแล้วก็พุ่งกลับขึ้นมาบนดอย”
เติร์ดหลุดหัวเราะพรืด
“โห…เปรียบซะเห็นภาพเลยครับนาย”
เดย์ตันวางแก้วเปล่าแล้วพูดเสียงต่ำ
“กูต้องอดทน เพราะเธออุ้มท้องลูกกูอยู่ ถ้าเธอเครียดมากไป…ฮอร์โมนจะทำให้เด็กในท้องเสี่ยงโรคซึมเศร้าในอนาคต แล้วถ้าเครียดมากๆ อาจจะแท้ง”
“ครับ นายเป็นห่วงลูกมาก”
“ลูกแค่ส่วนหนึ่ง…” เขาตอบสั้น แววตาเขาเหลือบไปทางเตียงที่ยาหยีกำลังนั่งกอดหมอนหน้ามุ่ยเหมือนแมวน้อยอารมณ์เสีย “แต่เธอก็คือแม่ของลูก…ฉันจะทำลายเธอไม่ได้ แม้เธอจะอยากฆ่าฉันทุกเช้าก็ตาม”
เติร์ดแอบหัวเราะเบาๆ แล้วถามต่อ
“งั้น…วันนี้ให้ผมเตรียมอะไรบ้างครับ? อะไรที่ช่วยให้อารมณ์คุณแม่ดีขึ้นน่ะ?”
เดย์ตันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“เพลงปลาวาฬของอะตอม…ชานมไข่มุกไม่ใส่น้ำตาลแต่ให้ไข่มุกสองเท่า…กับซีรีส์เกาหลีพระเอกตายตอนจบ” แล้วเขาก็หันไปยักคิ้วใส่ลูกน้อง “เพราะเธอดูแล้วจะได้ร้องไห้…ร้องจนหมดน้ำตา จะได้ไม่เอาหมอนเขวี้ยงหัวฉันอีก”
เติร์ดเกือบจะลั่นหัวเราะ แต่ก็รีบยกมือไหว้
“รับทราบครับ! เดี๋ยวผมจัดให้ตามแผนทันทีเลยครับ!” และขณะที่เติร์ดกำลังเดินออกจากห้องพร้อมรอยยิ้มขำๆ เดย์ตันก็เหลือบมองไปที่ยาหยีอีกครั้ง
แม้ใบหน้าเธอจะบูดเบี้ยว และอารมณ์จะแปรเปลี่ยนวันละสิบครั้ง แต่ในสายตาของเขา…เธอกำลังอุ้มสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเขา และไม่ว่าเธอจะวีนแค่ไหน เขาก็พร้อมจะยอม เพราะนี่คือสงครามที่เขายอมแพ้…อย่างเต็มใจ แต่ไม่ได้จะยอมตลอดไป
“รอลูกฉันคลอดก่อนเถอะ…”
ห้องพักฟื้นในตอนสายค่อนเที่ยงวันนี้อบอวลด้วยกลิ่นผลไม้สดและกลิ่นน้ำขิงอุ่นจางๆ เสียงเครื่องวัดชีพจรดังแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เดย์ตันนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบขรึม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มแบบไม่ติดกระดุมเม็ดบน แขนเสื้อพับขึ้น เผยเส้นเลือดตรงท่อนแขนที่นูนเด่นเพราะนั่งกอดอกมานาน
ข้างเขาคือชีวินนั่งพิงผนังถือแก้วกาแฟในมือ มองภาพผู้ชายอย่างเดย์ตันกำลังปอกแอปเปิลให้อีกคนอย่างอดทนราวกับเป็นพ่อบ้านประจำรายการทีวี
“ให้ตายเถอะ…” ชีวินพูดเบาๆ แล้วหัวเราะออกมา “มึงแม่ง…ไม่ใช่เดย์ตันที่กูรู้จักเลย”
เดย์ตันเหลือบตามองเพื่อนด้วยหางตา
“แล้วมึงรู้จักกูดีแค่ไหนกันวะไอ้หมอ”
“อย่างน้อยก็รู้ว่ามึงไม่ใช่คนที่จะเดินเข้าไปในร้านโยเกิร์ตไขมันต่ำ แล้วยืนอ่านฉลากดูปริมาณแคลเซียมทุกเช้าแบบนี้”
“…มันจำเป็นต้องรู้” เดย์ตันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะวางถ้วยผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
ชีวินมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างอ่อนลง
“แล้ว…มึงโอเคไหมกับทั้งหมดนี้”
คำถามนั้นทำให้เดย์ตันนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง มือที่เคยแข็งกร้าวของเขายกขึ้นลูบท้ายทอยช้าๆ คล้ายคนครุ่นคิด
“ตอนแรกกูโกรธ…” เขาพูด “โกรธโรงพยาบาล โกรธระบบ โกรธแม้กระทั่งยาหยี…ทั้งที่เธอไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ”
“…แล้วตอนนี้ล่ะ” ชีวินถามต่อ
เดย์ตันไม่ตอบทันที เขาหลับตา ริมฝีปากเม้มแน่นและในห้วงนั้น ภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา
…ศาลเจ้าพ่อกลางเมืองในวันนั้น เขายืนอยู่ใต้ร่มไม้ จุดธูปแล้วอธิษฐานอย่างเงียบงัน
คำอธิษฐานที่เขาเคยหลุดปากเอ่ยด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ในวันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘พร้อม’ คือแบบไหน
และตอนนี้…เด็กคนหนึ่งก็กำลังจะมา ทั้งที่เขาไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้คือคำตอบของสิ่งที่เคยขอไว้หรือเปล่า
“…กูไม่รู้ว่ากูพร้อมจะเป็นพ่อที่ดีหรือเปล่า” เขาเอ่ยช้าๆ “แต่กูรู้ว่าเด็กในท้องผู้หญิงคนนี้…มีเลือดกูครึ่งหนึ่ง และถ้าเธอจะเสี่ยงตายเพราะอยากเอาเด็กออก กูก็จะยอมทุกอย่างเพื่อให้เด็กนั่นรอด”
ชีวินพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เตียงซึ่งยาหยีกำลังนอนหลับอย่างสงบ ริมฝีปากยังคงติดรอยบึ้งตึงแม้หลับตา
“…แล้วเธอล่ะ?” ชีวินถามต่อ
เดย์ตันส่ายหน้าเล็กน้อย
“เธอเกลียดกู เธอไม่อยากอยู่ใกล้กูด้วยซ้ำ แต่กูก็เข้าใจ” เขาถอนหายใจ “แต่ถ้าเธอจะอยู่รอดแค่เพราะกูทำตัวน่ารำคาญไปวันๆ เพื่อให้เธอทนอยู่ได้ กูก็จะทำ”
“ว้าว…” ชีวินยกมือขึ้นลูบคาง “กูไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้ยินคำนี้จากปากเดย์ตัน เจ้าแห่งความเย็นชาแห่งถนนสุขุมวิทและอารมณ์ร้อนเลย”
“อย่ากวนตีน” เดย์ตันปรายตาใส่ ชีวินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดจริงจังขึ้น
“ถ้ามึงทำได้อย่างที่พูด…เด็กคนนี้อาจจะเปลี่ยนมึงได้มากกว่าที่มึงคิดก็ได้”
เดย์ตันหันไปมองหญิงสาวบนเตียงอีกครั้ง มองหน้าท้องที่ยังไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ตอนนี้…เขารู้แค่ว่า เขาอยากพยายาม และมันก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เขาไม่เคยคิดจะทำ
อย่างการตื่นแต่เช้า เพื่อหั่นผลไม้ให้ผู้หญิงที่เกลียดเขาเข้าไส้
“เดย์”
“ว่า?”
“แล้วถ้าอยู่ๆ กันไปแล้วมึงหวั่นไหวกับยาหยีล่ะ มึงคิดไว้ไหมว่าจะเอาไงต่อ”
เดย์ตันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากจะยิ้มบางๆ
“ไม่เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นแน่ เพราะกูเสนอเงินยี่สิบล้านให้เธอแล้ว เธอมีหน้าที่อุ้มท้องเท่านั้น”
“มึงมั่นใจความรู้สึกตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“กูมั่นใจ อีกอย่าง…อายุกูก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วด้วย มีลูกตอนนี้ก็ดีแล้ว แต่มึง” เขาหันมาสบตากับชีวิน “ห้ามเอาเรื่องนี้ไปเล่าที่ไหน โดยเฉพาะกับพ่อแม่กู ขืนแม่กูรู้ว่า…กูกับยาหยีมีลูกด้วยความผิดพลาดของโรงพยาบาลเฮงซวยนั่น มีหวังบ้านแตกแน่”
“เออ ปิดปากเงียบกริบครับเพื่อน”
“ดี”
“ตอนนี้มึงก็ต้องดูแลเธอก่อนสินะ พ่อมาเฟียของกู”
“อืม”
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป