บทที่ 3
กึด!
เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ
“เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน
“ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ
เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่
แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายชัดในดวงตาของลูกสาว พวกท่านมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับราชวงศ์ที่จะต้องพึ่งพาและขอคำปรึกษาจากพระบิดาของเจ้าชายคาร์ดอส จึงเลือกที่จะมองข้ามความหวาดกลัวของลูกสาวอย่างสิ้นเชิง
“ลูกสาวเรากลัวเสียงปืน เราฝากท่านดูแลแองจี้ด้วย” สมเด็จพระราชินีนาตาชาพูดกับเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พระองค์ไม่ต้องกังวล อยู่กับกระหม่อม ลูกสาวของพระองค์จะปลอดภัย กระหม่อมจะดูแลลูกสาวของพระองค์เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสตอบรับน้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเยือกเย็น รอยยิ้มมุมปากของเขาแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกหวาดหวั่นยิ่งขึ้น
ความผิดหวังและความสิ้นหวังท่วมท้นหัวใจของเจ้าหญิง ขณะที่เธอถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของชายที่เธอเกลียดชังที่สุด และไม่มีใครที่จะช่วยเธอได้ เธอรู้ดีว่าในสถานการณ์นี้เธอไม่อาจหลีกหนีได้ เสมือนนกในกรงทองคำที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างสิ้นหวัง
“ท่านพ่อ” เจ้าหญิงเอ่ยเชิงเว้าวอนผู้เป็นพ่อให้เห็นใจ
“พ่อมีธุระต้องคุยกับคาร์โล ลูกอยู่กับเจ้าฟ้าชายไปก่อน”
พระเจ้าโอเชียนนัสบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าชายคาร์ดอสอย่างสนิทสนมว่า...
”คาร์ดอส อาฝากน้องด้วยนะ“
”ครับ“ เจ้าชายคาร์ดอสโค้งศีรษะตอบรับเล็กน้อย จากนั้นพระราชบิดาของเจ้าชายก็เชิญพระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงเดินแยกไปล่าสัตว์อีกทาง
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่ายหน้าไปมาเบาๆ จ้องมองไปที่พระราชมารดาอย่างเว้าวอน มือบางทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เจ้าชายคาร์ดอสหลุบตามองมือบางที่กำลังสั่นเทาอย่างหนัก ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก
สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตามีความกังวลใจแต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว ในขณะที่หัวใจของท่านปวดร้าว พระราชบิดาและพระราชมารดาต่างรู้ดีถึงความหวาดกลัวของลูกสาว
แต่ความจำเป็นในการพึ่งพาอำนาจและการสนับสนุนจากราชวงศ์สไมโลดอน ทำให้พวกท่านต้องทนทำเป็นไม่เห็นความทุกข์ใจของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า แม้จะรู้สึกสงสารลูกสาวอย่างลึกซึ้ง ทว่าความกลัวและความจำเป็นในการคงสถานะและอำนาจในราชวงศ์ ทำให้ท่านไม่อาจปกป้องลูกสาวได้อย่างที่ต้องการ
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก้มหน้าลง หยาดน้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนพื้น หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ความหวังที่เคยมีว่าพระราชบิดาและพระราชมารดาจะยื่นมือมาช่วยกลับมลายหายไปเหลือแต่ความสิ้นหวังอันขมขื่น
“อึก” เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงลึกของความมืดที่ไม่มีทางออก เสียงสะอื้นเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากขณะที่เธอก้มหน้าลง สองมือบางกำแน่นข้างลำตัวพยายามยับยั้งน้ำตาไม่ให้ไหลออกมามากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ หยดน้ำตาที่อาบแก้มเนียนยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและอ่อนแอในโลกที่ไม่เป็นธรรม
“หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของเจ้าชายคาร์ดอสดังขึ้น รอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มออกมาทันทีที่เห็นน้ำตาของเธอ
ทำให้หัวใจเธอแหลกสลายยิ่งขึ้น เธอรู้ดีว่าไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ ความกลัวและความสิ้นหวังจึงโอบล้อมเธอไว้ เหลือเพียงความเงียบที่กดดันจิตใจของเธอให้จมดิ่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ที่ขมขื่นเกินทน
“ถ้ากลัวฉันขนาดนั้น” นิ้วชี้ของเจ้าชายคาร์ดอสจับคางมนเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างเลือดเย็น
“ก็ควรจะทำตัวให้เชื่องๆ เข้าไว้สิ เป็นสัตว์เลี้ยงของฉันก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน”
เจ้าชายคาร์ดอสบีบปลายคางมนอย่างแรง ทำให้เจ้าหญิงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด พลางน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาคู่สวย
“อึก”
“หึ” ยิ่งเห็นน้ำตาของเจ้าหญิง เจ้าชายก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ “อย่างที่ฉันเคยบอกเธอไป เชื่อฟังฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”
เจ้าหญิงจ้องมองใบหน้าของเจ้าชายด้วยความเกลียดชังอย่างเปิดเผย เขามีสิทธิ์อะไรที่บอกว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา และมีสิทธิ์อะไรมาข่มเหงเธอแบบนี้ เพียงแค่เขาถูกใจรูปลักษณ์ของเธอ เขาก็ทำทุกอย่างโดยไม่สนใจวิธีการ ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดกับการกระทำของเขายังไง เขามันเลวระยำ เปรตกลับชาติมาเกิด
สิ่งที่เขาทำกับเธอมันบัดซบสิ้นดี ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน เธอเกลียดเขา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็หวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก
“เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอไม่เชื่อฟังฉัน เธอจะโดนฉันลงโทษยังไง” เจ้าชายบีบปลายคางมนแรงขึ้น แรงจนคนถูกบีบรู้สึกเหมือนกระดูกที่คางจะแตกหักออกจากกัน “แต่ก็ยังดื้อ ทำไม แค่เชื่อฟังฉัน มันยากนักเหรอ”
“อึก ปล่อยเรานะ!” เจ้าหญิงรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด ผลักมือหนาออกไปอย่างแรง ทำให้มือของเจ้าชายหลุดออกจากปลายคางมน
ทำเอาเจ้าชายจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด ตวัดตาไปมองเจ้าหญิง มือหนาตะปบเข้าไปที่ลำคอระหงอย่างแรง
ฮึก!!
การกระทำอันป่าเถื่อนของเจ้าชายทำให้เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่บริเวณนั้นเบือนหน้ามองอีกทาง พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าชายของพวกเขาทำนั้น โหดร้ายมากแค่ไหน แต่ด้วยอำนาจของเจ้าชายในตอนนี้ ล้ำหน้าของกษัตริย์ไปไกลแล้ว ทำให้พวกเขาไม่อาจเอ่ยแย้งหรือเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหญิงได้
“มานี่” เจ้าชายกระชากเรียวแขนของเจ้าหญิงให้เดินตาม ทำให้เจ้าหญิงสะดุ้งด้วยความตกใจ เจ้าชายเหวี่ยงร่างของเจ้าหญิงขึ้นไปบนหลังม้าสีดำตัวโปรดของเจ้าชายอย่างแรง
แล้วเจ้าชายก็ตามขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลังของเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว มือหนาจับสายบังเหียนเพื่อการควบคุมม้าให้อยู่ในโอวาท ชักเชือกออกคำสั่งให้ม้าวิ่งไปตามคำสั่ง ทำให้ม้าวิ่งเข้าไปภายในป่าตามคำสั่งของเจ้าชาย
เจ้าหญิงที่หวาดกลัวการขี่ม้า ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอย่างหนัก เพราะเมื่อเยาว์วัยเจ้าหญิงเคยตกม้าถึงขั้นขาหัก และโดนม้าถีบจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงเป็นภาพจำอันโหดร้าย หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไม่ขี่ม้าอีกเลย แม้จะเดินผ่านม้าก็ยังไม่กล้าเดินผ่าน
เจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งสั่นเกร็งบนหลังม้า น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มไม่หยุด ขณะที่เจ้าชายคาร์ดอสบังคับม้าให้วิ่งเข้าไปในป่า ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอ
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ราวกับเสียงกลองรบ เจ้าชายคาร์ดอสเหลือบตามองเจ้าหญิงที่ตัวสั่นเทาด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและสะใจ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงของเล่นในมือของปีศาจร้าย ที่เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจชอบ
ม้าควบตะบึงเข้าไปในป่าลึก เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังก้องในความเงียบของป่า เมื่อมาถึงลำธารที่มีน้ำตก เจ้าชายคาร์ดอสหยุดม้า พลิกตัวลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากเจ้าหญิงแอนเจลีก้าลงมาอย่างไม่ปรานี
“อ๊ะ!” เจ้าหญิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกเหวี่ยงไปชนกับโขดหินข้างลำธาร ร่างบางกระแทกกับหินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงที่นั่งคุดคู้พยายามหนีจากเงื้อมมือของเขา เจ้าชายกระชากกระโปรงของเจ้าหญิงขึ้นโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ที่ออกมาจากปากของเจ้าหญิง
“อึก ได้โปรด อย่าทำเราเลยนะ อึก ปล่อยเราไปเถอะ” เจ้าหญิงร้องขอด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มขาวเนียน
“ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเป็นของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสกระชากตัวเจ้าหญิงขึ้นมาอีกครั้ง บังคับให้เธอยืนขึ้นก่อนจะดันร่างบางไปชนกับโขดหินอีกครั้ง
“เธอจะต้องเรียนรู้ว่าการขัดขืนฉันมันไร้ประโยชน์”
เจ้าชายกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูของเธอ มือหนากดปลายคางมนให้หันมาสบตาเขา สายตาที่ดุดันของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยสายตาของปีศาจ
เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบแน่น ความกลัวและความเกลียดชังผสมผสานกันในหัวใจ เธอรู้ดีว่า ไม่ว่าจะร้องไห้หรือขอความช่วยเหลือจากใคร ก็ไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ เธออยู่ในกำมือของชายที่โหดเหี้ยมที่สุดที่เธอเคยพบเจอ