Share

PLAYBOY : 3

Author: C
last update Huling Na-update: 2024-11-22 12:17:32

​Pream Part

.

“อันนี้ถุงที่มีน้องอยู่นะคะ”

ฉันมองตามที่คุณหมอชี้ ภาพขาวดำที่ปรากฏขึ้นบนจอเหมือนเป็นคำยืนยันทุกอย่าง ในท้องฉันมีเด็กคนหนึ่งกำลังเจริญเติบโตอยู่จริง ๆ

ฉันขยำผ้าปูเตียงด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง ดีใจ หรือเสียใจ ถ้าฉันท้องเพราะมีคนรักหรือมีสามีอยู่แล้วคงไม่รู้สึกแบบนี้ แต่นี่ฉันท้องทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเลย ท้องเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคืนนั้นคืนเดียว....

“เอ๋...”

“อะไรเหรอคะคุณหมอ” ฉันข่มความรู้สึกทั้งหมดและถามออกไป เมื่อคุณหมอจ้องจอนั้นด้วยความสงสัย

“เหมือนว่า...จะมีสองถุงนะคะ”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“คุณพริมาตามีน้องอยู่สองคนในท้องค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด”

“ระ...เรื่องจริงหรือคะ”

“จริงค่ะ ดูนี่สิคะ” คุณหมอชี้ไปที่บนจอซึ่งปรากฏถุงเล็ก ๆ สองถุงที่ถูกกั้นด้วยผนังบาง ๆ “มีสองถุง แปลว่าท้องแฝดค่ะ”

“...” ฉันพูดไม่ออกและเผลอกัดปากตัวเองจนเจ็บ ถุงที่หมอชี้ให้ดูมีก้อนเล็ก ๆ นอนนิ่งอยู่ในนั้น มันมีทั้งหมดสองถุงอย่างที่หมอบอกจริง ๆ

“เหมือนว่าจะได้ยินเสียงหัวใจแล้วนะคะ คุณพริมาตาจะฟังเสียงหัวใจน้องไหมคะ”

“ฟังค่ะ...”

ตึก ตึก ตึก

“นี่เป็นเสียงของคนขวาค่ะ เต้นปกตินะคะ”

ตึก ตึก ตึก

“ส่วนนี่เป็นเสียงของคนซ้าย เต้นปกติเหมือนกัน น้องทั้งคู่แข็งแรงนะคะ”

“ค่ะ...” ฉันได้แต่ตอบรับไปสั้น ๆ เพราะกำลังสนใจเด็กสองคนที่อยู่บนจอสี่เหลี่ยม ​เสียงหัวใจของที่ฉันได้ยินทำให้รับรู้ได้ถึงการมีชีวิตของพวกเขา​ แม้จะยังไม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตา ยังไม่ดูอะไรไม่ออกเลยนอกจากเงาดำ ๆ กับเสียงหัวใจที่หมอให้ฟังเมื่อครู่ แต่ฉันก็ยังอยากที่จะมองพวกเขา

ลูกของฉัน

“สรุปแล้วคุณพริมาตาตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์กับอีกสามวันนะคะ เดี๋ยวหมอขอเช็กขนาดตัวน้องและน้ำหนักหน่อยว่าตรงตามเกณฑ์ไหม”

“ได้ค่ะ”

“อืม...” คุณหมอจ้องจอที่ประมวนผลต่าง ๆ ได้อย่างทันสมัย ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ “คนขวานี่น่าจะตัวโตกว่านะคะ เพราะตัวน้องยาว 1.7 เซนติเมตรแล้ว น้ำหนักหนึ่งกรัมพอดี แต่คนซ้ายที่ตัวเล็กว่าหน่อย ขนาดตัวยาว 1.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 0.85 กรัมค่ะ”

“แล้วถ้าตามเกณฑ์ เด็กอายุเท่านี้ต้องขนาดตัวแค่ไหน หนักเท่าไหร่เหรอคะคุณหมอ”

“ความยาวตัว 1.5 เซนติเมตร หนักหนึ่งกรัมค่ะ”

“แล้วแบบนี้จะเป็นอะไรไหมคะ” ฉันรีบถามทันทีเมื่อคุณหมอบอกแบบนั้น เพราะเมื่อกี้ที่คุณหมอบอกมานอกจากเด็กฝั่งขวาที่น้ำหนักเป็นไปตามเกณฑ์แล้ว ที่เหลือไม่มีอะไรตรงตามเกณฑ์ซักอย่าง ความเป็นห่วงจากไหนไม่รู้พุ่งขึ้นมาจนทำให้ร้อนรนไปหมด คุณหมอสาวยิ้มให้อย่างใจดีเมื่อเห็นท่าทีนั้น ก่อนจะแตะปลายนิ้วลงบนข้อมือของฉันเบา ๆ เพื่อให้ฉันสงบลง

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งคู่ การที่ตั้งท้องเด็กแฝดแล้วจะมีเด็กที่ตัวโตกว่า และอีกคนตัวเล็กกว่าเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เลยค่ะ ถ้ายังไม่มากจนน่าห่วงก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ความเครียดของแม่ส่งผลต่อเด็กในท้องมาก เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเครียด เพื่อลูกนะคะ”

“ค่ะ ฉันจะไม่เครียด”

“ดีมากค่ะ ท่องไว้นะคะ เพื่อลูก”

หมอพูดจบก็หันไปเขียนข้อมูลต่าง ๆ ลงสมุด ฉันเลยหันไปมองหน้าจออีกครั้งก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ตอนนี้ฉันยังจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ มันอัดอั้นอยู่ในใจจนต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเพื่อระบายมันออกไปบ้าง แต่แล้วสุดท้ายฉันก็หลุดยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าเด็กที่อยู่ในถุงขวาแอบขยับไปมาเล็กน้อย

“ตัวโตแล้วยังดิ้นเก่งอีกนะคะคนนี้” คุณหมอที่เห็นเหมือนกันเอ่ยแซวออกมา ฉันส่งยิ้มให้คุณหมอ แต่ตายังคงจ้องมองลูกที่กลับไปนอนนิ่งอีกครั้ง

แม้ตอนนี้ฉันจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเองควรรู้สึกแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่มีทางปฏิเสธได้คือฉันกำลังท้องจริง ๆ และเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นลูกของฉัน ไม่ว่าจะเกิดจากความรักหรือความผิดพลาด แต่พวกเขาก็เป็นลูกของฉัน

“ท้องแฝดต้องดูแลตัวเองมากหน่อยนะคะ" คุณหมอบอกสิ่งควรทำหลังจากอัลตร้าซาวด์​เสร็จ "ต้องระวังเป็นสองเท่า ยิ่งช่วงแรก ๆ ยิ่งต้องระวัง ห้ามทำอะไรที่กระทบกระเทือนค่ะ”

“ออกกำลังกายก็ไม่ได้ใช่ไหมคะ” ฉันรีบถามคุณหมอทันที เพราะปกติแล้วฉันชอบออกกำลังกายมาก แต่ถ้าคุณหมอห้ามคงต้องเลิกอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยก็ตอนที่ยังมีแฝดอยู่ในท้องแบบนี้ อ้วนไม่เป็นไร หุ่นเสียก็ไม่เป็นไร ขอให้ลูกปลอดภัยไว้ก่อน

ฉันอดทึ่งกับตัวเองไม่ได้ที่จู่ ๆ รู้สึกแบบนี้ขึ้นมา นี่สินะที่เขาเรียกว่าสัญชาติญาณของความเป็นแม่ แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าลูกแต่ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขาได้อย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนั้น

“ออกกำลังกายได้ค่ะ แต่ต้องรอให้พ้นช่วงสิบสองสัปดาห์แรกไปก่อน และสามารถออกได้แบบเบา ๆ เท่านั้น เน้นการออกกำลังกายที่ไม่กระทบกระเทือนมาก อย่างการวิ่งเร็ว ๆ หมอไม่แนะนำนะคะ”

“แล้วเรื่องการกินล่ะคะ”

“เรื่องอาหารสามารถทานได้ปกติค่ะ มีแค่อาหารบางอย่างที่ควรเลี่ยง เดี๋ยวหมอจะมีสมุดคู่มือให้ พยายามคุมให้น้ำหนักตัวขึ้นไม่เกินสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัมนะคะ” หมออธิบายให้ฉันฟังอย่างใจเย็น “ช่วงนี้คุณพริมาตาอาจจะทานอะไรไม่ค่อยได้เพราะแพ้ท้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทานข้าวให้ครบทุกมื้อและต้องครบทั้งห้าหมู่นะคะ อดทนหน่อยนะคะคุณแม่”

“คะ...คุณแม่หรือคะ” ฉันชะงักไปเมื่อได้ยินคุณหมอเรียกแบบนั้น คุณแม่งั้นเหรอ คำเรียกนี้มันไม่ชินหูเลย แต่ทำไมหัวใจของฉันถึงได้พองฟูขนาดนี้

ใช่...ฉันกำลังจะเป็นคุณแม่ของเด็กแฝดสองคน

ก่อนหน้านี้แม้จะรู้ตัวว่ากำลังตั้งท้อง แต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเท่ากับตอนที่ได้ยินคนอื่นเรียกตัวเองว่าคุณแม่แค่คำเดียว มันเหมือนเป็นคำที่ตอกย้ำสถานะของฉันให้เด่นชัดว่าตอนนี้ฉันกำลังมีหน้าที่ใหม่ที่แสนยิ่งใหญ่รออยู่

หน้าที่ของ แม่

“หมอเรียกได้หรือเปล่าคะ พอดีชินเวลาเรียกคนไข้ที่กำลังตั้งครรภ์น่ะค่ะ”

“เรียกได้ค่ะ” ฉันเอ่ยอนุญาต “มันแค่ยังไม่ชินน่ะค่ะ”

“ท้องแรกก็แบบนี้แหละค่ะ แล้วจะฝากครรภ์เลยไหมคะ ฝากแล้วครั้งหน้าถ้าคุณพ่อไม่ติดธุระก็มาด้วยกันนะ จะได้รู้วิธีดูแลภรรยาและลูกด้วย”

“คือ...” ฉันอึกอักเมื่อหมอพูดถึงคนเป็นพ่อ ฉันไม่คิดที่จะบอกผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วว่ากำลังอุ้มท้องลูกของเขา ภาพของชายหญิงที่เถียงกันเมื่อชั่วโมงก่อนยังติดตา ฉันไม่อยากให้ตัวเองต้องไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผู้ชายรักสนุกแบบเขาไม่มีทางรับได้ถ้ารู้ว่าเผลอทำผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนด้วยท้อง หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้น...เขาอาจจะบังคับให้ฉันเอาลูกออก

ซึ่งฉันไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด สู้อุ้มท้องคนเดียวยังดีซะกว่า

“คุณพริมาตาคะ”

“คะ?” เสียงหมอเรียกทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะส่งยิ้มขอโทษขอโพยอีกฝ่าย วันนี้ฉันเหม่อมากกว่าปกติจนรำคาญตัวเอง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วจึงคลายความรู้สึกแง่ลบนั้นลงและยิ้มออกมาอีกครั้ง

“หมอถามว่าจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ”

“ได้ค่ะ แต่ต้องรับยาบำรุงครรภ์กลับไปทานด้วยนะคะ”

“ได้ค่ะ แต่ว่า...คุณหมอคะ” คุณหมอหันกลับมามองฉันตามเสียงเรียก “ฉันอยากทราบว่า ถ้าฉันจะบินไปต่างประเทศช่วงนี้จะได้ไหมคะ”

“ได้ค่ะ แต่ก็อาจจะแพ้ท้องหนักหน่อยนะคะ”

“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” คุณหมอส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะหันไปคีย์ข้อมูลลงคอมพ์ ฉันวางมือลงบนท้องของตัวเอง คลอดลูกที่นี่คงทำไม่ได้ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่แม่ฉันหวงหนักหวงหนาคงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ฉันต้องไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เพราะที่นั่นฉันไม่ใช่ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเก่าแก่ที่หลายคนรู้จักเหมือนอยู่ที่ไทย อาจจะต้องไปอยู่ช่วงที่อุ้มท้องและคลอด หรืออาจจะอยู่ที่นั่นตลอดไป

“แม่จะเลี้ยงพวกหนูให้ดีที่สุด”

แม้เด็กสองคนนี้จะเกิดจากความผิดพลาด แต่ฉันก็จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ฉันให้สัญญากับตัวเอง

คุณพี่คริสนี่เชื้อแรงสุด ๆ ครั้งเดียวติดแถมท้องแฝดอีก เรื่องจะเป็นยังไงต่อติดตามต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ ส่วนพระเอกของเราตอนหน้าจะมีบทบาทแล้ว ออกช้าจนลืมไปแล้วว่าใครคือพระเอก ค่าตัวแพงงง5555

ขอบคุณสำหรับคนที่รอกันนะคะ เรื่องทางการแพทย์ไรท์พยายามหาข้อมูลมากที่สุดแล้ว แต่ถ้ามันมีตรงไหนที่ผิดพลาดสามารถแย้งได้เลยนะคะ ไรท์จะได้แก้ไขเนอะ

จะคอมเมนต์ให้กำลังใจ หรือจะกดไลค์ รีดอยากทำอะไรก็ได้ค่ะ หรือแค่เข้ามาอ่านไรท์ก็ดีใจมาก ๆ แล้ว รักนะคะ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : วันของเรา

    Chris Part . ข้อดีของความรักที่ไม่ได้เริ่มจากร้อย คือเวลาผ่านไปมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด . เช้าวันเสาร์ วันนี้พอใจและพีทไปนอนที่บ้านพ่อและแม่ของพรีม ส่วนน้องพอร์ชก็ไปนอนที่บ้านของป๊ากับหม่าม้า เท่ากับว่าวันนี้เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย ผมรักลูกมากนะ แต่เพราะผมกับพรีมแต่งงานกันตอนที่พรีมท้องแล้ว เพราะฉะนั้นมันน้อยมากจริง ๆ ที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ให้มากที่สุด ผมมองคนขี้เซาที่ยังหลับอยู่ เมื่อคืนพรีมนั่งคิดงานจนดึกดื่น ผมรอจนหลับไปเลยไม่รู้ว่าพรีมเข้านอนตอนไหน แต่ดูจากขอบตาที่คล้ำลงเล็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าคงดึกพอสมควร ช่วงนี้พรีมกำลังจะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ พรีมเลยทำงานหนักกว่าปกติ ไหนจะต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็กทั้งสามคนอีก เราสองคนไม่ได้มีเวลาพูดคุยหรือสวีทกันเลย สองเดือนแล้วมั้ง เมคเลิฟครั้งล่าสุดของเรา ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มเบา ๆ โดยที่ไม่รบกวนคนที่นอนหลับสบายอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องลงจากเตียงและเดินออกมาที่สวนหน้าบ้าน ออสก้าพอเห็นผมปุ๊ปมันก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาทันที “โฮ่ง!” “

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : ไปโรงเรียนวันแรก

    เวลาเดินเร็วจนใจหาย เผลอแปปเดียวพอใจและพีทก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว คริสปรึกษากับพรีมค่อนข้างจริงจังสำหรับเรื่องนี้ ทั้งอายุที่ควรให้ลูกเข้าอนุบาลหนึ่ง หรือโรงเรียนที่จะให้ลูกเรียน แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าช่วงสามถึงห้าขวบจะหาครูมาสอนเด็ก ๆ ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียนจริง และให้ลูกเริ่มเข้าอนุบาลหนึ่งตอนห้าขวบ คริสเครียดหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเขาเคยอ่านเจอมาว่าถ้าส่งลูกเข้าเรียนเร็วไปก็ไม่ดี เด็ก ๆ จะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ครูก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่จะรักและดูแลเด็กได้ดีเท่ากับพ่อแม่แท้ ๆ เขาปรึกษากับพรีม พ่อแม่ของพรีม พ่อแม่ของตัวเอง รวมถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่หลายเดือน และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าห้าขวบคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ส่วนโรงเรียนเนตั้นเป็นคนแนะนำมา ซึ่งพอได้เข้าไปเดินดูและพูดคุยกับครูหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมากกับโรงเรียนนี้ เมื่อได้โรงเรียนที่ถูกใจแล้วเขาก็สมัครให้ลูกเสร็จสรรพ เพียงไม่นานก็ถึงวันแรกที่ลูก ๆ ต้องไปเรียน เช้าแรกของการพาลูกไปโรงเรียนวุ่นวายเสมอ เขาได้รู้ซึ้งถึงการเป็นพ่อจริง ๆ เมื่อตอนที่ลูกงอแงไม่ยอมตื่นนี่แหละ “พอใจขา ตื่นได้แล้วลูก” “...” เงียบ ไ

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : Epilogue

    Chris Part . สองปีต่อมา . ผมได้แต่คิดว่าบางทีเวลามันก็เดินไวเกินไป เหมือนผมกระพริบตาแค่ครั้งเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาสองปีแล้วหลังจากที่ได้ยินคำว่ารักจากพรีม ตอนนี้เราทั้งครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยกำหนดที่ควรกลับไปสี่เดือนกว่า เพราะอาชีพของพรีมกำลังเติบโต ผมเลยไม่คิดจะเร่งรัดเธอและเฝ้ารออย่างอดทน พรีมขอเวลาเพิ่มอีกสี่เดือน ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับว่ารอได้ ก็ผมรอเธอมาสองปีแล้ว ทำไมจะรอต่ออีกสี่เดือนไม่ได้ และเมื่อครบสี่เดือนปุ๊ป เราก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยทันที และเนื่องจากความไม่ลงตัวของสองบ้าน ที่อยากให้ผมและพรีมรวมถึงลูก ๆ ไปอยู่ด้วย ผมเลยตัดสินใจสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา และสัญญากับพวกท่านว่าจะพาหลานกลับไปนอนบ้านทุกอาทิตย์สลับกันไป พวกท่านฮึดฮัดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผมและพรีมแต่โดยดี ผมจัดการเรื่องบ้านตั้งแต่ลูกอายุหนึ่งขวบ พรีมให้ผมเป็นคนตัดสนใจเกือบทั้งหมด เพราะผมมีความรู้เรื่องนี้ ส่วนพรีมจะช่วยตัดสินใจแค่บางอย่างเท่านั้น บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่ค่อนข้างมีกลิ่นอายของผมอยู่มาก แต่ดูเหมือนว่าพรีมเองก็พอใจกับมันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพื้

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 47

    Pream Part . “ตื่นเต้นไหมพิมมี่” เสียงของนิโคลัสทำให้ฉันละความสนใจจากงานตรงหน้าและหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “ถ้าบอกว่าไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แบบนี้บอสจะเชื่อฉันไหมคะ?” “ไม่มีทาง แฟชั่นโชว์แรกของผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม คุณจะมาแข็งแกร่งกว่าผมไม่ได้นะ” นิโคลัสตอบกลับขำ ๆ และคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันหัวเราะออกมาจนได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิโคลัสก็มักจะผ่อนคลายความเครียดและความกังวลให้คนอื่นได้เสมอ เขาเก่งเรื่องนี้จริง ๆ “ตื่นเต้นค่ะ แต่ตอนนี้หายตื่นเต้นนิดหนึ่งแล้วเพราะได้คุยกับบอสนี่แหละ” นิโคลัสขำออกมาเสียงดัง ฉันไม่ได้พูดเกินจริงหรืออยากจะยอเขา แต่เพราะพอได้คุยกับนิโคลัสฉันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ เรายืนคุยกันได้ไม่นานนิโคลัสก็ถูกตามตัว เขาหันมาชูกำปั้นให้ฉันเป็นเชิงว่าให้สู้ ๆ ก่อนจะเดินตามทีมงานไป ฉันหันกลับมาดูชุดที่เตรียมไว้ให้นางแบบใส่อีกครั้ง มองผลงานของตัวเองด้วยความชื่นใจ กว่าเก้าเดือนที่ฉันลงแรงไปกับมัน วันนี้ผลงานของฉันกำลังจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นแล้ว แม้คอลเลคชั่นนี้จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ของนิโคลัส แต่นิโคลัสก็ให้เครดิตฉันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาใช

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 46

    Pream Part . หนึ่งเดือนต่อมา . “น้องพีท หนูจะเอาอะไรคะลูก หืม... มองน้าไม่หยุดเลยนะคะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนับดาวเอาแต่ชวนน้องพีทคุยไม่หยุด น้องพีทกลับมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว พอรู้เรื่องทุกคนก็รีบบินมาเยี่ยมหลานทันที ร่างกายของน้องพีทเติบโตขึ้นเร็วมาก จนคิดไม่ถึงว่าเด็กแก้มกลมคนนี้จะเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน ตอนนี้น้องพีทกลายเป็นเด็กสดใสและคุยเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเพราะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน เวลาเจอคนเยอะ ๆ เลยตื่นเต้นและคอยแต่จะร้องเรียกหาไม่หยุด ในขณะที่พอใจกลับติดแค่พ่อและแม่มากขึ้น ไม่ค่อยเล่นกับคนอื่น ๆ เหมือนตอนแรก ๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ใช่... ในที่สุดพอใจกับคริสก็เข้าขากันได้ แม้จะชอบแหย่กันมากกว่ารักกันก็ตาม... แต่ทุกวันนี้คริสสามารถช่วยฉันกล่อมพอใจนอน ช่วยอาบน้ำ และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พอใจได้โดยที่พอใจไม่โยเยแล้ว เขาแบ่งเบาฉันได้เยอะมากเลยทีเดียว ช่วงสองอาทิตย์ก่อนที่น้องพีทจะออกจากโรงพยาบาล หมอมิเชลให้ฉันลองเอาน้องพีทเข้าเต้า เพราะฉันแจ้งกับหมอไปว่าต้องการให้น้องพีทดื่มนมจากเต้าเป็น วันแรก ๆ น้องพีททำไม่เป็นเลย ฝึกกันอยู่หลายวันจนสุดท้า

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 45

    Chris Part . “ฉันรักเธอ” “เรื่อง...จริงเหรอ” “เรื่องจริง” ผมยืนยันหนักแน่น “ฉันไม่ได้พูดเพื่อให้เธอหายโกรธ ฉันถามตัวเองมาทั้งคืนแล้ว และคำตอบที่ได้ก็อย่างที่ฉันบอกไป ว่าฉันรักเธอ” พรีมเงียบไป เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเองก็มองเธอกลับไม่คิดจะหลบตา ผมรู้ดีว่าทั้งประวัติที่ผ่านมาของผม และเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนอาจจะทำให้พรีมไม่มั่นใจ แต่ผมไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมไม่คิดจะพูดคำว่ารักออกไปเพียงเพื่อให้พรีมหายโกรธ แต่ผมพูด เพราะผมรู้ตัวแล้วว่าผมรักเธอจริง ๆ “เธอยังไม่เชื่อว่าฉันรักเธอก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดเหมือนไม่หวงฉันแบบนี้ได้ไหม ฉันเสียใจนะรู้ไหม” พอเห็นว่าพรีมเริ่มอ่อนลงผมก็ใช้ลูกอ้อนทันที ผมใช้วิธีนี้อ้อนหม่าม้าเวลาทำให้หม่าม้าโกรธอยู่บ่อย ๆ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าการพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ ทำหน้าตาให้น่าสงสารแบบนี้ ใช้ได้ผลกับหม่าม้าทุกครั้ง รวมถึงพรีมด้วย เพราะตอนนี้พรีมกำลังยิ้มออกมาทั้ง ๆ ที่ตาแดง จมูกแดงจากการร้องไห้ก่อนหน้า แต่เพียงแค่ครู่เดียวเธอก็กลับไปทำหน้านิ่งอีกครั้ง “แล้วนายจะอธิบายเรื่องผู้หญิงคนนั้นยังไง ฉันเห็นรูปที่นายจูบกับเธอด้วย” “อย่าใช้คำว่าฉันจ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status