LOGINเมื่อทางที่จะทำให้น้องสาวได้จัดการคนบางคนถูกขวางทางเอาไว้ เขาจำเป็นต้องถางทาง(เธอ)...ออกไป แต่เมื่อคุณเธอไม่ยอม แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ! หนึ่งสาวร้าย ก็ปากไม่ได้จัดสักเท่าไหร่นะ แค่มีคนพูดลับหลังว่าเลี้ยงสุนัขไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง หนึ่งหนุ่มหล่อ...หล่อมาก หน้าตาคมเข้ม การแต่งกายก็เริดหรูดูดี(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่หลายครั้งถูกเรียกหลับหลังว่าคุณสำอาง เมื่อสองหนุ่มสาวมาเจอกัน ศึกนี้ใครจะชนะ?
View Moreเสียงประตูห้องพักเปิดออก ทำให้คนที่นอนหงุดหงิดอยู่บนเตียง เพราะเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ด้วยขาขวาถูกพันไว้ด้วยเฝือกพลาสติกเพื่อช่วยพยุงกระดูกที่ร้าวอยู่ไม่ให้เคลื่อนที่ผิดรูป อันเนื่องมาตอนที่รถไปชนเข้ากับต้นไม้นั้น ตัวเธอได้กระแทกเข้ากับขอบประตูอย่างรุนแรง ยังดีว่ากระจกที่แตกร้าวไม่กระเด็นมาบาดตามผิวให้เป็นรอยแผลอันน่าเกลียด ส่วนขานี่...เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปโดนอะไรมาถึงได้แตกร้าวจนต้องเข้าเฝือกนานแรมเดือนแบบนี้ จะเดินจะเหินก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย
ใบหน้านวลผ่องเรียวรูปไข่ค่อนไปทางซีดแย้มยิ้มอย่างเริงร่า ดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี เมื่อเห็นหน้าคนมาเยี่ยมในวันนี้ คนซึ่งเธออยากเจอหน้าที่สุดคนหนึ่งนับรองจากมารดา แต่รู้ดีว่าอีกฝ่ายนะยุ่งมากถึงมากที่สุด หน้าที่การงานและภาระอันหนักอึ้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขาโผล่หน้ามาหาเธอได้ อยากจะลุกขึ้นกระโดนไปโอบแขนรอบคอแล้วกดจมูกบนแก้มสากด้วยไรเคราเขียวเป็นปื้นสักสองสามฟอน แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขยับพลิกตัวที่ก็เคล็ดขัดยอกแปลบๆ ไปทั่วร่าง
“พี่ใหญ่! ดีใจจังเลยคะที่พี่ใหญ่มาเยี่ยม” เปรมมิกาเอ่ยพูดเสียงใสแจ๋ว ตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นหน้าพี่ชายต่างบิดา คนซึ่งเธอรักไม่น้อยกว่ามารดาผู้ให้กำเนิด
มือเล็กยื่นไปหาอีกฝ่ายเพราะต้องการได้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ จากผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับน้ำตาเอ่อล้นไหลคลอเบ้าอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เมื่อได้เห็นคนที่หวังดีกับเธอจริง ๆ ไม่ใช่ต่อหน้าคือหวังดี ปากบอกว่ามาเยี่ยม แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่จะถามไถ่เรื่องอาการเลยสักนิด มีแต่จะต่อว่าต่อขานที่เธอทำให้ครอบครัวอับอายขายขี้หน้า มิหนำซ้ำลับหลังยังพูดจานิทาว่าร้าย ไม่เคยหยุดพูดจาดูถูกหยามเหยียดให้เจ็บไปถึงหัวใจ อึดอัดจนอยากจะร้องไห้เสียก็หลายครั้ง แต่พอเห็นหน้าเศร้าเหงาของแม่ ทำเอาน้ำตาที่ควรจะไหลออกมาข้างนอกกลับไหลย้อนกลับเข้าไปข้างในแทน ทว่าตอนนี้...เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาได้อย่างไม่ต้องกักเก็บอีกแล้ว
“ยังไงละเรา ดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสขึ้นแล้วนี่” ผู้ที่ถูกเรียกว่า “พี่ใหญ่” เอ่ยทักด้วยใบหน้าที่แย้มยิ้มซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เห็น กายหนาแกร่งเดินไปที่หยุดริมขอบเตียง กวาดสายตามองไปทั่วร่างแบบบางในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลอย่างโล่งไปทั้งทรวงเหมือนกับยกภูเขาอก เมื่อเห็นว่าน้องสาวบาดเจ็บเพียงแค่ภายนอกจริงๆ
“นึกยังไงถึงเอาตัวไปวัดถนนแบบนั้น อยากรู้มากนักหรือไง ไอ้พื้นถนนนั่นมันหนาเท่าไหร่” ชายหนุ่มถามประชดประชัน มือแกร่งยื่นไปทาบบนศีรษะทุย เขย่ายีผมนุ่มสลวยจนฟูสยาย
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ วัดแล้วคุ้มไหม จะไปวัดอีกเมื่อไหร่ก็ช่วยบอกด้วยนะ คราวนี้พี่จะได้ส่งปอเต็กตึ้งไปคอยเก็บศพ”
อื้อฮื้อ...พี่ชายฉัน เล่นถามกันแบบนี้เลยนะ แทนที่จะถามว่าเธอเป็นยังไง เจ็บตรงไหนบ้าง ไม่มีเสียละ แต่ก็นี่แหละ นิสัยพี่ชายเธอ ปากร้ายเอาไว้ก่อน แต่ภายในนะคงเป็นห่วงเธอจะแย่แล้วละ
“พี่ใหญ่ก็ลองขับรถไปชนต้นไม้ดูบ้างซิคะ จะได้รู้ว่าเจ็บหรือว่าไม่เจ็บ” เอาดิ ถามรวนมาเธอก็ตอบรวนกลับไป
“ไม่ละ พี่มันพวกหนังบาง ไม่ปัญญาอ่อนพอจะเอาตัวเองไปวัดความหนาของพื้นถนนกับต้นไม้” ชายหนุ่มตอบแบบจิกกัดตามไปอีกนิด
“แล้วนี่ป้านาทไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ดูแลเราละ” เขาเอ่ยถามถึงนาทฤดีมารดาของอีกฝ่าย เมื่อมองไปแล้วไม่เห็น จะอยู่ในห้องน้ำก็ไม่ใช่ เพราะประตูเปิดอยู่
“แม่หรือคะ เปรมไล่ให้กลับไปบ้านแล้วละ อยู่นี่ก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายท่าเดียว ทำเอาเปรมปวดหัวมากกว่าจะรีบหายกลับไปนอนตีพุงที่บ้านอีกค่ะ” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเอือมระอา แต่น้ำเสียงของเปรมมิกากลับเต็มไปด้วยความรักมากมายจนแทบจะล้น แม่เหนื่อยกับการมาเฝ้าดูแลเธอจนไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้ว ตอนนี้เธอเองก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็เลยอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง
“พี่ใหญ่ถามถึงแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อยอย่างสงสัย ก็รอยวันพันปี แม่แทบจะไม่พูดกับการันต์เลย แบบว่ากลัวมาดเข้ม ๆ หน้าเรียบเฉยจนเย็นชาและสายตาดุ ๆ ของพี่ชายคนนี้ แม่บอกว่าเห็นทีไรหัวใจจะหยุดเต้นเสียทุกครั้ง แต่เธอมองแล้วไม่เห็นว่ามันจะดุตรงไหน ออกจะน่ามองละไม่ว่า ดวงตาสีสีสนิมแวววาวคงความรู้สึกเฉยชาเป็นเนืองนิตย์ดูมีเสน่ห์ ลึกลับและน่าค้นหาจะตายไป
“เปล่า” สองมือใหญ่สอดในกระเป๋ากางเกง เดินไปหยุดอิงขอบประตูกระจกแก้วใส มองออกไปนอกโรงพยาบาล ถนนเส้นใหญ่มีรถวิ่งขวักไขว่ไปมาอย่างน่าปวดหัว เขาไม่ชอบเข้ามาในกรุงเทพเลย รถติด อากาศไม่บริสุทธิ์ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เห็นแก่ตัวและยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองไม่เคยจะสนใจคนรอบข้าง ลองถามดูว่ารู้จักคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงหรือเปล่า เก้าในสิบหลังคือไม่รู้จัก
“พี่จะได้คุยกับเราสะดวกหน่อย”
“เรื่อง?” เปรมมิกาเอียงศีรษะมองตามร่างแผ่นหลังกว้างอย่างแปลกใจ การันต์ดูเครียดขรึมมาก ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยอยู่เป็นเนืองนิตย์อยู่แล้วยิ่งเรียบเฉยจนเหมือนกับถูกใครบล็อกเอาไว้ด้วยปูนซีเมนต์ นัยน์ตาแข็งกระด้างดุค่อนไปทางน่ากลัวเลยเชียวแหละ ฟันขาวขบกัดกลีบปากนุ่ม คิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากันจนเกือบจะผูกเป็นปม ความรู้สึกมันบอก เรื่องที่อีกฝ่ายจะคุยด้วยนั้น เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุนี่แหละ แต่มันเรื่องอะไรหว่า?...
“ที่ไปเมาจนเกิดอุบัติเหตุนะ ไม่ใช่เพราะอกหักรักคุดใช่ไหม”
อื้อฮื้อ...ถามตรงเป๊ะ ไม่อ้อมค้อมเลยพี่เรา ว่าแต่เรื่องที่เธออกเดาะนี่ ขนาดแม่อยู่ด้วยกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าเธอถูกผู้ชายที่คบหากันมาตั้งหลายปีทิ้งไปหาผู้หญิงคนใหม่ แล้วการัตน์รู้ได้ยังไง ใครปากโป้งหว่า? เซ็งจริงๆ เลย พวกพูดมากปากไม่มีหูรูดนี่
เปรมมิกาเบะหน้าอย่างเบื่อหน่าย อย่างนี้นี่เอง ญาติฝั่งบิดาถึงได้รุมประณามว่าเธอทำตัวไม่สมกับเป็นลูกของพ่อเอาเสียเลย ทำเสื่อมเสียวงศ์ตระกูล จนร่ำ ๆ อยากถามไปว่า เรื่องความรักของเธอมันเกี่ยวอะไรกับวงศ์ตระกูล ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คิดจะนับว่าเธอเป็นญาติอยู่แล้ว และที่สำคัญก็คือว่า เธอไม่ได้ใช้นามสกุลบิดาสักหน่อย เธอเป็นแค่ลูกที่คนในครอบครัวพ่อไม่ต้องการ จนถึงกับรวมหัวกันให้เงินและบังคับให้แม่ไปทำแท้งด้วยซ้ำ แม้แม่จะใจแข็งและต้านเพียงใดก็ยังเพลี่ยงพล้ำเกือบจะถูกจับกรอกยาขับออก ทว่าเธอยังโชคดีที่วันนั้นแม้การัตน์จะอายุน้อยเพียงแค่เจ็ดขวบ แต่เด็กชายตัวน้อยกลับมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ปกป้องหญิงหัวอ่อนคนหนึ่งไว้จนเธอได้เกิดมา
“คุณใหญ่!” มัญชิษฐาร้องตะโกนพร้อมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในบ้านพักอย่างเร็วรี่“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้กันผิง” การันต์เอ่ยถามพร้อมวางแก้วน้ำในมือลง อ้าแขนรับร่างเพรียวบางซึ่งโถมตัวเข้าหาอย่างกับกลัวเขาจะเป็นอะไรไปอย่างนั้นแหละ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัย“คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง” สองมือเล็กทาบเคลื่อนไปทั่วกายใหญ่พร้อมเสียงละลักละล่ำถามไถ่อย่างตื่นตระหนก“ใจเย็น ๆ นะผิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหน้าตาตื่นแบบนี้” การันต์ปลอบประโลมพร้อมดันร่างอรชนไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม“ก็คุณเปรมบอกว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ไม่ยอมไปหาหมอนี่คะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีอาการดังที่เปรมมิกาบอกไว้ ทำให้มัญชิษฐาผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างโล่งอก“หรือว่าคุณ...” ก่อนความโกรธจะเข้ามาแทนที่เมื่อคิดว่าการันต์ร่วมมือกับน้องสาวหลอกเธอมาที่นี่“ยายเปรม...ฉันเปล่านะผิง ฉันก็โดนยายน้องสาวตัวดีหลอกมาเหมือนกัน” อยากจะทั้งสมนาคุณและเขกหัวยายตัวดีช่างวางแผนนัก “ยายเปรมโทรไปบอกว่าให้รีบมาด่วน มีคนอยากเจอ ไม่คิดว่ามาถึงไม่ทันจะได้นั่งด้วยซ้ำ ผิงก็โผล่หน้ามานี่แหละ”“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ได
“แต่ฉันว่าคุณควรปล่อยเพื่อนฉันได้แล้ว” ชานนท์รีบเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังจะใจอ่อน ถ้าอยากได้เพื่อนเธอไปเป็นเพชรประดับใจ ก็ต้องพิสูจน์วัดใจกันหน่อยซิ จริงใจไม่ใช่จริงโจ้... “แล้วกรุณาออกไปจากห้องฉันด้วย ก่อนฉันจะเรียกตำรวจมาเชิญตัวคุณออกไป”อยากดึงดันอยู่เพื่อง้อมัญชิษฐาต่อ แต่เมื่อเห็นปราการด่านหนาราวยิ่งกว่ากำแพงเมืองของเพื่อนชายหัวใจสาวที่คอยปกป้องคนรักเขาอย่างไม่คิดชีวิตก็ทำให้คิดได้ว่าควรจะล่าถอยไปก่อน แล้วค่อยกลับมารุกใหม่ ถ้าดื้อนักก็ดักลักพาตัวไปที่บ้านพักเพื่อทบทวนความทรงจำหวานๆ เสียหน่อย ง้อหนักๆ มากหน่อย ขี้คร้านจะใจอ่อน“ก็ได้...ฉันจะกลับไปก่อนนะผิง แต่...” โน้มใบหน้าไปจนริมฝีปากแนบกับหูเล็ก “อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้ปล่อยเธอไงง่าย ๆ นะ...เตรียมตัวให้ดีนะที่รัก ต่อไปนี้ฉันจะรุกแบบไม่มีถอย จนกว่าจะได้เธอมาเป็นเมียเหมือนเดิม”“คุณขู่อะไรเพื่อนฉัน” ชานนท์เอ่ยถาม เมื่อเห็นเพื่อนรักอ้าปากค้าง“เปล่า แค่บอกว่าอย่าคิดหนี ถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่ จะพาไปขังลืมที่บ้านพักกับรีสอร์ทของคุณพุดจีบ...จำได้ไหมผิงที่นั่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” การันต์เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา“แ
มัญชิษฐาถอนหายใจอย่างหนักอก คำพูดการันต์คือคำไหนคำนั้น “แกไปเก็บของต่อเถอะชาช่า พรุ่งนี้เราจะได้เดินทางกันแต่เช้า ส่วนผู้ชายคนนี้เดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง” ส่งยิ้มให้เพื่อนรักที่มองมาอย่างเป็นกังวลใจ คงกลัวเธอใจอ่อน ไม่ละ...เจ็บครั้งเดียวพอแล้ว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายใจดำคนนี้อีกแล้ว “ไม่เป็นไรชาช่า ฉันเจ็บแล้วจำ”“แน่ใจนะผิง...อือ...” ชานนท์รับคำในลำคอ ก่อนสะบัดหน้าเชิดเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของต่ออย่างไม่มั่นใจในคำพูดของเพื่อนรักสักนิด รักเขาเสียขนาดนั้น เชื่อได้เหรอที่จะไม่ใจอ่อนกับคำอ้อนวอนหวาน ๆ ของอีตาหน้าหล่อนั่นนะหรือ ขนาดเธอยังต้องปั้นหน้าแข็งขืนและโกรธกรุ่นแทบตาย“เธอโชคดีมากเลยนะผิง ที่มีเพื่อนรักมากถึงขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้บอกว่าจะไปตั้งแต่เช้า จะไปไหนกัน”“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หญิงสาวพยายามสะบัดกายออกจากการเกาะกุม ทว่านอกจากจะไม่หลุดแล้วยังจมหายเข้าไปในอกกว้างมากยิ่งขึ้น“ปล่อยฉันนะ แล้วคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาคุณการันต์”“แหม...พูดจาห่างเหินจังเลยนะผิง ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง ว้า...มันน่าเสียใจจริง ๆ เลย ฉันหรืออุตส่าห์คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก” การันต
“รักสิ...พี่รักน้องเปรมมากนะ น้องเปรมถามอย่างนี้ทำไม”“ถ้ารักแล้วทำไมพี่เต็มถึงไม่เชื่อใจเปรมละคะ” บางเหตุการณ์ย่อมมีครั้งแรกและครั้งต่อไปไม่จบไม่สิ้น แต่ในความรักไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีสิ่งนี้ ‘ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ’ ดังนั้นควรคุยกันให้เข้าใจเสียก่อน ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นในครานี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคราวต่อไปเธอคงไม่ใจเย็นและไม่มีพี่ชายแสนดีคอยเตือนสติให้รู้ให้แก้ไขเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีเช่นครั้งนี้“พี่ขอโทษนะครับน้องเปรม ขอโทษที่คิดน้อยไปหน่อย” เต็มสิบยอมรับผิด เขาจะยอมให้ความรู้สึกบ้า ๆ นี่มาบั่นทอนความสุขและความรักที่เขาและเปรมมิกามีต่อกันหรือ...“พี่สัญญา ต่อไปนี้พี่จะเชื่อมั่นและเชื่อใจในความรักของเรา” “สัญญานะคะ เพราะคราวต่อไป เปรมคงไม่มาง้อแล้วล่ะ มาถึงยังเจอกับภาพบาดตาบาดใจเสียอีก เปรมก็เจ็บเป็นและน้อยใจเป็นเหมือนกัน” หญิงสาวเว้าวอนเสียงหวาน การรักกันนะง่าย แต่การจะครองรักกันอยู่กันอย่างเข้าอกเข้าใจนั้นนะยาก มีอะไรจึงควรเปิดใจพูดกันให้กระจ่างโดยไม่ใช้อารมณ์“พี่คงไม่มีสิ่งไหน หรือคำใด ๆ แก้ตัวได้ แต่พี่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” เต็มสิบกอดกระชับร่างเล็กแนบชิดจนแทบไม่มีท





