LOGIN“อ๋อ...เข้าใจแล้ว แล้วฉันจะใช้ชีวิตที่นี่ได้ยังไง ใครจะสอนฉัน”
“ข้านี่ไง อาจารย์คนเก่งของเจ้า” ผู้เฒ่าเต่าโพล่งเสียงดัง
ชมชีวันยังคงเงียบ สีหน้าและแววตาของเธอดูว่างเปล่า ตอนนี้ในหัวโล่งไปหมดเพราะคิดอะไรไม่ออก นี่เธอจะต้องอยู่ในร่างของเงือกสาวตนนี้อีกนานเท่าไร แล้วจะต้องทำอารมณ์ให้เป็นอย่างไรในตอนนี้ เธอใช้คำว่างงหนักได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็วันนี้ หรือควรจะคิดว่าทุกอย่างเป็นประสบการณ์ จู่ๆ ตื่นมาเป็นเงือก ใช้ชีวิตอยู่ในท้องทะเล มีอาจารย์เป็นผู้เฒ่าเต่า อะไรกันเนี่ย...
สองวันแล้วที่ชมชีวันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอมีชื่นชีวาและโชติรวีคอยสลับมาดูแลอยู่ตลอด สองพี่น้องช่วยกันหาเรื่องพูดคุยกับชมชีวันเพื่อที่จะเรียกความจำของชมชีวันกลับมาได้บ้าง ทว่าไม่เพียงหญิงสาวจำไม่ได้ แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะพูดจาภาษาโบราณ แทนตัวเองว่าข้า เรียกคนอื่นว่าเจ้า ทั้งยังชอบพูดว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่คนปกติพูดกันอีก
“ผมเอาอุปกรณ์วาดรูปมาให้พี่ดู เผื่อพี่ได้เห็นแล้วจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ชายหนุ่มช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์วัยยี่สิบกว่า เจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับพระเอกเกาหลียื่นสมุดวาดรูปพร้อมกับดินสอและกล่องสีให้กับพี่สาวคนรอง
“ข้ามิเคยเห็นสิ่งของพวกนี้ มันคืออันใดฤา”
“พี่จำไม่ได้จริงๆ เหรอ นี่มันสมุดวาดรูป แล้วนี่ก็ดินสอกับกล่องสี พี่เป็นคุณครูสอนศิลปะถ้าจำของพวกนี้ไม่ได้ผมว่าพี่หนักแล้วล่ะ หนักเลย หนักจริงๆ” โชติรวียิ้มแหย พร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ
“หรือไม่ก็คงต้องรอให้ชมพูออกจากโรงพยาบาลแล้วไปเห็นที่ที่เคยอยู่ อาจจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างก็ได้” ยิ่งเห็นอาการของน้องสาวเธอก็ยิ่งหดหู่ ก่อนหน้านี้น้องสาวของเธอแก่นแก้วอย่างกับอะไร ทว่าตอนนี้ดูเรียบร้อยเป็นคนละคน ถ้ายังจำแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ใช่ในการสอนไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าน้องสาวของเธอจะกลับไปสอนที่โรงเรียนได้เมื่อไร
“วันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วนะชมพู จะไปดูคุณอัคก่อนกลับไหม”
“ไม่ ข้ากลัว ท่านผู้นั้นน่ากลัว” ชมชีวันส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าลง เมื่อวานที่เธอเข้าไปเยี่ยมอัคคีตามที่ชื่นชีวาบอก คนที่นอนหลับใหลเต็มไปด้วยสายระโยงระยางทำเธอกลัวและหดหู่หัวใจจนไม่กล้าที่จะมอง อีกทั้งยังถูกผู้เป็นแม่ของชายหนุ่มต่อว่าเสียงดัง แม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของหญิงวัยกลางคน แต่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังผรุสวาจาใส่เธอแน่นอน
“ไม่ต้องไปก็ดีแล้ว ไปก็ถูกยัยแม่ผัวต่อว่าประชดประชันกลับมาอีก” โชติรวีเห็นดีเห็นงามกับพี่สาวคนรองที่ไม่อยากไปเยี่ยมสามีของเธอก่อนกลับ เกิดนินันท์ต่อว่าอะไรพี่สาวของเขาอีก เขากลัวว่าจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ หลังจากนั้นจะมองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่าๆ
“เลิกพูดอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์ซะทีเถอะวี” ไม่ใช่ชื่นชีวาไม่รู้ว่านินันท์นิสัยอย่างไร แต่ที่ต้องปรามโชติรวีไม่ให้พูดถึงนินันท์เพราะกลัวว่าจะทำให้ชมชีวันรู้สึกไม่ดีเปล่าๆ
“ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่”
“ยังไม่หยุดอีก รีบเก็บของแล้วพาชมพูลงไปข้างล่าง พี่จะไปเอารถมารับที่หน้าโรงพยาบาล”
“โอเค” เมื่อถูกพี่สาวคนโตถลึงตาใส่ก็เดินหน้าละห้อยและเตรียมเก็บของตามคำสั่ง
“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้านะชมพู พี่เอารถลงมาแล้วเราจะได้รีบกลับบ้านกัน จำที่พี่สอนใส่ชุดได้ใช่ไหม” ชื่นชีวายื่นเสื้อผ้าให้ชมชีวันเอาไว้เปลี่ยน จากนั้นเธอก็รีบเดินออกไปจากห้องพักฟื้นเพราะต้องรีบไปขับรถลงมาจากตึกลานจอดรถ
ชมชีวันเดินถือเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเช่นก่อนหน้าที่พี่สาวเคยสอน หญิงสาวถอดชุดของโรงพยายบาลและพับเอาไว้อย่างประณีต จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสวมชุดเดรสแขนสั้นตัวยาวสีขาวก่อนจะหยิบเสื้อคลุมคาดิแกนแขนยาวสีชมพูสวมทับอีกรอบ
“อาภรณ์นี้งาม แต่ข้ายังมิถูกใจนัก” เธอยิ้มให้ตัวเองที่หน้ากระจก จากนั้นก็หยิบชุดของโรงพยาบาลที่พับเอาไว้เรียบร้อยติดมือออกมาข้างนอกแล้วมาวางไว้ที่ปลายเตียงที่เธอได้นอนอยู่ทุกวัน
“พี่เป็นคนพับผ้าเรียบร้อยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
“ข้าทำมิถูกฤา”
“ถูกสิ แต่มันแปลก ก่อนหน้านี้พี่ถอดเสื้อผ้าได้ก็โยนเข้าตะกร้า แถมผ้าที่ซักตากเสร็จแล้วยังไม่คิดจะพับ ดึงออกจากไม้แขวนได้ก็เอายัดอัดแน่นไปในลิ้นชักไม่ได้กลัวยับสักนิด”
“ข้าจำเรื่องเหล่านั้นมิได้”
“ช่างเหอะ เรารีบลงไปกันดีกว่า ไปช้าเดี๋ยวโดนพี่ชบาบ่นอีก”
โชติรวีพาพี่สาวคนรองนั่งรถเข็นออกมารอที่หน้าโรงพยาบาล ไม่กี่วินาทีหลังจากมาถึง รถเก๋งสีขาวคู่ใจของชื่นชีวาก็ขับเข้ามาจอดรับ โชติรวีเปิดประตูให้ชมชีวันไปนั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับเมื่อเห็นพี่ตนยืนเก้ๆ กังๆ ก็จับยัดพี่ตนลงไปนั่งก่อนที่จะถูกตั้งคำถาม จากนั้นเขาก็เปิดประตูไปนั่งที่ด้านหลัง
“สิ่งนี้เรียกว่าอันใดฤา” ดวงตากลมโตมองไปรอบคันรถ
ชื่นชีวาขบเม้มริมฝีปาก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหนักใจขณะดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้น้องสาว
“พระเจ้า” โชติรวียกมือทั้งสองกุมหัวหนึบ รู้ตัวเลยว่าหลังจากนี้เขากับพี่สาวคนโตต้องกลายมาเป็นคุณครูสอนวิธีเรียนรู้การใช้ชีวิตให้พี่สาวคนรองแน่
“เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างเลย โอเคไหม” ชื่นชีวาไม่อยากอธิบายอะไรกับชมชีวันในตอนนี้ รอให้กลับไปถึงบ้านเสียก่อน ถึงตอนนั้นเธอรู้ว่าคงมีคำถามมากมายจากชมชีวัน เลยรอตอบและสอนไปทีเดียวเลยก็แล้วกัน
“โอเคที่แปลว่าตกลง” สาวเจ้าพยักหน้าน้อยๆ ให้กับพี่สาว จากนั้นเธอก็นั่งเงียบไปตลอดทาง เพราะตื่นตาตื่นใจกับภาพแปลกใหม่รอบนอกตัวรถ เธอเห็นทั้งพาหนะที่เหมือนกับสิ่งที่เธอนั่งเต็มท้องถนน บ้างก็แปลกแตกต่างกันด้วยรูปทรงและสีสัน อีกทั้งตึกรามบ้านช่องใหญ่เล็กแตกต่างกัน ภาพพวกนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังความจำเสื่อมจริงๆ หรือแท้จริงแล้วเธอไม่เคยได้อยู่ที่แห่งนี้เลยกันแน่
“พวกท่านจักรักข้าเหมือนลูกแท้ๆ จริงฤา”“เหตุใดจักมิจริงกันเล่า” เพลิงพันจักรรวบตัวพสุนทราขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมอก“ใช่แล้ว ข้านั้นก็เติบโตมากับท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม แลพวกท่านนั้นรักแลหวังดีกับข้ามิได้ต่างจากพ่อแม่แท้ๆ แลเหตุใดพวกข้าจักรักเจ้าจริงๆ มิได้เล่า”“เจ้าอยู่ที่นี่เถิดหนาอย่าหนีไปไหน ย่าเจ้า ตัวข้า แลแม่เจ้านั้นจักดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”“ข้า ข้าจักอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่...ข้ามีท่านแม่เพียงตนเดียว” พสุนทราเอ่ยจบก็ก้มหน้างุดซุกไปที่อกกว้างของผู้เป็นพ่ออัญญาภานารีหน้าเจื่อนเช่นเดียวกับเพลิงพันจักรเมื่อได้ยินพญานาคตัวน้อยเอ่ยออกมาแบบนั้น“ข้าเข้าใจเจ้าหนาพสุนทรา เจ้ายังมิต้องยอมรับข้าตอนนี้ก็ได้ แต่ข้าก็จักดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ข้าสัญญา”เพลิงพันจักรอมยิ้มให้กับอัญญาภานารี คราแรกคิดว่าชายาตนนั้นจะเสียใจกับคำพูดของพสุนทราเสียอีก โล่งใจที่ชายาตนนั้นมีเมตตาต่อพสุนทราที่กำลังไร้เดียงสา“จักมิหนีไปอีกใช่ฤาไม่เจ้าคะ” อัญญาภานารีเอ่ยถามเพลิงพันจักรหลังจากส่งพสุนทราให้สิงหลพาไปนอนแล้ว“ข้าคิดว่ามิหนีไปแล้วล่ะ แลเจ้าจักทำอย่างไรให้พสุนทรายอมรับเจ้าให้เป็นแม่”“ข้ามิคิดจักแทนที่แม่ของพสุนทราดอกเ
“หากข้ามิหนีมาเรื่องเช่นนี้คงมิเกิด หากข้ารอฟังตอนที่ท่านฟื้น ท่านพี่แลอิรวดีคงมิต้องจากไป” อัญญาภานารียังคงร้องห่มร้องให้อยู่ในอ้อมอกของเพลิงพันจักร แม้นจะออกจากท้องพระโรงมาพักที่ตำหนักของตน ทว่าความรู้สึกตกใจและภาพความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็ยังติดตาของเธอไม่หายที่เสียใจไปกว่านั้นก็เพราะรับรู้ว่าอย่างไรบูรพกันต์ก็ต้องถูกประหาร เพราะคิดจะฆ่าเธอและเขาก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของอิรวดี“เจ้าอย่าโทษตนเองเลยหนา เป็นข้าเองที่มิบอกเรื่องของอิรวดีแลพสุนทรากับเจ้า แลหากมิใช่แผนร้ายของบูรพกันต์ฤา เจ้าจึงได้เสียใจจนหนีไป”“ข้าเสียใจเหลือเกิน ข้าเสียใจเหลือเกินเจ้าค่ะ” เสียใจไปกับการสูญเสียแค่นั้นไม่พอ ตอนนี้สิ่งที่ห่วงที่สุดคือพสุนทรา พญานาคตัวน้อยจะรู้สึกเช่นไรหากได้รู้ว่าเสียผู้เป็นแม่แล้ว ไม่ว่าเพลิงพันจักรจะเอ่ยถึงสาเหตุของเรื่องว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่อย่างไรเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้น“ข้ามิคิดว่าเรื่องการกลั่นแกล้งใส่ความกันจักเป็นบ่อเกิดของเรื่องร้ายแรงเพียงนี้เลยขอรับ” รณจักรปักษาคิดว่าจะไม่พูดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นมาอีกแล้ว ทว่าความหดหู่หัวใจก็มีมากเกินเสีนจนอดระบายออก
“ท่านเพลิงพันจักร” ปักษิณสิงขรรีบดึงให้เพลิงพันจักรนั่งลง หากปล่อยให้มีเรื่องมีราวกันการไต่สวนอาจจะไม่จบ และเขาก็เชื่อไม่มีผู้ใดเชื่อคำของบูรพกันต์อยู่แล้ว ดีเสียอีกที่ครุฑหนุ่มนั่นเผยสันดานที่แท้จริงออกมา ผู้อื่นจะได้เลิกเคารพเสียที“มิจริงหนาท่านแม่ ข้ามิเคยถูกท่านพี่ล่วงเกิน” อัญญาภานารีคิดว่าจะนั่งฟังอยู่เงียบๆ ทว่าเธอก็อดส่งเสียงท้วงไม่ได้ ถึงจะถูกบูรพกันต์จับไปขังอยู่หลายเพลา ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำล่วงเกินอันใดกับเธออย่างที่กล่าวออกมา“หากอยากจักเอาชนะข้าด้วยวิธีอื่นข้ามิว่า แต่อย่าหยามเกียรติชายาของข้าโดยการพูดพล่อยๆ” เพลิงพันจักรรู้ทันบูรพกันต์ หรือแม้แต่เรื่องที่ครุฑหนุ่มพูดจะเป็นความจริงเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว“ทำไม เจ้ายอมรับความจริงมิได้ฤา” บูรพกันต์ยังคงตีสีหน้ายียวนขณะหันไปพูดกับเพลิงพันจักรเพียะ ศีตกาลที่ทนเห็นพฤติกรรมไม่สะทกสะท้านของหลานชายไม่ได้ เธอจึงต้องเดินเข้าไปสั่งสอนบูรพกันต์ให้ได้สติโดยการยกมือฟาดไปที่แก้มสากจนบูรพกันต์หน้าหัน“ทำไมเป็นเช่นนี้หนาหลานข้า หากเจ้าพูดสิ่งใดข้าย่อมเอนเอียงไปทางเจ้าเสียหมดหนาบูรพกันต์ แต่เรื่องที่เจ้าเอ่ยว่าหยามเกียรติของอัญญาภานารีข้าว่ามั
“หากเป็นเช่นนั้น ถ้าเราไปถามก็คงจักมิบอก ทางเดียวที่ข้าคิดได้ตอนนี้ก็คือการติดตามบูรพกันต์อยู่ห่างๆ” ปักษิณสิงขรเห็นว่ามันน่าจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ได้เจอกับอัญญาภานารีได้เร็วที่สุด“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แลทำอย่างไรพวกเราจึงจักอยู่ที่นี่ได้ต่อ หากเป็นเรื่องตามหาอัญญาภานารีก็มิเจอนางแล้ว”“หากบูรพกันต์รู้ว่าอัญญาภานารีอยู่ที่ใดคงมิปล่อยให้ห่างแน่ ป่านนี้ต้องกระวนกระวายเพราะถูกขังอยู่ในตำหนัก มิแน่คืนนี้เขาอาจจักกำลังหาทางออกไปจากตำหนักอีกก็เป็นได้”“เช่นนั้นเราต้องทำให้บูรพกันต์ได้ถูกปล่อยตัวในคืนนี้ ข้าเห็นว่าเป็นหน้าที่ของท่าน”“อย่างไรฤา” ปักษิณสิงขรยังไม่ค่อยเข้าใจที่เพลิงพันจักรพูดเท่าไรนักวิเวก องครักษ์ผู้ที่สนิทกับบูรพกันต์รีบเดินเข้ามาขวางหน้าเมื่อเห็นปักษิณสิงขรและรณจักรปักษากำลังตรงเข้ามายังตำหนักของบูรพกันต์“ท่านปักษิณสิงขรมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดขอรับ”“ข้าอยากคุยกับท่านบูรพกันต์”“ตอนนี้ท่านทศยันต์สั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาท่านบูรพกันต์ขอรับ”“ข้าเป็นผู้ใดเจ้าลืมไปแล้วฤา หากข้ามิขออนุญาตท่านพ่อของข้าแลข้าจักมาที่นี่ได้ฤา ถอยออกไปหากมิอยากถูกขังลืม”“ข้าให้เข้าไปมิได้ขอรับ”“
“ท่านพี่ที่แสนสุขุมแลให้เกียรติผู้อื่นบัดนี้อยู่ที่ใดเจ้าคะ”“ข้าก็ให้เกียรติเฉพาะผู้ที่ข้าอยากให้เกียรติ เจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายเถิด” บูรพกันต์วางถาดอาหารแลน้ำไว้ได้เขาก็หมุนแหวนครุฑของตนเพื่อเปิดประตูมิติ หลังจากที่ครุฑหนุ่มหายไป ประตูและหน้าต่างที่เคยเปิดก็ปิดสนิทก็มีกำแพงแก้วเข้ามาปิดกั้นไม่ให้นกยักษ์สาวนั้นหนีไปไหนได้“เหตุใดเป็นเยี่ยงนี้ไปได้” อัญญาภานารีน้ำเสียงสั่นเครือ พลางคิดย้อนเวลา เธอไม่น่าใช้แขวนครุฑกลับไปยังตำหนักของบูรพกันต์ตั้งแต่คราแรกเลย แล้วตอนนี้แหวนนั้นเขาก็เอาคืนไปแล้ว แล้วเมื่อไรเขาจะมาปลดปล่อยเธอออกไปจากที่นี่กันทางด้านเพลิงพันจักร เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงสวรรค์ชั้นกลางก็รีบลากอิรวดีไปเข้าเฝ้าองค์ราชาพญาทศยันต์และองค์ราชินีศีตกาลโดยมีปักษิณสิงขรและรณจักรปักษาตามหลังติดๆ ทั้งสี่ได้พยายามเล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นให้กับองค์ราชาและราชินีพญาครุฑทั้งสองอย่างละเอียดครู่ใหญ่เรื่องราวอันน่าปวดหัวนั้นสร้างความหนักใจให้กับพญาทศยันต์และศีตกาลไม่น้อย เพราะบูรพกันต์นั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท อีกทั้งพวกเขาทั้งสองก็ไม่ทราบได้จริงๆ ว่าอัญญาภานีหนีมาที่นี่หรือไม่“เรื่องทั้งห
“ข้าจักเป็นลมเสียให้ได้ ใยเจ้ามิคิดบอกเรื่องนี้กับแม่บ้าง” อังกาบแทบจะล้มพับในขณะที่กำลังนั่ง ดีที่โสภิณนั้นช่วยประคองเอาไว้“ข้ากลัวว่าท่านแม่จักมิอยากให้ข้ารับบุตรผู้อื่นเป็นบุตรของตนขอรับ แลตอนนี้ข้านั้นรักพสุนทราเหมือนลูกจริงๆ ข้าเองก็หาเพลาจักบอกท่านแม่กับอัญญาภานารีเช่นกัน แต่ก็มีเรื่องของเมืองศิคาลเข้ามาก่อนขอรับ”“แล้วพวกเจ้าจักทำอย่างไร ตอนนี้อัญญาภานารีหนีไปไหนมิรู้ได้ อีกทั้งพสุนทราจักต้องรับรู้เรื่องท่านพ่อกับท่านแม่ของตนเช่นไรหากเจ้าจักพรากแม่พรากลูกเช่นนี้”“เรื่องอัญญาภานารีข้าจักตามหาน้องข้าเอง ท่านก็สะสางเรื่องตรงนี้ให้จบเถิดท่านเพลิงพันจักร” ปักษิณสิงขรเอ่ยจบก็ยืนส่ายหัวน้อยๆ กับเรื่องอันน่าปวดหัวที่เกิดจากความรักแบบผิดๆ ของอิรวดีและบูรพกันต์ แม้นจะไม่มีใครบอกเขาว่าบูรพกันต์รู้สึกอย่างไรกับอัญญาภานารี แต่เขานั้นมองออกตั้งแต่งานอภิเษกของอัญญาภานารีและเพลิงพันจักรแล้ว“ข้าจักตามหาอัญญาภานารีด้วย แลหลังจากนั้นข้าจักไปสะสางกับบูรพกันต์ด้วยตัวเอง” เอ่ยกับปักษิณสิงขรจบก็หันมาจ้องหน้าอิรวดี “แลเจ้าก็ต้องไปเป็นพยานให้ข้าว่าบูรพกันต์นั้นคิดชั่วแค่ไหนกับท่านพญาทศยันต์”อิรวดีไ







