แชร์

ตอนที่5 เสียงปริศนา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-03 11:29:31

ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงรถเก๋งสีขาวก็แล่นมาถึงลานจอดรถหน้าหอพักสี่ชั้น ด้านหน้าหอพักติดกับประตูรั้วมีต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสามสีพันเอาไว้หลายชั้นพร้อมกับชุดไทยที่แขวนเอาไว้สองสามชุด ไม่ไกลจากต้นใหญ่ก็เป็นบ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่ที่มีสวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้านพร้อมกับศาลพระภูมิสีขาวตั้งอยู่

“นี่หอพักที่พ่อกับแม่ทิ้งเป็นมรดกให้เราหลังจากท่านเสีย ในรูปที่พี่ให้ดูไง ตอนที่ชมพูถูกหวย ชมพูก็เอาเงินทั้งหมดมารีโนเวทที่นี่ พอจะจำได้ไหม”

ชมชีวันเงยหน้ามองหอพักสีขาว เธอไล่สายตาจากชั้นบนค่อยๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นล่างก่อนจะส่ายหัวช้าๆ เป็นการตอบกลับชื่นชีวา ทว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบ เพราะเธอเคยถามคำถามนี้กับน้องสาวมาแล้ว

โชติรวีดึงมือชมชีวันให้หนไปทางขวาของมุมตึก ที่มีตึกแถวสองชั้นสี่คูหาตั้งตระหง่าน “ตรงมุมขวาสุดเป็นร้านขายของชำกับอาหารตามสั่งของป้าน้อย พี่ชอบไปซื้อข้าวกะเพราหมูกรอบบ่อยๆ ข้างร้านป้าน้อยก็เป็นร้านทำผมป้าศรีที่พี่ชอบไปให้แกสระผมให้ทุกอาทิตย์ ส่วนข้างร้านป้าศรีก็เป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ของผมเอง มุมซ้ายสุดก็เป็นสำนักงานของหอพัก”

“ข้ามิคุ้นเลย”

“รู้ว่าจำไม่ได้ บอกเฉยๆ อ่อ...นั่นบ้านที่เราอยู่ แต่พี่ไม่ค่อยนอนบ้านหรอก ชอบนอนในสำนักงานที่ตึกมากกว่า”

“แต่ตอนนี้ต้องนอนที่บ้านกับพี่ เพราะพี่จะต้องสอนชมพูอีกหลายอย่าง แกรีบเอากระเป๋าเดินตามมาเลยวี” ชื่นชีวาจูงมือชมชีวันเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่พวกเธออยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด

เมื่อเดินถึงหน้าบ้านชื่นชีวาก็เลือกที่จะพาน้องสาวไปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่เสียก่อน เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้จะเจอแต่เรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้ตึกหอพักของเธอก็มีปัญหาไฟไหม้ พอได้เงินรีโนเวทเรียบร้อยมีคนกลับมาเช่า น้องสาวของเธอก็ดันมาเกิดอุบัติเหตุหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน แล้วก็ต้องกลายมาเป็นคนที่ความจำเสื่อม พูดจาภาษาต่างจากคนทั่วไปแบบนี้

“ทำอันใดฤา” ชมชีวันมองพี่สาวที่กำลังยกมือไหว่สิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กด้วยแววตาฉงน

“ไหว้ศาลเจ้าที่ไง ให้ท่านช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป”

รู้เช่นนั้นชมชีวันก็รีบยกมือไหว้ตามชื่นชีวา เธอเข้าใจคำว่าปัดเป่าสิ่งไม่ดี เผื่อว่าการไหว้ครั้งนี้จะทำให้เธอหายสับสนในตัวเองหรือจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

เงยหน้าขึ้นได้ชมชีวันก็มองจ้องไปยังด้านในศาลพระภูมิด้วยแววตาฉงนหนัก ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทักท้วงอะไรในสิ่งที่เห็นก็ถูกพี่สาวจูงมือเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ไปเสียก่อน

ชื่นชีวาพาน้องสาวมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องคุยกับชมชีวัน “ที่นี่เป็นบ้านที่เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากที่พ่อกับแม่เสีย ชมพูก็ย้ายไปนอนที่สำนักงานของหอพักตลอด เพราะไม่อยากคิดถึงบรรยากาศตอนที่อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราเสียด้วยเหตุอันใดฤา”

“อุบัติเหตุจากรถยนต์ที่พี่พาเรานั่งกลับมาไง”

“รถยนต์ นั่งรถยนต์แล้วต้องเสียชีวิตฤา”

“ไม่ใช่ทุกคน แค่คนที่ขับรถประมาทไม่ค่อยมีสติ หรือไม่ถ้าโชคร้ายก็ถูกรถคันอื่นมาชนเสียชีวิตอย่างพ่อแม่ของเรา”

“น่าสงสารท่านพ่อท่านแม่ของพวกเรานัก”

“ใช่ พ่อกับแม่เราน่าสงสาร แต่ตอนนี้คนที่น่าสงสารคือชมพู เพราะชมพูจำอะไรไม่ได้ แล้วพี่จะสอนวิธีการพูดใหม่ รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตด้วย” พูดจบชื่นชีวาก็พาน้องสาวเดินรอบบ้าน อธิบายว่าอะไรอยู่ตรงไหนยังไงคร่าวๆ จากนั้นก็สอนให้น้องของเธอได้พูดจาเช่นคนปกติ เลิกใช้คำว่าข้ากับเจ้า หรือแม้กระทั่งภาษาที่ดูเหมือนละครจักรๆ วงศ์ๆ รวมไปถึงอีกหลายๆ เรื่องที่น้องสาวของเธอจะต้องเจอในชีวิตประจำวัน

ใช้เวลาร่วมครึ่งค่อนวันกว่าชื่นชีวาจะสอนน้องสาวของเธอจนหมดทุกอย่างที่นึกขึ้นมาได้ จากนั้นชื่นชีวาก็ปล่อยให้มชีวันได้พักผ่อน และทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้สอนไปด้วยตัวเอง ส่วนเธอก็ปลีกตัวไปทำอาหารเย็น

“เหรียญหนึ่งบาท เหรียญสองบาท เหรียญห้าบาท เหรียญสิบบาท...” ชมชีวันนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนใหญ่ของเธอ พยายามจดจำสกุลเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของที่พี่สาวเพิ่งสอนให้ได้

“ขนมสิบบาท จ่ายแบงค์ยี่สิบ แม่ค้าจะต้องทอนเงินมาให้สิบบาท”

“คุณเป็นใคร”

ชมชีวันเงยหน้าจากการจับจ้องเหล่าเงินตราตรงหน้า เธอหันซ้ายหันขวาไม่เห็นเจ้าของเสียงก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น จะว่าเป็นเสียงของโชติรวีก็ไม่ใช่ แต่รู้สึกได้ว่าคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินมากพอสมควร

“เสียงของผู้ใดกัน เอ่อ...เสียงของใครกัน ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นใคร”

“ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน คุณช่วยผมได้ไหม ผมอยากกลับบ้าน”

“ช่วยอย่างไร ฉันไม่เห็นคุณ ฉันต้องช่วยคุณอย่างไร” เอ่ยจบก็พยายามเงี่ยหูฟังเสียงอีกรอบ ทว่ารอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นอีก จึงกลับมาสนใจกับเงินตราที่ต้องท่องจำให้ได้ก่อน ไหนจะต้องนับหนึ่งให้ถึงหนึ่งร้อยตามที่ชื่นชีวาได้เขียนเอาไว้ให้อีก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากชมชีวันอยู่ในห้องของเธอร่วมสองชั่วโมง

“หิวรึยังชมพู ...เอ อย่าบอกว่าตั้งแต่พี่ออกจากห้องไปก็ยังไม่ได้ลุกจากเก้าอี้เลย”

“ใช่ค่ะ ฉันทบทวนสิ่งที่พี่ชบาสอน”

“ไหน ให้พี่ลองภูมิหน่อยซิ นี่เลขอะไร” ชื่นชีวาชี้ไปยังตัวเลขในกระดาษที่เธอเขียนเรียงกันเอาไว้จากหนึ่งถึงร้อย

“สามสิบแปดค่ะ”

“พูดจามีหางเสียงซะด้วย แล้วนี่ล่ะเลขอะไร”

“ยี่สิบห้าค่ะ”

“พี่ขายปากกาให้ชมพูยี่สิบห้าบาท เอาเงินมาจ่ายพี่”

“นี่ค่ะ” ชมชีวันหยิบแบงค์ยี่สอบพร้อมเหรียญห้าให้กับมือของชื่นชีวา

“ถูกต้อง เรียนรู้ทุกอย่างได้ไวแบบนี้ แสดงว่าเริ่มจำเรื่องเก่าๆ ได้แล้วใช่ไหม”

ชมชีวันส่ายหัวพร้อมอมยิ้มน้อยๆ ที่เธอทำได้ตามสิ่งที่ชื่นชีวีวาสอนก็เพราะตั้งใจเรียนรู้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับความทรงจำเก่าที่มีแม้แต่น้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่102 ฝันร้าย

    “ไม่นะ!...” มนตรามัจฉาวะดุ้งตัวตื่นขึ้นมานั่งกลางดึก หญิงสาวปาดเหงื่อที่ท่วมเต็มหน้าทั้งรีบสูดหายใจเข้าปอดถี่รัว ภาพความฝันของเธอช่างน่ากลังเหลือเกิน ภาพบ้านเมืองที่เธอไม่เคยเห็น เหล่าสรรพสัตว์หลายตนต่างถูกไฟคลอกในขณะที่เธอยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรได้เลยสาวเจ้ามองไปยังคนข้างๆ ที่กำลังหลับสนิท เมื่อเห็นว่าคนเป็นสามีไม่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากอาการตกใจของเธอก็ค่อยๆ ล้มตัวนอนอีกครั้งพร้อมกับความสงสัยในใจที่ยังไม่หาย ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอฝันเห็นเป็นภาพจริงหรือมีใครต้องการจะสื่ออะไรให้เธอได้รับรู้กันแน่ ตอนนี้เธอใจไม่ดีเอาเสียเลยอัคคียืนมองคนที่กำลังผูกเนคไทให้ตัวเองตาไม่กระพริบ ตั้งแต่ตื่นมาดูออกจากแววตาของมนตรามัจฉาว่าไม่มีชีวิตชีวาแตกต่างจากวันอื่น อีกทั้งตอนรับประทานอาหารเช้าร่วมกันยังไม่ค่อยสบตาและหาเรื่องคุยกับเขาอีก จึงมั่นใจได้ว่าภรรยาตนมีเร่องทุกข์ใจมากกว่าเรื่องแม่ของเขาเรื่องเดียวแน่นอน“คุณเป็นอะไรรึเปล่า ผมเห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยดีตั้งแต่ตื่นมาแล้ว”“คือฉัน...” มนตรามัจฉาก้มหน้างุด คิดว่าจะไม่พูดเรื่องความฝันกับชายหนุ่ม ดูท่าตอนนี้เธอจะปิดบังเรื่องในใจกับเขาไม่มิดเสียแล้ว“บอกผม

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่101 ออกตามหา

    “ลูกข้า” พันพิภพรู้เรื่องบุตรีของตนถูกอสูรเปรตงูจับตัวไปก็ถึงกับลมจับ ดีที่เวราฬประคองเอาไว่ได้“ท่านพาท่านพันพิภพไปพักก่อนเถิด ทางนี้มิต้องห่วง ข้าจักหาวิธีช่วยสุมารีเทวีให้เร็วที่สุด”“ขอรับ”ปักษิณสิงขรยืนถอนหายใจเงียบๆ เขารู้ว่าพันพิภพเหนื่อยเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับกับบ้านเมืองตนนานแล้ว ยิ่งต้องมาเจอเรื่องสะเทือนใจเรื่องนี้อีก“ข้าจักไปสื่อสารกับเหล่าสัตว์น้ำว่าตอนนี้อสรนั่นพาท่านสุมารีไปที่ใด”“ข้าไปกับเจ้าด้วย” ชมชีวันเห็นด้วยกับความคิดสามน“มิได้หนา หากเจ้าไปข้าจักไปด้วย”“ท่านพี่อยู่ใต้น้ำได้ฤาเจ้าคะ”“เพียงชั่วพักชั่วครู่เท่านั้น”“แล้วจักไปทำไมเจ้าคะ ข้ากับสามนไปกันลำพังดีกว่าเจ้าค่ะ ได้ข่าวแล้วจักรับมาบอกเจ้าค่ะ”“แต่ข้าห่วงเจ้า กลัวเจ้าถูกจับไป”“เอาอย่างงี้ เกล็ดของเงือก คล้องคอเอาไว้จักได้อยู่ใต้น้ำได้นาน” อสูรนิลดำรีบล้วงเอาเกล็ดเงือกทั้งสองออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง เห็นทีเขาจะได้ใช้งานจริงก็ครั้งนี้ชมชีวันยิ้มออกเพราะเห็นว่ามีวิธีที่ปักษิณสิงขรจะไปกับเธอได้แล้ว “ใช่...มีประโยชน์สมกับที่ข้าเจ็บตัวจริงๆ”“ข้าจักรออยู่ที่นี่ขอรับ แลจักจัดหาเหล่าองครักษ์เฝ้ายามให้แน่

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่100 งานลอยโคม

    อสูรนิลดำฟื้นตัวตื่นมาในเวลาโพล้เพล้ฟ้าใกล้มืด เมื่อรู้ว่าตนจะพลาดพิธีลอยโคมจึงรีบลากสังขารมาหาสุมารียังหลังตำหนักของสิงโตสาว เมื่อมาถึงก็เห็นพานบายศรีตั้งอยู่สองพาน จึงแปลกใจไม่น้อยว่าสุมารีเทวีใช้บายศรีทำอะไร“บายศรีนี้เจ้าทำเอาไว้เพื่อสิ่งใดฤา”“ข้าทำเพื่อขอพรพระแม่คงคา มนตรามัจฉาก็ทำ นั่นของนาง” สิงโตสาวชี้ไปยังพานบายศรีของเงือกสาวขณะที่กำลังเตรียมหิ้วกรงหิ่งห้อย“ของเจ้างามกว่าของนางนัก”“ชมข้าเช่นนี้คิดว่าข้าจักอยากเป็นมิตรกับเจ้าฤา”“มิต้องเป็นมิตรก็ได้ แต่เป็นมากกว่ามิตรย่อมได้”“ปากเจ้าดีเช่นนี้มิใช่หายป่วยหายไข้ดีแล้วฤา”“เจ้าห่วงข้าด้วยฤา”“ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว ข้าจักไปลอยโคม”“ข้าไปด้วย”“เจ้ามีหิ่งห้อยฤา”อสูรหนุ่มควักหิ่งห้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน “นี่อย่างไร ท่านเวราฬให้ข้าเอาไว้ ต้องทำอย่างไรเล่า เจ้าสอนข้าได้ฤาไม่”“ยุ่งจริงๆ เลยเจ้าเนี่ย”“ก็ข้าทำมิเป็น”“ท่านเวราฬมิสอนฤา”“ข้าเห็นว่าท่านเวราฬรีบไปไหนก็มิรู้ได้ จึงมิได้ถาม”“ตามข้ามา” แล้วสิงโตสาวก็ต้องเดินหน้าหงึกหน้างอไปยังลานพิธี ด้วยจะปฏิเสธการช่วยเหลือก็ดูจะใจร้ายใจดำเกินไปเมื่อสิงโตสาวเดินนำหน้าอสูรหนุ่มมายั

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่99 เปรตงู

    พันพิภพรีบเข้ามายังตำหนักพักพิงของอสูรนิลดำ เพราะตอนนี้อสูรหนุ่มหมดสติเมื่อคราที่ใช้พลังเรียกป่ามาปกคลุมเขตแดนของเผ่าตนมากเกินไป“นิลดำเป็นเช่นไร” พันพิภพถามไถ่กับองครักษ์ที่นั่งเฝ้าอสูรหนุ่มที่นอนเป็นผักไม่ขยับเขยื้อน“อ่อนเพลียมากขอรับ หมอหลวงให้ยาบำรุงเอาไว้แล้ว แต่มิมีผลต่อร่างกายของนิลดำขอรับ” เวราฬรายงานตามปัจจุบันที่เห็น หากเป็นชาวเมืองป่านนี้ได้ตอบสนองต่อยาของหมอหลวง ทว่าผ่านมาหลายเวลาแต่อสูรหนุ่มก็ยังไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมา“ผลไม้ที่ลูกข้าเอามาจากป่าม่านทิพย์อยู่ที่ตำหนักข้า ข้ายังกินมิหมด เจ้าลองเอามาใส่ในยาแลหากนิลดำตื่นขึ้นมาก็ปอกให้กิน ข้าว่าจักช่วยได้”“ขอรับ”“ตอนนี้ป่าม่านทิพย์ปกคลุมทั่วเขตแดนแล้วฤาไม่”“ยังขอรับ แต่เหลือเพียงรอบแม่น้ำเท่านั้นขอรับ”“อย่างนั้นฤา”“หากป่ายังล้อมมิหมด ข้าเกรงว่า...” เวราฬเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะเขาได้รับเรื่องที่น่ากังวลมาสักพักแล้ว“มีเรื่องอันใดที่ข้าต้องรู้เจ้าจงบอกมาเถิด”“เปรตงูขอรับ”“นาคที่ถูกเนรเทศฤา” พันพิภพหน้าเสียเมื่อได้ยินชื่ออสูรเปรตงู“ขอรับ ข้าได้ยินองครักษ์บางตนเกริ่นว่าเหมือนจักเห็น แต่ไม่แน่ใจขอรับว่าใช่ฤาไ

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่98 กล่อมนอน

    “เปล่าเจ้าค่ะ แล้วหิ่งห้อยตัวใหญ่แค่ไหนเจ้าคะ” เห็นทีจะต้องเปลี่ยนเรื่อง เพราะเธอไม่อยากจะอธิบายในสิ่งที่เธอกำลังคิด เดี๋ยวจะถูกตราหน้าว่ากร้านโลก เพียงแค่เป็นผู้ที่แปลกในสายตาผู้อื่นแค่นี้ก็พอแล้ว“อุ้มได้เต็มสองมือ”“โห แสดงว่าดวงไฟต้องใหญ่มากใช่ฤาไม่เจ้าคะ”“ใช่ แลงานลอยโคมต้องใช้ใยไหมคลุมตัวเจ้าหิ่งห้อยก่อนจักปล่อยขึ้นไป”“ข้าอยากเห็นเหลือเกินเจ้าค่ะ”“รู้ฤาไม่ว่าหากเราปล่อยเจ้าหิ่งห้อยแลพวกมันบินไปคู่กัน ทั้งสองผู้นั้นจักเป็นคู่กันตลอดไป”“จริงฤาเจ้าคะ”“ข้าตื่นเต้นกันวันพรุ่งเหมือนกัน หากหิ่งห้อยของข้าลอยไปพร้อมกับเจ้า นั่นก็เท่ากับว่าข้ากับเจ้าจักอยู่ด้วยกันตลอดไป” ครุฑหนุ่มเอ่ยด้วยความสุขใจจนล้นออกมาที่ใบหน้า“ท่านพี่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่ตอลดไปฤาเจ้าคะ”“ใช่”“มิคิดว่ามนตรามัจฉาอยากกลับบ้านตน ฤาข้าอยากพบเจอพี่น้องข้าบ้างฤาเจ้าคะ”“ไม่ ข้าขอเห็นแก่ตัว”“ท่านพี่นี่ก็คลั่งรักมิเบานะเจ้าคะ”“คลั่งรัก ข้ามิเคยได้ยินคำนี้”“ก็มิเคยมีผู้ใดในที่นี้พูดนี่เจ้าคะ”“ให้ข้าเดาความหมาย สีของความรักใช่ฤาไม่”ชมชีวันนึกอยู่ครู่หนึ่งกับคำพูดของปักษิณสิงขร และแล้วก็ยิ้มออก ไม่วายครุฑหนุ่มคงจะนึก

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่97 รู้กันทุกผู้

    สุมารีเทวีและอสูรนิลดำอยู่ในป่าม่านทิพย์กันไม่นานมากนักก็ออกมาพร้อมผลไม้ชูกำลังเต็มตะกร้า ทั้งคู่เดินแจกผลไม้ที่ตำหนักของปักษิณสิงขรเรียบร้อยก็ตรงมายังตำหนักของบุหงาราตรี ด้วยได้ยินว่าผีเสื้อสาวก็อ่อนกำลังลงเพราะใช้พลังในการทำไหมเย็นให้กับมนตรามัจฉาอสูรนิลดำที่ถือตะกร้าเดินนำหน้าสุมารีเทวี มาถึงหน้าตำหนักก็เห็นรณจักรปักษานั่งอยู่ก่อนแล้ว “เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่” แม้จะพอรู้ว่าทำไมองครักษ์ของครุฑหนุ่มอยู่ที่นี่ ทว่าก็อยากจะลองเชิงว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร“ข้าก็มาดูแลบุหงาราตรีอย่างไรเล่า พวกเจ้ามีอันใดฤา”“ข้าเอาผลไม้มาให้บุหงาราตรี” สุมารีเทวีแบ่งผลไม้ยื่นให้กับรณจักรปักษา ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของตำหนักที่พัก“บุหงาราตรีอยู่ไหนล่ะเจ้าคะ”“กำลังพักผ่อน นางยังมิหายอ่อนเพลีย”“ท่านดูแลนางดีเสียจริง หลังจากงานอภิเษกแล้ว ท่านจักทำหน้าที่เป็นองครักษ์ให้กับท่านปักษิณสิงขรฤาไม่”อสูรหนุ่มขบเม้มริมฝีปาก ไม่คิดว่าสิงโตสาวจะเอ่ยถามรณจักรปักษาตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทั้งคำถามนั้นยังทำเอาองครักษ์หนุ่มหน้าเหวอ ท่าทางจะไม่คิดว่ามีผู้ใดรู้เรื่องนี้“หลังงานอภิเษก ทำไมพวกท่ารู้ว่าข้าจักอภิเษกกับบุหงาราตรี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status