เช้าวันต่อมา
โรงพยาบาล N
แววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย
“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”
เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปาก
ในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ผิดสัญญาจนได้เมื่อหม่อนไหมก้มหน้าลงปล่อยให้หยดน้ำตาไหลร่วงลงมาอย่างไม่อาจหักห้าม
แกรก
แอด
เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้หม่อนไหมที่กำลังก้มหน้าร้องไห้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนทันทีขนตายาวราวกับปีกผีเสื้อขยับเบาๆไล่หยดน้ำตาให้กลิ้งหล่นบนแก้มเนียน แววตาที่หม่นเศร้าก่อนหน้านี้สุกใสเป็นประกายด้วยความดีใจเมื่อคนที่หม่อนไหมเฝ้ารอคอยยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
“พี่ชาย”
เพียงแค่ได้เห็นหน้ารามสูรหม่อนไหมก็ดีใจจนยิ้มกว้างออกมาทันทีร่างเล็กบอบบางกระโดดลงจากเตียงคนไข้ท่ามกลางความตกใจของช่อแก้ว ก่อนที่หม่อนไหมจะวิ่งเข้าไปหารามสูรที่ย่อตัวลงรับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้างในยามนี้หม่อนไหมรู้สึกเบิกบานใจราวกับในที่สุดเธอก็ค้นพบความสุขที่เข้ามาแทนที่ความเศร้าเสียใจของเธอแล้วนั่นก็คือพี่ชายที่แสนดีคนนี้
“ร้องไห้ทำไมคะเด็กขี้แยไหนหนูหม่อนสัญญากับพี่ชายแล้วว่าจะไม่ร้องไห้”
สองมือยกขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางของเด็กสาวอย่างปลอบโยนปากก็เอ่ยถามเด็กสาวที่เอาแต่ซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ก่อนที่สองมือเล็กที่โอบรอบคอของรามสูรอยู่จะรีบยกขึ้นเช็ดหยดน้ำตาอุ่นๆออกจากใบหน้าของเธอจนหมดจด
“หนูหม่อนเปล่าร้องไห้สักหน่อย”
เมื่อเช็ดน้ำตาจนไม่หลงเหลือคราบแล้วหม่อนไหมก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับรามสูรอย่างสดใสราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ รามสูรซ่อนแววยิ้มในดวงตาแสร้งทำท่าจนใจเมื่อดวงตาคู่งามของหม่อนไหมเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ใสซื่อไร้เดียงสาปกปิดหยดน้ำตาที่รินไหลก่อนหน้านี้
“ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ ว่าแต่ทำไมตาหนูหม่อนถึงแดงแบบนั้นล่ะคะ”
รามสูรเอ่ยถามเด็กสาวด้วยใบหน้าที่จริงจังทว่าน้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นอ่อนโยนจนเธอใจสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าแอบร้องไห้
“พี่ชาย หนูหม่อนไม่ได้ร้องไห้จริงๆนะคะ”
เด็กสาวไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยปฏิเสธเขาอย่างแข็งขันไม่สามารถปกปิดดวงตาคู่งามของเธอที่ปรากฏแววบวมช้ำเล็กน้อยเอาไว้ได้เลย
“โอเคค่ะ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง”
รามสูรไม่เซ้าซี้สาวน้อยแก้มแดงให้รู้สึกอึดอัดใจอีกต่อไปเขาอุ้มเด็กสาวขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะเดินไปที่เตียงคนไข้และปล่อยให้เธอนั่งลงบนเตียงพร้อมกับเหลือบมองข้าวต้มหมูที่เหลืออยู่เต็มถ้วยเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เจไดลูกน้องของวายุที่คอยดูแลรามสูรจะเดินถือกล่องอาหารเข้ามาส่งให้ช่อแก้วที่รีบรับไปจัดเตรียมมื้อเช้าให้หม่อนไหมทันที
“วันนี้พี่ชายทำมื้อเช้ามาฝากหนูหม่อนด้วยนะคะ”
“จริงเหรอคะ เย่ เย่ เย่ หนูหม่อนไม่ต้องกินข้าวต้มหมูแล้ว”
หม่อนไหมร้องขึ้นด้วยความดีใจเมื่อช่อแก้วเข็นโต๊ะกินข้าวสำหรับผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทานมาตรงหน้าของเด็กสาวที่แววตาสดใสเป็นประกายชวนให้หัวใจของรามสูรพลันอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
“มื้อเช้าของหนูหม่อนวันนี้มีไข่ต้มยัดไส้ กับข้าวผัดกุ้งค่ะ ถึงพี่ชายจะทำกับข้าวไม่เก่งแต่พี่ชายตั้งใจทำมื้อเช้าให้หนูหม่อนสุดฝีมือเลยนะคะ”
รามสูรบอกเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแววตาที่กำลังมองสบกับหม่อนไหมเต็มไปด้วยความจริงใจทำให้หม่อนไหมค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนที่มือเล็กดูบอบบางจะหยิบช้อนขึ้นมาและตักข้าวผัดคำโตส่งเข้าปากทำเอารามสูรได้แต่ยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดู
“กับข้าวฝีมือพี่ชายอร่อยที่สุดเลยคะ”
หม่อนไหมเอ่ยชมฝีมือของรามสูรทั้ง ๆ ที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆด้วยความเอร็ดอร่อยก่อนที่รามสูรจะวางแก้วน้ำส้มคั้นที่เขาลงมื้อคั้นเองกับมือข้างๆจานข้าวของหม่อนไหม
“ค่อยๆทานนะคะเดี๋ยวจะสำลัก”
เด็กสาวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงสร้างรอยยิ้มให้แก่ช่อแก้วที่ดีใจเป็นอย่างมากที่หม่อนไหมทานมื้อเช้าได้มากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ถึงแม้เธอจะเพิ่งมารับหน้าที่ดูแลเด็กสาวในช่วงที่พ่อเลี้ยงแสงหล้ากับแม่เลี้ยงเอื้องคำกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้
แต่ท่านทั้งสองได้บอกกับเธอแล้วว่าหม่อนไหมไม่ค่อยทานอาหารฝากให้เธอดูแลและซื้อมื้อเช้าที่เป็นของโปรดของหม่อนไหมมาให้ด้วยซึ่งช่อแก้วก็รับปากท่านทั้งสองว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนว่าดีที่สุดของเธอคงจะดีไม่เท่าคุณหนูรามสูรที่ทั้งเอาใจและใส่ใจเด็กสาวทุกอย่างทำให้ช่อแก้วรู้สึกดีใจมากที่ใบหน้าหมองเศร้าของเด็กสาวในวันแรกที่ได้พบกันค่อยๆแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“ทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพาหนูหม่อนออกไปเดินเล่นย่อยอาหารกันแล้วค่ะ”
หม่อนไหมยิ้มรับด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก
“วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนหนูหม่อนทั้งวันใช่ไหมคะ”
เด็กสาวมองหน้าพี่ชายอย่างรอคอยคำตอบหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นรามสูรเงียบไปนานก่อนที่มือเล็กของหม่อนไหมจะยื่นมาจับมือของรามสูรเอาไว้พร้อมกับสบสายตาคมของพี่ชายอย่างออดอ้อน
การกระทำของหม่อนไหมทำให้กระแสคลื่นบางอย่างไหลวนกระทบกลางใจของรามสูรอย่างไร้สุ้มเสียงบรรยากาศรอบข้างพลันเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจของรามสูรอุ่นอวลตามไปด้วย
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นกับหนูหม่อนทั้งวันจนกว่าหนูหม่อนจะเข้านอนเลยดีไหมคะ”
“เย่ เย่ ขอบคุณค่ะพี่ชาย หนูหม่อนดีใจที่สุดเลย”
หม่อนไหมขอบคุณรามสูรด้วยความตื้นตันใจหัวใจดวงน้อยๆของเด็กสาวอัดแน่นไปด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นอกจากคำว่าเธอดีใจมากเหลือเกินที่มีเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นเคียงข้างกันในวันที่เธอกำลังเศร้าโศกเสียใจ
“ไปค่ะ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็รีบชูแขนขึ้นทันทีก่อนที่รามสูรจะอุ้มเธอลงนั่งบนรถเข็นและเข็นรถพาเธอเดินออกไปยังด้านนอกโรงพยาบาลที่อากาศยังคงสดใสเหมือนเดิม เมื่อรามสูรเข็นรถพาหม่อนไหมเข้ามาที่สนามเด็กเล่นอยู่ ๆ ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งกลับค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นก่อนที่หยาดฝนจะโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้รามสูรรีบมองหาที่หลบฝนทันที
ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นบ้านสายรุ้งที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามเด็กเล่นรามสูรก็รีบอุ้มหม่อนไหมไว้ในอ้อมแขนและวิ่งพาเธอขึ้นไปหลบฝนข้างบนบ้านของเล่นหลังน้อยทันที
“พี่ชายหนูหม่อนกลัว กรี๊ดดด”
เสียงฟ้าที่ผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่นานสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักหม่อนไหมได้แต่ยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัว วงแขนแกร่งของรามสูรวาดออกไปโอบรั้งร่างเล็กบอบบางให้เข้ามาแนบชิดพร้อมกับลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของเด็กน้อยไปมาเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะคะเด็กดีพี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว”
คำพูดปลอบประโลมที่แสนอ่อนโยนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อยของหม่อนไหมให้รู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งดวงก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆคลายความหวาดกลัวและเอียงศีรษะเล็กซบไหล่รามสูรในที่สุด
“ระหว่างที่รอฝนพี่ชายเล่านิทานให้หนูหม่อนฟังดีไหมคะ”
คำพูดของรามสูรทำให้หม่อนไหมที่กำลังหลับตาเพราะความกลัวค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนที่เด็กสาวจะเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมคายของรามสูรที่หันมาสบตากับเธอเข้าพอดี
“ไม่เอานิทานเรื่องเมื่อวานนะคะ พี่ชายเล่าสามรอบจนหนูหม่อนจำได้หมดแล้วค่ะ”
รอยยิ้มของรามสูรค่อยๆหุบลงทันทีเมื่อถูกเด็กสาวว่าเข้าให้เรื่องที่เขาเล่านิทานเรื่องเดิมให้เธอฟังก่อนนอนถึงสามรอบซึ่งตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ นิทานที่เคยเล่าให้กอหญ้าฟังก่อนนอนตอนเด็กเขาก็ลืมไปหมดแล้วเพราะเขาไม่ได้สนใจที่จะจำมากนัก
เขาจำได้เพียงเรื่องเดียวที่แม่แก้มใสชอบเล่าให้ฟังก่อนนอนเท่านั้นเหตุผลที่เขาจำได้ขึ้นใจก็คงเป็นเพราะว่าแม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิมให้พวกเขาฟังแทบทุกวัน แต่เขาก็มารู้ทีหลังว่าเหตุผลที่แม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิม ๆ ให้เขากับน้องสาวฝาแฝดฟังทุกวันเป็นเพราะว่าช่วงนั้นเขาสองพี่น้องกำลังทะเลาะกันอยู่แถมยังหยุมหัวกันจนแทบหลุดเลยล่ะ
“ไม่ใช่เรื่องเดิมแน่นอนค่ะ เรื่องนี้เรื่องใหม่ล่าสุดเลยหนูหม่อนยังไม่เคยได้ฟังแน่นอนค่ะ”
แววตาของเด็กสาวฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อรามสูรบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ล่าสุดซึ่งใหม่ที่ว่านี้ก็เพราะรามสูรคิดขึ้นมาเองและกำลังเรียบเรียงเนื้อเรื่องอยู่ในหัวตอนนี้อย่างไรล่ะ
“เรื่องนี้ชื่อว่า คำอธิษฐานของเจ้าหญิงตัวน้อย”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.....
รามสูรเริ่มต้นเล่านิทานที่ตัวเขาเองเป็นคนแต่งขึ้นมาอย่างไหลลื่นเพราะในหัวของเขาเรียบเรียงเนื้อหาเสร็จสรรพตั้งแต่ตอนที่เขาบอกหม่อนไหมแล้วว่าจะเล่านิทานให้เธอฟัง เสียงที่ไพเราะรื่นหูของรามสูรราวกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ดวงตากลมโตของสาวน้อยค่อย ๆ ปิดลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
ซึ่งก่อนที่เธอจะหลับหม่อนไหมจำได้เพียงแค่รามสูรหันมาถามเธอว่าถ้าเธอเป็นเจ้าหญิงเธอจะอธิษฐานขอพรสิ่งใดจากดวงดาว ถึงแม้เธอจะไม่ได้เปล่งเสียงตอบออกไปแต่ในใจของเธอตอนนั้นอธิษฐานต่อดวงดาวว่า
“ขอให้พี่ชายอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป”
“อ้าว หลับซะแล้วหรือนิทานที่เราแต่งมันไม่สนุกวะ”
รามสูรพึมพำเสียงเบาเมื่อเขาเล่านิทานจบก็พบว่าหม่อนไหมหลับไปแล้วมือใหญ่พลันยกขึ้นลูบผมนุ่มของเด็กสาวเบาๆด้วยความเอ็นดูพร้อมกับนึกถึงนิทานที่เขาเพิ่งเล่าจบไป ถ้าหากเขาเป็นเจ้าชายในนิทานเขาคงอธิษฐานขอพรต่อดวงดาวให้เจ้าหญิงน้อยของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีรอยยิ้มในทุกวัน
รอยยิ้มละมุนละไมพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยก่อนที่รามสูรจะเหม่อมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วยหัวใจที่อบอุ่นกรุ่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าความรู้สึกนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต