ต่อให้อลันพยายามจะพูดให้ซูมี่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีต่อเธออย่างไร ซูมี่ก็เลือกที่จะไม่ฟัง สรุปง่าย ๆ ก็คือดื้อนั่นเอง
แต่ถือว่าอลันมีความใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่มากพอที่สามารถแยกแยะระหว่างเรื่องความรู้สึกกับเรื่องที่ต้องดูแลน้องสาวจอมดื้อออกจากกันได้ เขาขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน ระหว่างเดินทางบรรยากาศในรถยิ่งกว่าป่าช้า หากมีเสียงหมาหอนแทรกขึ้นมาน่าจะอุ่นใจกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
@ บ้านครอบครัวตระกูลหลิน
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านซูมี่ คุณแม่ของซูมี่ก็ออกมารับลูกสาวกลอยใจเข้าบ้าน อลันยกมือไหว้สวัสดีคุณอาเพียงขวัญที่ไม่ได้เจอกันนาน เธอได้พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยกับอลันก่อนจะเชิญเข้าไปนั่งพักในบ้าน แต่อลันขอปฏิเสธอย่างสุภาพเพราะดึกแล้วจึงไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัวซูมี่ เขาจึงกล่าวลาและขอตัว ทว่าก่อนเดินกลับไปขึ้นรถคุณเพียงขวัญบอกลูกสาวตัวแสบให้ไปส่งพี่ชายที่หน้าบ้านก่อน
ซูมี่ทำตามคำสั่งคุณแม่ เธอเดินตามหลังอลันมาติด ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยสักคำ จนอลันรู้สึกว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว จึงเอ่ยพูดเล็กน้อยเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น
“พี่กลับก่อนนะ เดินเข้าบ้านดี ๆล่ะ”
หมับ!
ยังไม่ทันที่จะได้หมุนตัวเปิดประตูรถ จู่ ๆ ซูมี่ก็โผเข้ากอดอลันโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ถูกสวมกอดเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะดึงตัวเธอออกจากตัวเขา
“ซูมี่! รู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่” อลันเสียงเข้มใส่เพื่อเรียกสติ
“รู้ค่ะ ก็กอดบอกลาพี่อลันไงคะ” ซูมี่เอียงคอตอบคำถามอลันด้วยสีหน้านิ่ง
“เราจะมากอดพี่แบบนี้ไม่ได้”
“ในเมื่อเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงกอดไม่ได้เหรอคะ”
“แต่เราไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะมากอดผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน แถมพี่กับเราก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ด้วย”
คำพูดของอลันทำให้ซูมี่ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเข้าล็อกสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ในหัว
“นั่นสิคะ ในเมื่อเราไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ โอกาสที่ซูมี่จะเป็นได้มากกว่าน้องสาวของพี่อลันก็พอมีอยู่เนอะ”
ซูมี่ทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่อลัน จนเขาถึงกับถอนหายใจแรง พลางหลับตาประมาณสามวินาที แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“จะเป็นแฟนพี่ให้ได้เลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
อลันก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษ เขาพยักหน้าก่อนที่จะเอ่ยคำพูดกับซูมี่เพิ่ม
“ซูมี่ไปอาบน้ำแล้วรีบเข้านอนนะ ยังมีเวลาเยอะอยู่”
“ไม่เข้าใจ คืออะไรคะพี่อลัน”
แม้จะอาศัยอยู่ไทยมาตั้งแต่เด็ก แต่คำพูดของอลันเมื่อฟังก็ไม่สามารถจับใจความได้เลย
“จะได้มีเวลาฝันยาว ๆ ไง”
ใจความของอลันคือ ไล่ให้ซูมี่ไปนอนฝันว่าเป็นแฟนกับเขาก่อน เพราะสิ่งที่เธอหวังจากเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้จักกับเธอตั้งแต่เล็ก จนมาเจออีกทีตอนโตเป็นสาว เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกเกินเลยที่คิดกับเธอเกินกว่าคำว่าน้องสาวสักครั้ง แต่อลันก็รู้ดีว่าตัวเองก็ผิดที่ไปให้คำมั่นสัญญาแบบนั้นกับซูมี่ จนตอนนี้มันถึงเป็นเรื่องบานปลายมั่วซั่วไปหมด ตอนนี้หวังแค่ว่าสิ่งที่เขาพูดไป อาจจะช่วยดึงสติเธอได้ ทั้งที่ในใจชายหนุ่มไม่อยากจะใช้คำพูดแรง ๆ แบบนี้เลย
“แล้วอยากไปนอนฝันด้วยกันไหมคะ”
ซูมี่ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของอลัน ทว่ายังกล้าหยอกล้อด้วยคำพูดที่ ดูสองแง่สองง่ามกับเขาอีก
“ซูมี่! เป็นผู้หญิงห้ามพูดแบบนี้กับผู้ชาย”
“ทำไมถึงพูดไม่ได้คะ”
“มันจะเป็นภัยต่อตัวเอง ผู้ชายไม่ได้ดีทุกคนนะ”
“ถูกค่ะ ซึ่งพี่อลันไม่ใช่คนจำพวกนั้นไงคะ”
“เฮ้อพี่จะทำอย่างไรกับเราดี นี่พี่ก็ปาไป 32 แล้ว แก่ก็แก่ แถมไม่มีเวลามาดูแลเราตลอดเวลาหรอก แทนที่ซูมี่จะไปคบกับคนวัยเดียวกันหรือคนที่เด็กกว่านั้น มันไม่ดีกว่าเหรอไง”
“โทษทีค่ะ พอดีไม่ชอบพรากผู้เยาว์ ชอบพรากผู้ใหญ่”
“หลิน ซูมี่!”
“เรียกแบบนี้ไม่ชอบเลยค่ะ เรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอคะ ไหนพี่อลันลองเรียกซูมี่ว่า เป่าเป้ย สิคะ”
อลันไม่พูดตามเธอ เพราะรู้ทันว่าซูมี่กำลังหลอกให้เขาเรียกเธอว่าที่รัก ถึงแม้อลันจะคืนภาษาจีนให้เหล่าซรือที่สอนไปบ้าง แต่ก็ยังมีเศษเสี้ยวคลังศัพท์ที่ พอฟังออกอยู่ เขาส่ายหน้าไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับเธอแล้ว หนึ่งรู้สึกพลังงานใกล้จะหมด สองเห็นว่าดึกแล้วควรแยกย้ายกันไปพักผ่อน ชายหนุ่มจึงหมุนตัวเปิดประตูรถแล้วรีบสตาร์ทเครื่องทันที
มุมมองของอลัน ☻
“อ้าว พี่อลันจะไปแล้วเหรอคะ” ยัยเด็กดื้อเมื่อไหร่จะเลิกกวนผมสักทีนะ ไม่รู้แล้วผมขับหนีออกจากที่นี่ไปเลยดีกว่า
“จะไปแล้ว คนแถวนี้จะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียที”
ผมคิดมาตลอดว่าซูมี่จะโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่ใสซื่อ พูดจาอ่อนหวาน เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ แต่ไหงเธอกลายเป็นแบบนี้เสียได้ เพราะเลือกคบเพื่อนหรือเพราะอะไรไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ผมไม่น่าไปให้สัญญาบ้าบออะไรแบบนั้นเลย กลายเป็นไปให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับเธอ อันที่จริงผมมีของฝากตั้งใจให้เธอ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยนะ แต่เจอสถานการณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ขอหยุดความคิดที่จะให้ไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเธอจะคิดไปไกลอีก
จากการประชุมครั้งล่าสุดที่ผมได้เข้า ผลการตอบรับจากคณะกรรมการ ที่ถือหุ้นไปในทิศทางที่ดีและเห็นตรงกัน สำนักข่าวต่าง ๆ คาดเดาหัวข้อที่จะคุยกันถูกอย่างกับตาเห็น ใช่ครับ...มันคือการประชุมแต่งตั้งว่าที่ CEO คนใหม่ของบริษัท หนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อก็คือผม และจากการโหวตลงคะแนนโดยผู้ถือหุ้น ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าผมสมควรจะได้รับตำแหน่งนี้ มันดูน่าภูมิใจว่าไหมครับ แต่สำหรับผมแล้วมันต้องกดดันมากแน่ ๆ ทุกคนจะคาดหวังกับผมขนาดไหน หากผมทำงานไม่ได้อย่างที่คุณพ่อทำไว้ล่ะ
ตื๊ด...ตื๊ด...
เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น สายคุ้นเคยที่ได้คุยกันช่วงเย็นโทรกลับมา เพื่อนสนิทตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย...ไอ้ธีร์
“มึงถึงบ้านยัง” ธีร์เอ่ยถาม
“มึงถามอย่างกับเป็นแม่กูเลยนะ”
“ไม่อยากให้เหมือนแม่ งั้นคิดเสียว่ากูเป็นเมียมึงก็ได้”
“ขนลุก มึงเลิกพูดอะไรทำนองนี้ก่อน กูปวดหัว”
เรื่องผู้หญิง เรื่องภรรยา เรื่องความรัก หรืออะไรทำนองนี้ ผมไม่อยากที่ จะฟังคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลย ในตอนนี้อยากพักสมองก่อน
“เฮ้ย ๆ แสดงว่าเรื่องเมื่อตอนเย็นต้องเกี่ยวกับปัญหาหัวใจของคุณอลัน แน่เลยใช่ไหมครับ ถึงได้รีบร้อนขอให้ผมช่วยขอกำลังจากป๋าผม”
“ไม่ใช่หัวจงหัวใจอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องที่ไอ้พวกผู้ชายสารเลวทำเรื่องชั่ว กับน้องสาวกู”
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อน ถ้ากูเข้าใจไม่ผิดมึงลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอวะ” เป็นไงล่ะเพื่อนผมแม่งรู้มาก
“ครับคุณธีร์ เปลี่ยนหัวข้อเถอะ”
“แน่ะมาให้กูอยากรู้ แล้วจะจากไปเฉย ๆ เหรอ เล่ามา”
“พอเล่าไปมึงก็เอาไปบอกไอ้เต้กับไอ้ฟินน์อีก”
“กูสัญญา กูจะรูดซิปปากอย่างดี” ผมจะเชื่อมันได้ไหม แต่เอาเถอะเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี
ผมเริ่มเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เดินทางออกจากโรงแรมเพื่อไปทานอาหาร ต่อด้วยเหตุการณ์ภายในร้านที่เห็นพวกมันทำแบบนั้นกับเธอ จนต้องรีบโทรหาธีร์เพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่แถวนั้นป๋าของธีร์เป็นผู้กำกับสน.เขตพอดี กลุ่มตำรวจเลยมาถึงที่ได้ทันเวลา ไม่งั้นผมคงต้องปะทะกับพวกนั้นสักตั้ง จะว่าไปผมก็แอบอยากจะดุซูมี่เหมือนกันว่าไม่ควรใส่กระโปรงสั้นแบบนี้ตั้งแต่เจอที่โรงแรมสมัยนี้แค่คนเดินผ่านกันก็ไม่น่าไว้ใจสักคนแล้ว
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่น้องที่ว่า...ใช่น้องที่มึงเคยรีบออกไปรับที่โรงเรียนตอนอยู่มหาลัยใช่เปล่าวะ”
“ใช่”
“แม่งสุดจริงพี่อลัน...ดูแลเธอตั้งแต่ 8 ขวบจนถึงตอนนี้เลยเหรอ เป็นพี่น้องแบบใดอะ ทำไมดูสำคัญจัง”
ไอ้ธีร์...ถามมากจัง
“ก็น้องเนี่ยแหละ น้องนุ่งอะเข้าใจไหม”
“แล้วถ้าน้องไม่นุ่งอะ”
“ไอ้....ธีร์”
มันชักจะกวนอวัยวะเบื้องล่างกับผมแล้ว เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่อยากเล่าอะไรให้มันฟัง
“แหย่เล่นน่า แต่มึงจำคำพูดตัวเองให้ดี ระวังสักวันจะกลืนน้ำลายตัวเอง”
“เหอะ คงต้องให้แม่ไก่ออกลูกเป็นตัวก่อน”
ไม่มีวันนั้นหรอก...ไม่มีวัน
1 เดือนต่อมา @ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น.“นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เชิญเข้าหอประชุมเลยครับ” ประธานสโมสรนักศึกษาประกาศเสียงผ่านโทรโข่งเพื่อกวาดต้อนนักศึกษาแต่ละคณะเข้าหอประชุมเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาวันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวนมหาศาลจากต่างคณะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้นัดหมาย ยังไม่นับรวมญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้คนหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงมด หากจะติดต่อหากันคงต้องบอกที่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นคงพลัดหลงกันแน่ “ยัยมี่ทางนี้” ต้นข้าวชูมือขึ้นสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเอามือถือแนบที่หูพลางกวาดสายตามองหาพวกเธอเมื่อซูมี่เห็นเป้าหมายจึงรีบเดินเบียดเสียดคนเข้าไปหาเพื่อนสาว “หวัดดีพวกแก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” “จริง มาเข้าใจรุ่นพี่ปีก่อนก็ตอนนี้แหละเนอะมีมี่” ต้นรักเอ่ย“พวกเราเข้าไปห้องพิธีข้างในกันเถอะ ตรงนี้คนมันแน่นฉันหายใจไม่ออกแล้ว” ต้นข้าวเอ่ยชวน สามสาวเดินตามกันเข้าไปในห้องประชุมด้วยความทุลักทุเลกับชุดครุยที่ลากยาวติดพื้น ไหนจะรองเรื่องรองเท้าคัทชูที่สวมใส่กัดอีก ท
1 เดือนต่อมา@ คณะบริหารธุรกิจ“เย้! โปรเจคผ่านสักทีเว้ย!” แฝดสาวผู้พี่กระโดดโลดเต้นดีใจ“ดีใจเกินเหตุข้าว อย่าลืมสิว่ามีสอบอีกชุดใหญ่ไฟกะพริบ”แฝดผู้น้องย้ำเตือนเธอว่ายังเหลือโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต ถ้าสอบไม่ผ่านก็เตรียมแหกโค้งปลิดชีพเรียนไม่จบไปได้เลย“เออว่ะ อย่าพูดสิฉันเศร้า” ต้นข้าวเสียงหงอยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่อยู่เหนือความเครียดและความกังวลใด ๆเพราะโลกของเธอช่างสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์“คงจะมียัยมี่คนเดียวที่เบิกบานใจ” ต้นข้าวถึงกับหยิบปากกาขว้างไปที่หัวเหม่งของคนที่ถูกกล่าวถึง“โอ๊ย!ยัยข้าวเจ็บ” หญิงสาวที่โดนขว้างปากกาใส่หัวหันมาเรียกชื่อเพื่อนสาวฝาแฝด“มีความสุขเหลือเกินแม่สาวหมวย พอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็เทเพื่อนเลยนะยะ” ต้นข้าวเอ่ยเชิงน้อยใจ“ฉันทิ้งพวกยูตรงไหน มา ๆ วันนี้มีแพลนไปไหนกัน ฉันไปด้วย”ซูมี่เอ่ยถามสองแฝดว่าวันนี้มีที่ไหนอยากไป เธอพร้อมจะไปด้วยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช่วงนี้อยู่กับพวกเธอน้อยกว่าเดิม“ชิ ถ้าฉันบอกว่าอยากไปดื่มเหล้า แกจะไปกับพวกฉันเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าซูมี่คงไม่ไปด้วยแน่“ไปสิ ดื่มเหล้านี่ของชอบเลย” หญิงสาว
3 สัปดาห์ต่อมาความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวเริ่มสุกงอม หลายสัปดาห์ก่อนเขาและเธอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสถานะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนอลันตัดสินใจเปิดตัวซูมี่ต่อครอบครัวเขาและเธออย่างเป็นทางการโดยเชิญพวกท่านมาเป็นสักขีพยานช่วงทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม HTND ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขาและเธอต่างพากันตกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าพวกท่านก็ไม่ได้ขัดที่ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันพร้อมทั้งเอ่ยปากร่วมแสดงความยินดีไปในตัว ถือว่าทั้งคู่โชคดีที่ครอบครัวเปิดไฟเขียวให้คบหาดูใจกันได้ตามสะดวก ทางครอบครัวซูมี่ยังเอ่ยฝากฝังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกับอลันไว้ด้วย ซึ่งเขารับปากสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีในวันนี้อลันขออนุญาตทางผู้ปกครองของซูมี่พาเธอไปเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าชวนไปออกเดต หากเป็นคู่รักคู่อื่น ๆ คงจะพาไปดูหนัง กินข้าว ร้องคาราโอเกะ เดินเล่นในสวน แต่สำหรับพวกเขาซึ่งตัวติดกันอย่างกับหมากฝรั่ง สถานที่ที่เขาเดตกันก็มีเพียงที่เดียวที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนั่นคือ คอนโดของชายหนุ่ม@ คอนโดของอลันเมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ววางสัมภาระไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ไม่ทันไรผู้ชายคลั่งรักก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดแฟนสาวจา
@ คอนโดของอลันเวลา 08.30 น.กริ๊งงงง!เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งเอาไว้โดยซูมี่ดังขึ้น เธอเอื้อมมือสุดแขนไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเพื่อปิดมันก่อนจะดันตัวเองจากเตียงแล้วลุกนั่งตัวตรงในสภาพที่ยังไม่ลืมตาตื่น“อยากนอนต่อจัง…ไม่ได้สิ เราอยู่คอนโดพี่อลันนี่นา”ซูมี่สะดุ้งตัวฟื้นคืนสติว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ทว่ายังอยู่ที่คอนโดผู้ชายที่เธอน่าจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่า…แฟนหนุ่มหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพับผ้าห่มอย่างประณีตตามหลักสูตรวิชาการโรงแรมที่เรียนมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูทักทายยามเช้ากับชายหนุ่ม“อรุณสวัสดิ์ค่าพี่อลัน เอ…ยังไม่ตื่นเหรอ”ซูมี่กวาดตามองทั่วทิศเพื่อหาผู้ชายร่างสูง และพบว่าเป้าหมายยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอค่อย ๆ ย่องฝีเท้าให้เบาประดุจดังขนนกมาหยุดอยู่ที่โซฟาก่อนจะย่อตัวลงเอามือชันเข่าพลางโน้มตัวจ้องมองใบหน้าของอลัน“คนอะไร ขนาดหลับยังหล่อเลย”เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กเอื้อมไปปัดปอยผมข้างหน้าของอลันที่บังตาไว้เพื่อจะได้เห็นความหล่อของแฟนตัวเองชัด ๆหมับ!ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมเต็มอิ่ม จู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกจับโดยผู้ชายที่นอนอยู่ แถมเขายังดึงร่างเธอใ
สามปีก่อน (สมัยซูมี่อยู่ปี 1 และซิงอีอยู่ ม.6) @ บ้านตระกูลหลินเวลา 19.00 น.“กลับมาแล้วค่ะ / ครับ” เสียงเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายและสาววัยมหาวิทยาลัยแจ้งคนในบ้านให้ทราบว่าพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย“วันนี้เป็นไงกันบ้างเด็ก ๆ ” คุณเพียงขวัญเอ่ยถามลูกรักทั้งสอง “เหนื่อยครับคุณแม่ ผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ” ซิงอีพูดจบก็รีบขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองทันที“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่หลังแต่ลูกชายไม่ตอบกลับอะไรเลย “เดี๋ยวซูมี่ไปดูน้องเองค่ะคุณแม่” ซูมี่รีบเดินขึ้นบันไดตามน้องชายตัวเองไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพลางเคาะประตูขออนุญาตเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือซิงอีล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย “ซิงอี ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน เชื้อโรคมันจะสะสม” “ไม่ไหวแล้วซูมี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวมีนัดเล่นเกมตอนดึกกับเพื่อนต่อ” แปะ! พี่สาวตีไปที่หลังน้องชายเสียงดังแปะในขณะที่เขานอนคว่ำหน้าอยู่“โอ๊ย! พี่ทำไรเนี่ย” จนเขาต้องหันหน้ามาคุยกับเธอ “หมั่นไส้ ห่วงเล่นเกมอยู่ได้ หนังสืออ่านมั่งไหม ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ” “เออผมรู้แ
@ WithUs Café and Restaurantแอ๊ด...ประตูถูกเปิดอีกครั้งหลังจากสามสิบนาทีก่อนหน้าถูกปิดลง หญิงสาวที่นั่งรอใครบางคนหันไปในทิศทางที่ประตูเปิดออกแล้วเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา“ดีใจจัง พี่อลันกลับมาแล้ว”ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่เข้ามาสวมกอดผู้หญิงตรงหน้า“พี่คิดถึงเราจัง”เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้จึงดันตัวเขาออกทันที คนที่สวมกอดถึงกับทำหน้างง“ถามจริง นี่ใช่พี่อลันตัวจริงหรือเปล่าคะ” ซูมี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย“ซูมี่…เราพูดอย่างกับพี่มีฝาแฝดอีกคนไปได้” คำตอบของเขาจะสื่อว่าไม่มีใครจะตัวจริงไปกว่านี้อีกแล้ว“ปกติพี่อลันไม่เคยทำตัวแบบนี้นี่นา ซูมี่แตะทีหรือกอดทีตะโกนโหวกเหวกตกใจทุกทีเลย”“มันเมื่อก่อนไหม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ”“ก็เราเป็นแฟนของพี่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”อลันกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น แถมยังพูดคำที่ซูมี่โคตรจะแพ้ใส่ไปในประโยคด้วย“ถ้าบอกยกเลิกตอนนี้ทันไหมคะ” ซูมี่ลองแกล้งพูดอำอลันเชิงขำขัน ทว่าเขาดันไม่รู้สึกขำด้วย“ลองดูสิ” อลันให้คำตอบสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วให้“ได้ใช่ม้า”“เราก็ลองดูสิ แล้วเดี๋ยวก็รู้ว่าพี่จะทำยังไงต่อกับเรา”อลันไม่
อลันคิ้วขมวดมองซูมี่ แววตาเขาแข็งกระด้าง เสียงลมหายใจที่เข้าออกทางจมูกแลดูติดขัด ริมฝีปากเม้มสนิทเหมือนข่มอารมณ์ไม่พอใจบางอย่างอยู่“ค่ะ เสียใจที่ไม่ใช่แฟนของซูมี่มายืนรออยู่ตรงนี้”“ให้พี่ไปเรียกเขาให้ไหมล่ะ”“ก็ดีนะคะ รบกวนด้วยค่ะ”เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น ตัวเขาที่ถูกพูดประชดยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเริ่มกัดปากตัวเองพลางพยักหน้า“ดูรักกันมากเลยเนอะ”“ใช่ค่ะ รักมากอยากอยู่ใกล้เขาแทบบ้าเลย ขอตัวนะคะแฟนซูมี่คงจะรอดูหนังด้วยกันแย่แล้ว”ซูมี่เอ่ยบอกลาอลันแล้วเดินสวนทางกับเขาเพื่อกลับไปที่ห้องหมับ!ทว่ายังเดินไม่พ้นจากบริเวณนั้น ก็ถูกผู้ชายที่พึ่งสนทนากันเมื่อสักครู่จับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ไม่ให้เดินไปไหนต่อ“ปล่อยค่ะ”“จับนิดจับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ เมื่อก่อนอยากใกล้ชิดพี่แทบตายนี่”“เรื่องอดีตซูมี่ไม่เก็บเอามาคิดหรอกค่ะ พี่อลันควรอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะเข้าใจผิด”“ก็ดี ปล่อยให้เข้าใจแบบนี้แหละ” ซูมี่ส่ายหน้าให้อลันและพยายามปัดมือเขาออกจากแขนเธอให้ได้ “เลิกเล่นแบบเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่อลัน ซูมี่เหนื่อยที่จะพูดกับพี่แล้ว”อลันเผยยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอสื่อว
@ WithUs Café and Restaurant“พอใจยังคีย์” ซูมี่หันไปถามคีย์ที่นั่งข้างกัน เธอยื่นมือถือให้ดูรูปคู่ที่ถ่ายแล้วลงโพสต์แคปชันเปิดตัวแฟน“ดีมากซูมี่”“แล้วรักษาสัญญาเรื่องของซิงอีด้วยล่ะ”“ได้เลย ไม่มีปัญหา”พูดจบนายคีย์ก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้ซูมี่ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาใกล้ชิดกับเธอ หญิงสาวพยายามเอี้ยวตัวหลบ“คีย์ใกล้ไปแล้ว เขยิบออกไปเดี๋ยวนี้” ซูมี่ดันตัวเขาให้ห่าง “ทำไมต้องหนี ซูมี่เป็นแฟนเราแล้ว”“มัน…เร็วไปไหม เราพึ่งรู้จักกันเองนะ”เธอตอบรับตกลงก็จริง แต่ทำไปเพื่อปกป้องน้องชายตัวเองจากอันตรายเท่านั้น ในเรื่องของความรู้สึกกับผู้ชายคนนี้ไม่มีเลยแม้แต่น้อย“ก็เราอยากอยู่ใกล้ซูมี่นี่ แถม…ตัวซูมี่ยังหอมด้วย”คีย์ยื่นจมูกมาดอมดมตัวเธอ ดีที่ซูมี่ไหวตัวทันไม่เช่นนั้นแก้มของเธอคงชนกับจมูกของเขาแล้ว“ถ้าคีย์ยังทำแบบนี้ เราจะกลับบ้านแล้วนะ”“ก็ได้ไม่ทำแล้ว อยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะครับ” เขาหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็ยอมเพราะอยากให้เธออยู่ด้วย“ได้ ดูจบแล้วเราขอกลับบ้านนะ”“ได้เลย”ทั้งคู่เดินไปนั่งที่โซฟาพลางเปิดทีวีเลือกหนังดู คีย์ถามซูมี่ว่าจะดูเรื่องนี้กันไหมน่าดูเป็นหนังรัก เมื่อหญิงสาวหันไปมองตามที่ค
“คงไม่มีวันนั้นค่ะ”ซูมี่ยังยืนกรานในจุดยืนของตัวเองว่าเธอเลิกชอบอลันแล้ว“ไม่มีเหรอ” อลันทวนถามซูมี่อีกครั้ง“ค่ะ”“ไหนลองบอกพี่หน่อย เพราะอะไรเราถึงเลิกชอบพี่”อลันมองจ้องซูมี่แบบไม่ละสายตาเพื่อเค้นถามเหตุผลที่เลิกชอบเขา“พี่อลันให้ซูมี่อยู่ในฐานะน้องสาวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอคะ มันก็ถึงเวลาแล้วที่ซูมี่จะถอยแล้วเปิดใจให้คนอื่นบ้าง” “นั่นมันตอนนั้น...ไม่ใช่ตอนนี้” อลันรู้ตัวดีว่าเป็นคนพูดคำนั้นออกจากปากเอง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เป็นในเมื่อก่อน ในตอนนี้เขาไม่ต้องการแบบนั้น“หมายความว่ายังไงคะ” ซูมี่เลิกคิ้วไม่เข้าใจที่อลันพูด“ก็พี่...”ตืด ตืดเสียงจากมือถือเจ้ากรรมดันมาขัดจังหวะเสียได้ ซูมี่ใช้จังหวะนั้นรีบลุกขึ้นจากตักอลันเพื่อรับสาย“สวัสดีค่ะ”หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าใครโทรมาเพราะหน้าจอขึ้นแต่เพียงหมายเลข“สวัสดีซูมี่ จำเราได้หรือเปล่า...คีย์ไง”เมื่อปลายสายเอ่ยชื่อทักทาย ซูมี่ถึงกับตกใจแต่ก็พยายามนิ่งให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้เธออยู่กับอลันจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้“จำได้ ได้เบอร์มาจากไหน” เธอยังเลี่ยงใช้สรรพนามที่บ่งบอกเพศสภาพที่คุยกันอยู่“เอาเป็นว่าหามาได้...และไม่ใช่จากซิ