บทที่ 10 อาณาเขตของเดย์ตัน
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดนิ่งตรงหน้าบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ในย่านสงบเงียบของเมือง เดย์ตันดับเครื่องและเหลือบตามองหญิงสาวข้างกายที่นั่งกอดอกแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทอย่างไม่พอใจแม้แต่น้อย เธอไม่พูดอะไรตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
“ถึงแล้ว ลงได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ลง” ยาหยีตอบทันควัน ดวงตาคมกริบปรายมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “ฉันยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ และฉันยังไม่ได้บอกนายว่าจะมาอยู่ที่นี่ พาฉันกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้!”
“ไม่แน่ใจอะไรอีก เธอก็เซ็นเอกสารฝากท้องเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้…เธอมีลูกของฉันอยู่ในท้อง” เขาเอนตัวพิงเบาะ หันมาสบตาเธออย่างใจเย็นแต่แฝงความเด็ดขาดในน้ำเสียง “ฉันไม่ปล่อยให้แม่ของลูกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เหมือนผู้หญิงไร้ค่า เข้าใจไหม?”
“แล้วถ้าฉันไม่ยอม นายจะทำอะไร” ยาหยีเชิดหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายกร้าวเล็กน้อย
“ฉันจะลากเธอลงไปจากรถด้วยตัวเอง แล้วขังเธอไว้ที่นี่จนกว่าจะคลอด” เดย์ตันว่าเรียบๆ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเซ็นเอกสารธรรมดาๆ ไม่มีแววโกรธเคือง มีเพียงแรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากเขาอย่างเงียบงัน
ยาหยีเงียบไป สีหน้าซับซ้อน เธอรู้ว่าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ และไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นคนมีอิทธิพล…แต่เพราะเขาเป็นคนที่ ‘เอาจริง’
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย แค่จะบอกไว้ก่อน” เธอกระซิบบอกช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอเป็น” เขาตอบกลับทันที เสียงของเขานิ่ง ราบเรียบจนน่าขนลุก “แค่ทำหน้าที่ให้จบ แล้วรับเงินไปตามที่ตกลงก็พอ”
“แล้วถ้าฉันเปลี่ยนใจ ไม่อยากได้เงินขึ้นมา…อยากเก็บลูกไว้คนเดียวล่ะ”
ประโยคนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถหยุดนิ่งราวกับเวลาหยุดเดิน เดย์ตันโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอเล็กน้อย ดวงตาดำสนิทของเขาแน่วแน่และทรงอำนาจ
“อย่าเล่นเกมนี้กับฉัน ยาหยี” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ชัดเจน “เธอรู้ว่าเธอกำลังเล่นกับไฟ”
เธอขยับริมฝีปากเหมือนจะเถียง แต่แล้วก็ถอนหายใจแรงๆ อย่างระงับอารมณ์
“…ก็ได้ จะอยู่ก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่บ้าน ฉันแค่…พักชั่วคราว เข้าใจไหม?”
“แล้วแต่จะเรียก แต่เธอจะต้องอยู่ที่นี่และฉันจะดูแลทุกอย่างจนกว่าจะคลอด” แล้วประตูฝั่งเธอก็เปิดออก ก่อนที่ร่างสูงจะเดินอ้อมไปยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับยื่นมือมารอ
ยาหยีมองเขานิ่ง ไม่ได้จับมือนั้น แต่ก็ยอมขยับตัวลุกจากเบาะในที่สุด เธอก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ เมื่อเท้าเธอแตะพื้น เธอเงยหน้ามองตัวบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอำนาจที่แผ่ซ่านจากชายข้างกาย
เขาไม่ได้บังคับเธออย่างตรงไปตรงมา แต่ทุกอย่างในน้ำเสียง ท่าที และสายตาของเขา…ล้วนเป็นการบีบบังคับที่นุ่มลึกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และเธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือก
แต่ภายใต้ความเงียบของยาหยี ยังมีบางอย่างกำลังสั่นไหวอยู่ในใจเธอเช่นกัน…สิ่งที่เดย์ตันเอง…ก็อาจควบคุมไม่ได้ในอนาคต
บ้านทั้งหลังเงียบสงัดในยามค่ำคืน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานอยู่เบาๆ และแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่ทอดเงายาวไปบนผนังห้อง ยาหยีนั่งอยู่มุมหนึ่งของเตียงขนาดคิงไซซ์ ผ้าห่มยังเรียบตึงบ่งบอกว่าเธอไม่ได้แตะต้องมันเลยนับตั้งแต่ถูกพามาส่งไว้ที่นี่
ในมือของเธอคือโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีสัญญาณ และเบอร์ของลีที่เธอจำได้แม่นกดค้างอยู่บนหน้าจอ
เธอไม่กล้าโทรไปหาเขา… ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี จะอธิบายยังไงว่าเธอ…กำลังท้องลูกของผู้ชายอีกคน ในใจทั้งโกรธและรู้สึกผิด
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนหน้าจอแล้วอีกหยดก็ตามมาอย่างเงียบเชียบ เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อยกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร้ความปรานี
เธอไม่ได้คาดหวังให้ลีอยู่เคียงข้างหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่เธอเสียใจ… เสียใจที่ตัวเองต้องมาอยู่ในจุดนี้ ที่ซึ่งความฝันจะมีครอบครัวกับคนที่รักพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
“ร้องไห้เรื่องนั้นอยู่เหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตรงประตูห้องนอน เธอสะดุ้งเฮือก รีบปาดน้ำตาอย่างลนลานก่อนจะหันไปเห็นเดย์ตันยืนพิงกรอบประตู แขนไขว้ไว้กับอก ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาคมกริบแฝงความไม่พอใจเอาไว้ชัดเจน
“เปล่า… ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ยาหยีสะบัดน้ำเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“โกหกได้ห่วยแตก” เขาเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าปลายเตียง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอยังเสียใจเรื่องหมอนั่นอยู่”
ยาหยีหลบตาเงียบ แต่เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
เดย์ตันก้มตัวลงเล็กน้อย โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาเย็นชาแผ่รังสีอันตรายโดยไม่ต้องเปล่งเสียงดัง
“ถ้าเธอยังคิดจะติดต่อมัน หรือแม้แต่คิดถึงมันในหัวอีกครั้ง… ฉันสัญญา” เสียงเขาเข้มขึ้นช้าๆ ชัดเจนทุกถ้อยคำ “หมอนั่นจะไม่มีวันได้ลืมตาดูโลกอีก ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ฉันจะตามไปปิดบัญชีให้ถึงที่”
ยาหยีเงยหน้ามองเขา ดวงตาเบิกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะเธอรู้ว่าเขาทำได้จริง…
“เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย…” เธอพูดเสียงสั่น พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหวาดกลัวจนเกินไป
“เธอเกี่ยวกับฉันแล้ว ลูกในท้องของเธอก็เป็นของฉัน” เขาเอ่ยเสียงนิ่ง “อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้ใครหน้าไหนมามาทำร้ายลูกฉัน เธอก็ด้วย ถ้าคิดจะทำร้ายตัวเองอีก เธอตาย! และถ้าเธอร้องไห้เสียใจจนทำให้เด็กในท้องเป็นอันตรายอีก เธอตาย! เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่เป็นภัยต่อตัวเอง”
ยาหยีรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะเถียงอะไรเขาเลยตอนนี้ แม้แต่สิ่งเดียวที่เธอเคยเชื่อว่าควบคุมได้ หัวใจของตัวเอง ก็เริ่มจะสั่นคลอนกับอำนาจและความเด็ดขาดของชายคนนี้ เธอสะอื้นเบาๆ อีกครั้ง ฝังใบหน้าลงกับเข่าตัวเอง ซ่อนน้ำตาและความว่างเปล่าที่เริ่มกัดกินเธอทีละนิด…ในขณะที่เดย์ตันยืนมองเธอด้วยแววตาเย็นเยียบ
เหมือนเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้ำตาเหล่านั้นเลย หรืออาจจะรู้สึก…แต่ไม่ยอมให้มันโผล่ขึ้นมาจากหลังแววตา
“ฉันเกลียดนาย!”
“เปลี่ยนจากคำว่าเกลียดเป็นขอบคุณจะดีใจมาก”
“เกลียด!”
“เกลียดฉันก็เกลียดไป แต่เธออย่าลืม” เดย์ตันจับใบหน้ายาหยีเชิดขึ้นเล็กน้อย “เราต้องเจอหน้ากันไปอีกพักหนึ่งเลยล่ะ เก็บความเอาไว้เกลียดฉันวันหลังด้วย”
“นาย!”
ตอนพิเศษ 2 จบหลายปีต่อมาเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นท่ามกลางสวนหลังบ้านที่ร่มรื่น“พี่ดาริน รอด้วยสิ~!”เด็กชายวัยหกขวบวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังพี่สาวอย่างไม่ลดละ เขามีใบหน้าคล้ายเดย์ตันในวัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มกับคิ้วที่ขมวดแน่นเวลาเอาจริงเอาจัง“ก็พี่บอกแล้วไงว่าใครช้าต้องเป็นลูกหมา!” ดารินวัยเก้าขวบในชุดเอี๊ยมยีนกับหางเปียคู่ หัวเราะแล้ววิ่งนำหน้าต่อไป“ไม่เป็นลูกหมาหรอก! จะวิ่งแซงเลยด้วยซ้ำ!” ดารัณเร่งฝีเท้าขึ้น เสียงหอบเหนื่อยแทรกมาเป็นระยะ แต่ความมุ่งมั่นในแววตานั้นไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อยใต้ศาลากลางสวน เดย์ตันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณพ่อในวัยชรา ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตาอ่อนโยนเมื่อมองไปยังลูกทั้งสอง“รัณโตเร็วใช่เล่นนะ…” พ่อของเดย์ตันพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำชา“ครับ…เหมือนผมตอนเด็ก แต่ใจนุ่มเหมือนแม่เขา” เดย์ตันตอบยิ้มๆ แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายที่เริ่มวิ่งไล่พี่สาวได้ทันดารัณกระโจนไปเกาะหลังพี่สาว แล้วสองพี่น้องก็ล้มลงไปในกองหญ้าแห้ง หัวเราะกันลั่น“พอแล้วลูก เดี๋ยวเปื้อนหมด!” เสียงของยาหหยีดังขึ้นจากระเบียง เธอยืนกอดอกมองลูกๆ ด้วยสายตาหวานปนเอือมระคนเอ็น
ตอนพิเศษ 1วันเกิดปีที่ 3 ของดารินเด็กหญิงในชุดเดรสฟูฟ่องเดินถือของเล่นไปหาพ่อกับปู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในศาลากลางสวน เธอส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยความสดใส“ปะป๋า ดารินอยากได้ของเล่นอีก”“หนูก็ได้แล้วไงครับ ของเล่นหนูเยอะมากแล้ว เล่นให้หมดก่อนนะครับลูก”ดารินยู่ปาก เธอหันไปมองปู่เพราะรู้ว่าคนที่จะตามใจเธอมากที่สุดคือปู่ไม่ใช่พ่อ“คุงปู่~” ดารินหันไปหาคุณปู่ด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกายวาววับ เธอกะพริบตาปริบๆ พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างรู้เชิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสแบบที่เธอมั่นใจว่าคุณปู่ต้องใจอ่อนแน่ๆ “คุงปู่ขา~ หนูอยากได้บ้านตุ๊กตาหลังใหญ่เลย มีลิฟต์ด้วยนะคะ~ หนูจะให้ตุ๊กตาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย~”ดาร์เรลหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่“โอ๋ๆ หลานปู่คนเก่ง อยากได้บ้านตุ๊กตาเหรอ…เอาไว้คุณปู่จะให้คนไปดูให้เลยนะ ว่ามีรุ่นที่มีลิฟต์จริงไหม ถ้ามี…ปู่จัดให้!”“เย่~! คุงปู่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!” ดารินโผเข้าไปกอดคุณปู่อย่างดีใจสุดๆ แล้วหันมายักคิ้วใส่พ่อของเธอด้วยความเหนือชั้นเดย์ตันที่นั่งอยู่ข้างพ่อของตัวเองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ในความเจ้
บทที่ 46 บทส่งท้ายเสียงหัวเราะของทั้งสามคนผสานกันเป็นความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วห้องรับประทานอาหาร ดารินที่กำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะหยุดชะงัก หันมามองผู้ใหญ่ด้วยตาแป๋ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชีวินจนตาทั้งสองข้างหยีน่าเอ็นดู“ดูสิ หลานผมรู้ด้วยว่าใครรักจริง” ชีวินยิ้มกว้าง ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาแนบอก ก่อนจะโยกเบาๆ อย่างทะนุถนอม“หึ เด็กมันเลือกคนใจดีได้แม่นเหมือนกันนะ” เดย์ตันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองลูกสาวเปล่งประกายด้วยความรักล้นเหลือ“ไม่ใช่แค่ใจดีหรอกค่ะ ปะป๋าวินชอบแอบให้ขนมกับดารินตลอด หยีต้องมาคอยห้ามประจำเลย เดี๋ยวจะฟันผุเอา” ยาหยีว่าแล้วก็กอดอกทำหน้าจริงจังชีวินรีบหันไปกระซิบกับหลานเบาๆ“อ้าว หลานเรานี่ไปฟ้องแม่ด้วยเหรอครับ แบบนี้เราต้องเป็นทีมเดียวกันนะ ห้ามหักหลังกันสิ” เขาย่นจมูกใส่ดาริน ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหัวเราะเสียงใสอย่างไร้เดียงสา“ดูสิ…ติดวินเข้าแล้วจริงๆ” เดย์ตันบ่นอุบ แต่ก็ลอบยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวหัวเราะอย่างมีความสุข“อิจฉาล่ะสิ” ชีวินแซว พร้อมส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนรัก“เปล่าสักหน่อย” เดย์ตันตอบ แต่ยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกลั้นขำไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังสามี
บทที่ 45 เมียมาเฟียหลังจากคืนเข้าหออันร้อนแรงผ่านไป รอยยิ้มอ่อนโยนของเดย์ตันก็กลายเป็นสิ่งที่ยาหยีได้เห็นบ่อยขึ้นกว่าเดิม เขาเปลี่ยนจากมาเฟียผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ กลายเป็นสามีที่พร้อมยอมให้เธอทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ตั้งแต่เมนูอาหารเช้า ไปจนถึงการออกคำสั่งกับลูกน้อง เขาเลือกจะถามความเห็นเธอก่อนเสมอ“ฉันมีปืน แต่เธอมีคำพูดที่คมกว่า” เขาบอกกับเธอในวันที่พายุในบ้านเริ่มสงบลง และเขาได้เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงหรือใช้กำลังใดๆ ก็สามารถจัดการความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างหมดจดยาหยีเรียนรู้ทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากหญิงสาวที่เคยร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงปืน กลับกลายเป็นคนที่ยืนถือปืนในสนามซ้อมด้วยท่าทางนิ่งสงบ วันแรกที่เธอยิงถูกเป้าเป๊ะ ลูกน้องของเดย์ตันถึงกับเงียบทั้งสนาม แล้วเสียงปรบมือก็ลั่นตามมาไม่ขาดสาย“เธอจำได้ไหม ครั้งแรกที่มาที่นี่ เธอดูกล้าและท้าทายมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบกลัวใช่ไหม” เดย์ตันเดินเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่ยาหยียังถือปืนมั่นในมือ“ใช่สิ… แล้วฉันก็จำได้ด้วยว่าที่รักที่บังคับให้กล้า” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวให้เขาอย่างคนที่รู้ว่าตั
บทที่ 44 ค่ำคืนนี้มีแค่เรา NCเดย์ตันยกยิ้มมุมปาก สอดฝ่ามือไปตามกลุ่มผมดกดำของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มยาหยีฟอดหนึ่ง“ถึงเวลาแล้วนะ”“อะไรเหรอ?”“ก็…เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะ”“นี่แผนนายด้วยไหมเนี่ย”“เปล่า…แค่จะทวงสัญญาเฉยๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานอะ”“ใครไปสัญญากับนายไม่ทราบ คิดเองเออเองทั้งนั้น อ๊ะ!” ไม่ทันได้ตั้งตัวยาหยีก็ถูกเขารวบตัวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแรงมหาศาล เธอตกใจเบิกตากว้างกับความเร็วของเขา “นะ นี่เร็วไปไหมเนี่ย”“เร็วมากกว่านี้อีก อยากดูไหมว่าเร็วมากแค่ไหน”“อะไร?”เดย์ตันยกยิ้มแล้วดึงผ้านวมมาคลุมตัวเขากับยาหยีไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างช่ำชองผ้านวมผืนหนากลายเป็นปราการแห่งความลับที่ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้ โลกภายนอกเงียบงัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดกันอยู่ใต้ความมืดมัวแผ่วเบานั้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดริมฝีปากของยาหยี เมื่อความเย็นวาบจากปลายนิ้วของเขาแตะต้องลงบนผิวเปลือยเปล่า ความรู้สึกวูบไหวแล่นไปตามแนวสันหลัง เธอเม้มปากแน่นแต่ก็ยังหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามทรวงอกอย่างมั่นคง อ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกิน
บทที่ 43 แต่งงานวันแต่งงานมาถึงในช่วงสาย อากาศเย็นกำลังดี แดดนุ่มพาดผ่านม่านไม้เลื้อยที่พันอยู่ตามซุ้มเหล็กดัดในสวนหลังบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยอ้อยอิ่งไปทั่วสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ละเมียดละไมวันนี้ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีแขกเหรื่อเป็นร้อย ไม่มีแสงแฟลชถ่ายภาพเป็นพัน มีเพียงแค่โต๊ะกลมสีขาวไม่กี่ตัว เก้าอี้หวาย และครอบครัวไม่กี่คนที่รักทั้งสองคนอย่างแท้จริงแม่ของเดย์ตันเป็นคนจัดดอกไม้เองกับมือ คุณพ่อของยาหยียืนพัดไล่ยุงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิชีวินรับบทบาทผู้ดำเนินพิธีการอย่างขันแข็ง พร้อมกับแอบเตรียมซองอั่งเปาขนาดยักษ์แทรกระหว่างของขวัญแต่งงาน และที่กลางสวน ซุ้มไม้สีขาวประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา พวงดอกกุหลาบครีมและใบไม้เขียวสดพาดพรมคือจุดที่เดย์ตันกำลังยืนรออยู่เขาในชุดสูทสีเทาเข้ม สะอาดเรียบและคลาสสิก ผมถูกเซ็ตเรียบกว่าทุกวัน มือถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนที่เตรียมไว้ให้เจ้าสาวด้วยตัวเองท่ามกลางความสง่างามของมาเฟียหนุ่มผู้เคยเย็นชามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้น…เหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เพิ่งมีรักแรกแล้วเธอก็ปรากฏตัว…ยาหยีในชุดกระโปรงลูกไม้ยาวสีขาวสะอาด ผมถูกรวบครึ่งหัว