บทที่ 2
“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่
“มีอะไร”
“กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้”
“....”
“หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
”....“
“แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ”
“ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม”
“ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งทวีปเอเชียเป็นพันธมิตรกับซากุระทุกประเทศพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเอเชีย...นอกจากซากุระ ก็มีแค่จีน ที่ยังพอทำให้เรารู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่ประเทศอื่นๆ กระจอกเกินกว่าจะเข้าร่วมสงคราม ไม่ต้องกังวลไปหรอก บริทแลนด์ไม่เคยแพ้สงคราม และจะไม่มีวันแพ้”
@วันต่อมา
ในยามเช้าของวันต่อมา พระเจ้าโอเชียนนัสและสมเด็จพระราชินีนาตาชา พร้อมกับพระราชธิดาก็เดินทางมาถึงพระราชวังจากัวร์
พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้า กษัตริย์แห่งเฮลิโอสและสโคลเดน พระองค์ทรงมีพระราชโอรส-ธิดา ร่วมกันทั้งหมดสี่พระองค์ ได้แก่
เจ้าชายฟิลิปป์ ดยุกแห่งเซอร์เบอรัส พระราชโอรสพระองค์ใหญ่
เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ดยุกแห่งไดร์วูล์ฟ พระราชโอรสพระองค์ที่สอง
เจ้าหญิงแอนเจลีก้า เป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สามและเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว
เจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุกแห่งเกรย์วูล์ฟ พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็ก
ในวันนี้ พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ของพระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าไม่ได้มาด้วย เพราะไม่ได้รับเชิญ มีเพียงเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้มาร่วมคณะล่าสัตว์กับพระราชบิดาและพระราชมารดา ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง
โดยการเดินทางมารวมล่าสัตว์ครั้งนี้ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าไม่ได้อยากมาด้วยเลยสักนิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของพระราชบิดาได้
เมื่อเดินทางมาถึง กษัตริย์ทั้งสองประเทศก็กล่าวทักทายกันอย่างสนิทสนม เมื่อเจ้าหญิงแอนเจลีก้าพบหน้าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส เจ้าหญิงก็สะดุ้งตกใจเบาๆ ด้วยความหวาดกลัว
สายตาของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสจ้องมองมาที่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าตั้งแต่เดินออกจากวัง มาจนกระทั่งตอนนี้ ก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าอันงดงามของเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเลยแม้แต่น้อย
เจ้าหญิงแอนเจลีก้า มีดวงตาสีน้ำเงินฟ้า ริมฝีปากอวบอิ่ม เป็นสีกุหลาบ ผิวกายขาวเผือก ผมสีส้มแดงธรรมชาติ จมูกโด่งเรียวเป็นสัน มีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร
เจ้าหญิงแอนเจลีก้าเป็นผู้หญิงที่ได้รับการโหวตให้เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยที่สุดในโลกมานานหลายปี และความสวยกับรูปร่างอันแสนเพอร์เฟคของเจ้าหญิง ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสอยากจะได้เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามาครอบครอง เป็นอย่างมาก
การมองอย่างเปิดเผยของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคาม รู้สึกอึดอัดและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เจ้าหญิงจึงก้มหน้าหลบสายตา
แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหญิงโดนสายตาคุกคามของเจ้าฟ้าชายจ้องมองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชิน ไม่เคยชินเลยสักครั้ง
"เจ้าหญิง“ เจ้าฟ้าชายคาร์ดอสเอ่ยทักทายเจ้าหญิงแอนเจลีก้าต่อหน้าพระราชมารดาและพระราชบิดาของเจ้าหญิง
”....“ มือบางกำกระโปรงแน่นพลางช้อนตามองคนทักทาย เจ้าหญิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ไม่ยอมเอ่ยทักทายกลับ ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายไม่พอใจ
“เราดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง” เจ้าชายยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมือทักทาย
”....“ ทว่าก็ไร้การตอบสนอง เจ้าหญิงกำกระโปรงของตัวเองแน่นขึ้น ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
นอกจากเจ้าหญิงจะไม่ทักทายกลับแล้ว หนำซ้ำยังไร้การตอบสนอง ทำราวกับว่าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสและพระราชบิดา ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ เหมือนจงใจไม่ให้ค่า
ทั้งที่ก็ยืนหัวโด่กันอยู่ นี่ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง สมเด็จพระราชินีนาตาชาเห็นลูกสาวทำตัวไม่เหมาะสม ก็รีบสะกิดและส่งสายตาเอ็ด ทว่าเจ้าหญิงก็ยังคงนิ่งเฉย
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบริทแลนด์ เจ้าหญิงแอนเจลีก้า” สมเด็จเจ้าฟ้าชายเอ่ยทักทายอีกครั้ง แต่เจ้าหญิงก็ยังคงก้มหน้าเงียบเหมือนเดิม
ทำให้พระราชบิดาและพระราชมารดารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก พระราชบิดาพระราชมารดาของเจ้าหญิงและผู้ติดตามต่างส่งสายตามาที่เจ้าหญิงเชิงสั่งให้เจ้าหญิงทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชายกลับไปเดี๋ยวนี้
คนของฝั่งของเจ้าหญิงดูร้อนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะสถานการณ์ภายในราชวงศ์วูล์ฟ ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก หากสร้างศัตรูเพิ่มเกรงว่าราชวงศ์วูล์ฟจะต้องถูกกวาดล้างเร็วมากขึ้น
พระบิดาของเจ้าหญิงเดินทางมาตามคำเชิญก็เพราะว่าต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลือ ราชวงศ์สไมโลดอน ของกษัตริย์คาร์โล เป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกและมีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้
พระเจ้าโอเชียนนัสจึงต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ก่อนที่สถานการณ์ภายในประเทศจะย่ำแย่บานปลายไปมากกว่านี้ ทว่าเจ้าหญิงแอนเจลีก้ากลับไม่ให้ความร่วมมือกับพระราชบิดาแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังจะเพิ่มความยากลำบากให้กับพระราชบิดาและราชวงศ์ มากขึ้นไปอีก
“เจ้าบ้านทักทายแล้ว จะไม่ทักทายเจ้าบ้านกลับหน่อยเหรอครับ เจ้าหญิง” สมเด็จเจ้าฟ้าชายกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลติดตลกเหมือนว่ากำลังหยอกเย้าเอ็นดู ทว่าความจริงกำลังคาดโทษ
‘เขาช่างเสแสร้ง ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเขาไม่ใช่คนดีแบบนี้ เขามันคนเลว เลวที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมาทั้งชีวิต‘ เจ้าหญิงเอ่ยในใจอย่างเกลียดชัง
“....” แต่ถึงคนตรงหน้าจะพูดอย่างนั้น เจ้าหญิงก็ยังคงไม่ทักทายกลับ ทำเพียงแค่ถอนสายบัวตามธรรมเนียม ที่เจ้าหญิงที่ไม่ใช่รัชทายาท ต้องถอนสายบัวต่อหน้าเจ้าชายรัชทายาท เพื่อแสดงความเคารพต่อตำแหน่งของเจ้าชายที่มียศสูงกว่า
“ลูกรัก” สมเด็จพระราชินีนาตาชาสะกิดลูกสาว ทำให้เจ้าหญิงจำใจยื่นมือไปทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชาย เจ้าชายยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเจ้าหญิง
“ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบฝ่าบาท” เจ้าหญิงกล่าวทักทายกลับตามมารยาทอย่างฝืนใจ สุดๆ
สมเด็จเจ้าฟ้าชายยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปพูดข้างกกหูของเจ้าหญิงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนว่า...
“เข้าป่าเมื่อไหร่เธอโดนแน่”