แสงแดดตอนสายสาดส่องลอดมาจากกระจกห้องนอน ทำให้ร่างเล็กของปฏิญญาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ปากเล็กอ้าปากหาวหวอดๆ เมื่อคืนเธอปวดข้อเท้ามากๆ ขยับแทบไม่ได้เลย แม่ของเธอต้องพยุงพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำกินข้าว แต่มันก็ยังปวดมากจนนอนไม่หลับ นางปทุมมาศต้องเรียกให้กินยาแก้ปวดทุก 4 ชม. เธอรับยาเม็ดจากมือแม่แล้วใส่ปาก หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำตามลงไป น่าแปลกว่าตอนนี้เธอกลับกินยาเม็ดเองได้แล้ว ขนาดแม่เธอที่บดยามาให้เธอตั้งแต่เล็กจนโตยังแปลกใจเลย แต่เธอก็ยังปวดข้อเท้าตุบๆ นอนหลับๆ ตื่นๆ กว่าจะหลับลงได้ก็เกือบตีสาม
หลังจากทานข้าวเช้าที่แม่บ้านนำมาให้ที่ห้องพักแล้ว นางปทุมมาศก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาและเนื้อตัวให้ลูกสาว จะได้สบายตัวขึ้น แล้วจึงให้ทานยา และให้น้องญานอนพักไปก่อน เพราะเซดริกได้ติดต่อให้คุณหมอช่วยมาตรวจดูอาการให้ โดยคุณหมอแจ้งว่าจะมาตรวจให้ราวๆ 11 โมงเช้า
ก๊อกๆๆ ..
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นางปทุมมาศรีบเดินไปเปิดประตู มัมมาริสา เออเนส เซดริก และมาลารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อเยี่ยมดูอาการของเด็กสาว
"น้องญาเป็นยังงัยบ้างคะคุณมาศ พี่กับเออเนส อยากขอดูอาการน้องสักหน่อยค่ะ" มัมมาริสาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"เมื่อครู่ให้ทานข้าวแล้วก็ทานยาแก้ปวดไปแล้วค่ะ เชิญคุณมาริสาด้านในเลยค่ะ"
นางปทุมมาศเดินนำทุกคนเดินเข้าไปภายในห้องนอนด้านใน ร่างเล็กกำลังนอนตะแคงอยู่บนเตียง สองแขนเรียวกอดหมอนข้างไว้ดวงตาคู่สวยหลับสนิท มัมมาริสานั่งลงที่เก้าอี้ตรงหัวเตียง แล้วมองดูเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ปากกระจับสีชมพูอวบอิ่ม พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ มีลูกผมระลงมาปรกที่ใบหน้าสวย มัมมาริสายิ้ม แล้วเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กๆ นั้นอย่างเอ็นดู พลางใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปรกหน้านั้นออก เด็กสาวยังคงนอนนิ่ง เธอหลับสนิทอาจเป็นด้วยฤทธิ์ของยาก็เป็นได้
มัมมาริสาเปิดผ้าห่มที่คลุมบริเวณข้อเท้าของเด็กสาวออกดู พบว่ามันบวมเป่งมากจริงๆ เธอถึงกับถอนหายใจพลางส่ายหน้า แล้วหันไปพูดกับลูกชายคนเล็ก
"ดูสิเออเนส เท้าน้องบวมเยอะเลย น่าสงสาร"
มัมมาริสาพูดแล้วหันไปถามกับนางปทุมมาศ "ตอนที่ล้มก็รีบให้เออเนสอุ้มมาส่ง ไม่น่าจะบวมขนาดนี้เลยนะคะ หลังจากล้มแล้วน้องได้เดินไปไหนหรือทำอะไรบ้างหรือเปล่าคะ" มัมมาริสาถามนางปทุมมาศ
"ตอนที่ดิฉันขึ้นมาดูน้องญาที่ห้องก็พยุงพาเขาไปอาบน้ำ เขาก็ร้องบอกว่าเจ็บตลอดเลยค่ะ หลังจากนั้นก็นอนร้องไห้งอแงทั้งคืน เพิ่งจะหลับไปเมื่อตอนตีสามเห็นจะได้"
มัมมาริสาพยักหน้ารับคำ ฝ่ามืออบอุ่นนั้นยังคงลูบหัวคนตัวเล็กไม่หยุด เธอเองก็อยากมีลูกสาว แต่อาจเป็นเพราะแด๊ดโนแอลอายุมากแล้ว จึงไม่มีลูกอีกนับตั้งแต่มีเออเนส เมื่อเธอเห็นปฏิญญาก็เกิดความรู้สึกถูกชะตา และนึกรักและเอ็นดูขึ้นมาในทันที
เย็นวันนี้เซดริกจะจัดดินเนอร์ที่ริมหาดอีกวันหนึ่ง หลังจากตกลงกันว่าวันพรุ่งนี้จะกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านนางปทุมมาศอีกสักวันสองวันก่อนที่จะกลับไปคฤหาสน์มาร์ติน เพราะมัมมาริสาอยากไปดูการทำขนมไทย ส่วนแด๊ดโนแอลกับเออเนสจะกลับฝรั่งเศสในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากมีงานจะต้องรีบจัดการ
ส่วนน้องญาหลังจากหาหมอแล้วอาการก็ดีขึ้นมาก ข้อเท้าที่บวมก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด มัมมาริสาจึงชวนให้ลงมาทานดินเนอร์ด้วยกันเย็นนี้ เธออาบน้ำแต่งตัว สวมชุดเดรสเกาะอกสีโอลด์โรส ส่วนของคอเสื้อที่จีบรอบคอเป็นผ้าแก้วเย็บต่อกับส่วนเกาะอกเป็นแขนกุด รวบผมเป็นมวยหลวมๆ แต่งหน้าโทนสีส้มอ่อน ปัดแก้มสีพีซ น่ารักสมวัยสาว เธอมองตัวเองผ่านกระจกเงาแล้วยิ้มพอใจ ปีนี้เธออายุ 18 ปีแล้ว เทอมหน้าก็จะเรียนจบม.6 นางปทุมมาศจะให้น้องญาไปอยู่กับป้าวิมาลาที่กรุงเทพ เพื่อเรียนต่อมหาลัย
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แม่คงจะมารับเธอแล้ว น้องญาเดินไปที่ประตู สวมใส่รองเท้าแบบไม่มีส้น แล้วเปิดประตูยิ้มหวานออกไป แต่ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"มัมให้ฉันมารับเธอ" เออเนสกล่าวสั้นๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างเล็กถอยหลังหนี แต่ไม่ทันกับลำแขนแข็งแกร่งของเขา ที่รวบร่างเล็กนั้นกระชับเข้าแนบอกแกร่งทันที
"ปล่อยฉันค่ะ ฉันเดินเองได้" น้องญากล่าวห้วนๆ ทำให้ใบหน้าหล่อนั้นบึ้งตึงขึ้นมาทันที
"อย่ามางอแง ทำอย่างกับฉันไม่เคยอุ้มเธออย่างนั้นแหละ"
เออเนสพูดพลางกระชับร่างเล็กเข้าหาตัวเองแน่นๆ จนใบหน้าหล่อนั้นแทบจะชิดกับเรียวหน้าจิ้มลิ้ม น้องญาเบือนหน้าหนีใบหน้าหล่อคมทันที หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก
ร่างแกร่งเดินก้าวตรงมายังลิฟท์ เขารู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่คอยจะวอกแวกไปกับเรือนร่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นของเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนนั่น "นี่กูคิดอะไรกับเด็กอายุแค่ 17-18 จริงเหรอวะเนี่ย? กูเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ..จิ๊" เออเนสครุ่นคิดอยู่ในใจ และต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย
ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารริมชายหาดเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่ปฏิญญากับเออเนสเท่านั้น
"รอสักครู่นะคะทุกคน สาให้เออเนสไปรับน้องญาแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงมาถึง" มัมมาริสาบอกกับทุกคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ครู่หนึ่งร่างสูงของเออเนสก็อุ้มร่างเล็กของน้องญาเดินเข้ามาถึง มัมมาริสารีบเดินเข้าไปประคองร่างเล็กให้เดินมานั่งข้างๆ ที่นั่งของตัวเองโดยให้เออเนสไปนั่งฝั่งตรงข้ามข้างๆ นางปทุมมาศ เออเนสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แด๊ดโนแอลอมยิ้มน้อยๆ ขำอาการของลูกชายคนเล็ก
"น้องญาเป็นยังงัยบ้างลูก ขอมัมดูเท้าหน่อยสิ หายบวมรึยัง" มัมมาริสาพูดพลางก้มลงไปดูข้อเท้าของคนตัวเล็ก น้องญากระดักกระเดิดด้วยความเกรงใจ
"ไม่บวมแล้วนี่นาลูก เดี๋ยวก็หายวิ่งได้แล้วเนอะ มาๆๆ ทานข้าวกันลูก ทานกันให้เต็มที่เลยนะคะทุกๆ คน"
มัมมาริสาพูดพลางหยิบกุ้งตัวใหญ่มาแกะเปลือกออก เออเนสยิ้มกริ่ม .. มัมน่ารักเสมอ จำได้ว่าเขาชอบกินกุ้งเผาเป็นที่สุด มัมมาริสาบรรจงแกะเปลือกกุ้งแล้ววางลงบนจานของน้องญาทันที
"เห็นแม่มาศบอกกับมัมว่าหนูชอบกินกุ้งเผา กินเยอะๆ เลยนะลูก เดี๋ยวมัมแกะให้เอง" มัมมาริสาเอ่ยพร้อมกับยิ้มหวานให้น้องญา
"ขอบคุณค่ะ คุณป้ามาริสา" เด็กสาวยกมือไหว้ขอบคุณมัมมาริสา
"โอ้ย.. เรียกคุณป้าได้ยังงัยคะ ไม่เอาค่ะ เรียกมัมสิลูก ไหนเรียกใหม่สิ"
"อะ..เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ .. มัม"
น้องญากล่าวตะกุกตะกัก เธอก้มหน้าก้มตาทานกุ้งที่มัมมาริสาแกะให้อย่างเกรงใจ พลางเหลือบขึ้นไปมองร่างแกร่งที่อยู่ตรงข้ามแล้วรีบหลบสายตาทันที เพราะตอนนี้เออเนสหน้างอคอหัก เหมือนปลาทูในตลาดสดไม่มีผิด
สามปีผ่านไป วันนี้เป็นวันรับปริญญาของน้ำฟ้ากับปฏิญญา หลังจากพิธีเช้าผ่านไปเรียบร้อยเซนส์ก็พาน้ำฟ้ากลับเพนท์เฮาส์เพื่อพักผ่อน เย็นนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองบัณฑิตใหม่ที่คฤหาสน์มาร์ตินโดยมีครอบครัวของเซดริก พี่ชายของเออเนสบินมาจากประเทศไทยด้วย"เห้อ.. ปวดเท้าจัง"น้ำฟ้านั่งลงที่เตียงนอน หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ที่เธอกับปฏิญญาบินหนีสองหนุ่มไปอิตาลีในคราวนั้น หลังจากกลับมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซนส์ก็ดีขึ้นตามลำดับ เขาเข้าไปขอโทษพี่ชายและแม่ของเธอพร้อมกับอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกท่านเข้าใจ และขออนุญาตเพื่อคบกันโดยเปิดเผย เขาอยากหมั้นกับน้ำฟ้าแต่แม่ของเธอบอกว่าไม่ต้องหมั้นให้ยุ่งยาก หากสองคนมั่นใจว่ารักกันชอบกันแม่ของน้ำฟ้าท่านอนุญาตให้อยู่ด้วยกันก่อน ทำให้เซนส์ดีใจมาก เขาซื้อเพนท์เฮาส์พร้อมกับรถหรูคันใหม่โดยใช้ชื่อน้ำฟ้าเป็นเจ้าของ เพื่อให้เธอและครอบครัวรู้ว่าเขาจริงจังและให้เกียรติเธอและรับเธอเข้ามาอยู่ด้วยกันที่เพนท์เฮาส์ใหม่ตั้งแต่นั้นมา"ปวดเท้ามากเหรอครับ พี่นวดให้นะ" เซนส์นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของคนรัก ฝ่ามือแกร่งโอบอุ้มเท้าเรียวเล็กของน้ำฟ้าขึ้นมาบีบนวดผ่อนคล
ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำฟ้าและปฏิญญาใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีภายใต้การดูแลอย่างดีของมัมมาริสา พวกเธอได้ตระเวนเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ต่าง ๆ ทานอาหารอร่อย ๆ และได้ช้อปปิ้งอย่างมีความสุขครืดดดดด ครืดดดดดเสียงโทรศัพท์ของน้ำฟ้าดังขึ้น เธอปรายสายตามองไปที่หน้าจอเห็นชื่อพี่ชาย จึงรีบกดรับทันที"สวัสดีค่ะพี่พอล คิดยังไงถึงเธอหาฟ้าคะเนี่ย" น้ำฟ้าปั้นเสียงสดใสคุยกับพี่ชาย(ทำไมมาอิตาลีไม่บอกพี่สักคำ ปิดเครื่องไปเป็นอาทิตย์ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงมากนะ) พอลพูดเสียงดุ"ฟ้าแค่มาพักผ่อนกับญาญ่าที่โรงแรมของมัมมาริสาแม่ของคุณเออเนสค่ะ อาทิตย์หน้าก็กลับแล้ว ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกพี่พอล เอ๊ะ!! แล้วพี่พอลรู้ได้ไงคะว่าฟ้าอยู่อิตาลี?" น้ำฟ้าฉุกคิดขึ้นได้จึงรีบถามด้วยความสงสัย(ก็แฟนฟ้ามาตามหาฟ้าที่บริษัทพี่ตั้งแต่สองวันแรกที่ฟ้ามีปัญหากันไง ทะเลาะกันทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่อง หนีไปทำไม)"ไม่ได้หนีค่ะ แค่ไม่อยากเจอหน้า ฟ้าจะเลิกกับเขาแล้ว"(เออ ดี เลิกไปเลยเพราะพี่ก็ซัดมันไปซะน่วมแล้ว เหอะ.. มีอย่างที่ไหนวะ ทำให้น้องสาวเขาต้องหนีไปยังกล้ามาตามหากับพี่ชายเขาอีก)"ห๊ะ.. แล้วพี่ไปทำเขาทำไมอะ เขาเป็นอะไรมากไหม"
หลังจากที่น้ำฟ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินออกมาบริเวณด้านหน้าเวทีเพื่อมาพบกับเซนส์ตามที่นัดแนะกันไว้ แต่เธอพยายามมองหาก็ไม่พบไม่รู้ว่าเขาไปรออยู่ที่ไหน"หายไปไหนนะพี่เซนส์" น้ำฟ้าบ่นพึมพำในขณะที่มือก็หอบดอกไม้ช่อโตที่เซนส์มอบให้เอาไว้แนบอก"อ้าว! ฟ้ายังไม่ไปอีกเหรอ?" เสียงปฏิญญาเอ่ยทักแล้วเดินตรงเข้ามาหา"รอพี่เซนส์อยู่น่ะสิ บอกให้พี่เขารออยู่แถวนี้ไม่รู้หายไปไหน""นี่ฉันก็รอพี่เออเนสอยู่เหมือนกัน เห็นบอกว่าจะไปรอที่ห้องพักก่อนแล้วจะเดินออกมารับ แต่ก็ไม่เห็นมา สักที เลยกะว่าจะเดินไปห้องพี่เออเนสเอง" น้ำฟ้าพยักหน้าให้เพื่อน"หรือว่าพี่เซนส์จะไปรอที่ห้องเขาแล้ว ฟ้าลองเดินไปดูดีไหม?" ปฏิญญาเอ่ยชวน"ญาญ่าไปก่อนเลย ฉันว่าจะรอตรงนี้อีกสักแป๊บ ถ้าไม่เจอจริงๆ เดี๋ยวฉันเดินไปเอง""เอางั้นเหรอ งั้นฉันไปก่อนนะ"น้ำฟ้าเดินดูจนทั่วบริเวณนั้นแต่ก็ไม่พบกับเซนส์ เธอตัดสินใจเดินไปที่ห้องพักส่วนตัวของเขา เขาเพิ่งมาถึงก่อนงานเริ่มแค่แป๊บเดียว บางทีเขาอาจจะเหนื่อยเลยไปรอที่ห้องก็อาจจะเป็นได้ เธอเดินผ่านพนักงานที่เฝ้าชั้นพิเศษนี้ตรงเคาท์เตอร์ซึ่งพนักงานก็ยิ้มบางๆ ให้น้ำฟ้า เธอคิดว่าพนักงานคงจะจำ
มาร์ตินกรุ๊ป @อิตาลีเซนส์เดินทางมาถึงอิตาลีก็ตรงเข้ามาที่บริษัทเพื่อมาหาแด๊ดโนแอลและมัมมาริสาทันที เพราะตอนนี้ท่านทำงานอยู่ที่นี่ส่วนที่ฝรั่งเศสท่านให้เออเนสกับเซนส์เป็นคนดูแลและตอนนี้พวกท่านก็รู้เหตุผลของการมาในครั้งนี้ของเซนส์เป็นอย่างดี มัมมาริสาเดินเข้าไปโอบกอดลูกชายบุญธรรมเหมือนปกติที่เคย แต่เซนส์เองก็ยังติดเกรงใจและเกร็งเสียทุกทีไป"แหม..มัมกอดนิดกอดหน่อยทำเป็นเกร็งนะ" มัมมาริสากระเซ้า เซนส์ยิ้มให้ท่านพร้อมกับก้มหัวทำความเคารพเช่นเคย"ดีแล้วที่แกตัดสินใจมาที่นี่ เมื่อวานแด๊ดเจอคุณคาเตอร์ รายนั้นพูดกับแด๊ดว่าอามิยาเลิกกับสามีแล้ว และตอนนี้ขอบินไปทำใจและจะไปอยู่กับเพื่อนสนิทก็คือแก" แด๊ดโนแอลพูดเสียงเรียบ เซนส์ถึงกับถอนหายใจพรืด"ผมไม่คิดว่าคุณคาเตอร์จะใช้อามิยาเป็นเครื่องมือแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นลูกสาวของเขาแท้ ๆ เห็นแก่ตัวจนไม่สมควรจะเป็นพ่อคน"เซนส์กัดฟันกรอด กำมือแน่น ครั้งที่แล้วพ่ออามิยาก็ใช้เธอเป็นเครื่องมือโดยให้เธอแต่งงานกับไมเคิลเพื่อพยุงฐานะของตัวเอง ส่วนครั้งนี้ก็ยังสร้างเรื่องให้ลูกสาวมีปัญหากับสามีโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูกสาวตัวเอง แถมยังพยายามเอาเธอใส่พานมาถว
การซ้อมใหญ่ผ่านไปด้วยดี สัปดาห์หน้าก็จะถึงวันงานแล้ว งานจะถูกจัดขึ้นที่โรงแรม Max Martin โดยเออเนสเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของงานนี้ วันนี้ปฏิญญามาหาน้ำฟ้าพร้อมกับความไม่สบายใจเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่ออามิยา เพราะเธอไปเห็นผู้หญิงคนนั้นกอดกับเออเนสอยู่ในห้องทำงาน ถึงแม้เออเนสจะอธิบายว่าอามิยาเป็นแค่เพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยม และเซนส์ก็บอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมจริงๆ และยืนยันได้ว่าอามิยากับเออเนสเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นและที่สำคัญอามิยาก็แต่งงานแล้ว แต่น้ำฟ้าก็ยังแอบเห็นสีหน้าและแววตาที่วิตกกังวลของเพื่อนรักอยู่ดี@มาร์ตินกรุ๊ปประเทศไทย ณ.ห้องท่านรองรถคันหรูของเซนส์จอดลงยังลานจอดรถในที่จอดประจำตำแหน่ง เขาก้าวเท้าลงจากรถแล้วพาตัวเองไปยังห้องทำงานของเออเนสทันที หลังจากที่เขารู้เรื่องของอามิยาจากปฏิญญา เขาก็รีบออกมาจากคอนโดของน้ำฟ้าทันทีเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอามิยา เธอถึงกล้าบินมาถึงที่นี่แกร๊กกกเซนส์ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของเออเนสซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ส่วนอามิยานั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวใกล้ ๆ กัน ทันทีที่เธอเห็นเซนส์ เธอก็ลุกขึ้นแล้วถลาเข้ากอดเซนส์พร้อมกับร
ครืดดดดด ครืดดดดดดเสียงโทรศัพท์ของเซนส์ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อสูท เมื่อเห็นเป็นชื่อของน้ำฟ้า เขาก็ยิ้มออกมา มือหนาจัดแจงวางเอกสารตรงหน้าลงเพื่อกดรับสายทันที"ว่าไงครับคนสวย"(พี่เซนส์งานยุ่งไหมคะ)"ก็เหลือเคลียร์เอกสารนิดหน่อยครับ ฟ้ามีอะไรหรือเปล่า"(คุณแม่ฟ้าโทรมาหาค่ะ วันนี้คุณแม่กับพี่พอลว่าง ท่านเลยชวนพี่เซนส์ไปทานข้าวที่บ้าน พี่จะสะดวกไหมคะ)เซนส์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่งแล้วรีบตอบกลับแฟนสาวทันที"ต้องสะดวกสิครับ ไม่อย่างงั้นเดี๋ยวคุณแม่กับพี่ชายไม่ปลื้มพี่ก็แย่สิน่ะสิ โอกาสดีแบบนี้ต้องรีบทำคะแนนหน่อย" เซนส์เอ่ยกระเซ้าคนรัก(ฮ่า ๆๆ ถ้าอย่างนั้นเลิกงานแล้วพี่เซนส์มารับฟ้าที่คอนโดนะคะ เพราะคุณแม่นัดทานข้าวที่บ้าน เดี๋ยวไปพร้อมกัน)"โอเคครับ บ่ายสามโมงครึ่งพี่ถึงคอนโดนะครับ แล้วเจอกันนะ"เซนส์วางสายจากน้ำฟ้าแล้วรีบเคลียร์งานทันที เพราะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเศษ ๆ เขาก็ต้องไปรับน้ำฟ้าที่คอนโดตามที่นัดไว้แล้วน้ำฟ้าพาเซนส์มาที่บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางและบรรยากาศร่มรื่นมาก จนไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางเมืองกรุงแบบนี้จะมีบ้านที่มีบรรยากาศแบบนี้ได้ ภ