"เชี้ย! ไอ้ศิลา ไปเอาเด็กที่ไหนมาวะนั่น น่ารักว่ะมาร์ค" เทนอุทานเสียงดังกับเพื่อนนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้วยกันอย่างตื่นเต้น มองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อน
"ไงครับ มาช้านะมึงแต่กูจองตั๋วแค่ครบคนนะ รอบนี้เต็มแล้วด้วยเหลือแต่ชั้นสวีทด้านหลังว่ะ" มาร์คว่าพลางมองหน้าใส ๆ ของเด็กสาวที่โดนลากมาขาสั้น ๆ ของเธอก้าวตามจนเมื่อยหน้ามุ่ย แก้มใส ๆ แดงขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
"อืม... ก็จองสวีทดิ กูนั่งเอง" บอกเพื่อนแล้วหันไปมองหน้ายุ่ง ๆ ของคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ทั้งมุ่ยทั้งแดงแล้วเอื้อมมือไปลูบผมเปียฟู ๆ ให้อย่างเบามือ กลายเป็นภาพแปลกตาของกลุ่มเพื่อนเพราะปกติศิลาไม่เคยดูแลหรือเทกแคร์ใครไม่เคยใส่ใจใคร แม้แต่คู่ควงคนล่าสุดถึงจะให้รถใช้ให้คอนโดอยู่แต่ก็ไม่อ่อนโยนหรือคิดถนอมน้ำใจอีกฝ่ายเหมือนที่กำลังทำกับเด็กน้อยคนนี้
"ของขวัญ นี่พี่เทน พี่มาร์ค พี่โรม ทักทายพี่เขาหน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเจ้าของภาษากับเด็กน้อย ซึ่งเธอก็เงยหน้ายิ้มกว้างอย่างอัตโนมัติเหมือนเปลี่ยนช่องได้ทันที
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อของขวัญค่ะ" ภาษาที่ 1 ของเธอสำเนียงดีมากพร้อมกับยกมือไหว้อย่างน่ารักจนทำให้บรรดาชายหนุ่มยิ้มเก้อ ซึ่งชายหนุ่มแนะนำเพื่อนสนิททุกคนยกเว้นหญิงสาวที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างเทน แล้วเหลือบมองเด็กสาวด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนักจนชายหนุ่มสังเกตได้
"นี่ของขวัญน้องกู ลูกอาเพิ่งมาจากเมกาเมื่อวาน" ชายหนุ่มแนะนำคนตัวเล็กกับเพื่อน ๆ แล้วมองหาที่นั่ง ซึ่งเหลือเก้าอี้ติดกับมาร์คอยู่ตัวเดียวตัวเองเลยต้องนั่งลงไปก่อนแล้วรั้งคนตัวเล็กมานั่งบนตักหน้าตาเฉย
"แล้วน้องเขาพูดไทยได้มั้ยวะ" มาร์คหันมาพูดแล้วมองหน้าคนตัวเล็กยิ้ม ๆ อย่างถูกชะตาเพราะเขาไม่มีน้องผู้หญิง มีแต่น้องชายวัยใกล้กัน 2 คน แต่คนละแม่ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก
"น้องขวัญพูดไทยได้ค่ะ" เสียงหวานเล็ก ๆ เอ่ยขึ้นตอบเองอย่างสุภาพ
"อ่อ... งั้นอยู่เมืองไทยต้องพูดไทยนะจ๊ะ หน้าไทย ๆ ไม่ต้องฝรั่งจ๋าเนอะ" สาวเซ็กซี่ว่าขึ้นพร้อมกับมองอย่างไม่พอใจที่ตอนนี้ชายหนุ่มกอดเอวน้องน้อยของเขาไว้แล้วอีกมือก็ยกขึ้นมาลูบผมเปียจัดทรงให้เบา ๆ
"กำลังหัดพูดค่ะ มี้บอกว่าให้ศิลาสอนก่อนเปิดเทอม" คนตัวเล็กพูดขึ้นยิ้ม ๆ แล้วหันหน้าไปมองเจ้าของตักที่สบตากับเธอเข้าพอดี
"แล้วมึงคิดไงถึงพาน้องมาด้วยวะเนี่ยแล้วจะไปต่อที่ร้านได้หรือวะ" โรมถามขึ้น วันนี้พวกเขาคุยกันว่าจะไปต่อที่ร้านพี่ชายของเขาหลังจากดูหนังและกินข้าวกันเสร็จแล้ว
"กูคิดไงล่ะ ปู่กูสั่งให้เลี้ยงน้องถึงเปิดเทอม กูถึงได้ลากภาระกูมาด้วยนี่ไง" ชายหนุ่มตอบเพื่อนแล้วจับข้อมือเล็ก ๆ พลิกดูเวลาที่นาฬิกาของเธอ
"ใช่ค่ะคุณปู่บอกว่าให้ดูแลถึงเปิดเทอมน้องขวัญก็จะเข้าเรียนประจำ ตอนนี้ก็เลยมีภาระ" เด็กสาวตอบแล้วมองหน้าชายหนุ่มแล้วอมยิ้มขำ ๆ
"ยอมรับหรือจ๊ะว่าเป็นภาระของศิลาน่ะ" แมรี่ว่าเหยียด ๆ
"No น้องขวัญบอกว่าศิลาเป็นภาระ ถ้าน้องขวัญไม่มาคุณปู่ก็ให้ศิลาอยู่บ้าน น้องขวัญโดนศิลาบังคับมา" คนตัวเล็กพยายามอธิบาย ว่าเธอไม่ได้อยากมาตั้งแต่ทีแรก แต่โดนชายหนุ่มบังคับมาจริง ๆ และตอนนี้เธอก็ง่วงมาก แล้วรายชื่อหนังที่ชายหนุ่มจะดูในวันนี้เธอได้ไปดูกับพ่อแม่ของเธอมาก่อนแล้วที่ต่างประเทศ เพราะเป็นหนังแนวที่เธอชอบและถือเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่เธอได้ดูกับครอบครัวเธอเลยไม่อยากดูซ้ำอีก
"อ้าว...ไงครับพี่ศิลา ภาระน้องนะมึงนี่" มาร์คว่ายิ้ม ๆ แล้วหันไปพูดหยอกคนตัวเล็ก "ไม่เป็นไรนะน้องของขวัญ เดี๋ยวศิลาก็เปิดเทอมแล้ว"
"เยส... ศิลาเปิดเทอม น้องขวัญก็หมดภาระแล้วค่ะ" คำตอบใสของเด็กสาวเรียกเสียงหัวเราะให้ภายในกลุ่มอย่างพร้อมเพียง ชายหนุ่มหันมองคนบนตักที่ตอนนี้ยิ้มหัวเราะกับเพื่อน ๆ ของเขาอย่างน่ารัก แล้วจับหัวเล็ก ๆ โยกเบาๆ อย่างมันเขี้ยว "ยัยตัวเปี๊ยกเอ้ย"
"ปะ... ใกล้เวลาละ เราเข้าไปกันเถอะ" มาร์คเอ่ยขึ้นหลังจากดูนาฬิกาที่ข้อมือ ทำให้ทุกคนลุกขึ้นยืนเตรียมเข้าโรงหนัง ชายหนุ่มจับคนตัวเล็กบนตักยืนขึ้นแล้วจูงมือเดินไปพร้อมกับเพื่อน
"มึงจองชั้นสวีทให้กูมั้ย" ศิลาเอ่ยกับมาร์คอย่างนึกได้
"จองดิเหลือที่นึงพอดี มึงจะนั่งกับน้องหรือจะให้ผู้หญิงเขาไปนั่งกัน"
"เดี๋ยวแมรี่นั่งกับน้องก็ได้ค่ะ" สาวเซ็กซี่รีบเสนอตัวทันทีอย่างเอาใจ
"ไม่ต้อง!" เสียงห้วนเอ่ยออกไปพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเดินนำเพื่อนเข้าโรงหนัง แล้วจับนั่งที่เก้าอี้เหมือนตุ๊กตา "เอาขนมมั้ย" ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างนึกได้ ซึ่งคนตัวเล็กส่ายหน้าทันทีเพราะตอนนี้เธอง่วงมากกว่าหิว พอหนังฉายไปได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง คนตัวเล็กที่อยู่ข้างตัวก็หลับลงเพราะความง่วงที่สุดจะฝืน ศิลาก้มลงมองอย่างเอ็นดูที่ตอนนี้แขนเรียวเล็กของเธอพาดมากอดเอวหนาไว้หลวม ๆ ชายหนุ่มจึงถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่ใส่มาคลุมให้แล้วค่อย ๆ ลุกออกจากที่นั่งไปนั่งกับเพื่อนที่อยู่แถวหน้า
"อ้าว! น้องล่ะ?" เทนเอ่ยถามคนที่นั่งลงที่นั่งติดกันเสียงเบา
"หลับ สงสัยเจ็ทแลค ผิดเวลานอนด้วยแหละ จบเรื่องค่อยปลุก" ชายหนุ่มว่าตามองหน้าจอมือหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากแล้วนั่งดูกับเพื่อนจนหนังใกล้จบ
"ศิลาคะ แมรี่ไม่มีรถมา ขอแมรี่กลับด้วยนะคะ" เสียงหวานที่เอ่ยมาจากเก้าอี้อีกฝั่งของเพื่อนดังขึ้น เมื่อครู่เธอออกไปเข้าห้องน้ำแล้วจ้างพนักงานอุ้มของขวัญออกไปด้วย โดยบอกว่าน้องสาวของเธอไม่สบายให้ช่วยเอามาวางไว้ด้านข้างที่มีแท็กซี่เข้ามาจอด เพราะเธอโทรให้รถที่บ้านมารับตรงนั้น หญิงสาวยืนรอสักครู่เมื่อลับตาพนักงานเธอจึงเอาเสื้อแจ็คเก็ตของชายหนุ่มคลุมตัวเด็กสาวเอาไว้แล้วเดินกลับเข้าไปข้างในเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่ได้หรอก ไอ้ศิลามันเอาน้องมาด้วยเธอก็เห็น" เทนตอบแทนเพื่อนที่นั่งเงียบไม่พูดกับหญิงสาว
"อ้าว! เมื่อกี้ในห้องน้ำ แมรี่เห็นน้องขวัญไปล้างหน้าเธอว่าจะกลับก่อนนี่คะ" แมรี่โกหกหน้าตายทำให้ชายหนุ่มหันขวับไปมองที่โซฟาเซ็ตสวีททันที เมื่อไม่เห็นร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างที่หญิงสาวว่าจริง ๆ ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วออกจากโรงหนังเดินตรงไปยังห้องน้ำหญิงทันที ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำจนหนังเลิกแล้วเพื่อน ๆ จึงพากันเดินออกมาสมทบ
"ไม่เห็นเหรอวะ" มาร์คถามเพื่อนที่ยืนหน้ายุ่งอยู่หน้าห้องน้ำ
"ไม่ว่ะ ... เอ่อ คุณ คุณ" หันมาตอบเพื่อแล้วหันกลับไปเรียกหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีไว้ "เห็นผู้หญิงขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ประมาณหน้าอกผมนี่ ถักเปีย 2 ข้างใส่เสื้อสีเหลือง อยู่ข้างในมั้ย" ชายหนุ่มเอ่ยถามรัวเร็ว
"ไม่มีนะคะ ห้องน้ำว่างหมดเลยค่ะ" หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ แล้วเหลือบมองเลยไปที่หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มที่มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร จนต้องหุบยิ้มแล้วก้มหน้าเดินออกไปทันที
"น้องของขวัญบอกว่าจะกลับก่อนนี่คะ โตขนาดนั้นแล้วไม่ต้องห่วงหรอก แมรี่ว่าเราไปร้านกันเถอะค่ะ นะคะศิลา" แมรี่เอ่ยเสียงหวานเพื่อเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่มพลางเดินเข้าไปเกาะแขนอย่างออดอ้อน
"อย่าเอามือสกปรกมาแตะกู" ว่าพร้อมกับสะบัดแขนออกอย่างแรงแล้วเดินออกไปที่จอดรถทันที
"ศิลา มึงจะไปร้านพี่กูป่าวเนี่ย" โรมตะโกนถามเมื่อเห็นเพื่อนสวมหมวกกันน็อกเตรียมจะขับรถออกไป
"เออ...กูกลับบ้านไปรอน้องก่อน" ตะโกนตอบเพื่อนพร้อมกับบิดมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที...
............ //..........
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร