#เคมี
"ร้านขายยาเคมีสวัสดีครับ" ผมเอ่ยทักทายลูกค้า เมื่อเสียงกระดิ่งตรงหน้าประตูดังขึ้น โดยไม่ได้เงยหน้ามอง เพราะต้องจิ้มแป้นบนมือถือตอบแชตรุ่นน้อง ที่มาขอคำปรึกษาเรื่องเรียน
"อืม หวัดดีคุณเภสัชฯ"
และเสียงนี้ทำให้ผมที่จดจ่อหน้าจอมือถือต้องเงยมอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะคนตรงหน้าตอนนี้คือไอ้คนปากหมาที่เจอเมื่อคืน และเจอหน้าแทบทุกวันตอนเย็น ก็เล่นมาร้านผมประจำ ไม่รู้จะมาซื้อยาอะไรนักหนา ประหนึ่งว่าป่วยกำลังใกล้ตาย
"คุณอีกละ แล้วมาซื้อยาอะไรทุกวี่ทุกวัน" ผมถามออกไป
"ซื้อยาอะไรก็ได้ ร..."
"ยาอะไรก็ได้ที่นี่ไม่มี เชิญร้านอื่นครับ"
ผมแทรกตัดบทขึ้นก่อนเพราะรู้ว่าเขาจะพูดยียวนกวนประสาทผม และนั่นมันทำให้เขาเงียบปาก
"กวน...." เขาพูดคำแรกออกมาชัดเจน แต่อีกคำเก็บงำเสียงไว้ ซึ่งผมก็พอเดาได้และอ่านปากออกมามันคือคำว่า ตีน
"จะซื้อยาไหม ถ้าไม่ก็อย่ามาเกะกะลูกค้าคนอื่น" ผมเริ่มเอือมและออกปากไล่ คิดว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพแล้วล่ะ
"นี่ไล่ลูกค้าเหรอ เดี๋ยวประจานลงโซเชียลนะ" เขาขู่ผมพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา นี่ผมต้องกลัวเขาไหม?
"ตามสันดานเถอะ ถามจริงคุณมาทำไมบ่อย ๆ อย่าบอกนะว่าวันนี้มาซื้อยาคุมอีก" ผมพูดออกมาโดยไม่สบตาคนตรงหน้า เพราะคิดว่าไม่จำเป็นสักเท่าไหร่
"มาอ่อยอยากให้หลงมั้ง"
"ควรปลงแล้วก็เชิญครับ ประตูอยู่ทางนั้น"
"อย่ามาหลงรักทีหลังก็แล้วกัน...คุณเภสัชฯ"
"ไม่มีวัน!..." เขาตอบเสียงเข้ม
"นี่คุณคะฉันยืนรอนานแล้วนะ จะจ่ายเงินไหมถ้าไม่จ่ายฉันขอจ่ายก่อน"
"ยืนแค่แป๊บเดียวทำเป็นบ่น เป็นผู้หญิงไม่มีความอดทนเอาซะเลย" มีบ่นเบา ๆ นี่เขาเป็นคนประเภทไหนกันนะ บางทีก็กวนประสาทบางทีก็ดูตลกสิ้นดี
อยากจะก้มกราบคุณลูกค้าคนนี้ที่เป็นคนเอ่ยขึ้น ซึ่งมันทำให้คนตรงหน้าผมหน้าเหวอไปเลย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปยืนด้านข้าง ทำปากขมุบขมิบล้อเลียนลูกค้าของผมที่ยืนจ่ายเงิน เธอหันไปมองแต่ไม่ได้พูดตอบโต้ คงจะรู้สึกระอาเหมือนผมละมั้ง
ผมยืนคิดเงินลูกค้าจนตอนนี้คนเริ่มออกจากร้านไป แต่นายคนนี้ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมออกปากไล่ยังไงก็หน้าด้านไม่ยอมไปสักที จนเป็นผมนี่แหละที่ต้องหุบปากแล้วทำหน้าที่ของตัวเอง เกะกะลูกตาฉิบหายเลย
"นี่คุณ ตกลงจะซื้อ..."
"เอายาคุมมาหนึ่งแผง เหมือนเดิม"
ผมชักสีหน้ากะว่าจะถามอีกครั้ง แต่เขาก็ดันพูดแทรกขึ้นมาก่อน ซื้อยาคุมทุกวันไม่รู้เอาไปให้ใครกิน
"อะ...ผมขอเสือกถามอะไรได้ไหม?" ผมยื่นแผงยาคุมที่เขาต้องการให้ พร้อมกับพูดขึ้นอยากรู้จริง ๆ เลยต้องหน้าด้านถาม มันหลายรอบแล้วไง บางทีเขาอาจจะเอาไปใช้ผิด ๆ เผื่อจะแนะนำอะไรได้บ้าง
"เสือกมา...ถ้าตอบได้ก็จะตอบ" เขารับแผงยาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อช็อป ย้อนผมด้วยท่าทางยียวน
"ยานี่คุณรู้วิธิใช้อยู่ใช่ไหม" ผมถามและมันทำให้เขาเงยหน้ามาขมวดคิ้วมองผม
"ร รู้สิซื้อไปก็ต้องรู้" เขาตอบผมตะกุกตะกัก มองไม่ออกเลยว่าตอแหล ยอมใจเขาจริง ๆ
"ถ้ารู้ไหนลองบอกสิกินยังไง?" ผมย้อนถามลองเชิง ดูสิว่าจะตอบผมแบบไหน
"ก็ ก็ เออ ยัด ๆ แม่งให้หมดนี่แหละจะได้หมดแผงไว ๆ ถามมากอยู่ได้ เอาไปเงินค่ายา"
"เห้ย!!! เดี๋ยวสิคุณ"
เขาพูดด้วยความลุกลี้ลุกลน ยัดเงินค่ายาใส่มือผม ก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินออกไป คำตอบของเขาทำเอาผมต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เรียกตามหลังยังไงก็ไม่หันกลับมา เขามันบ้าไปแล้วแน่ ๆ
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่