เพราะต้องกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่เลี้ยงเอื้องคำต้องจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยดูแลหม่อนไหมในระหว่างที่ทั้งคู่ไม่อยู่ ซึ่งพยาบาลพิเศษที่รับหน้าที่ดูแลหม่อนไหมก็คือช่อแก้วคุณแม่ลูกหนึ่งที่เสียสามีไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอเข้าใจหม่อนไหมดีว่าเด็กสาวรู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัว
“มื้อเช้าวันนี้พี่ช่อซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ของโปรดหนูหม่อนมาฝากด้วยนะคะ”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องช่อแก้วก็ชูถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ร้านชื่อดังโชว์ให้หม่อนไหมดูทำให้ความปรีดาอันแสนหวานผุดหน่อเล็กๆขึ้นมาส่ายไหวอยู่ในหัวใจที่กำลังเศร้าหมองของเด็กสาว ดวงตากลมโตมองของกินตรงหน้าพร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้เธอจะเศร้าใจมากเพียงไรแต่เธอไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อความหิวได้เลยแม้แต่น้อย
“อาหารสำหรับผู้ป่วยรสชาติจืดชืดไปหน่อยหนูหม่อนอาจจะเบื่อ คุณย่าบอกพี่ช่อว่าหนูหม่อนชอบทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋พี่ช่อก็เลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อมาฝากหนูหม่อนค่ะ”
การกระทำที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมที่เอาแต่เงียบมาตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่คุณปู่กับคุณย่าต้องกลับไปจัดการธุระด่วนทำให้เด็กสาวยอมที่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับช่อแก้ว ดวงตากลมโตเผยแววดีใจออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นช่อแก้วก็รู้สึกดีใจมากที่เด็กสาวเริ่มตอบสนองต่อการกระทำของเธอ
“นี่ค่ะ มื้อเช้าของโปรดหนูหม่อน”
ช่อแก้ววางถาดที่มีปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ลงตรงหน้าของหม่อนไหมที่มองมื้อเช้าด้วยความรู้สึกหิวก่อนที่มือเล็กจะยื่นไปหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากินด้วยความเอร็ดอร่อยทำให้ช่อแก้วเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูเด็กสาว เมื่อวานหม่อนไหมไม่ยอมทานมื้อเย็นเลยไม่ว่าเธอจะพยายามหว่านล้อมเท่าไหร่เด็กสาวก็เอาแต่นอนมองเพดานเงียบๆก่อนที่จะหลับไปทั้งน้ำตาสร้างความกังวลใจให้แก่ช่อแก้วไม่น้อย
“อร่อยไหมคะ”
ช่อแก้วเอ่ยถามเด็กสาวที่พยักหน้ารับน้อยๆก่อนที่หม่อนไหมจะจัดการกับปาท่องโก๋สี่ชิ้นจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็วมือเล็กที่เลอะน้ำมันยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มด้วยความกระหาย รสชาติที่หวานละมุนลิ้นพร้อมกลิ่นใบเตยที่หอมกรุ่นทำให้หม่อนไหมรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“เก่งมากๆเลยค่ะเด็กดีของพี่ช่อ มาค่ะเดี๋ยวพี่ช่อเช็ดตัวให้จะได้เปลี่ยนชุดใหม่กัน”
ช่อแก้วบอกหม่อนไหมด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนที่เธอจะจัดการเก็บจานไปไว้ตรงมุมห้องเพื่อรอให้แม่บ้านมาเก็บหลังจากนั้นเธอก็จัดการเช็ดตัวให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเปลี่ยนชุดคนไข้ชุดใหม่ให้หม่อนไหมที่มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันไหมคะอากาศกำลังดีเลยไม่ร้อนมากจนเกินไปลมก็เย็นสบาย หนูหม่อนจะได้รู้สึกสดชื่นอยู่แต่ในห้องอุดอู้เกินไปค่ะ”
คำชวนของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมรู้สึกลังเลไม่น้อยเพราะความรู้สึกของเด็กสาวในยามนี้เธออยากอยู่เงียบๆเพียงลำพังแต่อีกใจหนึ่งเธอก็อยากจะออกไปนั่งเล่นในสวนเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกเศร้าเสียใจไปกับสายลม หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ๆหม่อนไหมก็ค่อยๆพยักหน้าตอบตกลงทำเอาช่อแก้วเผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจถึงแม้ตอนนี้หม่อนไหมจะยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดคุยกับเธอแต่อย่างน้อยๆเด็กสาวก็เปิดใจกับเธอมากขึ้นเพียงเท่านี้เธอก็ดีใจแล้ว
บรรยากาศด้านนอกอากาศดีท้องฟ้าปลอดโปร่งเมฆขาวลอยละล่องผีเสื้อสีขาวคู่หนึ่งโบยบินมาเกาะอยู่บนดอกไม้ดอกเล็กข้างๆทางเดินพลันสายลมพัดมาวูบหนึ่งพากลิ่นหอมของดอกแก้วลอยมาแตะจมูกของหม่อนไหมให้รู้สึกหอมสดชื่น ก่อนที่เด็กสาวจะหันไปมองยังสวนดอกไม้ที่วันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษทั้งศาลาพักใจยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ป่วยและครอบครัวทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“บรรยากาศข้างนอกดีเหมือนที่พี่ช่อบอกใช่ไหมล่ะคะ ไปค่ะเราไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้กันดีกว่าที่นั่นร่มรื่นมากพี่ช่อชอบพาคนไข้มานั่งเล่นบ่อยๆ สวนดอกไม้สวนนี้ท่านประธานโรงพยาบาลท่านลงทุนจัดสวนเองเลยนะคะเพราะภรรยาท่านชอบดอกไม้ท่านก็เลยจัดสวนไว้ให้ภรรยาของท่านเวลาที่มาเยี่ยมชมที่นี่”
ช่อแก้วเล่าถึงความเป็นมาของสวนดอกไม้ให้เด็กสาวฟังอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะเข็นรถเข็นพาเด็กสาวไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณส่งกลิ่นหอมล่อผีเสื้อให้บินร่อนไปมา หม่อนไหมปล่อยใจที่กำลังรู้สึกโศกเศร้าไปกับสายลมเย็นๆดวงตากลมโตจ้องมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้าอย่างรู้สึกผ่อนคลายก่อนที่ภาพของบิดาและมารดาจะแวบเข้ามาในหัวทำให้เด็กสาวอดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคิดถึงไม่ได้
“ร้องไห้มากๆระวังจะไม่สวยนะ”
ในขณะที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจอยู่ ๆ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างกายทำให้หม่อนไหมที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งด้วยท่าทีสบายๆทันที ดวงอาทิตย์ยามเช้าที่เพิ่งส่องแสงลงบนใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาทำให้หม่อนไหมถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พี่ชาย”
เสียงเล็กร้องเรียกคนข้างกายด้วยความตกใจปนยินดีความรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจสุดแสนจะบรรยายผุดขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยๆเมื่อในที่สุดเธอก็ได้พบกับเขาพี่ชายที่ช่วยชีวิตเธอในวันนั้น หม่อนไหมยังจำได้ดีถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่ชายที่ช่วยปลอบประโลมความหวาดกลัวของเธอให้คลายลงก่อนที่เธอจะหมดสติไป
“หึ พี่ชายนึกว่าน้องจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่ยื่นมาเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนของเด็กสาวออกให้อย่างเบามือรอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนักถูกส่งไปให้เด็กสาวข้างกายด้วยความจริงใจ
“ถ้าพี่ให้อมยิ้มแล้วหนูจะหยุดร้องไห้ไหมคะ”
รามสูรเอ่ยถามเด็กสาวที่ม่านน้ำปรากฏขึ้นปกคลุมดวงตาคู่งามอีกครั้งราวกับพร้อมจะหลั่งรินออกมาได้ทุกเมื่อก่อนที่หม่อนไหมจะหันหน้าไปอีกทางและยกมือน้อยๆขึ้นมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มป้อยๆพร้อมกับพยายามเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ออกมาเด็ดขาด
“หนูหม่อนคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีกแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูหม่อนถ้าไม่มีพี่ชายหนูหม่อนคง...อ๊ะ”
หม่อนไหมยังพูดไม่ทันจบประโยคอมยิ้มรสนมหอมหวานก็ถูกยัดเข้าไปในปากเล็กจิ้มลิ้มของเธอด้วยฝีมือของรามสูรทำเอาเด็กสาวได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง ในขณะที่พี่ชายขี้แกล้งได้แต่อมยิ้มน้อยๆด้วยความพึงพอใจเมื่อหม่อนไหมยอมกินอมยิ้มรสนมของเขา
“ถ้าไม่มีพี่ชายหนูหม่อนก็คงจะไม่ได้กินอมยิ้มรสนมของโปรดพี่ชายแล้วรู้ไหม”
“หนูหม่อนไม่ได้อยากกินสักหน่อย”
“แล้วที่อยู่ในปากใช่อมยิ้มของพี่ชายไหมคะ”
“หนูหม่อนคืนให้ก็ได้ค่ะ”
เมื่อถูกทักท้วงหม่อนไหมก็ยื่นอมยิ้มคืนให้รามสูรที่มองเธอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกล้าคืนอมยิ้มที่ตัวเองกินแล้วคืนให้เขาอย่างง่ายดาย รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรามสูรก่อนที่เขาจะยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ๆหม่อนไหม
พลันหัวใจดวงน้อยของเด็กสาวสั่นไหวใบหน้าเรียวเล็กแดงซ่านอย่างไร้สาเหตุความโศกเศร้าเสียใจก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเขินอาย ก่อนที่หม่อนไหมจะเป็นฝ่ายหลบสายตาอ่อนโยนของรามสูรที่กำลังมองมาที่เธอด้วยการหลุบตาลงมองพื้นหญ้า
“พี่ชายให้แล้วไม่เอาคืนค่ะ เพราะอมยิ้มแท่งนี้พี่ชายตั้งใจซื้อมาฝากหนูหม่อนต่างหาก”
น้ำเสียงอบอุ่นของรามสูรทำให้หม่อนไหมค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายใจดีที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกครั้ง
“ซื้อมาฝากแค่แท่งเดียวเองเหรอคะ”
“แท่งเดียวที่ไหนกัน หลายแท่งตั้งหากนี่ค่ะดอกไม้ช่อใหญ่สำหรับหนูหม่อนเด็กดี”
อมยิ้มช่อใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าหม่อนไหมที่เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นหัวใจของเด็กสาวหวานละมุนไปด้วยความปีติรอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้นก่อนที่เธอจะยื่นมือไปรับอมยิ้มช่อใหญ่มาด้วยความดีใจ รามสูรจ้องมองใบหน้าดีใจของเด็กสาวในส่วนลึกของหัวใจเขาเองก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเด็กสาวตรงหน้าของเขาเหมาะสำหรับรอยยิ้มกว้างๆมากกว่าดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“เวลาที่หนูหม่อนรู้สึกเสียใจพี่ชายอยากให้หนูหยิบอมยิ้มขึ้นมากินความหวานของอมยิ้มจะช่วยให้ความเจ็บปวดของหนูหม่อนค่อยๆจางหายไป อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะเด็กดีพี่ชายเชื่อว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูที่กำลังมองลงมาจากท้องฟ้าท่านอยากให้หนูหม่อนยิ้มมากกว่า สัญญากับพี่ชายได้ไหมคะว่าต่อจากนี้ไปหนูหม่อนจะไม่ร้องไห้และจะยิ้มกว้างๆ”
“ถ้าหนูหม่อนสัญญาว่าจะเลิกร้องไห้และยิ้มกว้างๆตามที่พี่ชายบอกพี่ชายจะซื้ออมยิ้มมาให้หนูหม่อนอีกไหมคะ”
“แน่นอนค่ะ พี่ชายคนนี้จะซื้ออมยิ้มมาฝากหนูหม่อนทุกวันเลยจนกว่าหนูหม่อนจะออกจากโรงพยาบาล”
“สัญญานะคะ”
นิ้วก้อยเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมยื่นมาตรงหน้ารามสูรอย่างขอคำมั่นสัญญาก่อนที่รามสูรจะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวก้อยกับหม่อนไหมพร้อมกับยิ้มให้เด็กสาวด้วยความจริงใจ ก่อนที่หม่อนไหมจะส่งยิ้มสดใสเป็นประกายดูอ่อนหวานน่ารักราวกับดอกไม้แย้มกลีบผลิบานตอบกลับรามสูรด้วยความจริงใจเช่นกัน
“หนูหม่อนสัญญาค่ะพี่ชายว่าต่อจากนี้ไปหนูหม่อนจะยิ้มกว้างๆพ่อกับแม่ที่อยู่บนฟ้าจะได้สบายใจ”
หม่อนไหมให้คำมั่นสัญญาแก่พี่ชายที่ช่วยชีวิตเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นถึงแม้เธอจะยังเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาแต่หม่อนไหมก็รู้ว่าเธอไม่อาจจะที่จมอยู่กับคราบน้ำตาและความเศร้าเสียใจได้อีกต่อไป สิ่งที่จะทำให้พ่อกับแม่ที่กำลังเฝ้ามองดูเธอจากบนฟ้ามีความสุขได้ก็คือรอยยิ้มที่สดใสของเธอ
วันนั้นทั้งวันรามสูรคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเด็กสาวตัวน้อยจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนรามสูรก็ยอมที่จะเล่านิทานให้หม่อนไหมฟังตามคำขอของเธออย่างไม่อิดออด น้ำเสียงอ่อนโยนที่กำลังเล่านิทานราวกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ดวงตากลมโตของหม่อนไหมค่อยๆหลับลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด มือเล็กของเธอยังคงเกาะกุมมือใหญ่ของรามสูรเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะประทับลงบนหน้าผากมนของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต