บทที่ 8 พยายามเข้าใจอยู่
เดย์ตันกลับมาที่ห้องพักฟื้นในช่วงหัวค่ำ หลังจากพูดคุยกับชีวินและใช้เวลาเงียบๆ ทบทวนทุกอย่างในรถเพียงลำพัง เขายืนอยู่หน้าประตูสีขาวขุ่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ภายในห้องเงียบสนิท แสงไฟอ่อนจากโคมข้างเตียงทอดลงบนร่างของหญิงสาวที่ยังนอนอยู่ในท่าเดิม ทว่าเมื่อประตูแง้ม เธอกลับสะบัดหน้าไปมองทันที
“กลับมาทำไม” เสียงของยาหยีแข็งกระด้าง น้ำเสียงแปรปรวนชัดเจน “หรือจะมามัดฉันกับเตียงอีกรอบ? หรือต้องการจะตรวจว่าเด็กยังอยู่ดีไหมในท้อง?”
เดย์ตันถอนหายใจ เขาคว้าขวดน้ำจากโต๊ะแล้วรินใส่แก้ว ก่อนจะเดินมาวางไว้ใกล้เธอ
“ฉันแค่มาเช็กว่าเธอเป็นยังไง”
“อย่าเสแสร้ง! อย่าทำเหมือนว่านายเป็นคนดีนักเลย!” ยาหยีขึ้นเสียง น้ำตาก็เริ่มไหลอีกรอบโดยไม่ทันตั้งตัว “ฉันไม่ใช่แค่เสียใจนะ! ฉัน…ฉันเหมือนถูกทำลายทั้งชีวิต!”
“ฉันเข้าใจว่าเธอเกลียดฉัน”
“ไม่ใช่แค่เกลียด! ฉันอยากให้เวลาย้อนกลับไป ฉันอยากให้วันนั้นเขาไม่เข็นฉันสวนกับนาย! ฉันอยากให้ชีวิตฉันไม่ต้องมาพัวพันกับคนอย่างนายเลยด้วยซ้ำ!”
เสียงของเธอสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ไม่หยุด เดย์ตันไม่พูดอะไรทันที เขานั่งลงข้างเตียง มองเธออย่างจริงจัง
“ถ้ามันช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น…” เขาพูดช้าๆ “ฉันจะไปจัดการกับผู้ชายคนนั้น…กับเพื่อนของเธอ”
ยาหยีเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
“นายจะทำอะไร…”
“ฉันจะทำให้พวกเขาไม่มีทางได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีก…จะทำให้คนที่ทรยศเธอได้รู้ว่าการหักหลังมันแลกมาด้วยอะไร”
“ไม่ต้องเลย! ฉันไม่อยากให้นายไปแตะต้องอะไรในชีวิตฉันอีก!”
เธอร้องขึ้นทันที แต่แววตา…แฝงความลังเลและเจ็บปวดที่เดย์ตันสังเกตได้
“มันไม่ใช่เพราะฉันอยากยุ่ง…” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่มันเป็นความยุติธรรมที่เธอควรได้รับ ถ้าเธอไม่อยากเห็นฉันทำเอง งั้นบอกฉันว่าเธออยากให้เขารู้สึกยังไง แล้วฉันจะทำให้”
ห้องทั้งห้องเงียบลง ยาหยีกัดริมฝีปากแน่น สะอื้นในลำคอ สายตาเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อนระคนโกรธเจ็บและสิ้นหวัง
“นายเข้าใจคนท้องบ้างไหม…” เธอเอ่ยเสียงเบา นัยน์ตาเริ่มรื้นอีกครั้ง “ร่างกายฉันมัน…เปลี่ยนไปหมด หิวง่าย หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย… ฉันเครียดกับทุกอย่าง แม้แต่เสียงหายใจของตัวเองบางทีก็ยังรำคาญ…”
เดย์ตันเงียบ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความเย็นชา มันเป็นความพยายามจะฟัง
“ตอนที่ฉันรู้ว่าฉันท้อง…” ยาหยีกลั้นเสียงสะอื้น “ฉันนึกถึงหน้าพี่ลี ฉันคิดว่าเขาจะดีใจ ฉันเก็บมันไว้เป็นความลับเพราะอยากเซอร์ไพรส์เขา… แต่เซอร์ไพรส์มันกลายเป็นฝันร้าย…” น้ำตาไหลพราก เดย์ตันยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอช้าๆ แต่เธอไม่รับ “ตอนนี้ ฉันไม่รู้แม้กระทั่งว่าเลือดในตัวฉันเป็นของใคร…” เธอพูดเสียงสั่น “ฉันแค่…เหนื่อย…ฉันเหนื่อย”
เขาพยักหน้าเบาๆ นิ่งเงียบไปอึดใจ แล้วพูดเสียงเบาแต่หนักแน่น
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันยื่นข้อเสนออะไรอีก…ฉันจะไม่พูดเรื่องเงิน ไม่พูดเรื่องลูก ไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าเธอจะพร้อม” เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ “แต่ถ้าเธอต้องการอะไร even if it’s revenge บอกฉัน”
ยาหยีหลับตาแน่นหัวใจเธอปั่นป่วน เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง และเธอรู้…ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ
แต่ตอนนี้ คนที่เธอเคยเกลียดที่สุดในโลก…กลับกลายเป็นคนเดียวที่ฟังเธอโดยไม่พูดแทรกแม้แต่คำเดียว
วันต่อมา
เดย์ตันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมายืนอยู่หน้าชั้นวางผลไม้ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรูใจกลางกรุงเทพฯ โดยที่ในมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เปิดเว็บไซต์แม่และเด็ก ส่วนอีกข้างกำลังหยิบแอปเปิลเขียวขึ้นมาส่องดูสีเปลือกอย่างพินิจพิจารณา
“บำรุงธาตุเหล็ก…ลดอาการแพ้ท้อง…ให้วิตามินซี…” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ชายหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบตัดกับบรรยากาศสบายๆ ในห้างจนคนเดินผ่านต้องหันมองซ้ำ แต่เขากลับไม่สนใจสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่นิด
เขาเดินไปเรื่อยๆ คัดเลือกของทีละอย่าง ทั้งกล้วยหอม โยเกิร์ต ข้าวกล้อง ผักสด น้ำขิง และแม้แต่พวกวิตามินเสริมสำหรับคนท้องที่เขาเพิ่งศึกษาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทั้งหมดถูกจัดใส่ตะกร้าด้วยความตั้งใจราวกับกำลังวางแผนลอบสังหารเป้าหมายใหญ่
พอหันไปเห็นมุมขายน้ำมะพร้าว เขายังเดินไปสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น
“เอาแบบหวานน้อย ไม่ผสมน้ำเชื่อม”
“สำหรับภรรยาท้องเหรอคะ?” พนักงานยิ้มหวานถามอย่างสุภาพ
เดย์ตันหันมามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“เปล่า…สำหรับนักโทษที่ฉันเผลอทำให้ท้อง”
คนขายยิ้มค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าจัดของต่อทันที
เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาล เขาก็จัดแจงให้ลูกน้องส่งของทั้งหมดเข้าไปไว้ในตู้เย็นส่วนตัวที่ห้องพักฟื้น พร้อมกับวางผลไม้สดบนถาดแก้วอย่างเรียบร้อย มีน้ำขิงอุ่นๆ ตั้งอยู่เคียงข้างพร้อมช้อนเล็กๆ เงินล้านแทบจะลอยในอากาศก็ว่าได้
และอย่างที่เคยสั่งไว้…
ลูกน้องของเขาถูกสับเวรยามประจำหน้าห้องยี่สิบสี่ชั่วโมง ด้วยคำสั่งเด็ดขาดว่า
‘ห้ามให้เธอหลุดจากสายตาแม้แต่ลมหายใจ’
“นี่นายคิดว่าฉันเป็นนักโทษคดีพิเศษหรือยังไง?” ยาหยีแค่นเสียงถามขณะที่เหลือบมองชายร่างใหญ่สองคนที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ห่าง
“นักโทษก็คือคนที่ถูกควบคุมตัวไม่ให้หนี…” เดย์ตันว่าพลางปอกสาลี่ให้เธอ “แต่ในกรณีนี้ เธอเป็นนักโทษที่ห้ามตาย เพราะยังมี ‘ของสำคัญ’ ในตัวเธออยู่”
ยาหยีจ้องเขาเขม็ง
“ฉันมีชื่อ มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ภาชนะบรรจุเด็กของนาย”
“แล้วภาชนะนั่นคิดจะกระโดดสะพานไปทั้งใบ เธออยากให้ฉันทำยังไง?” เขาสวนกลับเสียงเรียบ แต่ระวังจังหวะคำพูดอย่างเต็มที่
ยาหยีกลอกตาแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
“จะเอาอะไรก็เอาไปเลย นายชนะแล้ว อย่ามาทำดีกับฉันแค่เพราะกลัวลูกจะพิการ”
“เธอกล้าด่าฉันว่าเลว แต่ไม่เคยดูตัวเองตอนพูดเลยใช่ไหม?” เขายิ้มมุมปาก แต่ไม่หงุดหงิดเลยสักนิด “กินซะ ก่อนจะอาเจียนจนลูกรับสารอาหารไม่ได้”
“ถ้าฉันไม่กินล่ะ นายจะบังคับฉันไหม?”
“จะป้อนจนเธอยอม หรือไม่ก็เสียบสายอาหารเข้าท้องเลยก็ได้” เดย์ตันวางจานผลไม้ตรงหน้าเธออย่างไม่เร่งเร้า “แต่เชื่อฉัน…วิธีแรกจะอร่อยกว่าเยอะ”
ยาหยีอยากจะเขวี้ยงจานใส่หน้าเขา แต่สุดท้าย…ท้องที่เริ่มปวดจี๊ดเล็กๆ ก็ทำให้เธอยอมคว้าสาลี่เข้าปากอย่างกระฟัดกระเฟียด
“นายนี่มัน…เอาแต่ใจ โหดร้าย ปากหมา แล้วก็…” เธอกัดคำสุดท้ายไว้ในลำคอ สายตาของเดย์ตันยังจับจ้องมาไม่วาง แววตาเขาอ่อนลงเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก…” เขาพูดเบาๆ “แต่ถ้าไม่ระวัง…ฉันอาจเสียลูกของฉันไป”
ยาหยีชะงัก จังหวะการเคี้ยวช้าลงอย่างไม่รู้ตัว
เสียงในห้องเงียบลงเหลือแค่เสียงเครื่องวัดชีพจรเบาๆ ก่อนที่เธอจะพูดกลับเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ…
“…ฉันไม่รู้ว่านายจะเป็นพ่อที่ดีไหม แต่บางที…ฉันก็อยากให้ใครสักคนจริงจังกับฉันแบบนี้บ้าง”
และคราวนี้…เดย์ตันไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมัน แต่ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้น หัวใจของมาเฟียหนุ่ม…เริ่มสั่นไหวอย่างเงียบงัน
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป