บทที่ 8 พยายามเข้าใจอยู่
เดย์ตันกลับมาที่ห้องพักฟื้นในช่วงหัวค่ำ หลังจากพูดคุยกับชีวินและใช้เวลาเงียบๆ ทบทวนทุกอย่างในรถเพียงลำพัง เขายืนอยู่หน้าประตูสีขาวขุ่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ภายในห้องเงียบสนิท แสงไฟอ่อนจากโคมข้างเตียงทอดลงบนร่างของหญิงสาวที่ยังนอนอยู่ในท่าเดิม ทว่าเมื่อประตูแง้ม เธอกลับสะบัดหน้าไปมองทันที
“กลับมาทำไม” เสียงของยาหยีแข็งกระด้าง น้ำเสียงแปรปรวนชัดเจน “หรือจะมามัดฉันกับเตียงอีกรอบ? หรือต้องการจะตรวจว่าเด็กยังอยู่ดีไหมในท้อง?”
เดย์ตันถอนหายใจ เขาคว้าขวดน้ำจากโต๊ะแล้วรินใส่แก้ว ก่อนจะเดินมาวางไว้ใกล้เธอ
“ฉันแค่มาเช็กว่าเธอเป็นยังไง”
“อย่าเสแสร้ง! อย่าทำเหมือนว่านายเป็นคนดีนักเลย!” ยาหยีขึ้นเสียง น้ำตาก็เริ่มไหลอีกรอบโดยไม่ทันตั้งตัว “ฉันไม่ใช่แค่เสียใจนะ! ฉัน…ฉันเหมือนถูกทำลายทั้งชีวิต!”
“ฉันเข้าใจว่าเธอเกลียดฉัน”
“ไม่ใช่แค่เกลียด! ฉันอยากให้เวลาย้อนกลับไป ฉันอยากให้วันนั้นเขาไม่เข็นฉันสวนกับนาย! ฉันอยากให้ชีวิตฉันไม่ต้องมาพัวพันกับคนอย่างนายเลยด้วยซ้ำ!”
เสียงของเธอสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ไม่หยุด เดย์ตันไม่พูดอะไรทันที เขานั่งลงข้างเตียง มองเธออย่างจริงจัง
“ถ้ามันช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น…” เขาพูดช้าๆ “ฉันจะไปจัดการกับผู้ชายคนนั้น…กับเพื่อนของเธอ”
ยาหยีเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
“นายจะทำอะไร…”
“ฉันจะทำให้พวกเขาไม่มีทางได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีก…จะทำให้คนที่ทรยศเธอได้รู้ว่าการหักหลังมันแลกมาด้วยอะไร”
“ไม่ต้องเลย! ฉันไม่อยากให้นายไปแตะต้องอะไรในชีวิตฉันอีก!”
เธอร้องขึ้นทันที แต่แววตา…แฝงความลังเลและเจ็บปวดที่เดย์ตันสังเกตได้
“มันไม่ใช่เพราะฉันอยากยุ่ง…” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่มันเป็นความยุติธรรมที่เธอควรได้รับ ถ้าเธอไม่อยากเห็นฉันทำเอง งั้นบอกฉันว่าเธออยากให้เขารู้สึกยังไง แล้วฉันจะทำให้”
ห้องทั้งห้องเงียบลง ยาหยีกัดริมฝีปากแน่น สะอื้นในลำคอ สายตาเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อนระคนโกรธเจ็บและสิ้นหวัง
“นายเข้าใจคนท้องบ้างไหม…” เธอเอ่ยเสียงเบา นัยน์ตาเริ่มรื้นอีกครั้ง “ร่างกายฉันมัน…เปลี่ยนไปหมด หิวง่าย หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย… ฉันเครียดกับทุกอย่าง แม้แต่เสียงหายใจของตัวเองบางทีก็ยังรำคาญ…”
เดย์ตันเงียบ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความเย็นชา มันเป็นความพยายามจะฟัง
“ตอนที่ฉันรู้ว่าฉันท้อง…” ยาหยีกลั้นเสียงสะอื้น “ฉันนึกถึงหน้าพี่ลี ฉันคิดว่าเขาจะดีใจ ฉันเก็บมันไว้เป็นความลับเพราะอยากเซอร์ไพรส์เขา… แต่เซอร์ไพรส์มันกลายเป็นฝันร้าย…” น้ำตาไหลพราก เดย์ตันยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอช้าๆ แต่เธอไม่รับ “ตอนนี้ ฉันไม่รู้แม้กระทั่งว่าเลือดในตัวฉันเป็นของใคร…” เธอพูดเสียงสั่น “ฉันแค่…เหนื่อย…ฉันเหนื่อย”
เขาพยักหน้าเบาๆ นิ่งเงียบไปอึดใจ แล้วพูดเสียงเบาแต่หนักแน่น
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันยื่นข้อเสนออะไรอีก…ฉันจะไม่พูดเรื่องเงิน ไม่พูดเรื่องลูก ไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าเธอจะพร้อม” เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ “แต่ถ้าเธอต้องการอะไร even if it’s revenge บอกฉัน”
ยาหยีหลับตาแน่นหัวใจเธอปั่นป่วน เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง และเธอรู้…ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ
แต่ตอนนี้ คนที่เธอเคยเกลียดที่สุดในโลก…กลับกลายเป็นคนเดียวที่ฟังเธอโดยไม่พูดแทรกแม้แต่คำเดียว
วันต่อมา
เดย์ตันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมายืนอยู่หน้าชั้นวางผลไม้ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรูใจกลางกรุงเทพฯ โดยที่ในมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เปิดเว็บไซต์แม่และเด็ก ส่วนอีกข้างกำลังหยิบแอปเปิลเขียวขึ้นมาส่องดูสีเปลือกอย่างพินิจพิจารณา
“บำรุงธาตุเหล็ก…ลดอาการแพ้ท้อง…ให้วิตามินซี…” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ชายหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบตัดกับบรรยากาศสบายๆ ในห้างจนคนเดินผ่านต้องหันมองซ้ำ แต่เขากลับไม่สนใจสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่นิด
เขาเดินไปเรื่อยๆ คัดเลือกของทีละอย่าง ทั้งกล้วยหอม โยเกิร์ต ข้าวกล้อง ผักสด น้ำขิง และแม้แต่พวกวิตามินเสริมสำหรับคนท้องที่เขาเพิ่งศึกษาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทั้งหมดถูกจัดใส่ตะกร้าด้วยความตั้งใจราวกับกำลังวางแผนลอบสังหารเป้าหมายใหญ่
พอหันไปเห็นมุมขายน้ำมะพร้าว เขายังเดินไปสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น
“เอาแบบหวานน้อย ไม่ผสมน้ำเชื่อม”
“สำหรับภรรยาท้องเหรอคะ?” พนักงานยิ้มหวานถามอย่างสุภาพ
เดย์ตันหันมามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“เปล่า…สำหรับนักโทษที่ฉันเผลอทำให้ท้อง”
คนขายยิ้มค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าจัดของต่อทันที
เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาล เขาก็จัดแจงให้ลูกน้องส่งของทั้งหมดเข้าไปไว้ในตู้เย็นส่วนตัวที่ห้องพักฟื้น พร้อมกับวางผลไม้สดบนถาดแก้วอย่างเรียบร้อย มีน้ำขิงอุ่นๆ ตั้งอยู่เคียงข้างพร้อมช้อนเล็กๆ เงินล้านแทบจะลอยในอากาศก็ว่าได้
และอย่างที่เคยสั่งไว้…
ลูกน้องของเขาถูกสับเวรยามประจำหน้าห้องยี่สิบสี่ชั่วโมง ด้วยคำสั่งเด็ดขาดว่า
‘ห้ามให้เธอหลุดจากสายตาแม้แต่ลมหายใจ’
“นี่นายคิดว่าฉันเป็นนักโทษคดีพิเศษหรือยังไง?” ยาหยีแค่นเสียงถามขณะที่เหลือบมองชายร่างใหญ่สองคนที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ห่าง
“นักโทษก็คือคนที่ถูกควบคุมตัวไม่ให้หนี…” เดย์ตันว่าพลางปอกสาลี่ให้เธอ “แต่ในกรณีนี้ เธอเป็นนักโทษที่ห้ามตาย เพราะยังมี ‘ของสำคัญ’ ในตัวเธออยู่”
ยาหยีจ้องเขาเขม็ง
“ฉันมีชื่อ มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ภาชนะบรรจุเด็กของนาย”
“แล้วภาชนะนั่นคิดจะกระโดดสะพานไปทั้งใบ เธออยากให้ฉันทำยังไง?” เขาสวนกลับเสียงเรียบ แต่ระวังจังหวะคำพูดอย่างเต็มที่
ยาหยีกลอกตาแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
“จะเอาอะไรก็เอาไปเลย นายชนะแล้ว อย่ามาทำดีกับฉันแค่เพราะกลัวลูกจะพิการ”
“เธอกล้าด่าฉันว่าเลว แต่ไม่เคยดูตัวเองตอนพูดเลยใช่ไหม?” เขายิ้มมุมปาก แต่ไม่หงุดหงิดเลยสักนิด “กินซะ ก่อนจะอาเจียนจนลูกรับสารอาหารไม่ได้”
“ถ้าฉันไม่กินล่ะ นายจะบังคับฉันไหม?”
“จะป้อนจนเธอยอม หรือไม่ก็เสียบสายอาหารเข้าท้องเลยก็ได้” เดย์ตันวางจานผลไม้ตรงหน้าเธออย่างไม่เร่งเร้า “แต่เชื่อฉัน…วิธีแรกจะอร่อยกว่าเยอะ”
ยาหยีอยากจะเขวี้ยงจานใส่หน้าเขา แต่สุดท้าย…ท้องที่เริ่มปวดจี๊ดเล็กๆ ก็ทำให้เธอยอมคว้าสาลี่เข้าปากอย่างกระฟัดกระเฟียด
“นายนี่มัน…เอาแต่ใจ โหดร้าย ปากหมา แล้วก็…” เธอกัดคำสุดท้ายไว้ในลำคอ สายตาของเดย์ตันยังจับจ้องมาไม่วาง แววตาเขาอ่อนลงเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก…” เขาพูดเบาๆ “แต่ถ้าไม่ระวัง…ฉันอาจเสียลูกของฉันไป”
ยาหยีชะงัก จังหวะการเคี้ยวช้าลงอย่างไม่รู้ตัว
เสียงในห้องเงียบลงเหลือแค่เสียงเครื่องวัดชีพจรเบาๆ ก่อนที่เธอจะพูดกลับเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ…
“…ฉันไม่รู้ว่านายจะเป็นพ่อที่ดีไหม แต่บางที…ฉันก็อยากให้ใครสักคนจริงจังกับฉันแบบนี้บ้าง”
และคราวนี้…เดย์ตันไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมัน แต่ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้น หัวใจของมาเฟียหนุ่ม…เริ่มสั่นไหวอย่างเงียบงัน
ตอนพิเศษ 2 จบหลายปีต่อมาเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นท่ามกลางสวนหลังบ้านที่ร่มรื่น“พี่ดาริน รอด้วยสิ~!”เด็กชายวัยหกขวบวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังพี่สาวอย่างไม่ลดละ เขามีใบหน้าคล้ายเดย์ตันในวัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มกับคิ้วที่ขมวดแน่นเวลาเอาจริงเอาจัง“ก็พี่บอกแล้วไงว่าใครช้าต้องเป็นลูกหมา!” ดารินวัยเก้าขวบในชุดเอี๊ยมยีนกับหางเปียคู่ หัวเราะแล้ววิ่งนำหน้าต่อไป“ไม่เป็นลูกหมาหรอก! จะวิ่งแซงเลยด้วยซ้ำ!” ดารัณเร่งฝีเท้าขึ้น เสียงหอบเหนื่อยแทรกมาเป็นระยะ แต่ความมุ่งมั่นในแววตานั้นไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อยใต้ศาลากลางสวน เดย์ตันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณพ่อในวัยชรา ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตาอ่อนโยนเมื่อมองไปยังลูกทั้งสอง“รัณโตเร็วใช่เล่นนะ…” พ่อของเดย์ตันพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำชา“ครับ…เหมือนผมตอนเด็ก แต่ใจนุ่มเหมือนแม่เขา” เดย์ตันตอบยิ้มๆ แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายที่เริ่มวิ่งไล่พี่สาวได้ทันดารัณกระโจนไปเกาะหลังพี่สาว แล้วสองพี่น้องก็ล้มลงไปในกองหญ้าแห้ง หัวเราะกันลั่น“พอแล้วลูก เดี๋ยวเปื้อนหมด!” เสียงของยาหหยีดังขึ้นจากระเบียง เธอยืนกอดอกมองลูกๆ ด้วยสายตาหวานปนเอือมระคนเอ็น
ตอนพิเศษ 1วันเกิดปีที่ 3 ของดารินเด็กหญิงในชุดเดรสฟูฟ่องเดินถือของเล่นไปหาพ่อกับปู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในศาลากลางสวน เธอส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยความสดใส“ปะป๋า ดารินอยากได้ของเล่นอีก”“หนูก็ได้แล้วไงครับ ของเล่นหนูเยอะมากแล้ว เล่นให้หมดก่อนนะครับลูก”ดารินยู่ปาก เธอหันไปมองปู่เพราะรู้ว่าคนที่จะตามใจเธอมากที่สุดคือปู่ไม่ใช่พ่อ“คุงปู่~” ดารินหันไปหาคุณปู่ด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกายวาววับ เธอกะพริบตาปริบๆ พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างรู้เชิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสแบบที่เธอมั่นใจว่าคุณปู่ต้องใจอ่อนแน่ๆ “คุงปู่ขา~ หนูอยากได้บ้านตุ๊กตาหลังใหญ่เลย มีลิฟต์ด้วยนะคะ~ หนูจะให้ตุ๊กตาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย~”ดาร์เรลหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่“โอ๋ๆ หลานปู่คนเก่ง อยากได้บ้านตุ๊กตาเหรอ…เอาไว้คุณปู่จะให้คนไปดูให้เลยนะ ว่ามีรุ่นที่มีลิฟต์จริงไหม ถ้ามี…ปู่จัดให้!”“เย่~! คุงปู่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!” ดารินโผเข้าไปกอดคุณปู่อย่างดีใจสุดๆ แล้วหันมายักคิ้วใส่พ่อของเธอด้วยความเหนือชั้นเดย์ตันที่นั่งอยู่ข้างพ่อของตัวเองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ในความเจ้
บทที่ 46 บทส่งท้ายเสียงหัวเราะของทั้งสามคนผสานกันเป็นความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วห้องรับประทานอาหาร ดารินที่กำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะหยุดชะงัก หันมามองผู้ใหญ่ด้วยตาแป๋ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชีวินจนตาทั้งสองข้างหยีน่าเอ็นดู“ดูสิ หลานผมรู้ด้วยว่าใครรักจริง” ชีวินยิ้มกว้าง ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาแนบอก ก่อนจะโยกเบาๆ อย่างทะนุถนอม“หึ เด็กมันเลือกคนใจดีได้แม่นเหมือนกันนะ” เดย์ตันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองลูกสาวเปล่งประกายด้วยความรักล้นเหลือ“ไม่ใช่แค่ใจดีหรอกค่ะ ปะป๋าวินชอบแอบให้ขนมกับดารินตลอด หยีต้องมาคอยห้ามประจำเลย เดี๋ยวจะฟันผุเอา” ยาหยีว่าแล้วก็กอดอกทำหน้าจริงจังชีวินรีบหันไปกระซิบกับหลานเบาๆ“อ้าว หลานเรานี่ไปฟ้องแม่ด้วยเหรอครับ แบบนี้เราต้องเป็นทีมเดียวกันนะ ห้ามหักหลังกันสิ” เขาย่นจมูกใส่ดาริน ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหัวเราะเสียงใสอย่างไร้เดียงสา“ดูสิ…ติดวินเข้าแล้วจริงๆ” เดย์ตันบ่นอุบ แต่ก็ลอบยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวหัวเราะอย่างมีความสุข“อิจฉาล่ะสิ” ชีวินแซว พร้อมส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนรัก“เปล่าสักหน่อย” เดย์ตันตอบ แต่ยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกลั้นขำไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังสามี
บทที่ 45 เมียมาเฟียหลังจากคืนเข้าหออันร้อนแรงผ่านไป รอยยิ้มอ่อนโยนของเดย์ตันก็กลายเป็นสิ่งที่ยาหยีได้เห็นบ่อยขึ้นกว่าเดิม เขาเปลี่ยนจากมาเฟียผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ กลายเป็นสามีที่พร้อมยอมให้เธอทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ตั้งแต่เมนูอาหารเช้า ไปจนถึงการออกคำสั่งกับลูกน้อง เขาเลือกจะถามความเห็นเธอก่อนเสมอ“ฉันมีปืน แต่เธอมีคำพูดที่คมกว่า” เขาบอกกับเธอในวันที่พายุในบ้านเริ่มสงบลง และเขาได้เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงหรือใช้กำลังใดๆ ก็สามารถจัดการความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างหมดจดยาหยีเรียนรู้ทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากหญิงสาวที่เคยร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงปืน กลับกลายเป็นคนที่ยืนถือปืนในสนามซ้อมด้วยท่าทางนิ่งสงบ วันแรกที่เธอยิงถูกเป้าเป๊ะ ลูกน้องของเดย์ตันถึงกับเงียบทั้งสนาม แล้วเสียงปรบมือก็ลั่นตามมาไม่ขาดสาย“เธอจำได้ไหม ครั้งแรกที่มาที่นี่ เธอดูกล้าและท้าทายมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบกลัวใช่ไหม” เดย์ตันเดินเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่ยาหยียังถือปืนมั่นในมือ“ใช่สิ… แล้วฉันก็จำได้ด้วยว่าที่รักที่บังคับให้กล้า” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวให้เขาอย่างคนที่รู้ว่าตั
