12 ปีที่แล้ว
ประเทศไทย
จังหวัดเชียงใหม่
“วันนี้หนูหม่อนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะคะที่พาหนูหม่อนมาเที่ยว”
น้ำเสียงใสกังวาลของหม่อนไหมดังขึ้นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเสมอต้นเสมอปลายก่อนที่เด็กสาวจะกอดแขนมารดาเอาไว้อย่างมีความสุข ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาลูบผมของลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้สามีที่หันมายิ้มให้เธออย่างมีความสุขเช่นกัน
“วันเกิดปีนี้แม่ขอให้หนูหม่อนเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนและน่ารักกับทุกคนตลอดไปนะคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวตัวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับคำอวยพรของมารดาก่อนที่ใบหน้าเล็กจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“หนูหม่อนสัญญาค่ะ ว่าหนูหม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวแน่นอนค่ะ”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับมารดาแต่มือเล็กกลับแอบไขว้กันเอาไว้ด้านหลังไม่ให้มารดาเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของบิดาอย่างอติรุจน์ไปได้เลย ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อพลันส่ายไปมาน้อยๆกับความแสบของลูกสาวที่คุณปู่คุณย่าถึงกับส่ายหัว
“ส่วนพ่อก็ขอให้หนูหม่อนสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ และก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขนะคะ”
“ขอบคุณนะคะพ่อ หนูหม่อนสัญญาว่าจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขและจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูหม่อนอย่างแน่นอนเชื่อใจหม่อนไหมคนนี้ได้เลย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลูกสาวตัวน้อยทำให้ม่านฟ้ากับอติรุจน์หัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่อติรุจน์จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมา แต่เพราะต้องใช้มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยทำให้กล่องของขวัญที่ข้างในเป็นสร้อยล็อกเก็ตรูปของเขากับภรรยาหล่นลงบนพื้นรถทำให้อติรุจน์พยายามยื่นมือเพื่อที่จะหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเพื่อมอบให้ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังชวนมารดาพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เมื่อหยิบกล่องของขวัญที่หล่นลงบนพื้นรถได้ในที่สุดอติรุจน์ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของเขาอย่างกะทันหัน
“คุณคะระวัง!!”
“กรี๊ด แม่ขา”
ม่านฟ้าร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจสองมือกอดหม่อนไหมที่ตกใจจนตัวสั่นเอาไว้แน่นวินาทีนั้นอติรุจน์ตัดสินใจทิ้งกล่องของขวัญในมือและบังคับพวงมาลัยหักหลบด้วยความรวดเร็วทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของม่านฟ้าก่อนที่เสียงร้องจะเงียบหายไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่ค่อยๆเต้นช้าลงของม่านฟ้ากับอติรุจน์ในใจของสองสามีภรรยาได้แต่ภาวนาให้มีรถขับผ่านมาเพื่อช่วยชีวิตแก้วตาดวงใจของพวกเขาให้รอดชีวิต
“ฮึก ฮือ ใครก็ได้ผ่านมาที อึก ขอร้อง ฮือ ผ่านมาช่วยหนูหม่อนที”
ม่านฟ้าพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อร่างกายทุกส่วนขยับเขยื้อนไม่ได้ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูก่อนหน้านี้กระอักเลือดออกมาจนเสื้อสีขาวสะอาดตากลายเป็นสีแดงฉาน ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจเมื่อต้องมองดูใบหน้าของลูกสาวที่หมดสติซุกอยู่บนอกของเธอ
“คะ ใครก็ได้ ฮือ ได้โปรด ช่วยหนูหม่อนด้วย ฮือ”
อติรุจน์น้ำตาไหลออกมาด้วยความสิ้นหวังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเศษกระจกค่อยๆหันไปมองข้างกายของตนที่มีภรรยานอนร้องไห้ด้วยความสงสารลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รอดแต่ได้โปรดให้ลูกสาวของเขามีชีวิตรอดเขาขอเพียงแค่นี้เท่านั้น
“อ๊ะ พี่หมอคะ ข้างหน้าดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุนะคะ”
แก้มใสที่กำลังนั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนรถร้องบอกสามีด้วยความตกใจเมื่อทางข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำซึ่งวายุเองก็เห็นมาแต่ไกลเช่นกัน เขารีบขับรถเข้าไปจอดข้างทางพร้อมกับหันไปด้านหลังเพื่อหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เขามักจะมีติดรถเอาไว้เสมอ
“นี่ครับพ่อ”
รามสูรที่นั่งอยู่ด้านหลังเมื่อได้ยินว่าข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุเขาก็รีบคว้ากล่องชุดปฐมพยาบาลยื่นให้บิดาทันทีก่อนที่วายุจะรับมาและรีบเปิดประตูรถวิ่งไปดูคนเจ็บโดยที่มีแก้มใสกับรามสูรลงจากรถวิ่งตามไปติดๆ
“โอ๋ แม่เจ้า”
แก้มใสยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและสะเทือนใจไปพร้อมๆกันดวงตากลมโตที่มักจะมองสามีด้วยความหวานซึ้งสบเข้ากับแววตาที่ขอร้องอ้อนวอนของม่านฟ้า ทำให้สองเท้าที่หยุดชะงักด้วยความตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวในอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที
“ชะ ช่วย หนูหม่อนด้วยค่ะ อึก”
มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยื่นไปจับมือของแก้มใสเอาไว้แน่นดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตามองแก้มใสอย่างขอร้องอ้อนวอนก่อนที่แก้มใสจะพยักหน้ารับและรีบดึงหม่อนไหมออกมาจากอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที ก่อนที่เธอจะส่งหม่อนไหมให้รามสูรที่รับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรู้สึกห่วงใยเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยสลบไสลไม่ได้สติ
“พี่หมอทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ”
แก้มใสตะโกนถามสามีที่กำลังตรวจดูอาการของอติรุจน์อยู่อีกด้านหนึ่งมือของเธอก็บีบมือของม่านฟ้าเอาไว้ราวกับต้องการบอกให้เธออดทนอีกนิดเพราะตอนนี้แก้มใสโทรไปแจ้งทางโรงพยาบาล N ให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผู้ป่วยให้ด่วนที่สุด
“สัญญาณชีพไม่ค่อยดีเลย ไม่ได้การแล้วหัวใจหยุดเต้น”
วายุที่ตอนแรกตอบคำถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลตะโกนขึ้นสุดเสียงเมื่อหัวใจของอติรุจน์หยุดเต้นก่อนที่เขาจะทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลืออติรุจน์ทันที ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจของแก้มใสเหลือเกินเธอมองสามีที่กำลังพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมีความหวัง
ในขณะที่ม่านฟ้าหันไปมองสามีด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงมือของเธอพยายามจะยื่นไปจับมือของสามีแต่สุดท้ายแล้วลมหายใจที่แผ่วเบาก็ค่อยๆหมดลงในที่สุด พร้อมกับมือบอบบางที่เคยถูกสามีเกาะกุมด้วยความทะนุถนอมค่อยๆตกลงข้างมือของอติรุจน์เป็นจังหวะเดียวกับที่วายุยอมถอดใจหยุดมือที่กำลังปั๊มหายใจเมื่อผู้ประสบอุบัติเหตุไม่มีชีพจรแล้ว
“คะ คุณคะ คุณ”
วินาทีที่มือของม่านฟ้าร่วงลงข้างๆมือของอติรุจน์น้ำตาของแก้มใสก็ไหลอาบแก้มทันทีก่อนที่เธอจะรีบยื่นมือที่สั่นเทาไปสัมผัสตรงจุดชีพจรของม่านฟ้าแต่แล้วแก้มใสก็ต้องรีบชักมือกลับคืนด้วยความตกใจเมื่อสัญญาณชีพของม่านฟ้าหายไปแล้ว
“พะ พี่หมอ เขา เขา ฮึก ไม่มีชีพจรแล้ว”
แก้มใสเงยหน้าที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตามองหน้าวายุที่ส่ายไปมาช้าๆอย่างหมดหวังก่อนที่เธอจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนมือของเธอที่ยังคงถูกม่านฟ้าเกาะกุมเอาไว้แน่นราวกับต้องการฝากฝังให้เธอช่วยลูกสาวที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวให้ปลอดภัย
“กว่ารถฉุกเฉินจะมาถึงคงอีกประมาณยี่สิบนาทีเราต้องรีบพาเด็กคนนั้นส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
วายุบอกแก้มใสที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะค่อยๆแกะมือของม่านฟ้าออกและลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่รถทันทีเพื่อพาเด็กสาวผู้รอดชีวิตไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าร่างกายของเด็กน้อยจะไม่มีบาดแผลแต่ก็ไม่แน่ว่าแรงกระแทกอาจจะทำให้อวัยวะภายในของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โรงพยาบาล N
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลวายุก็ส่งเด็กสาวให้แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินรับหน้าที่ดูแลรักษาต่อทันทีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกจะพากันเดินทางเข้าที่พักที่อยู่ภายในบริเวณของโรงพยาบาลด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“พ่อครับน้องเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ”
คำถามของรามสูรทำให้วายุที่กำลังพับแขนเสื้อถึงกับชะงักไปก่อนที่เขาจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆลูกชายที่กอดเด็กสาวผู้ประสบอุบัติเหตุเอาไว้ไม่ห่างจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ใบหน้าของเด็กชายวัยสิบสองขวบเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะปกติแล้วลูกชายคนโตของเขาเย็นชาเสียยิ่งกว่าอะไรแต่วันนี้กลับแปลกออกไป
“ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเพราะตามตัวไม่มีบาดแผล ตอนที่เราพบน้องแม่ของเขาก็กอดเอาไว้แน่นน่าจะใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังไม่ให้ลูกสาวถูกแรงกระแทกน้องก็เลยไม่มีบาดแผล”
คำตอบของบิดาทำให้สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของรามสูรค่อยๆผ่อนคลายลงก่อนที่ภาพใบหน้าของเด็กสาวที่ซบอกเขาตลอดทางที่มาโรงพยาบาลจะผุดขึ้นมาในหัว ทั้งๆที่สลบไม่ได้สติแต่บนแก้มเนียนของเธอก็ยังคงมีคราบน้ำตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนที่ประสบอุบัติเหตุเด็กสาวหวาดกลัวมากแค่ไหน
“พี่รามเป็นห่วงน้องเหรอคะ”
แก้มใสที่เดินกลับมาจากในครัวเอ่ยถามลูกชายสุดที่รักพร้อมทั้งวางแก้วน้ำส้มคั้นลงตรงหน้าของสองพ่อลูกที่ยกขึ้นมาดื่มพร้อมกันด้วยความกระหาย ก่อนที่รามสูรจะวางแก้วลงบนโต๊ะรับแขกและเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของมารดาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างรอคอยคำตอบ
“ครับแม่ พี่รามเป็นห่วงน้องๆจะเสียใจมากแค่ไหนกันนะถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จากน้องไปแล้ว”
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าน้องฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แม่จะให้คุณหมอที่โรงพยาบาลรีบส่งข่าวมาบอกทันทีพี่รามจะได้ไปเยี่ยมน้อง”
แก้มใสที่รู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวไม่แพ้กันบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่รามสูรจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้คนรอบข้างมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวไม่น้อย
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหนกันนะที่วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต