บทที่ 10 อาณาเขตของเดย์ตัน
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดนิ่งตรงหน้าบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ในย่านสงบเงียบของเมือง เดย์ตันดับเครื่องและเหลือบตามองหญิงสาวข้างกายที่นั่งกอดอกแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทอย่างไม่พอใจแม้แต่น้อย เธอไม่พูดอะไรตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
“ถึงแล้ว ลงได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ลง” ยาหยีตอบทันควัน ดวงตาคมกริบปรายมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “ฉันยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ และฉันยังไม่ได้บอกนายว่าจะมาอยู่ที่นี่ พาฉันกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้!”
“ไม่แน่ใจอะไรอีก เธอก็เซ็นเอกสารฝากท้องเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้…เธอมีลูกของฉันอยู่ในท้อง” เขาเอนตัวพิงเบาะ หันมาสบตาเธออย่างใจเย็นแต่แฝงความเด็ดขาดในน้ำเสียง “ฉันไม่ปล่อยให้แม่ของลูกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เหมือนผู้หญิงไร้ค่า เข้าใจไหม?”
“แล้วถ้าฉันไม่ยอม นายจะทำอะไร” ยาหยีเชิดหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายกร้าวเล็กน้อย
“ฉันจะลากเธอลงไปจากรถด้วยตัวเอง แล้วขังเธอไว้ที่นี่จนกว่าจะคลอด” เดย์ตันว่าเรียบๆ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเซ็นเอกสารธรรมดาๆ ไม่มีแววโกรธเคือง มีเพียงแรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากเขาอย่างเงียบงัน
ยาหยีเงียบไป สีหน้าซับซ้อน เธอรู้ว่าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ และไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นคนมีอิทธิพล…แต่เพราะเขาเป็นคนที่ ‘เอาจริง’
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย แค่จะบอกไว้ก่อน” เธอกระซิบบอกช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอเป็น” เขาตอบกลับทันที เสียงของเขานิ่ง ราบเรียบจนน่าขนลุก “แค่ทำหน้าที่ให้จบ แล้วรับเงินไปตามที่ตกลงก็พอ”
“แล้วถ้าฉันเปลี่ยนใจ ไม่อยากได้เงินขึ้นมา…อยากเก็บลูกไว้คนเดียวล่ะ”
ประโยคนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถหยุดนิ่งราวกับเวลาหยุดเดิน เดย์ตันโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอเล็กน้อย ดวงตาดำสนิทของเขาแน่วแน่และทรงอำนาจ
“อย่าเล่นเกมนี้กับฉัน ยาหยี” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ชัดเจน “เธอรู้ว่าเธอกำลังเล่นกับไฟ”
เธอขยับริมฝีปากเหมือนจะเถียง แต่แล้วก็ถอนหายใจแรงๆ อย่างระงับอารมณ์
“…ก็ได้ จะอยู่ก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่บ้าน ฉันแค่…พักชั่วคราว เข้าใจไหม?”
“แล้วแต่จะเรียก แต่เธอจะต้องอยู่ที่นี่และฉันจะดูแลทุกอย่างจนกว่าจะคลอด” แล้วประตูฝั่งเธอก็เปิดออก ก่อนที่ร่างสูงจะเดินอ้อมไปยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับยื่นมือมารอ
ยาหยีมองเขานิ่ง ไม่ได้จับมือนั้น แต่ก็ยอมขยับตัวลุกจากเบาะในที่สุด เธอก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ เมื่อเท้าเธอแตะพื้น เธอเงยหน้ามองตัวบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอำนาจที่แผ่ซ่านจากชายข้างกาย
เขาไม่ได้บังคับเธออย่างตรงไปตรงมา แต่ทุกอย่างในน้ำเสียง ท่าที และสายตาของเขา…ล้วนเป็นการบีบบังคับที่นุ่มลึกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และเธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือก
แต่ภายใต้ความเงียบของยาหยี ยังมีบางอย่างกำลังสั่นไหวอยู่ในใจเธอเช่นกัน…สิ่งที่เดย์ตันเอง…ก็อาจควบคุมไม่ได้ในอนาคต
บ้านทั้งหลังเงียบสงัดในยามค่ำคืน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานอยู่เบาๆ และแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่ทอดเงายาวไปบนผนังห้อง ยาหยีนั่งอยู่มุมหนึ่งของเตียงขนาดคิงไซซ์ ผ้าห่มยังเรียบตึงบ่งบอกว่าเธอไม่ได้แตะต้องมันเลยนับตั้งแต่ถูกพามาส่งไว้ที่นี่
ในมือของเธอคือโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีสัญญาณ และเบอร์ของลีที่เธอจำได้แม่นกดค้างอยู่บนหน้าจอ
เธอไม่กล้าโทรไปหาเขา… ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี จะอธิบายยังไงว่าเธอ…กำลังท้องลูกของผู้ชายอีกคน ในใจทั้งโกรธและรู้สึกผิด
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนหน้าจอแล้วอีกหยดก็ตามมาอย่างเงียบเชียบ เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อยกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร้ความปรานี
เธอไม่ได้คาดหวังให้ลีอยู่เคียงข้างหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่เธอเสียใจ… เสียใจที่ตัวเองต้องมาอยู่ในจุดนี้ ที่ซึ่งความฝันจะมีครอบครัวกับคนที่รักพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
“ร้องไห้เรื่องนั้นอยู่เหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตรงประตูห้องนอน เธอสะดุ้งเฮือก รีบปาดน้ำตาอย่างลนลานก่อนจะหันไปเห็นเดย์ตันยืนพิงกรอบประตู แขนไขว้ไว้กับอก ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาคมกริบแฝงความไม่พอใจเอาไว้ชัดเจน
“เปล่า… ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ยาหยีสะบัดน้ำเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“โกหกได้ห่วยแตก” เขาเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าปลายเตียง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอยังเสียใจเรื่องหมอนั่นอยู่”
ยาหยีหลบตาเงียบ แต่เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
เดย์ตันก้มตัวลงเล็กน้อย โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาเย็นชาแผ่รังสีอันตรายโดยไม่ต้องเปล่งเสียงดัง
“ถ้าเธอยังคิดจะติดต่อมัน หรือแม้แต่คิดถึงมันในหัวอีกครั้ง… ฉันสัญญา” เสียงเขาเข้มขึ้นช้าๆ ชัดเจนทุกถ้อยคำ “หมอนั่นจะไม่มีวันได้ลืมตาดูโลกอีก ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ฉันจะตามไปปิดบัญชีให้ถึงที่”
ยาหยีเงยหน้ามองเขา ดวงตาเบิกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะเธอรู้ว่าเขาทำได้จริง…
“เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย…” เธอพูดเสียงสั่น พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหวาดกลัวจนเกินไป
“เธอเกี่ยวกับฉันแล้ว ลูกในท้องของเธอก็เป็นของฉัน” เขาเอ่ยเสียงนิ่ง “อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้ใครหน้าไหนมามาทำร้ายลูกฉัน เธอก็ด้วย ถ้าคิดจะทำร้ายตัวเองอีก เธอตาย! และถ้าเธอร้องไห้เสียใจจนทำให้เด็กในท้องเป็นอันตรายอีก เธอตาย! เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่เป็นภัยต่อตัวเอง”
ยาหยีรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะเถียงอะไรเขาเลยตอนนี้ แม้แต่สิ่งเดียวที่เธอเคยเชื่อว่าควบคุมได้ หัวใจของตัวเอง ก็เริ่มจะสั่นคลอนกับอำนาจและความเด็ดขาดของชายคนนี้ เธอสะอื้นเบาๆ อีกครั้ง ฝังใบหน้าลงกับเข่าตัวเอง ซ่อนน้ำตาและความว่างเปล่าที่เริ่มกัดกินเธอทีละนิด…ในขณะที่เดย์ตันยืนมองเธอด้วยแววตาเย็นเยียบ
เหมือนเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้ำตาเหล่านั้นเลย หรืออาจจะรู้สึก…แต่ไม่ยอมให้มันโผล่ขึ้นมาจากหลังแววตา
“ฉันเกลียดนาย!”
“เปลี่ยนจากคำว่าเกลียดเป็นขอบคุณจะดีใจมาก”
“เกลียด!”
“เกลียดฉันก็เกลียดไป แต่เธออย่าลืม” เดย์ตันจับใบหน้ายาหยีเชิดขึ้นเล็กน้อย “เราต้องเจอหน้ากันไปอีกพักหนึ่งเลยล่ะ เก็บความเอาไว้เกลียดฉันวันหลังด้วย”
“นาย!”
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป