Share

แค่พี่น้อง

last update Last Updated: 2025-01-04 22:03:31

3 วันผ่านไป...

@ ห้องเรียน ตึกคณะบริหารธุรกิจ

ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น จนถึงตอนนี้ซูมี่กับอลันก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หญิงสาวเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างตึกเรียนเหมือนกำลังคิดทบทวนในสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดว่ามันได้ผลดีหรือผลเสียกันแน่ การที่เธอมาทวงสัญญาตามที่ให้ไว้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย หากคิดในมุมของซูมี่ก็เพราะอลันให้คำสัญญาไม่ใช่หรอกเหรอจึงกลายเป็นการสร้างความหวังให้กับเธอเช่นนี้ ตั้ง 12 ปีเชียวนะที่ผู้หญิงคนหนึ่งรอผู้ชายคนนั้นอย่างไม่รู้จุดหมาย เธอไม่ยอมเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาศึกษาดูใจเลยสักคน เพราะเธอรอแค่เขาเท่านั้น...

“สะกิดมันหน่อยยัยรัก วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วมั้ง” ต้นข้าวบอกน้องสาวฝาแฝดของตัวเองให้สะกิดเรียกซูมี่ที่นั่งข้างกัน

“มีมี่เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นนั่งเหม่อมาเป็นชั่วโมงแล้ว” ต้นรักหันไปถาม

“ไม่มีอะไรต้นรัก ซูมี่แค่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ซูมี่หันมายิ้มให้เพื่อนสนิทตัวเอง

“ไอ้ที่ว่าเรื่อยเปื่อยมีเรื่องของผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยไหม” ต้นข้าวเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยท่าทีสงสัย

“มีบ้าง แต่ไม่มาก”

“โกหก!”

ฝาแฝดส่งเสียงพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกหล่อนเป็นเพื่อนเธอมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้นิสัยเป็นยังไง เห็นซูมี่ดูเป็นคนใจกล้าตัดสินใจทำอะไรในได้ทุกเรื่อง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเธอก็มีมุมอ่อนไหวเหมือนกัน ซึมทียิ่งกว่าลูกแมวหงอยอีก

“รู้ว่าเป็นฝาแฝดกัน แต่ไม่ต้องทำอะไรเหมือนกันไปหมดก็ได้” ซูมี่พูดกวนใส่เพื่อนสาว

“ไหนเล่าอาการมันเป็นยังไงคะซิส” ต้นข้าวเริ่มถามปัญหาที่เกิดขึ้น

ซูมี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องราวที่ไปฝ่าฟันมาทีละฉาก จนเล่ามาถึงตอนที่เธอบอกว่าอลันคือคนของใจ ต้นรักถึงกับส่งเสียงกรี๊ดออกมา

“กรี๊ด! โรแมนติกที่สุด ขอจดมุกนี้ไว้จีบผู้ก่อน” ต้นรักหยิบมือถือขึ้นมาโน้ตข้อความ ต้นข้าวได้แต่ส่ายหน้าเพลียใจก่อนจะเอ่ยถามซูมี่ต่อ

“แล้วไงต่อ จบแค่นั้นเหรอ”

“ถ้าเล่าต่อพวกแกจะว่าฉันบ้าไหม”

“มาขนาดนี้แล้วยัยมี่พูดมาเถอะ”

“พี่อลันก็พาฉันไปส่งที่บ้าน ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับฉันก็เดินไปส่งเขาที่หน้าบ้าน จากนั้นฉันก็...”

“ก็...” ฝาแฝดฟังอย่างตั้งใจว่าเพื่อนตัวเองจะพูดอะไรต่อ

“กระโดดกอดเขา” ซูมี่ยิ้มแหย ๆ ทำนองเขินที่เล่าให้เพื่อนฟัง

“กรี๊ดดด!” ต้นรักกรี๊ดรอบที่สองแถมเสียงดังกว่าเดิม จนเพื่อนในห้องกลุ่มอื่นถึงกับต้องหันมามอง

“ยัยรัก! เบา ๆ” ต้นข้าวต้องเอื้อมมือไปปิดปากและหันไปบอกทุกคนว่าไม่มีอะไรในกอไผ่

“นั่นล่ะ แล้วเขาก็เทศน์ฉันมายาวเหยียดว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้กับผู้ชาย ทำไมฉันไม่ไปชอบคนวัยเดียวกัน ไล่ให้ไปเป็นแฟนกับเขาในฝันก่อนบลา ๆ”

ซูมี่เล่าหมดเปลือกให้เห็นภาพ จู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็เริ่มไหลออกจากนัยน์ตาดำสีนิลแบบไม่รู้สาเหตุ หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนสาวพลางใช้มือเช็ดน้ำตาไปด้วย เมื่อสองแฝดเห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินเข้ามาโอบกอดประกบตัวซูมี่คนละข้างทันที

“ร้องออกมาให้พอ ฉันรู้ว่าแกเก่ง” ต้นข้าวปลอบใจซูมี่ในฉบับของตัวเอง ในขณะที่ต้นรักก็ทำแบบเดียวกัน

“ไม่เป็นไรนะมีมี่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ต้นรักเชื่อว่ามันจะคุ้มค่า กับการที่มีมี่รอคอยมาตลอด 12 ปี”

“ยัยรักเลิกพูดจาเพ้อฝันใส่เพื่อนสักทีเถอะ” ต้นข้าวเริ่มหงุดหงิดกับการเป็นไลฟ์โค้ชของต้นรัก

“ข้าว แกอาจจะมองว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่สวยงาม แต่มันก็ไม่ได้แย่ที่จะลองชอบหรือรักใครสักคนเพื่อรู้รสชาติของชีวิตในมุมอื่นว่ามันดีแค่ไหน สักวันถ้าแกมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต แกจะเข้าใจที่ฉันพูดนะข้าว” ต้นรักหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกับแฝดผู้พี่

“หยุดพร่ำสอนฉันก่อน แล้วหันไปดูยัยมี่” ต้นข้าวชี้ไปที่ซูมี่ที่กำลังมองทั้งคู่เถียงกันตาแป๋วก่อนจะหลุดขำออกมา

“ฮ่า ๆ พวกแกเถียงกันทีไรตลกทุกที ฉันโอเคแล้วขอบใจพวกแกนะ”

ซูมี่ฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนฝาแฝดก่อนที่จะพูดบางอย่างต่อ

“เอาล่ะ เรื่องนี้ฉันจะสู้ให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ มีผู้ชายตั้งหลายคนที่ชอบฉัน กับแค่ผู้ชายคนเดียวทำไมฉันจะเปลี่ยนใจเขาให้ชอบไม่ได้!”

“มีมี่สู้เขา!” ต้นรักส่งเสียงเชียร์ให้กับซูมี่ ในขณะที่ต้นข้าวก็พยักหน้า เอาตามที่สบายใจและจะไม่ขัดเพื่อนแล้ว

“เย็นนี้ฉันจะไปดักรอเขาที่ออฟฟิศ เดี๋ยวพอสี่โมงเย็นปุ๊บฉันจะแว้น พี่วินไปหาพี่อลันปั๊บ”

ซูมี่บอกกล่าวเพื่อนของเธอเอาไว้ พร้อมจะลุยให้สุดทางไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

@ HTND Hotel, Bangkok

เวลา 17.00 น.

เวลายามเย็นที่ผู้คนเดินพลุกพล่านไปทั่ว ท้องถนนเต็มไปด้วยรถติดกันยาวดังขบวนรถไฟ ช่วงเวลาแห่งการกลับบ้านไปหาครอบครัว คนรัก หรือเอนกายพักผ่อนจากการทำงานทั้งวัน

แต่ ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ออฟฟิศ โรงแรม HTND สาขาใหญ่ ยังมีผู้คนเข้าออกหนาแน่นในทุกช่วงเวลา พนักงานบริการส่วนใหญ่ทำงานหมุนเวียนกันเป็นกะ ยกเว้นในบางตำแหน่งที่ดูคล้ายคลึงกับพนักงานบริษัทรวมถึงพนักงานระดับผู้บริหาร

หญิงสาวหน้าหมวยเดินขึ้นชั้นบนมาหยุดอยู่ยังหน้าห้องหนึ่ง ห้องที่เคยได้เข้ามานั่งรอผู้ชายคนหนึ่งในระหว่างประชุม ครั้งนี้เธอพกความมั่นใจมาเต็มร้อยเพื่อจะเอาชนะใจผู้ชายคนนี้ให้ได้

ก๊อก ๆ

“เชิญครับ” เสียงเอ่ยจากผู้ชายภายในห้องกล่าวเชื้อเชิญให้คนที่ เคาะประตูเข้ามาภายในได้

“หนีห่าว คิดถึงซูมี่ไหมคะ” ซูมี่เปิดประตูมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่คนที่เรียกเชิญทำท่าทางตกใจเล็กน้อย แล้วพลางก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนจะเอ่ยบางอย่างกับคนที่เดินเข้ามา

“เลิกเรียนแล้วทำไมเรายังไม่กลับบ้านอีก”

“ก็ยังไม่อยากกลับนี่คะ”

“ดื้อจังนะเรา มืดค่ำยิ่งอันตราย”

“ตราบใดที่ซูมี่อยู่กับพี่อลันไม่มีอันตรายแน่นอนค่ะ” ซูมี่เดินเข้ามาหาอลันที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะยักคิ้วปนยิ้มมุมปากเล็กน้อย

อลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน แล้วเดินอ้อมโต๊ะมายังด้านหน้าก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างเท้าโต๊ะเพื่อกักขังร่างเล็กเอาไว้ พร้อมโน้มตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าทั้งคู่ใกล้ชิดกันเพียงครึ่งไม้บรรทัด

“แล้วซูมี่รู้ได้ไงว่าพี่ไม่อันตราย...”

อลันถามพลางจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาคู่สีนิลเพื่อรอฟังคำตอบจากเจ้าตัว สีหน้าของเขาดูจริงจังราวกับกำลังอยู่ในมาดหนุ่มแบดบอยในละครหลังข่าว

ตึก ตึก ตึก...เสียงเต้นของหัวใจของใครคนหนึ่งดังขึ้นไม่เป็นจังหวะ

“ก...ก็พี่อลันเป็นพี่ซูมี่ แล้วคนเป็นพี่น้องกันจะทำร้ายกันได้ยังไง”

คำพูดของซูมี่ทำให้อลันที่ทำสีหน้าจริงจังอยู่เปลี่ยนกลับมาให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอีกครั้ง เมื่อเธอเอ่ยคำว่า ‘เป็นพี่น้องกัน’

“ดีมากที่คิดว่าพี่ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของเราอยู่ พี่ค่อยสบายใจหน่อย” จากนั้นเขาก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม

“นี่พี่อลันแกล้งบังคับให้ซูมี่พูดคำว่า พี่น้อง ออกมาใช่ไหมคะ”

“พี่เปล่านะ เราพูดมันออกมาเองไม่ใช่เหรอ” อลันเอนตัวลงพนักพิง พลางส่ายหน้าปฏิเสธตามที่ซูมี่พูด

ซูมี่พยักหน้าเบา ๆ ว่าเข้าใจที่เขาพูดแล้ว จากนั้นเธอจึงเดินอ้อมโต๊ะทำงานของเขาแล้วจับเก้าอี้ที่อลันนั่งพิงหมุนมาทางฝั่งที่ตัวเองยืนพร้อมกับทิ้งตัวเองนั่งลงบนที่ตักชายหนุ่ม แถมยังใช้แขนเรียวยาวทั้งสองข้างโอบคอเขาไว้

“ซูมี่!”

อลันตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจในการกระทำของเธอ

“คะ”

ซูมี่ทำตาแป๋วดังเด็กไร้เดียงสาถูกพี่ชายเรียกขานชื่อ

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” อลันพยายามดันร่างบางให้ลุกขึ้นโดยด่วน

“ไม่ค่ะซูมี่นั่งได้ที่แล้ว ขี้เกียจลุก”

คำพูดดูช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของผู้ชายบางคนเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ที่ให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนบนตักของเขา ‘ไม่ต้องลงพี่ง่วง ขี้เกียจปล่อยแล้ว’ เพียงแค่ครั้งนี้เปลี่ยนบริบทคำพูดเล็กน้อยและสลับตัวคนพูดเท่านั้นเอง

“โตเป็นสาวเป็นแส้ขนาดนี้ สมควรมานั่งตักผู้ชายแบบนี้เหรอ”

“แล้วพี่อลันจะคิดเยอะทำไมคะ ก็เป็นพี่น้องกันนั่งตักกันไม่ได้เหรอไง”

ก๊อก ๆ

“คุณอลันคะ ขออภัยที่รีบเข้ามา พอดีมีนมีเรื่องด่วนจะ.....”

เลขาสาวเปิดประตูเข้ามาทันทีหลังเคาะห้อง เพราะมีเรื่องด่วนที่จะแจ้งเจ้านายให้ทราบและภาพที่เธอเห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งตักและเอามือโอบคอเจ้านายตัวเองอยู่

“น้ำผึ้ง! กล้าดียังไงไปนั่งตัก...ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเหรอคะ คุณอลันเดี๋ยวมีนจะให้ฝ่ายบุคคลจัดการพนักงานคนนี้ ลุกเดี๋ยวนี้เลยค่ะน้อง!”

เลขามีนผู้ที่ยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของซูมี่ เธอรู้สึกไม่โอเคกับซูมี่ตั้งแต่เถียงฉอดกับเจ้านายเขาที่ห้องจัดเลี้ยงแล้ว นี่ยังกล้าจะมาทำตัวอ่อยใส่เจ้านายของเธออีก มีนเดินมาดึงต้นแขนซูมี่ให้ลุกออกจากตัวอลันทันที ทว่าหญิงสาวก็ไม่ยอมลุกขึ้นแถมเอามือคล้องคอเจ้านายเธอแน่นกว่าเดิมเสียอีก

“ไม่เป็นไรคุณมีน ปล่อยเธอเถอะครับ”

อลันพูดเพื่อหยุดการกระทำที่เลขาของตัวเองที่ดึงแขนซูมี่จนเผยรอยแดงเป็นรูปนิ้วบนผิวขาวเนียน มีนเลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายจึงพูดแบบนั้นกับเธอ

“คุณอลันคะ หากใครเข้ามาเห็นมันจะดูไม่ดีต่อคุณอลันนะคะ”

สิ่งที่เธอทำคือความหวังดีและจงรักภักดีต่อเจ้านายตัวเอง

“ผมไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้แล้ว เธอไม่ได้ชื่อน้ำผึ้ง แต่ชื่อซูมี่และเป็นน้องสาวของผม”

เพียงแค่อลันพูดประโยคนี้ออกมา มีนก็หยุดฉุดกระชากแขนซูมี่โดยทันที เธอกำลังตั้งสตินึกตามคำที่เจ้านายตัวเองพูด

“น้องสาวเหรอคะ” มีนถามเขาเพื่อความแน่ชัดอีกทีว่าหูเธอไม่ได้เพี้ยน

“ครับน้องสาว”

คำพูดฟังดูดีเหมือนเขาพยายามปกป้องเธอจากคนอื่น แต่หญิงสาวที่ถูกเอ่ยไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด เพราะเขาเอาแต่เน้นคำว่าน้องสาวแทบทุกประโยค

“เอ่อ...มีนต้องขอโทษคุณน้ำ..คุณซูมี่ด้วยค่ะ ที่เข้าใจผิดไป”

มีนขอโทษซูมี่จากใจจริงที่พึ่งรู้ความจริงเมื่อสักครู่ แต่หญิงสาวก็ไม่มีท่าทางที่จะรับคำขอโทษหรือพูดอะไรเลย สีหน้าช่างดูไม่ยินดียินร้ายจนพี่ชายที่แสนดีต้องสะกิดแขนเธอให้รักษามารยาทกับผู้ใหญ่ด้วย

“ไม่เป็นไรค่ะ คนไม่รู้ถือว่าไม่ผิด”

ซูมี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในใจเธอก็ไม่ได้คิดจะอาฆาตแค้นอะไรมีนหรอก เพียงแต่อยากให้ใจเย็นมากกว่านี้เท่านั้น ไม่ใช่สักแต่จะเอาอารมณ์และความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง

“ขอบคุณนะคะ คุณอลันมีนขอฝากข้อความด่วนจากมิสเตอร์จอห์นสันไว้ก่อนนะคะ”

มีนยื่นข้อความที่จดข้อมูลตอนคุยกับมิสเตอร์ท่านนั้นให้อลันดู

“โอเคครับ คุณมีนแจ้งเขาไปว่าเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปภายในวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงครับ”

“รับทราบค่ะคุณอลัน ถ้างั้นมีนไม่รบกวนแล้วนะคะ”

มีนพูดจบก็เดินออกไปที่ประตูพร้อมกดล็อกกลอนไว้ให้เพื่อป้องกันคนข้างนอกเปิดเข้ามาโดยพลการแบบตัวเอง

ตอนนี้ทุกอย่างจึงกลับมาเหมือนเดิม ทั้งคู่ยังคงอยู่ในท่าเดิมซึ่งผู้ชายที่แทนตัวเองว่าพี่น่าจะขาชาไปเสียแล้ว

“บอกพี่มาธงของเราวันนี้คืออะไร” อลันเอ่ยถามจุดประสงค์หลักของซูมี่ที่มาหาเขาในวันนี้

“ดีใจที่พี่อลันถามสักที อยากให้ช่วยสอนการบ้านเกี่ยวกับการโรงแรมค่ะ”

“สอนการบ้าน?” อลันทวนคำพูดพร้อมเลิกคิ้ว

“ใช่ค่ะ มันเป็นเกี่ยวกับกฎหมายพวกกำหนดลักษณะอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจการโรงแรมค่ะ”

“เดี๋ยวก่อนนะ กฎหมายการสร้างอาคาร...ทำไมไม่ไปปรึกษาคุณพ่อเรา น่าจะได้คำตอบที่ถูกต้องมากกว่ามาถามพี่นะ”

อลันถามกลับด้วยความสงสัย เพราะพ่อของเธอเป็นถึงผู้บริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการโดยตรง

“ไม่เอาค่ะ ไม่อยากโดนคุณพ่อดุ”

ซูมี่ตอบพร้อมทำหน้าบึ้งในทำนองว่าอลันจะไม่ช่วยสอนเธอจริง ๆ เหรอ เมื่อเขาเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นก็อดที่จะตามใจน้องสาวจอมดื้อไม่ได้

“ก็ได้ ๆ แต่ก่อนที่จะสอนช่วยลุกขึ้นก่อน พี่เหน็บกินขาชาไปหมดแล้ว”

“อุ๊ย! ลืมไปเลย ขอโทษค่ะ” ซูมี่รีบลุกขึ้นทันที ลืมไปเลยว่าเธอนั่งตักเขามาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว

อลันยืดขาตัวเองให้หายเหน็บชาก่อน แล้วจึงบอกให้ซูมี่หยิบการบ้านตัวเองขึ้นมาให้เขาดู ทว่าเขาดันนึกอะไรได้บางอย่าง

หมับ!

“อะไรเหรอคะพี่อลัน” ซูมี่หันมามองมือเขาที่จับแขนเธออยู่

“พี่ขอดูรอยแดงที่แขนหน่อย”

อลันให้เธอเดินถอยกลับมายืนใกล้ ๆ ก่อนจะพลิกดูรอยแดงที่ถูกกดด้วยนิ้วของมีนทั่วทั้งแขน จากนั้นจึงพยายามคลึงทั่วบริเวณดังกล่าวแล้วเงยหน้าขึ้นถามซูมี่

“ตรงนี้เจ็บไหม”

“ไม่ค่ะ”

“แล้วตรงนี้ล่ะ”

“ไม่เจ็บค่ะ พี่อลันห่วงซูมี่เหรอคะ” ซูมี่เอียงคอถามอลันที่กำลังก้มดูรอยแดงที่แขนข้างขวา

“ถามแปลก ๆ ถ้าไม่ห่วงเราแล้วจะให้ห่วงใคร

ตึก ตึก ตึก....เสียงเต้นของหัวใจคน ๆ เดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง

เสียงการเต้นหัวใจครั้งนี้มันดังขึ้นกว่าเดิม บวกกับภายในห้องเงียบพอสมควรจนคนที่กำลังจับแขนสัมผัสได้ถึงเสียงนั้น เขาช้อนสายตาขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เหมือนกำลังคิดจะถามอะไรบางอย่าง

มุมมองของซูมี่

ไอ้เจ้าหัวใจบ้า แกหยุดส่งเสียงดังเดี๋ยวนี้! บ้าเอ๊ย! พี่อลันหันมามอง แล้วเนี่ย ทำยังไงดี...ท่องนะโมสามจบดีไหมเผื่อใจจะได้สงบลง

“ซูมี่พี่ว่า...”

ยะ...อย่าพึ่งถามค่ะพี่อลัน ที่จริงมันไม่มีอะไรเลยสักนิด

“ไม่มีอะไรนะคะ ไม่มีจริง ๆ”

“แต่พี่ได้ยินเสียงหัวใจเราเต้นดังมากนะ” โอย...ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงพี่อลัน ยังจะมาพูดให้ฟังอีก

“เต้นแบบนี้เป็นปกติค่ะ พี่อลันน่าจะทำงานหนักเลยคิดไปเองมากกว่า”

ฉันยอมพูดมั่วเรื่องหูของเขาเพี้ยนเพื่อพยายามหาทางเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่สิ พี่ว่ามันดังจริง ๆ นะ”

เดี๋ยวก่อนคุณพี่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำไม พอยืนขึ้นร่างเขาก็ยิ่งใกล้ตัวฉันเข้าไปใหญ่สิ ไม่อยู่แล้วค่า...หาทางชิ่งออกจากห้องดีกว่า นอกจากหัวใจเต้นแรง ประเดี๋ยวจะแถมหน้าแดงเพิ่มเข้าไปด้วย

“เฮ้ จะไปไหน”

“พี่อลันไหว้ล่ะค่ะ ปล่อยซูมี่เถอะ”

“เราโอเคไหมเนี่ย”

จะไม่โอเคถ้าพี่ยังไม่ปล่อยน้องคนนี้ ฉันส่ายหน้าให้เขารับรู้

“นี่ไง พี่ถึงกำลังจะถามเราว่าไปโรงพยาบาลไหม”

ม่ายย เอ๊ะ! พี่เขาว่าไงนะ

“ระ...โรงพยาบาล”

“ใช่ ซูมี่บอกพี่ไม่เจ็บแขนก็จริง แต่หัวใจซูมี่กลับเต้นเสียงดัง มันอาจจะเป็นผลที่เกิดจากนิ้วกดทับไปโดนตรงเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงที่หัวใจหรือเปล่า พี่ก็เลยจะถามเราว่าไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูให้แน่ใจดีไหม”

อ๋า...อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้นเลยเหรอเนี่ย โล่งอกไปทีดีกว่าพี่อลันคิดแบบเดียวกับที่ฉันคิด

“อ๋อไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะพี่อลัน เดี๋ยวอีกสักพักก็น่าจะดีขึ้นแล้ว”

“แน่ใจนะ”

“แน่ใจค่ะ”

“ห้ามฝืนนะซูมี่ ถ้าไม่ไหวบอกพี่”

จะวูบก็ตอนนี้แหละค่ะ ถ้าพี่ยังพูดเหมือนบทพระเอกนิยายกำลังห่วงนางเอกขนาดนี้ ฉันเลยยิ้มแฉ่งแล้วตอบพยักหน้าไป

พี่อลันวกกลับมาบอกให้ฉันไปหยิบการบ้านออกมา แล้วก็พามานั่งที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเอนกประสงค์อีกมุมหนึ่งของห้อง ฉันเริ่มบอกโจทย์ที่เตรียมมาให้เขาลองฟังก่อนที่จะเริ่มสอน เอาจริงมันเป็นแผนการที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะถ้ามันดีคงไม่ช็อตฟีลให้ฉันไปถามคุณพ่อหรอก นี่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรเพื่อมาเจอเขาเลยด้นสดแบบไม่มีสคริปต์ไป

พี่อลันเริ่มอธิบายเนื้อหากฎหมายขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการโรงแรมก่อนที่จะเจาะลึกไปในโจทย์ที่ฉันสงสัย เชื่อหรือไม่ว่าพี่อลันอธิบายละเอียดถี่ยิบและเข้าใจแบบเห็นภาพ นี่ถ้าเขาไปเป็นวิทยากรหรืออาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ฉันจะตั้งใจเรียนเป็นร้อยเท่าเลย ไม่สิ...ถ้าเขาไปพวกผู้หญิงในมหาวิทยาลัยต้องตามกรี๊ดเขาแน่ ไม่เอาเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว

“ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”

“ฟ..ฟังอยู่ค่ะ”

“เหรอ งั้นเมื่อกี้พี่พูดอะไรไป” ซวยละโยมซูมี่ พี่อลันพูดอะไรไปนะ

“เอ่อ...อ่า...คือว่า”

โป๊ก! พี่อลันเอาปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินมาเคาะที่หัวฉัน

“โอ๊ย! พี่อลันเจ็บนะคะ”

“สมควรแล้วที่ไม่ตั้งใจฟังที่พี่พูด สอบตกอย่ามาโทษพี่นะ”

“ค่าพี่อลัน ซูมี่จะตั้งใจฟังจริง ๆ แล้วค่ะ” เอาล่ะฉันพร้อมเรียน ขอเอาเรื่องอื่นออกจากหัวสมองไปก่อนแล้วกัน

ฉันตั้งใจฟังเขาสอนต่อ ตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็ยกมือถามพี่เขาไป มันเป็นโมเมนต์ที่ดีเหมือนกันนะที่ได้เห็นอีกมุมที่พี่เขาเป็น คนอะไรทั้งหล่อ เก่ง ใจดี ดีเลิศขนาดนี้จะไม่ให้รู้สึกดีด้วยยังไงไหว นาฬิกาเจ้าขาขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ไหม หลิน ซูมี่คนนี้ยังไม่อยากกลับบ้านเลย...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   จากนี้และตลอดไป (ตอนจบ)

    1 เดือนต่อมา @ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น.“นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เชิญเข้าหอประชุมเลยครับ” ประธานสโมสรนักศึกษาประกาศเสียงผ่านโทรโข่งเพื่อกวาดต้อนนักศึกษาแต่ละคณะเข้าหอประชุมเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาวันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวนมหาศาลจากต่างคณะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้นัดหมาย ยังไม่นับรวมญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้คนหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงมด หากจะติดต่อหากันคงต้องบอกที่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นคงพลัดหลงกันแน่ “ยัยมี่ทางนี้” ต้นข้าวชูมือขึ้นสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเอามือถือแนบที่หูพลางกวาดสายตามองหาพวกเธอเมื่อซูมี่เห็นเป้าหมายจึงรีบเดินเบียดเสียดคนเข้าไปหาเพื่อนสาว “หวัดดีพวกแก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” “จริง มาเข้าใจรุ่นพี่ปีก่อนก็ตอนนี้แหละเนอะมีมี่” ต้นรักเอ่ย“พวกเราเข้าไปห้องพิธีข้างในกันเถอะ ตรงนี้คนมันแน่นฉันหายใจไม่ออกแล้ว” ต้นข้าวเอ่ยชวน สามสาวเดินตามกันเข้าไปในห้องประชุมด้วยความทุลักทุเลกับชุดครุยที่ลากยาวติดพื้น ไหนจะรองเรื่องรองเท้าคัทชูที่สวมใส่กัดอีก ท

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ใจฉันมีแต่เธอ

    1 เดือนต่อมา@ คณะบริหารธุรกิจ“เย้! โปรเจคผ่านสักทีเว้ย!” แฝดสาวผู้พี่กระโดดโลดเต้นดีใจ“ดีใจเกินเหตุข้าว อย่าลืมสิว่ามีสอบอีกชุดใหญ่ไฟกะพริบ”แฝดผู้น้องย้ำเตือนเธอว่ายังเหลือโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต ถ้าสอบไม่ผ่านก็เตรียมแหกโค้งปลิดชีพเรียนไม่จบไปได้เลย“เออว่ะ อย่าพูดสิฉันเศร้า” ต้นข้าวเสียงหงอยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่อยู่เหนือความเครียดและความกังวลใด ๆเพราะโลกของเธอช่างสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์“คงจะมียัยมี่คนเดียวที่เบิกบานใจ” ต้นข้าวถึงกับหยิบปากกาขว้างไปที่หัวเหม่งของคนที่ถูกกล่าวถึง“โอ๊ย!ยัยข้าวเจ็บ” หญิงสาวที่โดนขว้างปากกาใส่หัวหันมาเรียกชื่อเพื่อนสาวฝาแฝด“มีความสุขเหลือเกินแม่สาวหมวย พอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็เทเพื่อนเลยนะยะ” ต้นข้าวเอ่ยเชิงน้อยใจ“ฉันทิ้งพวกยูตรงไหน มา ๆ วันนี้มีแพลนไปไหนกัน ฉันไปด้วย”ซูมี่เอ่ยถามสองแฝดว่าวันนี้มีที่ไหนอยากไป เธอพร้อมจะไปด้วยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช่วงนี้อยู่กับพวกเธอน้อยกว่าเดิม“ชิ ถ้าฉันบอกว่าอยากไปดื่มเหล้า แกจะไปกับพวกฉันเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าซูมี่คงไม่ไปด้วยแน่“ไปสิ ดื่มเหล้านี่ของชอบเลย” หญิงสาว

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   หักห้ามใจ

    3 สัปดาห์ต่อมาความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวเริ่มสุกงอม หลายสัปดาห์ก่อนเขาและเธอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสถานะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนอลันตัดสินใจเปิดตัวซูมี่ต่อครอบครัวเขาและเธออย่างเป็นทางการโดยเชิญพวกท่านมาเป็นสักขีพยานช่วงทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม HTND ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขาและเธอต่างพากันตกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าพวกท่านก็ไม่ได้ขัดที่ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันพร้อมทั้งเอ่ยปากร่วมแสดงความยินดีไปในตัว ถือว่าทั้งคู่โชคดีที่ครอบครัวเปิดไฟเขียวให้คบหาดูใจกันได้ตามสะดวก ทางครอบครัวซูมี่ยังเอ่ยฝากฝังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกับอลันไว้ด้วย ซึ่งเขารับปากสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีในวันนี้อลันขออนุญาตทางผู้ปกครองของซูมี่พาเธอไปเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าชวนไปออกเดต หากเป็นคู่รักคู่อื่น ๆ คงจะพาไปดูหนัง กินข้าว ร้องคาราโอเกะ เดินเล่นในสวน แต่สำหรับพวกเขาซึ่งตัวติดกันอย่างกับหมากฝรั่ง สถานที่ที่เขาเดตกันก็มีเพียงที่เดียวที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนั่นคือ คอนโดของชายหนุ่ม@ คอนโดของอลันเมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ววางสัมภาระไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ไม่ทันไรผู้ชายคลั่งรักก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดแฟนสาวจา

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ออดอ้อน

    @ คอนโดของอลันเวลา 08.30 น.กริ๊งงงง!เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งเอาไว้โดยซูมี่ดังขึ้น เธอเอื้อมมือสุดแขนไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเพื่อปิดมันก่อนจะดันตัวเองจากเตียงแล้วลุกนั่งตัวตรงในสภาพที่ยังไม่ลืมตาตื่น“อยากนอนต่อจัง…ไม่ได้สิ เราอยู่คอนโดพี่อลันนี่นา”ซูมี่สะดุ้งตัวฟื้นคืนสติว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ทว่ายังอยู่ที่คอนโดผู้ชายที่เธอน่าจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่า…แฟนหนุ่มหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพับผ้าห่มอย่างประณีตตามหลักสูตรวิชาการโรงแรมที่เรียนมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูทักทายยามเช้ากับชายหนุ่ม“อรุณสวัสดิ์ค่าพี่อลัน เอ…ยังไม่ตื่นเหรอ”ซูมี่กวาดตามองทั่วทิศเพื่อหาผู้ชายร่างสูง และพบว่าเป้าหมายยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอค่อย ๆ ย่องฝีเท้าให้เบาประดุจดังขนนกมาหยุดอยู่ที่โซฟาก่อนจะย่อตัวลงเอามือชันเข่าพลางโน้มตัวจ้องมองใบหน้าของอลัน“คนอะไร ขนาดหลับยังหล่อเลย”เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กเอื้อมไปปัดปอยผมข้างหน้าของอลันที่บังตาไว้เพื่อจะได้เห็นความหล่อของแฟนตัวเองชัด ๆหมับ!ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมเต็มอิ่ม จู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกจับโดยผู้ชายที่นอนอยู่ แถมเขายังดึงร่างเธอใ

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ความลับระหว่างลูกผู้ชาย

    สามปีก่อน (สมัยซูมี่อยู่ปี 1 และซิงอีอยู่ ม.6) @ บ้านตระกูลหลินเวลา 19.00 น.“กลับมาแล้วค่ะ / ครับ” เสียงเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายและสาววัยมหาวิทยาลัยแจ้งคนในบ้านให้ทราบว่าพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย“วันนี้เป็นไงกันบ้างเด็ก ๆ ” คุณเพียงขวัญเอ่ยถามลูกรักทั้งสอง “เหนื่อยครับคุณแม่ ผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ” ซิงอีพูดจบก็รีบขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองทันที“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่หลังแต่ลูกชายไม่ตอบกลับอะไรเลย “เดี๋ยวซูมี่ไปดูน้องเองค่ะคุณแม่” ซูมี่รีบเดินขึ้นบันไดตามน้องชายตัวเองไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพลางเคาะประตูขออนุญาตเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือซิงอีล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย “ซิงอี ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน เชื้อโรคมันจะสะสม” “ไม่ไหวแล้วซูมี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวมีนัดเล่นเกมตอนดึกกับเพื่อนต่อ” แปะ! พี่สาวตีไปที่หลังน้องชายเสียงดังแปะในขณะที่เขานอนคว่ำหน้าอยู่“โอ๊ย! พี่ทำไรเนี่ย” จนเขาต้องหันหน้ามาคุยกับเธอ “หมั่นไส้ ห่วงเล่นเกมอยู่ได้ หนังสืออ่านมั่งไหม ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ” “เออผมรู้แ

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   ดึกแล้วอย่าพึ่งกลับ

    @ WithUs Café and Restaurantแอ๊ด...ประตูถูกเปิดอีกครั้งหลังจากสามสิบนาทีก่อนหน้าถูกปิดลง หญิงสาวที่นั่งรอใครบางคนหันไปในทิศทางที่ประตูเปิดออกแล้วเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา“ดีใจจัง พี่อลันกลับมาแล้ว”ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่เข้ามาสวมกอดผู้หญิงตรงหน้า“พี่คิดถึงเราจัง”เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้จึงดันตัวเขาออกทันที คนที่สวมกอดถึงกับทำหน้างง“ถามจริง นี่ใช่พี่อลันตัวจริงหรือเปล่าคะ” ซูมี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย“ซูมี่…เราพูดอย่างกับพี่มีฝาแฝดอีกคนไปได้” คำตอบของเขาจะสื่อว่าไม่มีใครจะตัวจริงไปกว่านี้อีกแล้ว“ปกติพี่อลันไม่เคยทำตัวแบบนี้นี่นา ซูมี่แตะทีหรือกอดทีตะโกนโหวกเหวกตกใจทุกทีเลย”“มันเมื่อก่อนไหม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ”“ก็เราเป็นแฟนของพี่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”อลันกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น แถมยังพูดคำที่ซูมี่โคตรจะแพ้ใส่ไปในประโยคด้วย“ถ้าบอกยกเลิกตอนนี้ทันไหมคะ” ซูมี่ลองแกล้งพูดอำอลันเชิงขำขัน ทว่าเขาดันไม่รู้สึกขำด้วย“ลองดูสิ” อลันให้คำตอบสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วให้“ได้ใช่ม้า”“เราก็ลองดูสิ แล้วเดี๋ยวก็รู้ว่าพี่จะทำยังไงต่อกับเรา”อลันไม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status