Home / โรแมนติก / My destiny ร่างนี้ของใคร / ตอนที่5 เสียงปริศนา

Share

ตอนที่5 เสียงปริศนา

last update Last Updated: 2025-06-03 11:29:31

ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงรถเก๋งสีขาวก็แล่นมาถึงลานจอดรถหน้าหอพักสี่ชั้น ด้านหน้าหอพักติดกับประตูรั้วมีต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสามสีพันเอาไว้หลายชั้นพร้อมกับชุดไทยที่แขวนเอาไว้สองสามชุด ไม่ไกลจากต้นใหญ่ก็เป็นบ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่ที่มีสวนหย่อมเล็กๆ หน้าบ้านพร้อมกับศาลพระภูมิสีขาวตั้งอยู่

“นี่หอพักที่พ่อกับแม่ทิ้งเป็นมรดกให้เราหลังจากท่านเสีย ในรูปที่พี่ให้ดูไง ตอนที่ชมพูถูกหวย ชมพูก็เอาเงินทั้งหมดมารีโนเวทที่นี่ พอจะจำได้ไหม”

ชมชีวันเงยหน้ามองหอพักสีขาว เธอไล่สายตาจากชั้นบนค่อยๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นล่างก่อนจะส่ายหัวช้าๆ เป็นการตอบกลับชื่นชีวา ทว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบ เพราะเธอเคยถามคำถามนี้กับน้องสาวมาแล้ว

โชติรวีดึงมือชมชีวันให้หนไปทางขวาของมุมตึก ที่มีตึกแถวสองชั้นสี่คูหาตั้งตระหง่าน “ตรงมุมขวาสุดเป็นร้านขายของชำกับอาหารตามสั่งของป้าน้อย พี่ชอบไปซื้อข้าวกะเพราหมูกรอบบ่อยๆ ข้างร้านป้าน้อยก็เป็นร้านทำผมป้าศรีที่พี่ชอบไปให้แกสระผมให้ทุกอาทิตย์ ส่วนข้างร้านป้าศรีก็เป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ของผมเอง มุมซ้ายสุดก็เป็นสำนักงานของหอพัก”

“ข้ามิคุ้นเลย”

“รู้ว่าจำไม่ได้ บอกเฉยๆ อ่อ...นั่นบ้านที่เราอยู่ แต่พี่ไม่ค่อยนอนบ้านหรอก ชอบนอนในสำนักงานที่ตึกมากกว่า”

“แต่ตอนนี้ต้องนอนที่บ้านกับพี่ เพราะพี่จะต้องสอนชมพูอีกหลายอย่าง แกรีบเอากระเป๋าเดินตามมาเลยวี” ชื่นชีวาจูงมือชมชีวันเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่พวกเธออยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด

เมื่อเดินถึงหน้าบ้านชื่นชีวาก็เลือกที่จะพาน้องสาวไปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่เสียก่อน เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้จะเจอแต่เรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้ตึกหอพักของเธอก็มีปัญหาไฟไหม้ พอได้เงินรีโนเวทเรียบร้อยมีคนกลับมาเช่า น้องสาวของเธอก็ดันมาเกิดอุบัติเหตุหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน แล้วก็ต้องกลายมาเป็นคนที่ความจำเสื่อม พูดจาภาษาต่างจากคนทั่วไปแบบนี้

“ทำอันใดฤา” ชมชีวันมองพี่สาวที่กำลังยกมือไหว่สิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กด้วยแววตาฉงน

“ไหว้ศาลเจ้าที่ไง ให้ท่านช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป”

รู้เช่นนั้นชมชีวันก็รีบยกมือไหว้ตามชื่นชีวา เธอเข้าใจคำว่าปัดเป่าสิ่งไม่ดี เผื่อว่าการไหว้ครั้งนี้จะทำให้เธอหายสับสนในตัวเองหรือจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

เงยหน้าขึ้นได้ชมชีวันก็มองจ้องไปยังด้านในศาลพระภูมิด้วยแววตาฉงนหนัก ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทักท้วงอะไรในสิ่งที่เห็นก็ถูกพี่สาวจูงมือเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ไปเสียก่อน

ชื่นชีวาพาน้องสาวมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องคุยกับชมชีวัน “ที่นี่เป็นบ้านที่เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากที่พ่อกับแม่เสีย ชมพูก็ย้ายไปนอนที่สำนักงานของหอพักตลอด เพราะไม่อยากคิดถึงบรรยากาศตอนที่อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราเสียด้วยเหตุอันใดฤา”

“อุบัติเหตุจากรถยนต์ที่พี่พาเรานั่งกลับมาไง”

“รถยนต์ นั่งรถยนต์แล้วต้องเสียชีวิตฤา”

“ไม่ใช่ทุกคน แค่คนที่ขับรถประมาทไม่ค่อยมีสติ หรือไม่ถ้าโชคร้ายก็ถูกรถคันอื่นมาชนเสียชีวิตอย่างพ่อแม่ของเรา”

“น่าสงสารท่านพ่อท่านแม่ของพวกเรานัก”

“ใช่ พ่อกับแม่เราน่าสงสาร แต่ตอนนี้คนที่น่าสงสารคือชมพู เพราะชมพูจำอะไรไม่ได้ แล้วพี่จะสอนวิธีการพูดใหม่ รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตด้วย” พูดจบชื่นชีวาก็พาน้องสาวเดินรอบบ้าน อธิบายว่าอะไรอยู่ตรงไหนยังไงคร่าวๆ จากนั้นก็สอนให้น้องของเธอได้พูดจาเช่นคนปกติ เลิกใช้คำว่าข้ากับเจ้า หรือแม้กระทั่งภาษาที่ดูเหมือนละครจักรๆ วงศ์ๆ รวมไปถึงอีกหลายๆ เรื่องที่น้องสาวของเธอจะต้องเจอในชีวิตประจำวัน

ใช้เวลาร่วมครึ่งค่อนวันกว่าชื่นชีวาจะสอนน้องสาวของเธอจนหมดทุกอย่างที่นึกขึ้นมาได้ จากนั้นชื่นชีวาก็ปล่อยให้มชีวันได้พักผ่อน และทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้สอนไปด้วยตัวเอง ส่วนเธอก็ปลีกตัวไปทำอาหารเย็น

“เหรียญหนึ่งบาท เหรียญสองบาท เหรียญห้าบาท เหรียญสิบบาท...” ชมชีวันนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนใหญ่ของเธอ พยายามจดจำสกุลเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของที่พี่สาวเพิ่งสอนให้ได้

“ขนมสิบบาท จ่ายแบงค์ยี่สิบ แม่ค้าจะต้องทอนเงินมาให้สิบบาท”

“คุณเป็นใคร”

ชมชีวันเงยหน้าจากการจับจ้องเหล่าเงินตราตรงหน้า เธอหันซ้ายหันขวาไม่เห็นเจ้าของเสียงก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น จะว่าเป็นเสียงของโชติรวีก็ไม่ใช่ แต่รู้สึกได้ว่าคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินมากพอสมควร

“เสียงของผู้ใดกัน เอ่อ...เสียงของใครกัน ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นใคร”

“ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน คุณช่วยผมได้ไหม ผมอยากกลับบ้าน”

“ช่วยอย่างไร ฉันไม่เห็นคุณ ฉันต้องช่วยคุณอย่างไร” เอ่ยจบก็พยายามเงี่ยหูฟังเสียงอีกรอบ ทว่ารอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นอีก จึงกลับมาสนใจกับเงินตราที่ต้องท่องจำให้ได้ก่อน ไหนจะต้องนับหนึ่งให้ถึงหนึ่งร้อยตามที่ชื่นชีวาได้เขียนเอาไว้ให้อีก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากชมชีวันอยู่ในห้องของเธอร่วมสองชั่วโมง

“หิวรึยังชมพู ...เอ อย่าบอกว่าตั้งแต่พี่ออกจากห้องไปก็ยังไม่ได้ลุกจากเก้าอี้เลย”

“ใช่ค่ะ ฉันทบทวนสิ่งที่พี่ชบาสอน”

“ไหน ให้พี่ลองภูมิหน่อยซิ นี่เลขอะไร” ชื่นชีวาชี้ไปยังตัวเลขในกระดาษที่เธอเขียนเรียงกันเอาไว้จากหนึ่งถึงร้อย

“สามสิบแปดค่ะ”

“พูดจามีหางเสียงซะด้วย แล้วนี่ล่ะเลขอะไร”

“ยี่สิบห้าค่ะ”

“พี่ขายปากกาให้ชมพูยี่สิบห้าบาท เอาเงินมาจ่ายพี่”

“นี่ค่ะ” ชมชีวันหยิบแบงค์ยี่สอบพร้อมเหรียญห้าให้กับมือของชื่นชีวา

“ถูกต้อง เรียนรู้ทุกอย่างได้ไวแบบนี้ แสดงว่าเริ่มจำเรื่องเก่าๆ ได้แล้วใช่ไหม”

ชมชีวันส่ายหัวพร้อมอมยิ้มน้อยๆ ที่เธอทำได้ตามสิ่งที่ชื่นชีวีวาสอนก็เพราะตั้งใจเรียนรู้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับความทรงจำเก่าที่มีแม้แต่น้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่52 ไม่ได้พิศวาส

    ชมชีวันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่เพราะรู้สึกถึงกลิ่นของความสดชื่นที่หอมจนเธออธิบายไม่ถูกว่ามันเหมือนกับอะไร เปลือกตาคู่สวยเบิกกว้างได้เต็มที่ก็รีบหันไปมองข้างตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครนอนอยู่ข้างๆ ก็หันมาสำรวจเนื้อตัวของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้ายังอยู่ดีก็ถอนหายใจโล่งอก เมื่อคืนเธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำข้อตกลงกับปักษิณสิงขรเรื่องที่เธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นชายาของเขาอย่างเต็มตัว วันนี้นี่แหละที่เธอจะต้องพูดให้ได้“แล้วไปไหนล่ะเนี่ย” ว่าแล้วก็รีบมองหาครุฑหนุ่ม ทว่ากวาดสายตามองซ้ายมองขวาหาไม่เจอก็รีบลุกไปมองนอกหน้าต่าง เมื่อสายตาของเธอมองไปเห็นสระน้ำสีครามที่โอบล้อมไปด้วยรากไม้ใหญ่ และพืชพรรณไม้ดอกสีสวยพร้อมผีเสื้อบินตอมเหล่าดอกไม้อันแสนงดงามนั้นไม่ห่าง แววตาของเธอก็เป็นประกายไปพร้อมๆ กับมีรอยยิ้มขึ้นมาเปื้อนบนใบหน้าในทันที“สวยจังเลย” เอ่ยจบก็รีบสาวเท้าวิ่งลงไปยังหลังตำหนักในทันทีเมื่อมาถึงก็เห็นครุฑหนุ่มที่เปลือยท่อนบนนุ่งเตี่ยวสีแดงตัวเดียวยืนกอดอกสยายผมยาวหยิกอยู่ก่อนแล้ว ชมชีวันหยุดฝีเท้าและแอบหลาบสายตาสวามี “แล้วทำไมไม่ใส

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่51 เข้าหอ

    “มิใช่เพลาที่เจ้าจักพูดจาไร้สาระ” อชินีพาราบีบมือของมนตรามัจฉาเอาไว้แน่นเมื่อเห็นลูกสะใภ้ของเธอเริ่มจับจ้องไปยังปักษิณสิงขรและเริ่มพูดชื่อของใครที่ไม่รู้จักขึ้นมา“เงียบก่อนเถิดหนา” ชลามัจฉาจำต้องปรามหลานสาวเพราะตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ และหลายตนกำลังจับจ้องคู่บ่าวสาวกันเป็นตาเดียวชมชีวันก้มหน้างุดและขอโทษผู้อาวุโสวทั้งสองด้วยสายตา ทว่าเธอก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมปักษิณสิงขรจึงได้รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายอัคคีนัก เธอเข้าใจได้ง่ายว่าเขาไม่ใช่อัคคี เพราะจำได้ว่ามนตรามัจฉาบอกว่าตอนนี้อัคคีฟื้นแล้วในโลกของเธอ แต่นั่นก็ยังเป็นปริศนาที่เธอหาคำตอบไม่ได้อยู่ดีว่าทำว่าที่สวามีของเธอถึงได้หน้าตาเหมือนกันกับอัคคีขนาดนี้ หรือชีวิตของเธอหนีไม่พ้นอัคคีจริงๆ“จำได้ใช่ไหมว่าพิธีต่อไปเป็นอย่างไร” ชลามัจฉาอยากถามกับหลานสาวให้แน่ใจอีกรอบ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่ามนตรามัจฉาเริ่มไม่มีสมาธิ“จะ...เจ้าค่ะ” ชมชีวันตอบเสียงอ่อน ถึงเวลาแล้วสินะที่เธอจะต้องยืนขาแข็งเพื่อมอบน้ำว่านมงคลให้กับแขกเหรื่อแต่ละเผ่าพันธุ์ที่มาในงาน เท่าที่มองด้วยตาเปล่าตอนนี้เสมือนเธอกำลังมองผู้คนที่มาในงานคอนเสิร์ตอย่างไงอย่างงั้น กว่

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่50 งานอภิเษกสมรส

    ณ ตำหนักใหญ่ในวันสำคัญของเผ่าพันธุ์นกยักษ์ เหล่าสรรพสัตว์ผู้ปกครองเผ่าจากหลายเมืองมาเยือนพื้นที่แห่งนี้เพื่อเป็นสักขีพยานในวันอภิเษกสมรสของปักษิณสิงขรและมนตรามัจฉา ณ ท้องพระโรงของตำหนักที่ประดับประดาไปด้วยพืชพรรณหลากสีสันสวยงามพาสะดุดตา ทั้งยังมีอาหารหวานคาวรองรับแขกเหรื่ออยู่หลายจุด อีกทั้งยังมีเหล่าบรรดาผีเสื้อสวยงามคอยร่ายรำบ้างก็ขึ้นบินแสดงความสวยงามเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากผู้ที่เดินทางมาและให้ความจรรโลงใจไปพร้อมกันชมชีวันสวมอาภรณ์ในงานพิธีเรียบร้อย เหล่านางรับใช้ก็ขนเครื่องทองมาประดับประดาที่คอและแขนทั้งสอง“ของพวกนี้ข้าต้องสวมใส่ด้วยฤา” ชมชีวันยกมือลูบสร้อยคอเส้นหนาที่มีลวดลายกนก ทั้งมองจ้องกำไลข้อมือวงใหญ่ที่สลักเป็นเสมือนลายขนนกรอบวง“ของพวกนี้เป็นขององค์ราชินีที่ประธานให้ท่านเจ้าค่ะ ทุกอย่างล้วนเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าเมืององค์ต่อไป” บุหงาราตรีไขข้อกระจ่างให้กับเจ้าสาว‘เจ้าเมืององค์ต่อไป’ เมื่อคำพวกนี้เข้ามาในโสตประสาท เจ้าสาวแสนสวยในวันนี้ก็เริ่มสีหน้าเจื่อนลง เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอต้องเคร่งครัดในกฎเกณฑ์กว่าผู้ใด ยิ่งตอกย้ำหนักเข้าไปอีกว่าอิสระที่เธอชอบนั้นจะไม่ได้มันมาง

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่49 มิอยากเป็นรอง

    “นางคงจักพึงใจท่านปักษิณมากใช่ฤาไม่”“ใช่แล้ว” มีนามัจฉาพยักหน้าหงึกๆ“ท่าทางมัจฉารัมภากับนางมิน่าเป็นสหายกันได้”“ทั้งสองตนจากบ้านจากเมืองมาที่นี่พร้อมกัน แลในฐานะเดียวกันจึงเป็นสหายกัน คงเลือกคบมิได้ แต่ใครต่างก็มองออกว่าทั้งสองนิสัยใจคอมิเหมือนกัน สุมารีหยิ่งทระนง ส่วนมัจฉารัมภาเรียบร้อยอ่อนหวาน”“เจ้าคิดว่าหากท่านปักษิณมองเห็นแล้วจักพึงใจในนางทั้งสองฤาไม่”“ข้าคิดว่าหากท่านพี่ปักษิณคิดอยากให้นางทั้งสองมาปรนนิบัติ คงเรียกให้รับใช้นานแล้ว ท่านพี่มิต้องคิดอันใดมาก ยังไงเสียท่านพี่ก็ต้องเป็นชายาเอกเพียงตนเดียวเท่านั้น”“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็สบายใจ ข้ายอมรับว่าแม้จักมิอยากเป็นชายาผู้ใด แต่ในเมื่อต้องเป็นก็มิอยากเป็นรอง”“ท่านพี่สบายใจได้ หากท่านทำให้ท่านพี่ปักษิณมองเห็น มิมีทางที่ท่านพี่ปักษิณจักให้ใครแทนที่ท่านแน่ เชื่อข้าเถิด”ชมชีวันพยักหน้าน้อยๆ ในขณะที่สีหน้ากำลังระรื่นเมื่อนึกถึงวันข้างหน้า “อ่อ... ข้าอยากรู้ว่าพวกเราไปที่ถ้ำ

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่48 น่าสนุก

    ปักษิณสิงขรกำลังไล่ฝ่ามือสำรวจอาภรณ์ที่ทางเรือนไหมส่งมาให้ แม้นจะมองไม่เห็นแต่ก็พอจะรู้ว่าไหมที่ใช้ทอผ้าให้เป็นอาภรณ์สวมใส่ในงานพิธีอภิเษก ผู้ถักต้องเป็นผู้ที่มีความละเมียดละไมมาก“อาภรณ์นี้ละเอียดนัก ฝีมือถักทอเป็นของผู้ใดฤา”“บุหงาราตรี” รณจักรปักษามองอาภรณ์นั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมเช่นกัน“นางรับใช้ที่ท่านว่างามนักใช่ฤาไม่” ปักษิณสิงขรมีรอยยิ้มมุมปาก แม้นเขาจะเป็นผู้ที่พูดน้อยและดูไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของผู้อื่น ทว่าเขาก็จำได้ดีว่ารณจักรปักษาเคยเอ่ยชมบุหงาราตรีด้วยน้ำเสียงที่ดูหลงไหลอย่างไม่เคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว“ใช่”“ท่านถูกสร้างโดยองค์อิศวร หากท่านพึงใจนางใดคงมิใช่เรื่องยากที่ท่านจักขอประธาน”รณจักรปักษาเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อครุฑหนุ่มเอ่ยจบ เขาพอจะรู้ว่าที่ปักษิณสิงขรเอ่ยออกมาเช่นนี้คงรู้ว่าเขาพึงใจในตัวของบุหงาราตรี ทว่าแม้นเขาจะกำเนิดโดยเทพชั้นสูงแล้วอยากได้อะไรแล้วจะได้มาง่ายๆ“ข้ามิอยากบังคับจิตใจของใคร แลข้ามิสามารถละจากหน้าที่ได้”“เว้นเสียแต่ว่าข้าขอให้ท่านละจากหน้าที่”“ย้อนกลับไปคำเดิมที่ข้ามิชอบฝืนจิตใจใคร” รณจักรปักษารู้ว่าปักษิณสิงขรเอ่ยออกมาเช่นนั้นเพราะควา

  • My destiny ร่างนี้ของใคร   ตอนที่47 อยากเป็นเมียเอก

    ณ ตำหนักเล็กของสุมารีเทวี บุตรีของเผ่าสิงห์สุระ สิงโตที่ปกป้องอาณาเขตของศิลาชีวิต สิงโตสาวมีรูปลักษณ์สวยสง่า ดวงตาคมกลมโต นัยน์ตาสีอำพัน อกเป็นอกเอวเป็นเอว มีความมั่นใจในตนเองสูง สิงโตสาวในอาภรณ์พันอกอกสีแดงสดสีเดียวกับซิ่นผืนงามที่กำลังสวมใส่ เรือนผมยาวถูกปล่อยสยายละไปกับสายลมขณะที่กำลังเดินมาต้อนรับแขกที่ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นมัจฉารัมภา บุตรีของท่านพญาปลาแห่งเมือง ธารธารี ที่ถูกส่งตัวมาเมืองนี้เพื่อเป็นสนมให้กับปักษิณสิงขรเหมือนกัน“มาหาข้ามีธุระอันใดฤา” เห็นหน้ามัจฉารัมภาได้เธอก็รีบเอ่ยถามเจ้าหญิงปลาน้อยหน้าหวานในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่ยืนรออยู่ในทันที“ท่านได้ข่าวของมนตรามัจฉาแล้วใช่ฤาไม่”“หึ่...แล้วนางก็ฟื้นจนได้ ข้าล่ะภาวนาไม่อยากให้นางตื่นขึ้นมาตลอดกาลเลย” สุมารีเทวีตอบด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่พอใจนัก“เป็นเช่นนั้นท่านปักษิณก็มิอาจมองเห็นน่ะสิ” มัจฉารัมภาคิดว่าสุมารีเทวีจะดีใจเสียอีกที่ไม่นานนี้ปักษิณสิงขรจะได้มองเห็นโลกภายนอกแล้ว“หึ่...แล้วทำไมจักต้องเป็นนางด้วยที่ทำให้ท่านปักษิณมองเห็น ข้ามิเข้าใจ”“หากท่านปักษิณมองเห็น ท่านปักษิณอาจพึงใจในรูปลักษณ์ของพวกเรา แล้วให้เราได้รับใช้ในฐา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status