LOGIN"ผมกับพี่เรามีอะไรกันหรือเปล่า" "แล้วคิดว่าไง" "ผมจำไม่ได้ ไม่งั้นผมจะถามพี่ทำไม" "ใช่ แต่…" "พี่ลืมมันไปได้ไหม"
View Moreบทนำ
"ไอ้ยินแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกชั่ว" เสียงชายแก่ขี้เมาที่ทั้งตะโกนเรียกและตะโกนด่าผมไปพร้อม ๆ กันดังลั่นซอยที่ทั้งเล็ก ทั้งแคบในแถบชานเมือง ผมชื่อยินเป็นลูกชายของชายแก่คนนั้น คนที่กำลังตะโกนด่าและวิ่งไล่กวดผมอยู่เพราะผมวิ่งหนีออกมาจากทางเข้าบ้านของเจ้าหนี้ของเขา
"กลับไปก็เขาขึ้นกบาลแล้ว" หลังจากพ่อขี้เมาของผมตะโกนด่าผมก็สวนกลับทันที ก่อนที่จะออกจากบ้านพ่อบอกว่าจะพาผมไปทำงานใช้หนี้ที่ผมไม่ได้ก่อ ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้ผมก็เป็นคนหาเงินหาข้าวให้กิน แต่ตาแก่ขี้เมานั่นนอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังติดการพนันเข้าขั้นเสพติด ไปกู้หนี้ยืมสินมาเรื่อย ๆ และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าหนี้มันโง่หรือมันตั้งใจจะโกงตั้งแต่แรก ถึงได้ให้ตาแก่นั่นยืมเงินเกือบห้าหมื่นโดยไม่มีอะไรค้ำประกันเลย สุดท้ายตาแก่นั่นเลยพาผมมาเป็นคนใช้หนี้ โดยขายผมให้กับเกย์แก่ในหมู่บ้านที่เป็นเถ้าแก่ปล่อยเงินกู้ คิดดูว่ามันบัดซบขนาดไหนผมเป็นผู้ชายแต่ถูกขายใช้หนี้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงควรถูกขายเพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกขายทั้งนั้นแหละ
โชคดีที่ผมบังเอิญไปได้ยินพ่อคุยกับไอ้คนเก็บดอกถึงได้หนีออกมาได้ก่อนจะได้เดินเข้าประตูบ้านไอ้โรคจิตนั่นไป ผมวิ่งกลับมาจนถึงบ้านเล็กรูหนูของตัวเองตอนแม่ยังอยู่บ้านเราดีกว่านี้มาก แต่พอแม่ตายตาแก่นั่นก็เอาบ้านที่เป็นสมบัติของผมไปขายเอาเงินมาเล่นพนันจนต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังเท่ารูหนู ผมเข้าไปในห้องตัวเองหยิบเอกสารทั้งหมดของตัวเองพร้อมยัดเสื้อผ้าตัวเองใส่กระเป๋าใบใหญ่ ผมต้องหนีไปก่อนที่ไอ้พวกโรคจิตนั่นจะมาเจอผมไม่งั้นคงหนีไม่รอดแล้วล่ะ
"ไอ้ยิน ไอ้ลูกชั่วแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ" นั่นไงผมพูดยังไม่ทันจะจบเลย ตาแก่นั่นก็พาไอ้พวกนักเลงหัวไม้มาพังบ้านรูหนูหลังนี้ซะแล้ว ผมรีบเปิดหน้าต่างห้องตัวเองก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่างแล้ววิ่งลัดเลาะซอกเล็ก ๆ ข้างบ้านเพื่อออกไปยังถนนใหญ่ โชคดีนะที่ไม่ได้โง่ถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านไม่งั้นคงได้เดินเท้าเปล่าแน่
"นั่น ๆ มันอยู่นั่นไง" ไอ้พวกเวรตะไลนั่นหาผมจนเจอผมสับเท้าวิ่งสุดชีวิต นี่ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าตีนแตกหมดแล้ว วิ่งไปได้สักแป๊บก็มีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งมาบนถนนที่ผมกำลังตั้งใจจะข้าม ผมวิ่งตัดหน้าบิ๊กไบค์คันนั้นแต่โชคดีที่คนขับมีสติและสกิลการขับรถเจ๋งมากผมเลยยังไม่ตาย
"ผมขอโทษครับพี่" ผมยกมือไหว้คนที่ขับบิ๊กไบค์คันที่ถูกผมวิ่งตัดหน้า คนขับเปิดกระจกหมวกกันน็อคมองหน้าผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังรำคาญที่ผมไม่ยอมหลีกทางให้สักที ผมหันหน้าหันหลังมองไอ้พวกเวรตะไลนั่นแล้วหันมา มองคนที่ขับบิ๊กไบค์คันนี้
"เห้ย ทำไร" เจ้าของบิ๊กไบค์ร้องเสียงหลงเพราะผมกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนเขา ผมพนมมือแล้วยกมือไหว้เขาอีกครั้งแบบลนลาน
"พี่ไปเถอะผมไหว้ละพี่ ช่วยผมสักครั้งนะ" ผมพูดแล้วหันซ้ายหันขวามองเผื่อหาทางหนีทีไล่อื่น ๆ ในกรณีที่พี่คนขับไล่ผมลงรถแต่ผิดคาด เขากลับบิดคันเร่งออกตัวไปอย่างเร็วจนผมเกือบหงายหลัง ถ้าไม่ติดว่าเกาะเอวเขาไว้ได้ทัน บิดมาได้ห้านาทีเขาก็จอดรถที่ริมถนนใหญ่ซึ่งมีรถสัญจรไปมาไม่ขาดสาย
"ขอบคุณนะครับ"
"จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง" ผมและพี่คนขับพูดพร้อมกัน เขาจอดรถผมนึกว่าจะไล่ลงรถซะอีก ที่แท้จอดถามหรอกเหรอผมผงกหัวให้เป็นเชิงขอบคุณ แต่ผมไม่กล้ารบกวนพี่แกอีกจริง ๆ ถ้าเผื่อไอ้พวกนั้นจำทะเบียนรถแล้วมาหาเรื่อง พี่แกจะซวยเพราะผมเปล่า ๆ
"ไม่เป็นครับ แค่พามาถึงนี่ก็ขอบคุณมากแล้วครับ" ผมบอกพลางดึงสายกระเป๋ามาใส่แขนอีกข้าง เพื่อให้มันสะพายได้ถนัดมากขึ้นพี่คนขับไหวไหล่ตอบประมาณว่าแล้วแต่นะ ก่อนจะหันไปถอนเกียร์รถ
"ถ้าจะไปแถวมอ x ก็ขึ้นมา" พี่คนขับพูดจบก็ใช้เท้าเหยียบเปลี่ยนเกียร์ทันที ผมรีบโดดขึ้นรถอีกครั้งเพราะนั่นคือที่หมายของผม พี่เจ้าของบิ๊กไบค์ขับรถมาเกือบสิบห้านาทีก็จอดรถให้ผมลงตรงหน้ามหาวิทยาลัยพอดิบพอดี
"ขอบคุณมากนะครับพี่" ผมลงรถแล้วยืนยกมือไหว้คนที่อุตส่าห์มาส่งถึงนี่ เขาพยักหน้าให้เสร็จก็รีบขับรถออกไปอย่างเร็ว เร็วจนรู้สึกว่านี่ละบิ๊กไบค์ พอเขาไปผมก็พาสองขาของตัวเองไปที่บ้านหลังงามหลังหนึ่งซึ่งอยู่ข้างถนนเส้นที่นักศึกษาที่นี่มักจะรู้จักกันดีในชื่อ ถนนโลกีย์ เพราะถนนเส้นนี้ทั้งเส้นแทบจะเป็นร้านเหล้าทั้งหมด
ก๊อก! ก๊อก!
"เป็นไงมาไงว่ะ" เจ้าของบ้านเอ่ยทักผมหลังจากเปิดประตูรับผมเข้าห้อง พอเปิดประตูเสร็จเดรคเพื่อนสนิทของผมก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง มันตรงไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองซึ่งเปิดหน้าเกมค้างอยู่ ผมถอดกระเป๋าสะพายออกแล้วทิ้งมันลงบนพื้นห้องนั่งเล่นแล้วตัวเองก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาในโถงรับแขกของเดรค
"กูหนีออกจากบ้านว่ะ" เดรคกดหยุดเกมก่อนจะลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์มานั่งข้าง ๆ ผม
"มึงเป็นไรเนี่ย" เดรคถามพร้อมกับขว้างเปลือกเมล็ดทานตะวันที่เพิ่งแกะใส่ผม ผมดีดตัวลุกขึ้นจากการใช้เท้าก่ายหน้าผากมาจ้องหน้ามัน
"กูบอกแล้วอย่าขว้างขยะแบบนี้ สงสารป้าแม่บ้าน"
"รีบ ๆ เล่าเรื่องของมึงมาได้แล้ว" คงเป็นเพราะมันรู้เรื่องที่บ้านของผมดีถึงได้ทิ้งเกมมาเค้นความจริงจากผมแบบนี้
"พ่อกูเอากูไปขายให้เกย์แก่ เพื่อใช้หนี้ที่ไปยืมมันมา กูโคตรรู้สึกแย่เลยไอ้เหี้ย เกิดเป็นผู้ชายยังโดยขายใช้หนี้อีก" ผมพูดแล้วเอามือตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ อย่างจนใจ ใครจะคิดว่านี่มันปี 2022 แล้วยังมีการขายคนเพื่อใช้หนี้อีก โลกแม่งพัฒนาไปไกลแค่ไหนก็ยังมีคนจิตใจสกปรกแบบนี้อยู่อีก
"แล้วมึงเอาไงต่อ" เดรคว่าพลางเอนหลังพิงพนักโซฟาเดี่ยวสีเทาเข้ม มันล้วงเอาโทรศัพท์มาไถเล่นระหว่างรอคำตอบของผม
"กูขออยู่กับมึงสักพักได้ปะวะ เดี๋ยวกูหางานทำได้เงินจะไปเช่าหออยู่เอง" ผมบอกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ เพราะถ้าไม่ใช่มันผมก็ไม่มีที่ไปอีกแล้ว เพื่อนผมมีเยอะแต่มีแค่มันคนเดียวที่ผมยอมเล่าเรื่องเฮงซวยในชีวิตให้ฟัง และก็เป็นคนเดียวที่คอยช่วยเวลาผมมีปัญหากับตาแก่ที่บ้าน
"ก็อยู่นี่ไปเลยดิวะจะมาเกรงใจอะไร กูจะได้ให้แม่บ้านหยุดไปก่อนเพราะยังไงมึงก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่บ้านอยู่ละ" เดรคพูดพร้อมกับนั่งไถโทรศัพท์เครื่องหรูของมันไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
"มึงนี่เห็นแก่กินจริง ๆ งั้นมึงหิวยัง"
"หึ เดี๋ยวค่อยกูพึ่งกินขนมปังไป มาคุยเรื่องมึงเหอะคิดยังว่าทำงานอะไร" ผมที่กำลังจะลุกขึ้นทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้งทันทีที่มันพูดจบ นั่นสินะนี่เรื่องใหญ่สำหรับผมมาก ๆ เลยนะตอนนี้ผมลืมไปได้ยังไงเนี่ย ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองแรง ๆ จนมันหันมามองผมด้วยหางตา
"กูว่าแล้วมึงคงยังไม่ได้คิด มึงคิดว่านี่เป็นไง" เดรคพูดจบก็วางมือถือเครื่องหรูของตัวเองลงตรงโต๊ะกลาง ซึ่งอยู่ตรงหน้าของผมพอดีผมเอื้อมมือไปหยิบมาดูอย่างงง ๆ
"รับสมัครพนักงานเสิร์ฟหลายอัตรา ทำงานตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน ต้องกินแอลกอฮอล์ได้ อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบ ต้องไม่มีปัญหากับคนที่บ้าน" ผมค่อย ๆ ไล่สายตาอ่านโพสต์ในเฟซบุ๊กของเดรคไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบรรทัดสุดท้าย
"ค่าแรงวันละห้าร้อยบาท ไม่รวมทิป" โอ้แม่เจ้างานปกติค่าแรงขั้นต่ำวันละสามร้อยบาทแต่ที่นี่ทำงานหกชั่วโมงค่าแรงห้าร้อย ผมรีบอ่านคุณสมบัติของตำแหน่งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วยื่นคืนให้เดรคอย่างสนอกสนใจ
"ร้านไหนวะ อยู่ไกลปะ"
"นี่ไงเดินจากหน้าบ้านกูไป 6-7 นาทีก็ถึงร้านละ กูก็ทำพาร์ทไทม์อยู่ร้านลิฟวิงรูม" เดรคพูดจบผมทำหน้าตื่นตกใจใส่มันที ก็จะอะไรล่ะเดรคมันรวยมาก ๆ บ้านนี้ก็ของมันเอง ผมเลยไม่เข้าใจว่ารวยขนาดนี้มันมาทำพาร์ทไทม์ไปทำไม
"มึงรวยจะตาย ทำพาร์ทไทม์ทำไมวะ"
"เรื่องของกูน่า ว่าแต่มึงเถอะสนใจมั้ยถ้าโอเคอีกครึ่งชั่วโมงก็ไปพร้อมกูเลย วันศุกร์กูต้องทำงาน" เดรคพูดแล้วลุกจากโซฟาแล้วเดินหายไปในห้องน้ำทันที สิบนาทีเดรคออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีน้ำเงินที่ถูกพันไว้ที่เอวและหยดน้ำที่เกาะตามตัวของมันผมล่ะอิจฉาจริง ๆ ที่ทันดูมาดแมนแฮนด์ซัมขนาดนี้ ส่วนผมนั่นผอมบางจนไอ้แก่นั่นอยากได้ พูดล่ะโมโห
"มึงจะมองอะไรนักหนา รีบ ๆ ไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวก็ไปไม่ทัน"
"กูว่ามึงกล้ามแน่นขึ้นนะ แอบไปฟิตเนสมาป่าว" ผมบอกเดรคแล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำห้านาทีและแต่งตัวอีกห้านาที หลังจากนั้นอีกประมาณสี่นาทีกว่าผมกับไอ้เพื่อนยากก็พากันเดินออกจากบ้านไป ผมถามมันว่ามันมีรถขับทำไมถึงไม่ใช้รถมันบอกว่ารอดูตอนเลิกงานก็รู้เอง ก็เลยไม่ได้ถามต่อเราใช้เวลาเดินมาถึงหน้าร้านประมาณหกนาทีกว่า ๆ ตอนนี้เริ่มมีพนักงานบางส่วนเข้ามาที่ร้านบ้างแล้ว เพราะดูเหมือนว่าอีกแค่ครึ่งชั่วโมงร้านจะเปิดให้ลูกค้าเข้าได้แต่ผมว่าคงยังไม่มีใครมาหรอกในเมื่อตอนนี้มันเพิ่งหกโมงครึ่งเอง ใครจะมากินเหล้ากันตั้งแต่หกโมงครึ่ง
"อ้าว มาแล้วเหรอเดรค" ผู้ชายที่ดูท่าทางใจดีและดูอายุมากกว่าพวกเราเอ่ยทักเดรค พอเห็นมันไปสแกนนิ้วเพื่อเข้างานตรงทางเข้าพนักงาน
"ดีครับพี่เกรย์" พอมันสแกนนิ้วเสร็จก็ยิ้มให้พี่คนนั้นแล้วเอ่ยทักอย่างสนิทสนม แปลกมากไอ้เดรคมันแปลกจริง ๆ ปกติผมแทบไม่เห็นมันยิ้มให้ใครเลยแท้ ๆ
"แล้วนั่นพาใครมาด้วย"
"เพื่อนครับ ผมเห็นพี่โพสต์รับสมัครงานมันเองก็กำลังหางานเลยลองชวนมาทำดู" เดรคตอบเสร็จก็หันมาตบไหล่ผมเบา ๆ
"นี่พี่เกรย์ผู้จัดการร้าน"
"หวัดดีฮะพี่ ผมยิน" ผมยกมือไหว้พี่เกรย์พร้อมกับแนะนำตัวเอง พี่เกรย์ยิ้มรับก่อนจะชวนพวกเราเข้าไปด้านในห้องพักพนักงาน พอเข้าไปข้างในก็จะมีตู้ไว้เก็บข้าวของส่วนตัวของพนักงานเรียงรายอยู่