บทที่ 44 ค่ำคืนนี้มีแค่เรา NCเดย์ตันยกยิ้มมุมปาก สอดฝ่ามือไปตามกลุ่มผมดกดำของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มยาหยีฟอดหนึ่ง“ถึงเวลาแล้วนะ”“อะไรเหรอ?”“ก็…เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะ”“นี่แผนนายด้วยไหมเนี่ย”“เปล่า…แค่จะทวงสัญญาเฉยๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานอะ”“ใครไปสัญญากับนายไม่ทราบ คิดเองเออเองทั้งนั้น อ๊ะ!” ไม่ทันได้ตั้งตัวยาหยีก็ถูกเขารวบตัวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแรงมหาศาล เธอตกใจเบิกตากว้างกับความเร็วของเขา “นะ นี่เร็วไปไหมเนี่ย”“เร็วมากกว่านี้อีก อยากดูไหมว่าเร็วมากแค่ไหน”“อะไร?”เดย์ตันยกยิ้มแล้วดึงผ้านวมมาคลุมตัวเขากับยาหยีไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างช่ำชองผ้านวมผืนหนากลายเป็นปราการแห่งความลับที่ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้ โลกภายนอกเงียบงัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดกันอยู่ใต้ความมืดมัวแผ่วเบานั้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดริมฝีปากของยาหยี เมื่อความเย็นวาบจากปลายนิ้วของเขาแตะต้องลงบนผิวเปลือยเปล่า ความรู้สึกวูบไหวแล่นไปตามแนวสันหลัง เธอเม้มปากแน่นแต่ก็ยังหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามทรวงอกอย่างมั่นคง อ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกิน
บทที่ 43 แต่งงานวันแต่งงานมาถึงในช่วงสาย อากาศเย็นกำลังดี แดดนุ่มพาดผ่านม่านไม้เลื้อยที่พันอยู่ตามซุ้มเหล็กดัดในสวนหลังบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยอ้อยอิ่งไปทั่วสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ละเมียดละไมวันนี้ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีแขกเหรื่อเป็นร้อย ไม่มีแสงแฟลชถ่ายภาพเป็นพัน มีเพียงแค่โต๊ะกลมสีขาวไม่กี่ตัว เก้าอี้หวาย และครอบครัวไม่กี่คนที่รักทั้งสองคนอย่างแท้จริงแม่ของเดย์ตันเป็นคนจัดดอกไม้เองกับมือ คุณพ่อของยาหยียืนพัดไล่ยุงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิชีวินรับบทบาทผู้ดำเนินพิธีการอย่างขันแข็ง พร้อมกับแอบเตรียมซองอั่งเปาขนาดยักษ์แทรกระหว่างของขวัญแต่งงาน และที่กลางสวน ซุ้มไม้สีขาวประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา พวงดอกกุหลาบครีมและใบไม้เขียวสดพาดพรมคือจุดที่เดย์ตันกำลังยืนรออยู่เขาในชุดสูทสีเทาเข้ม สะอาดเรียบและคลาสสิก ผมถูกเซ็ตเรียบกว่าทุกวัน มือถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนที่เตรียมไว้ให้เจ้าสาวด้วยตัวเองท่ามกลางความสง่างามของมาเฟียหนุ่มผู้เคยเย็นชามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้น…เหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เพิ่งมีรักแรกแล้วเธอก็ปรากฏตัว…ยาหยีในชุดกระโปรงลูกไม้ยาวสีขาวสะอาด ผมถูกรวบครึ่งหัว