Share

บทที่8.พายุ

last update Huling Na-update: 2025-07-04 07:15:42

ใช่แล้วค่ะ... ฉันเปลี่ยนหน้าจอคอมจากงบการเงินที่ตัวเลขยังขัดแย้งกันไปหมด

ไม่ใช่เพราะสมการไม่สมดุล แต่เพราะสมองฉันมัน ‘ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว’

มันมัวแต่ย้อนไปเมื่อคืน ภาพในหัววนซ้ำเหมือนวิดีโอที่กดรีเพลย์

...เสียงหัวเราะต่ำ ๆ นั่น

...แววตาเจ้าเล่ห์แบบที่ทำให้ฉันอยากหันหน้าหนีแต่ขากลับไม่ยอมก้าว

...และ ‘สัมผัส’ ที่มันดันจุดอะไรบางอย่างในตัวฉันขึ้นมาโดยไม่ขออนุญาต

ฉันถอนหายใจ แต่ดวงตาฉันกำลังจ้อง G****e เหมือนเป็นช่องทางสืบราชการลับ

ฉันแปลงนิ้วตัวเองให้เป็นสายสืบพิเศษทันที

มือก็ค่อย ๆ พิมพ์ลงในช่องค้นหา...

“พายุ”

ชื่อเดียวที่ฉันมี

ชื่อเดียว ที่มันดังก้องในหัวตลอดเช้านี้

...แล้วฉันก็นั่งค้างอยู่ตรงนั้น

นิ้วชะงักกลางแป้นพิมพ์ สายตาจ้องจอเหมือนคนโดนสาป

เพราะฉันไม่รู้จะต่อยังไงต่อ

ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

ไม่รู้ว่ากำลังจะเจออะไร...หรือว่าอยากเจออะไร

มีแค่เสียงในหัวที่ดังก้องอยู่เงียบ ๆ

"นี่ฉัน...กำลังจะเริ่มอะไร ที่มันควรเริ่มหรือเปล่านะ?"

แต่ในอีกมุมหนึ่งของเมือง—

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทน้ำเงินเข้ม ยืนนิ่งอยู่กลางเวทีแสงไฟสาดสว่าง

แสงแฟลชจากกล้องรอบตัวกะพริบรัวราวกับสายฟ้าในพายุ แต่ใบหน้าของเขากลับนิ่ง…ราวกับคุ้นชินกับมันทั้งหมด

 ผู้ชายที่ใคร ๆ พากันเรียกว่า ‘เพอร์เฟกต์เกินจริง’

ทั้งหน้าตาคมเข้มเหมือนรูปปั้นหินอ่อนในพิพิธภัณฑ์ยุโรป

โปรไฟล์ดีตั้งแต่เกิด

และไม่ต้องพูดถึงดีกรีนายแบบระดับนานาชาติ ที่เพียงแค่ยืนเฉย ๆ โลกก็ดูเหมือนจะหยุดหมุนเพื่อเขา

แต่ในจังหวะที่กล้องยังไม่หยุดกดชัตเตอร์

ภายใต้แววตาคมเข้มที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์นั้น...

ความคิดของเขากลับลอยไปไกล

ติดอยู่กับใบหน้าคนคนหนึ่ง ที่เพิ่งเข้ามา…

แต่กลับฝังลึกอย่างน่าประหลาด

..

ทันทีที่งานแถลงข่าวจบ พายุก็เดินเข้าไปทักทายแฟนคลับกลุ่มเล็ก ๆ ที่รออยู่ด้านหน้า

เขายิ้มบาง ยื่นลายเซ็น พร้อมพูดคุยสั้น ๆ อย่างสุภาพ

แม้จะมีคนรุมล้อม จนกระทั่ง เขาเงยหน้าขึ้น และภาพตรงหน้า...ก็ทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ

ผู้หญิงคนหนึ่งในเดรสสีแดงสด รัดรูปจนเผยส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน

ยืนยิ้มราวกับรู้ทัน

"มาริสา"

ลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดัง ผู้ครอบครองทั้งอิทธิพลในวงสังคมและฟอลโลเวอร์นับล้านในโลกออนไลน์

เธอคือนางแบบมืออาชีพวัย 30 ปี ที่รู้จักทุกจุดแข็งบนเรือนร่างตัวเอง และใช้มันอย่างมั่นใจไม่ต่างจากอาวุธ

ใบหน้าคมเฉียบรับกับกรอบหน้ารูปไข่ ผิวเนียนสีน้ำผึ้งล้อแสงแดดยามสาย เผยให้เห็นความเรียบเนียนละเอียดราวกำมะหยี่ใต้ชุดเดรสเข้ารูปเนื้อผ้าชั้นดี

ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ส้นสูงคู่หรูเคาะพื้นซีเมนต์

กึก... กึก... กึก...

...เหมือนเสียงของใครบางคนที่กำลังจะเปลี่ยนทิศทางของเกม

เธอเดินตรงเข้ามา

ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีชา ทอประกายวาวระยับ

เหมือนนักล่าที่เพิ่งพบเหยื่อในวินาทีที่อีกฝ่ายหนีไม่พ้น

“พายุ... หยุดก่อนสิคะ”

เสียงของเธอนุ่มชัด แฝงแรงกดดันบางเบา

ราวกับคำพูดนั้น...ไม่ใช่คำขอ แต่คือคำสั่งที่เธอรู้แน่ว่าเขาจะต้องได้ยิน

พายุกระชากสายตากลับ รีบหันตัวและเดินตรงขึ้นรถทันที

ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง

“อย่ามาทำแบบนี้อีก มาริสา” เขาพึมพำกับตัวเอง

ขณะมือบีบพวงมาลัยแน่น และขับออกไปจากตรงนั้น

เหมือนอยากหนีเจ้ากรรมนายเวร ในรูปของแฟนเก่าที่ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ

บนถนนทางเข้าที่ปูด้วยหินแกรนิตเรียงตัวเป็นระเบียบ

รถสปอร์ตสีดำเงาวับ แล่นเข้ามาด้วยเสียงเครื่องยนต์ต่ำ ๆ ทว่าเต็มไปด้วยอำนาจ

แสงแดดสะท้อนเงารถเป็นประกายราวกับมีแสงไฟเฉพาะทางของมันเอง

มันมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรส่วนตัวที่มีแต่ไม่กี่คนจะได้เหยียบย่างเข้าไป  คฤหาสน์ชานนวิวัฒน์

ตั้งตระหง่านอยู่กลางที่ดินกว่า 40 ไร่ บนทำเลทองของกรุงเทพฯ

ด้านหลังพวงมาลัยคือ ทายาทผู้ครองอาณาจักร

ชานน วิวัฒน์

ลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับต้น ๆ ของประเทศ เจ้าของห้างสรรพสินค้า คอนโดระดับลักชัวรี และเครือโรงแรมระดับห้าดาวในเมืองไทย  แววตาคมดุจใบมีดที่ไม่ต้องเปล่งเสียงก็ทำให้ใครหลายคนต้องถอย

เขาเติบโตท่ามกลางคำว่าหรูหรา ได้ทุกอย่างที่ต้องการตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขอ

แต่สิ่งที่ไม่มีใครเคยสอนเขาเลย...คือการรักใครโดยไม่ต้องใช้เงิน

ทันทีที่รถจอดสนิท บอดี้การ์ดชุดดำหลายคนก็รีบตรงเข้ามายืนประจำตำแหน่ง

“คุณชายครับ เจ้าสัวไม่อนุญาตให้ขับรถเองนะครับ”

พายุลดกระจกลงเล็กน้อย ยิ้มนิด ๆ แบบไม่ใส่ใจนัก

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

เขาตอบเรียบ ๆ น้ำเสียงไม่ได้สูง...แต่เด็ดขาดพอให้คนทั้งแถวยอมถอย

มือหนาผลักประตูรถออกอย่างไม่ลังเล ไม่รอใครเปิดให้ตามมารยาท เพราะพายุ ไม่เคยขออนุญาตใครในชีวิต

แม้จะเป็นคำสั่งจาก “เจ้าสัว” ตัวจริง ก็ยังไม่ใช่ข้อยกเว้น

เขาไม่ชอบให้ใครควบคุม

เพราะโลกนี้...เขาโตมากับคำว่า "ทุกอย่างซื้อได้" ยกเว้นอิสระของเขาเอง

ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับนาฬิกาหรูแบรนด์โหด เดินเข้าประตูหน้าบ้านราวกับเจ้าป่า

แต่บอดี้การ์ดทั้งแถวยังต้องเดินตาม ห่างพอไม่ให้เกะกะ—ใกล้พอจะช่วยทัน ถ้าเกิดอะไรขึ้น

เสียงรองเท้าหนังแตะพื้นหินอ่อน ดังสะท้อน ไปทั่วโถงสูงเพดาน

คฤหาสน์หลังใหญ่ที่พ่อเขาทุ่มเงินสร้างเพื่อโชว์อำนาจ แต่พายุ...กลับใช้มันแค่เป็นที่ซ่อนตัว

ของทุกอย่างในบ้านดูแพงฉิบหาย

แต่บรรยากาศมันเย็นเยียบเหมือนโรงแรมหรูที่ไม่มีแขก

โซฟาหนังแท้ไม่มีรอยยับ

โต๊ะอาหารสิบที่นั่ง แต่ไร้จาน

แชนเดอเลียร์ระยิบระยับ แต่ไม่มีใครแหงนมอง

บ้านคนรวย...ที่ไม่มีใครอยู่จริง

เพราะเขาไม่เคย "กลับบ้าน" แบบคนอื่น

พายุเดินตรงไปยังบันไดโดยไม่หัน

ไม่พูด ไม่ชี้ ไม่สั่งใคร แต่ทุกคนรู้ว่า—เขาไม่ต้องพูด คนก็ขยับตามอยู่ดี

นี่คือโลกของเขา

โลกที่ไม่มีใครบังคับเขาได้

...จนถึงตอนนี้

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่37.ปลายฟ้า ปลายทาง

    “คุณพายุครับ เราต้องเลี้ยวเข้าทางสวนมะม่วงนี้นะครับ…จะมืดแล้วด้วย มันจะโอเคจริง ๆ เหรอครับ?”บอดี้การ์ดคนสนิทของผมเริ่มลังเล น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล เพราะเส้นทางที่เรากำลังจะเข้าไปเป็นถนนดินลูกรัง ไร้แสงไฟ และทอดผ่านสวนมะม่วงเขียวครึ้ม“ขับไปตามเส้นทางที่วางไว้เถอะครับ” ผมตอบสั้น ๆอย่างไม่หวั่นไหว รถสปอร์ตคันเงาค่อย ๆ แล่นไปตามทางดิน ผ่านใบไม้ที่ปลิวตามแรงลมอ่อนยามค่ำ ผมลดกระจกลงเล็กน้อย สวนมะม่วงสองฝั่งเต็มไปด้วยผลสุกหอม กลิ่นละมุนและสีเขียวชอุ่มที่ไม่คุ้นตา เส้นขอบฟ้าเปล่งแสงสีแดงส้มเติมแต่งบรรยากาศให้ดึงดูดใจผมอย่างยิ่ง อาจเพราะมันเผยอีกด้านหนึ่ง… ด้านที่ผมไม่เคยสัมผัสข้าง ๆ เบาะ ผมวางช่อดอกไม้ พร้อมโน้ตใบหนึ่งที่เขียนคำว่า “ขอโทษ… จากใจผม” ซึ่งผมตั้งใจมอบให้หญิงสาวผู้ใสซื่อ เหมือนความหมายของชื่อเธอ ด้วยมือของผมเองรถเคลื่อนตัวช้า ๆ ลัดเลาะผ่านสวนผลไม้ของชาวบ้าน บอดี้การ์ดสลับสายตาระหว่างแผนที่กระดาษขนาดเล็กในมือกับถนนเบื้องหน้า… จนในที่สุด รถก็หยุดนิ่ง เขาหันมาช้า ๆ ก่อนเอ่ยด้วยเสียงมั่นใจ “ถึงแล้วครับ คุณพายุ ”ผมก้าวลงจากรถ อย่างไม่ไหวเอน แสงอาทิตย์สีส้มกำลังลับขอบฟ้า

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่36.เสียงหัวใจ

    ตึก…ตึก…เสียงหัวใจของ เจ้าสัวชานน เต้นหนัก ทุกก้าวของรองเท้าหนังเงาวับกระแทกพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนทั่วคฤหาสน์ ความโมโหพวยพุ่งไล่ไปตามเส้นเลือด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ ดั่งภูเขาไฟที่จวนปะทุปัง! มือหนาผลักบานประตูห้องนอนจนไม้สั่นสะเทือนภายในกลับเงียบงันเตียงเรียบกริบไร้รอยยับ ระเบียงเปิดอ้า ลมพัดผ่านม่านสีครีมไหวเอื่อย ตัดกับหัวใจของเจ้าสัวที่กำลังลุกโชนเป็นไฟ ราวกับขุมเพลิงนรก ลางสังหรณ์คลืบคลานเข้ามาเหมือนเงาดำเกาะแน่น เจ้าสัวชานน รู้สึกได้ถึงความดันเลือดพุ่งสูงทุกวินาที สายตากวาดมองรอบห้องก่อนเหลือบไปเห็น บานตู้เสื้อผ้าที่เปิดแง้ม เท้าหนักขยับเข้าใกล้ หัวใจเต้นรัวระส่ำเหมือนลุ้นผลชี้ชะตาแกร๊ก …ข้างใน…เหลือเพียง ชุดทักซิโด้สีขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีตเพื่องานในวันนี้โดยเฉพาะ แขวนอยู่กลางตู้เด่นชัดเหมือนตั้งใจจะเย้ยหยัน ใต้ไม้แขวนมีกระดาษโน้ตใบเล็ก ติดอยู่ด้วยหมุดเงิน บนกระดาษมีลายมือที่เขาจำได้แม่น “ผมขอเป็นเจ้าของหัวใจตัวเองนะครับ พ่อ”โลกทั้งใบดับวูบราวมีใครตัดกระแสไฟลงฉับพลัน เสียงทุกอย่างหายไปกลายเป็นความเงียบหนาหนักจนหูอื้อ หัวใจเต้นแรงจนเจ็บลามขึ้นขมับ ลมหายใจขาดห้วง สายตาพร่า

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่35.บรรยากาศแห่งความคาดหวัง

    เช้าวันนี้ ฉันกับแม่ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ขูดมะพร้าว คั้นน้ำกะทิ เตรียมข้าวเหนียวมูนอย่างตั้งใจ ตัดมะม่วงสุกอย่างละเมียดละไม จนตอนนี้ ข้าวเหนียวมะม่วงในกล่องถูกจัดไว้อย่างสวยงาม แต่ละกล่องแต่งด้วยดอกกล้วยไม้สดสีม่วง วางเรียงเป็นแถวสะดุดตาฉันหยิบตะกร้าไม้หวายขึ้นมา แล้วเรียงกล่องทีละใบอย่างเบามือ เพราะรู้ดีว่าหากเผลอเอียงไปแม้เล็กน้อย ความตั้งใจทั้งหมดอาจเสียหายไปทันที“เสร็จหรือยังจ้ะ ลินลี่?”“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ฉันตอบพลางเงยหน้าขึ้น ขณะวางกล่องสุดท้ายลงในตระกร้าวันนี้ ทั้งสองคนแต่งตัวเหมือนกำลังจะไปงานสำคัญระดับกรมทหาร พ่อมาในสูทเรียบกริบไร้ที่ติ ส่วนแม่ก็เลือกชุดผ้าไหมแขนกระบอกที่ดูอ่อนช้อยส่วนฉันสวมเดรสแขนกุดสีฟ้ายาวเกือบปิดข้อเท้า คลุมไหล่ด้วยผ้าเรียบสีอ่อน ทุกอย่างดูเป๊ะไปหมดราวกับภาพที่พ่อแม่ออกแบบไว้ล่วงหน้า…พ่อขับรถออกจากสวนมะม่วง ใช้เวลาไม่นานนัก…เราก็มาถึงบ้านของอเล็กซ์ บ้านไม้สักทรงไทยสีแดงทั้งหลังตั้งโดดเด่น อยู่บนที่ดินกว่าสิบไร่ เมื่อเลี้ยวรถผ่านประตูรั้วที่เปิดกว้าง เสียงเครื่องยนต์ดับลงพอดี ทั้งสามคนก็เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ฉันรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่ก้าวลงจ

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่ 34.สวนมะม่วงและหัวใจ

    ยิ่งห่างจากแสงสีและความวุ่นวาย มากเท่าไร ความโล่งใจยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้นนะ ลินลี่ เสียงหัวใจของฉันกระซิบแผ่วเบา ขณะกำมือถือเอาไว้ ก่อนจะกดปิดแล้วโยนมันลงกระเป๋าเหมือนสิ่งไร้ค่า เพราะทันทีที่ก้าวเข้าสู่พื้นที่ของครอบครัว ทุกสิ่งจากโลกภายนอกก็เหมือนไร้ความหมายไปทันทีรถเคลื่อนเข้าใกล้บ้านทีละนิด ความกดดันค่อย ๆ หลุดลอยไปทีละชั้น แสงอาทิตย์ยามอัสดงทอดผ่านสองข้างทาง สวนผลไม้ที่คุ้นตา กลิ่นมะม่วงสุกและความเขียวขจีพาฉันย้อนกลับไปสู่ความทรงจำในวัยเยาว์ฉันปีนต้นมะม่วง พลัดตกลงมา ร้องไห้เจ็บปวด พ่อแม่ต้องคอยปะคบปะหงมปลอบประโลม ความห่วงใยนั้นตีขึ้นมาอีกครั้งในใจ เพียงแค่คิด ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านเข้ามาเติมเต็มหัวใจ ฉันเผลอยิ้มกว้างดวงตาเปล่งประกายสดใส ราวกับได้สัมผัสรักแท้ที่ไม่มีข้อแม้ ความรู้สึกนั้นค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว รถเคลื่อนผ่านสวนผลไม้ไปอย่างช้าๆ กระจกลงต่ำสุดลมกระทบใบหน้าฉันเบาๆ ฉันยื่นแขนออกไปให้มือสัมผัสใบไม้ไปที่ละใบ…ทีละใบไปเรื่อยๆในที่สุด… ก็มาถึง.. บ้านไม้สองชั้นตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนมะม่วงเขียวชอุ่ม ร่มรื่นเสียงเรือที่แล่นผ่านคลองหลังบ้านดังแว่วมาเป็นระยะ ๆ เหม

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่ 33.Replay

    ผ่านมาสองวันเต็มที่ฉันปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเงียบในห้องแคบ ๆ … จนเวลาค่อย ๆ บรรเทาความอึดอัด ในใจให้จางลงทีละน้อยตอนนี้สายตาฉันหยุดนิ่งที่หน้าจอแท็บเล็ต ข่าวด่วนพาดหัวใหญ่ราวกับแถลงการณ์ทางการของผู้ทรงอำนาจ โดดเด่นจนกลบข่าวฉาวเมื่อวานไปหมดสิ้น“เจ้าสัวชานนท์วิวัฒน์ ประกาศยืนยันพิธีหมั้นของบุตรชายเพียงคนเดียว ‘พายุ’ กับ ‘มาริสา’ นางแบบชื่อดังและทายาทของตระกูลเดอลากูล อย่างเป็นทางการ วันอาทิตย์นี้ ที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา”ตัวอักษรบนหน้าจอชัดเจนเหมือนกำลังตบหน้าฉันเต็มแรง ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา…ก็แค่ความฝันสั้น ๆ ที่ไม่เคยมีอยู่จริง ฉันปิดแท็บเล็ตลงอย่างเด็ดขาด สูดลมหายใจเข้าลึก บังคับให้หัวใจที่สั่นไหวกลับมาเข้าที่ กดความเจ็บแน่นไว้ข้างใน แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง“พอแล้ว…ดราม่าทั้งหมด จบแค่นี้” เพราะโลกไม่ได้หยุดหมุนแค่วันนี้ ฉันยืดหลังตรง ตั้งใจจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า วันนี้คือวันที่ต้องกลับราชบุรี ตามสัญญากับครอบครัว แต่ยังไม่ทันได้ขยับ เสียงวิดีโอคอลจากมือถือก็ดังขึ้น นิ้วเรียวสไลด์รับแทบจะทันที ราวกับกลัวว่าถ้าช้าไปจะกลายเป็นความผิดซ้ำภาพบนหน้าจ

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่32.Spotlight Lies

    “ลินลี่… เธอจะแจ้งตำรวจไหม?” แพรวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงขณะที่สายตาเธอจ้องมาที่ฉัน ตอนที่ปลายนิ้วกำลังเช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากแก้ม“ไม่เป็นไรหรอก แพรว..แยม”เสียงฉันเบา ราวกับยังไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเองด้วยซ้ำ“เธอ… แน่ใจนะ ลี่?” แยมเอ่ยซ้ำ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นฉันถอนหายใจลึก ๆ ก่อนตอบออกไปอย่างไม่ง่ายดาย “ฉัน..แน่ใจ”แพรวพยักหน้าช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยความเข้าใจ ก่อนจะพูดตรงไปตรงมา“ฉันรีบมาเลยนะ ตอนเห็นภาพผู้หญิงใส่เดรสครีมนั้นแค่เสี้ยววินาที ฉันก็มั่นใจว่าเป็นแก แต่ฟังนะ ลี่…ฉันกับแยมไม่เคยคิดจะตำหนิแกหรอก อย่างน้อยสิ่งที่แกเลือกทำ มันก็คือการลองออกจากกรอบเดิม ถึงจะเจ็บ ถึงจะทิ้งรอยแผลไว้…แต่มันก็คือประสบการณ์ ที่ไม่มีใครแย่งไปจากแกได้”แยมขยับเข้ามาใกล้ ยกมือแตะไหล่ฉันเบาๆ “แต่แกน่าจะบอกพวกเรานะ ว่าแอบไปเดทกับพายุ อย่างน้อยฉันกับแพรวจะได้ดูอยู่ข้างหลังคอยกันไม่ให้ใครทำร้ายแก”ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาของแยมที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ทั้งหนักแน่น ทั้งห่วงใย ก่อนที่คำพูดจะพรั่งพรูออกมา“ลินลี่…แกเดินเร็วเกินไปแล้วนะ ลองถอยกลับมาสักก้าวได้ไหม? สำคัญที่สุด…เป็นไปได้ออกมาจากตรงนั้นเถอะ ที่ผ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status