"พี่ครามไม่มาหรอครับ"
"วันนี้ครามมันเข้าดึกน่ะ"
"แล้วเราอะ เคยทำงานอะไรมาก่อนมั้ย" พี่เกรย์ถามขณะที่เดินนำผมไปนั่งตรงมุมห้องที่มีโต๊ะกับเก้าอี้วางอยู่
"เยอะแยะพี่แต่ไม่มีประสบการณ์ในร้านเหล้าเลย แต่ถ้าเป็นประสบการณ์เกี่ยวเหล้าก็เยอะแยะอีกเหมือนกันฮะ" ผมตอบขำ ๆ ก็นี่เรื่องจริงเลยนะผมเป็นคนชอบแอลกอฮอล์ฝันอยากมีเหล้ายี่ห้อที่ตัวเองวิจัยขึ้นมาบ้าง แต่กับประเทศนี้ก็คงลำบากหน่อยผมเลยเลือกเรียนสาขาปัจจุบัน เพราะคิดว่าคงจะเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว
"งั้นเราเริ่มงานวันนี้ได้เลยมั้ย เดี๋ยวพี่สอนงานให้ดึก ๆ ค่อยไปรู้จักลายคราม"
"ได้ฮะพี่" ผมตอบพี่เกรย์อย่างดีใจ ในที่สุดผมก็มีแหล่งหาเงินแล้ว นึกว่าจะต้องเกาะเดรคกินไปอีกนานซะอีก แล้วลายครามนี่ใครนะผมได้ยินชื่อนี้สองรอบแล้ว
Brew up 16"มีอะไรเหรอครับ" พี่ครามเงยหน้าจากซอกคอก่อนจะมองหน้าผม แล้วถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาที่ดูยังไง ๆ ก็แสดงแน่นอน"ผมต้องกลับไปทำงานนะฮะ ตอนนี้ผมยังเป็นพนักงานอยู่นะหายออกมาแบบนี้เดี๋ยวก็มีคนว่าผมมาจับเจ้าของร้านเหมือนพี่อิ๊งค์หรอก""นั่นสินะ แต่เสียดายจัง" พี่ครามพูดก่อนผละออกจากตัวผมแล้วลุกไปนั่งข้าง ๆ แทนแล้วจึงเอื้อมมือมาช่วยดึงผมลุกจากที่นอน"เสียดายอะไรคนลามก""ก็นาน ๆ เราจะเคลิ้มแบบนี้นี่นา""โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้วไปทำงานดีกว่า" ผมแกล้งโวยวายกลบเกลื่อนความตื่นเต้นและขัดเขินพร้อมกับพาตัวเองรีบออกมาจากห้อง เพื่อไปทำงานของตัวเองต่อแค่หนีออกมานานแบบนี้ก็กลัวคนอื่นว่าจะแย่แล้ว ถ้าถูกคิดว่าออกมาเพื่อทำเรื่องอย่างว่าผมคงไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปไว้ที่ไหนLaiknam's saidวันนี้ผมเลิกงานจากบริษัทช้าเพราะถูกแม่สั่งงานโหดเหมือนโกรธที่ผมเลิกงานเร็ว จึงทำให้เข้าร้านช้ากว่าปกติเวลาเกือบสามทุ่มยินกำลังเริ่มเมา
Brew up 15"รออยู่พอดี" พี่ครามตอบพี่อิ๊งค์แล้วเดินไปรับกุญแจรถมินิคูเปอร์สีครีมมาถือเอาไว้เอง ก่อนจะหันไปมองรถที่จอดอยู่ด้านหลัง"นึกไงจะเปลี่ยนรถ แล้วดันเป็นรถที่ไม่ชอบขับอีก" พี่อิ๊งค์ถามขณะที่ผมและคนอื่น ๆ พากันเดินไปนั่งรอที่ทางเท้า แต่ไม่ไกลมากจึงยังคงได้ยินบทสนทนาของชาวบ้าน และดูเหมือนว่าพวกเราจะสอดรู้สอดเห็นกันเพราะดูตั้งใจฟังกันสุด ๆ เวลาเดียวพวกพี่คนอื่นในร้านก็เริ่มเข้ามา กัปตันที่ดูไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเลยสะกิดพี่อาร์มที่สอดรู้สอดเห็นมาก เพื่อช่วยยกอ่างหมักหมูและเตาย่างขนาดใหญ่ออกมาที่ลานจอดรถ"ไม่ได้เปลี่ยนยังไม่ชอบเหมือนเดิม แต่คนอื่นน่าจะชอบ" พี่อิ๊งค์ทำหน้าสงสัยหลังพี่ครามพูดจบ คนผมสีดำเหลือบน้ำเงินหันกลับมาแล้วตรงมาที่ผมที่กำลังกระดกน้ำแอบฟังอยู่"ให้ผมทำไมอะ" ผมถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงตรงใจเพราะจู่ ๆ ก็จับกุญแจรถยัดใส่มืออีกข้างซึ่งมีฝาขวดอยู่วางเสร็จก็ยิ้มให้"ของขวัญวันเกิดครับ" พอคนสายเปย์เปิดปากพูดผมตกใจจนเกือบสำลักน้ำ เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าซื้อรถราคาเป็นล้
Brew up 14Laiknam's saidช่วงนี้ผมเข้าร้านเร็วเป็นพิเศษเพราะรีบมากินข้าวเย็นที่ร้านกับใครบางคนที่ผมสีชาไทย เดากันถูกใช่ไหมล่ะผมเข้าร้านเร็วจนพนักงานคนอื่นสงสัย แต่ผมไม่ได้ปิดบังอยู่แล้วใจจริงอยากจะประกาศให้คนรู้แต่ถูกเจ้าเด็กหัวส้มห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้มาว่าเกาะผมกิน ถึงผมจะไม่ชอบใจเท่าไรแต่ถ้ายินพอใจแบบนั้นผมก็ไม่อยากจะขัดคิดมากหลังกินข้าวกับหัวสีชาไทยเสร็จผมก็พาตัวเองไปนั่งเกะกะในบาร์ค็อกเทล เพื่อจะได้จับตาดูคนพูดมากที่มักจะทำให้ลูกค้าถูกใจโดยที่ตัวเองไม่ค่อยรู้ตัว อาจจะเพราะด้อยประสบการณ์ด้านนี้ทำให้เจ้าตัวไม่ถูกว่าหน้าตาท่าทาง คำพูดคำจำ และนิสัยช่างพูดเข้าถึงง่ายแบบนั้นจะถูกใจบรรดาลูกค้าที่ชอบผู้ชาย ส่วนใหญ่ผู้ชายและผู้หญิงที่มาเที่ยวที่นี่ก็เพราะเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีทุกคน จนทุกวันนี้ผมนึกว่าร้านตัวเองเป็นบาร์โฮสเพราะไม่มีพนักงานเสิร์ฟหญิงเลยสักตำแหน่ง"พี่คราม ทำไมต้องมานั่งในบาร์ทุกวันด้วยอะพี่" อาร์ต บาร์เทนเดอร์ของร้านถามผมที่นั่งอยู่ริมสุดของบาร์ค็อกเทลถามขึ้น ขณะที
Brew up 13"ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมไม่แต่งกับใครทั้งนั้นแหละ""งั้นพาสิพามาให้แม่ดูเลย""แต่เขายังไม่รับรักผม""งั้นแกก็หมด สิทธิ์แต่งกับคนที่แม่หาให้ซะ" แม่พี่ครามพูดเสียงเข้มก่อนจะหันไปยกเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว ผมได้แต่ยืนเรียงอาหารเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากใด ๆ ออกมาแม้แต่ครึ่งคำ"ผมจะแต่งกับคนที่ผมรักเท่านั้นแหละ แม่ไม่ต้องมาขู่ผมให้ยากเลย" พี่ครามพูดแล้วยกเบียร์ดื่มตามแม่ตัวเองจนหมดแก้ว เหมือนกันจริง ๆ สองคนนี้โมโหแล้วยกหมดแก้ว ทำเอาผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงต่อเลยเพราะคนที่พี่ครามเดาไม่ยากก็คือผม ถ้าแม่พี่ครามรู้เธอจะทำหน้ายังไง จะรู้สึกยังไงที่รู้ว่าลูกตัวเองมาชอบผมที่เป็นผู้ชาย ถึงผมจะมองว่ามันปกติแต่แม่พี่ครามอาจจะไม่คิดแบบนั้นยิ่งเธอมีหน้ามีตาทางสังคม ผมคิดว่าเธอคงรับเรื่องนี้ได้ยากมากแน่ ๆ"ถ้าไม่แต่งแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ลายคราม" ผู้หญิงตรงหน้าพี่ครามยื่นคำขาดแล้วหันมากวักมือเรียกผม พร้อมยื่นแก้วเบียร์แก้วใหญ่มาให้แล้วชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วราวกับต้องการบอกว่