ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงเตือนจากมือถือดังรัวไม่หยุด เหมือนจะสะกิดฉันว่า “ตื่นได้แล้ว ยัยลินลี่”
ฉันค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นช้า ๆ แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านโปร่งจากระเบียงของห้องพักในโรงแรมหรู กลิ่นหมอน กลิ่นผ้าห่ม และ...กลิ่นตัวเอง มึนไปหมด
หัวฉันยังเบลอ ๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืน แถมจังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่เป็นปกติเท่าไหร่
“โอ๊ย… ปวดหัวฉิบหาย”
ใช่ค่ะ ยินดีด้วยกับตัวฉันเอง เมาค้างอย่างเป็นทางการ
ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงแหบเหมือนคนตากแอร์ทั้งคืน แล้วก็พลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียงตามสัญชาตญาณ
หวังว่าจะเจออะไรบางอย่าง... หรือ “ใครบางคน”
...แต่เปล่าเลย
ไม่มีเขา ไม่มีเสียง ไม่มีแม้แต่คำบอกลา
มีแค่กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ ที่ยังติดอยู่บนผ้าปูเตียง เหมือนจะกวนใจให้คิดวนอยู่นั่นแหละ
สายตาฉันเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ บนโต๊ะหัวเตียง
ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบมันมาด้วยหัวใจที่เต้นตุบ ๆทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะได้อ่านอะไร...
คำอธิบาย? คำลาห่วย ๆ? หรือแค่...คำว่า “โชคดีนะ” แบบไร้เยื่อใย?
แต่ถึงยังไง ฉันก็เปิดอ่านอยู่ดี
เพราะในหัวตอนนี้...
มีแค่คำถามเดียวที่ก้องชัดเหมือนเสียงลำโพงเบสหนัก
“นี่ฉันไปเผลอใจให้ผู้ชายคืนเดียวจริงเหรอวะ?”
..
“ผมมีงานต่างจังหวัดนะครับ ไว้เจอกันอีกนะลินลี่ :)”
...โอเคค่ะ
ฉันถูกเทแบบสุภาพ พร้อมอีโมจิหน้ายิ้ม แถมไม่มีเบอร์ ไม่มีไลน์ ไม่มีแม้แต่เศษไอจีให้ตามสืบ
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้ามือถือที่สั่นไม่หยุดจากแชตเข้า
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
“ลี่ เป็นไงบ้าง!?”
“กลับยัง หรือยังติดเตียง?”
“เมื่อคืนแซ่บมั้ยยะะะะ!!”
ฉันกลอกตา เหมือนลูกแก้วกำลังหมุนฟรี
ก่อนจะทิ้งตัวลงเตียงอีกครั้ง พร้อมความคิดหนึ่งที่แว่บเข้ามาในหัว...
“ลินลี่ แกอยากลองผู้ชายไม่ใช่เหรอ?”
ก็ลองแล้วไง
แต่ที่พีคคือดัน ‘ติดใจ’ ขึ้นมานี่สิ… แย่แล้วล่ะ
ฉันเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที
รีบจัดแจงตัวเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย คว้าเดรสยับ ๆ ที่ยังไม่ถึงกับดูเหมือนหนีออกจากบ้าน กับโค้ทตัวเดิมที่อาจกลบกลิ่นเมื่อคืนได้บ้าง (ก็หวังไว้อย่างนั้น) แล้วเดินออกจากห้องสวีทของโรงแรมหรูอย่างไว
รู้ตัวอีกที...
ฉันกำลังเดินเร็วเหมือนหนีพระอาทิตย์ยามเช้า กลัวมันจะจับโป๊ะแตกว่าฉันเพิ่งทำอะไรไว้เมื่อคืน
อาทิตย์ยังไม่แรงมาก แต่ใจฉันมันเหมือนจะร้อนรุ่มไปหมดแล้ว
ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องตัวเอง ฉันก็พรวดเข้าไปในห้องน้ำราวกับหนีอะไรสักอย่าง
มือหมุนก็อกฝักบัวอย่างแรง น้ำเย็น ๆ สาดลงมาบนตัว
เหมือนกำลังพยายามล้างบางฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืน หรือไม่ก็...ลบความทรงจำบางอย่างที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว
“ลินลี่ ลืมซะ...”
ฉันพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว เป็นรอบที่สิบ หรืออาจจะเกินยี่สิบเข้าไปแล้วก็ได้
แต่ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้ง ภาพคืนนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในหัว
แววตาเขา... สัมผัสนั้น... เสียงกระซิบข้างหู
โดยเฉพาะ "เขา" ผู้ชายแปลกหน้าที่ทิ้งฉันไว้แค่โน้ตสั้น ๆ กับเตียงที่ยังอุ่น
แต่... ช่างเถอะ
นั่นมันแค่ความคิดฟุ้ง ๆ ของฉัน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากลับเข้าสู่โหมดจริงจัง
โหมดลินลี่เวอร์ชันทำงาน
วันนี้ฉันมีบัญชีงบการเงินของบริษัทลูกค้ารายใหญ่ต้องจัดการ อย่างน้อย...
ตัวเลข ยังซื่อสัตย์กับฉันมากกว่าผู้ชายบางคน
และถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ฉันไม่เขว
ก็คืองาน ที่กำลังรออยู่ตรงหน้า
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้นั่งทำใจกับตัวเลขในเอกสาร เสียงกริ๊งประตูก็ดังขึ้นทันที
ติ๊ง ต่อง
แยม เพื่อนสาวสุดแสบของฉัน มาตรงเวลาเป๊ะ ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินไปเปิดประตู ทั้งที่ใจยังไม่พร้อมจะรับมือกับ “เรื่องเมื่อคืน” เท่าไหร่เลย
แยม ใบหน้ายิ้มแฉ่ง มือหนึ่งชูถุงส้มตำเหมือนถือถ้วยรางวัล
“ว่าไงลี่~ เมื่อคืนเป็นไงบ้าง เมาหนักมั้ย!?”
คำถามของแยมมาเร็วพอ ๆ กับแรงกระแทกของความทรงจำเมื่อคืนที่ถาโถมขึ้นมาอีกระลอก
มือที่สัมผัส... แววตา... เสียงลมหายใจ...
โอ๊ย! หยุดคิดได้แล้วลินลี่!
ฉันยังไม่ทันตอบ แยมก็ไม่รอ
เธอจัดการเทข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่างใส่จานอย่างคล่องแคล่ว
“มากิน แก้แฮงค์ซะเพื่อน!”
แล้วเธอก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ กระซิบเบาจนแทบเป็นเสียงลมพัด
“ว่าแต่...เมื่อคืนแกใส่ถุงป้ะ?”
“ห๊ะ? ถุงอะไร?”
ใช่ค่ะ ฉันใสใส... หน้าเหวอไปสองวิเต็ม ๆ
แยมทำหน้าคล้ายจะเท้าเอว แล้วจ้องมาแบบ “แกอย่ามาเนียน”
ฉันนิ่ง อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
“ห๊าาาา!?” เสียงหลุดมาแบบไม่ตั้งใจ งงกับคำถามที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ถามเฉย ๆ เว้ย จะได้ไม่ต้องวิ่งไปซื้อที่ตรวจฉุกเฉินให้วุ่นทีหลัง”
แยมว่าอย่างรู้ทัน
ฉันอยากกรี๊ดใจจะขาด แต่ทำได้แค่เบิกตาโตใส่เพื่อนตัวดี...
ใจฉันยังไม่พร้อมจะไปไกลขนาดนั้นจริง ๆ นะ!
ปาร์ตี้ส้มตำจบลงไปพร้อมกลิ่นปลาร้าที่ยังอ้อยอิ่งในอากาศ แต่สิ่งที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว...คือคำพูดของแยม
มันเหมือนระเบิดลูกเล็ก ๆ
ที่จุดชนวนให้ฉันต้องหวนกลับไปคิดถึง “สิ่งนั้น” อีกครั้ง—
มือของฉัน...
สัมผัสของฉัน...
ที่ไปโดนเข้าแบบตรง ๆ เต็ม ๆ โนฟิลเตอร์ โนเซ็นเซอร์
ฉันพยายามรวบรวมภาพในหัวให้ชัดที่สุด
มัน... ใหญ่
มัน... แน่น
และที่แย่ที่สุดคือ
มันดีชะมัดเลยเว้ยยย!
แค่คิดก็รู้สึกเหมือนสมองระเบิดตัวเองเบา ๆ
ฉันทิ้งตัวลงบนฟูก ร้องกรี๊ดอยู่ในใจแบบไร้เสียง
โอ๊ยย ลินลี่! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?
คือจะว่าไป ฉันก็เพิ่ง “กล้า” ทำเรื่องแบบนี้ครั้งแรกในชีวิตนะเว้ย!
มันไม่ใช่แค่ข้ามเส้น แต่คือพุ่งข้ามแบบโอลิมปิกระดับโลกเลยก็ว่าได้
แต่พอได้หายใจเข้าออกสักพัก ความเป็นเหตุเป็นผลก็เริ่มกลับมา
เอาล่ะ... ลินลี่ สติต้องมา
เขาเป็นคนแปลกหน้า
ฉันคือผู้หญิงที่กล้าบ้าบิ่นชั่วข้ามคืน
งั้น... ฉันควรจะสืบหน่อย ใช่มั้ย?
ใช่ แน่นอนว่าใช่
ไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าเขาชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน หรือมีแฟนยัง
(ถึง... ก็แอบอยากรู้บ้างนิดนึงก็เถอะ)
แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเองล้วน ๆ
จริง ๆ!
…สาบานเลยว่า "เพื่อความปลอดภัย" จริงจริ๊งงงง!
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงเตือนจากมือถือดังรัวไม่หยุด เหมือนจะสะกิดฉันว่า “ตื่นได้แล้ว ยัยลินลี่”ฉันค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นช้า ๆ แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านโปร่งจากระเบียงของห้องพักในโรงแรมหรู กลิ่นหมอน กลิ่นผ้าห่ม และ...กลิ่นตัวเอง มึนไปหมดหัวฉันยังเบลอ ๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืน แถมจังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่เป็นปกติเท่าไหร่“โอ๊ย… ปวดหัวฉิบหาย”ใช่ค่ะ ยินดีด้วยกับตัวฉันเอง เมาค้างอย่างเป็นทางการฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงแหบเหมือนคนตากแอร์ทั้งคืน แล้วก็พลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียงตามสัญชาตญาณหวังว่าจะเจออะไรบางอย่าง... หรือ “ใครบางคน”...แต่เปล่าเลยไม่มีเขา ไม่มีเสียง ไม่มีแม้แต่คำบอกลามีแค่กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ ที่ยังติดอยู่บนผ้าปูเตียง เหมือนจะกวนใจให้คิดวนอยู่นั่นแหละสายตาฉันเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ บนโต๊ะหัวเตียงฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบมันมาด้วยหัวใจที่เต้นตุบ ๆทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะได้อ่านอะไร...คำอธิบาย? คำลาห่วย ๆ? หรือแค่...คำว่า “โชคดีนะ” แบบไร้เยื่อใย?แต่ถึงยังไง ฉันก็เปิดอ่านอยู่ดีเพราะในหัวตอนนี้...มีแค่คำถามเดียวที่ก้องชัดเหมือนเสียงลำโพงเบสหนัก“นี่ฉันไปเ
ทันทีที่ประตูปิดลงเสียงดัง ปัง!เขาโถมเข้ามาราวกับคลื่นที่อดทนรอวันซัดกระแทกฝั่ง ลมหายใจร้อนผ่าวไล้เฉียดแก้ม ก่อนที่ริมฝีปากหยัก จะทาบลงมาอย่างดุดัน ราวกับเสือที่ตะครุบเหยื่อฉันสะดุ้งกับแรงจูบที่ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว ลิ้นอุ่นแทรกเข้ามา ล้ำลึก รุนแรงแฝงไปด้วยความหิวกระหายที่หวานเกินต้านมือฉันกำชายเสื้อเขาแน่น ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่ฉันยึดเหนี่ยวได้ในวินาทีนั้นมือหนาเลื่อนลงมาทาบมือฉันไว้ แล้วดึงมันขึ้น...พาชายเสื้อหลุดพ้นตัวอย่างง่ายดาย“นี่คือครั้งแรกของฉัน…” เสียงในใจตะโกนขึ้นมาเบา ๆ ฉันควรทำอะไรต่อ? ต้องตอบสนองแบบไหน? ฉันไม่เคยรู้ ไม่เคยเรียนรู้…แต่ท่ามกลางความวูบไหวและความไม่แน่ใจนั้น ร่างกายฉันกลับ ไม่ต่อต้านนิ้วเรียวสัมผัสผิวอกแน่นกระชับเหมือนผ่านการดูแลมาอย่างดีปลายนิ้วหนาเลื่อนต่ำลง..โลกทั้งใบหยุดนิ่ง เหลือเพียงเสียงหัวใจฉัน…ที่เต้นแรงจนน่ากลัว ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงยอม แต่รู้แค่ว่า… คืนนี้ ฉัน เลือกเองแล้วชุดเดรสของฉันร่วงไปกองกับพื้นชั่วพริบตา ท่ามกลางแสงสลัวในสวีทรูม แสงไฟจากตึกระฟ้าสะท้อนผ่านม่านบางระบียงสาดทาบบนผิวเปลือยของฉันเหมือนแสงไฟที่แทะเล็มร่าง แววตานิ่งแ
เสียงเพลงกระแทกเข้าโสตประสาทเหมือนคลื่นเบสที่รัวตรงกลางอก ฉันยืนอยู่ใต้ลูกไฟหลากสี ใจเต้นแรงพอ ๆ กับจังหวะดนตรีที่โหมกระหน่ำเหลือบตาไปทางแพรวกับแยม—สองสาวตัวแสบขยิบตา ส่งซิกแบบไม่ต้องพูดว่า "นั่นแหละ...เป้าหมายของคืนนี้!"กลางฟลอร์ที่แออัดด้วยคนเต้น พายุยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัว เขาเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่ตอบรับจังหวะได้อย่างลงตัว ฉันสูดหายใจลึกก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้ ก้าวตามจังหวะทีละนิด... แม้จะเต้นไม่เก่ง แต่เขานำฉันไปได้อย่างมั่นคง เราหมุนวนช้าๆ ท่ามกลางแสงไฟและผู้คน ราวกับในโลกนี้มีแค่เรามือหนาอุ่นทาบลงที่เอวฉันอย่างแนบแน่น อุณหภูมิจากฝ่ามือส่งผ่านเข้ามาเหมือนมีไฟลุกใต้ผิว แววตาคมกริบสบเข้ามาในดวงตาฉันในระยะประชิด และในวินาทีนั้น... ฉันรู้เลยว่า — คืนนี้ หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นแล้วจริง ๆหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทุกจังหวะ เหมือนกลองรบเร่งเร้าให้ร่างกายสั่นสะเทือน ไฟหลากสีหมุนวนฉายผ่านม่านตา จุดไห้แอลกอฮอล์ในเลือดที่เริ่มวิ่งพล่าน ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมาทีละนิด... มันตีขึ้นมาถึงลำคอ จุก แน่น และเริ่มควบคุมไม่ได้“ขอตัวแป๊บนะคะ...” เสียงเบาหวิวแต่สั่นคลอน กระซิบเบา ๆฉันผละตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ความรู้สึกคุ้นเคยก็ยังไม่มาสักทีฉันนั่งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวและเสียงเพลงดังระรัว สมองกับหัวใจเริ่มเถียงกันเสียงดังลั่นในหัว“อยู่ต่ออีกนิดสิ ลองเปิดใจดูหน่อย”“แต่ก็ไม่ใช่ที่ของเราเลยนะ กลับเถอะ…”มือกำแก้วแน่น สายตามองไปรอบๆ อย่างเหม่อๆแล้วจู่ๆ...สายตาทั้งคู่ก็ถูกดึงดูดราวกับแม่เหล็กเหมือนภาพเบื้องหน้าสะกดทุกอย่างให้หยุดนิ่งเขา...ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงพอดีตัวจมูกเป็นสัน คางคม ใบหน้าเรียวรับกับกรอบหน้าราวกับภาพถ่ายจากแมกกาซีนเขาก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะผ่านโลกมานับครั้งไม่ถ้วน หยุดอยู่แค่ตรงนั้น หน้าทางเข้า ทักใครบางคนสั้น ๆ แล้วเหลือบสายตามาทางนี้ชั่ววินาทีนั้น ลมหายใจฉันสะดุดเหมือนใครมากดปุ่มหยุดใบหน้าคมเงยขึ้นอีกครั้ง แววตาเฉียบคมเหลือบมาสบ เหมือนแค่ “บังเอิญ” … หรือ… มันไม่ใช่แค่บังเอิญกันแน่?และวินาทีนั้นเอง มุมปากเจ้าเสน่ห์ค่อยๆยกขึ้นแล้วยิงตรงมาที่ฉันอย่างจงใจแบบที่ทำให้ค็อกเทลในมือฉันเหมือนแรงไปในลำคอ...ฉันรู้เลยว่า คืนนี้ มันจะไม่เหมือนคืนไหนในชีวิตฉันอีกเลย“พายุ…”เสียงแหลมสูงของสาวกลุ่มหนึ่งด้านหลังดังขึ้น ทะลุผ่านจั
และแล้ว… วันนี้ก็มาถึงจริง ๆ มันก็แค่วันศุกร์ธรรมดา — วันหยุดราชการที่ควรจะเอาไว้นอนดูซีรีส์ กินข้าวกล่องแบบเดิม แต่ไม่ใช่วันนี้เพราะวันนี้... หัวใจฉันเต้นแรงราวกับกำลังจะเข้ารอบไฟนอลของเรียลลิตี้โชว์ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองสมัครไว้ตอนไหน ไม่มีสคริปต์ ไม่มีพร็อพ ไม่มีแผนสำรอง มีแค่ใจที่สั่น... กับร่างที่ถูกเซตมาเต็มแม็กซ์ตั้งแต่เช้าเสื้อโค้ทยาวคลุมเข่า…เป็นเหมือนเกราะกำบังสุดท้าย ก่อนฉันจะกลั้นใจเปิดประตูแท็กซี่ ก้าวเท้าลงตรงหน้าร้าน 669แสงนีออนกระพริบอยู่เหนือหัว ป้ายไฟสีน้ำเงินดูเย้ายวนกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา และพวกเธอก็ยืนรออยู่ตรงนั้น แพรว กับ แยม สองสาวสุดแซ่บ เพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนที่ไม่เคยปล่อยให้ชีวิตฉันเรียบเกินไปเรานัดกินข้าวบ้าง นัดเมาท์มอยบ้าง แต่คืนนี้...ไม่เหมือนทุกคืน คืนนี้คือ "คืนแรกในไนท์คลับ" ของฉัน ลินลี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แพรวก็ลากฉันตรงไปที่ห้องน้ำหญิงด้านหลังร้านทันที “ลี่! ไปเติมหน้าด่วน! ปากกับแก้มแกจืดมาก เหมือนคนเพิ่งตื่นมา แล้วโดนหลอกให้มาเที่ยว”“โห พูดขนาดนี้เลยเหรอ…” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ แต่ก็ปล่อยให้โดนลากไปแบบคนที่ปากบอกไม่ แต่ใจกำลังลุ้
เย็นวันพฤหัสฯ ก่อนวันนัด..“แกจะใส่เสื้อคอปกไปตายเหรอลี่?! เอาจริงดิ?” เสียงแพรวดังลั่นกลางร้านเสื้อผ้าเหมือนมีประกาศภัยพิบัติเกิดขึ้นตรงราวแขวนฉันยืนเกร็งอยู่หน้าห้องลองเสื้อในห้าง หัวแทบหดเข้าไปในปกเสื้อ แม่ค้าหันมามองฉันเหมือนฉันเพิ่งฆ่าความหวังของแฟชั่นทั้งร้านตายคาที่“ก็มันเรียบร้อยดีอะ...”ฉันตอบเสียงอ่อย พยายามเอามือดึงชายเสื้อให้ยาวขึ้นอีกนิด ทั้งที่มันก็ไม่ขาดไม่เกินอะไรเลย “เรียบร้อยแบบที่ต่อให้ลุคนี้ลง Tinder ก็ไม่มีใครปัดขวาน่ะสิ! แกฟังนะ วันนี้...เราจะอัปเกรดลินลี่เวอร์ชันคุณหนูบัญชีให้เป็น ลินลี่เวอร์ชันคลับเบอร์มือใหม่ เข้าใจมั้ย!”ฉันถอนหายใจอย่างหมดทางสู้ พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเดิม มองดูเดรสเกาะอกสั้น สีแดงแปร๊ดในมือแล้วก็ได้แต่พึมพำเบาๆ“นี่ฉันจะโดนจับไปรับบทใน นางเอก AVรึเปล่าวะ...”“อย่าคิดเยอะ! ใส่เลย! แล้วเดินออกมาให้ฉันเห็นความสับ!”พอเปิดม่านออกไปแพรวก็ถึงกับช็อกหงายหลังในจินตนาการ“โอ้โห!!! โอ๊ยแม่...นี่แกแอบมีหน้าอกอยู่เหรอ?! ฉันนึกว่าแฟลตกว่า spreadsheet ซะอีก!”“หยุดเลยแพรว! ฉันอาย!”“ไม่ต้องอายเว้ย!! แกสวยมาก สวยแบบ…ถ้าผู้ชายเห็นแล้วไม่เหลียวคือมั