LOGINเพราะเพื่อนสนิทพลาดตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจะเอาเด็กออก แต่เพลงขวัญได้ขอร้องไว้ให้คลอดเด็กออกมา แล้วเธอจะเป็นคนรับเลี้ยงเอง ...แต่การจะเลี้ยงเด็กสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความไม่รู้ว่าการเลี้ยงเด็กหนึ่งชีวิตต้องมีค่าใช่จ่ายมากแค่ไหน แถมเพลงขวัญก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่อีกด้วย ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีใคร เธอไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องมีชะตาชีวิตเหมือนตัวเอง เพลงขวัญจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วไปทำงานในไร่แห่งหนึ่ง ............ ที่ฉันไล่เธอออกก็เพราะว่าเกลียดขี้หน้า ต่อให้เธอจะนั่งร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด ฉันก็ไล่เธอออกอยู่ดี ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมานั่งคุกเข่าหรือกราบกรานฉันในตอนนี้หรอกนะ รีบไสหัวแล้วออกไปจากไร่ของฉันซะ!
View More"เป็นเกียรติอย่างมากครับ เวลาพ่อเลี้ยงมาที่ตัวเมืองทีไรก็นึกถึงผับของเราตลอดเลย"
"ไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก"
"ไม่ได้หรอกครับ ระดับพ่อเลี้ยงไร่ข้าวโพดเป็นพัน ๆ ไร่ และมีลูกน้องมากมายหลายพันคนขนาดนั้น พ่อเลี้ยงเป็นคนมีชื่อเสียงมากในเมืองเชียงใหม่ แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเลยนะครับ การที่สามพ่อเลี้ยงมารวมตัวกันขนาดนี้ ยิ่งเป็นเกียรติของทางร้านเรามากเลย งั้นถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ"
การสนทนาที่โต๊ะนั้นก็เสียงดังพอสมควร จึงทำให้แขกที่อยู่โต๊ะอื่น ๆ ต่างหันมามองด้วยความสนใจ ซึ่งหลาย ๆ คนต่างก็รู้จักถึงความยิ่งใหญ่ของหนุ่ม ๆ ในโต๊ะนั้นเป็นอย่างดี แถมยังมีสาว ๆ หลายคนที่มองไปทางนั้นและอยากจะทำความรู้จักด้วย
เพลงขวัญ สาวน้องใหม่ที่เพิ่งมาฝึกงานที่ผับในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ อายุ 22 ปี พอเห็นแขกโต๊ะอื่นมองไปที่โต๊ะของสามหนุ่มก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ เพราะโต๊ะนั้นค่อนข้างพูดคุยกันเสียงดัง อาจจะทำให้แขกที่อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกไม่พอใจก็เป็นได้
"ขอโทษนะคะคุณลูกค้า คือว่าฉันจะมาขอรบกวนให้ลดเสียงคุยลงหน่อยได้ไหมคะ เกรงว่าเสียงจะไปรบกวนแขกโต๊ะอื่น ๆ ที่นั่งอยู่น่ะค่ะ ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะที่..."
"นี่เธอกล้ามาออกคำสั่งให้ฉันลดเสียงลงเนี่ยนะ นี่พวกฉันก็คุยกันปกติ กล้าดียังไงมาออกคำสั่ง ไปเรียกผู้จัดการมาเดี๋ยวนี้เลย!"
พนักงานเสิร์ฟคนอื่นที่เห็นท่าว่าจะไม่ดีก็รีบวิ่งไปเรียกผู้จัดการอย่างรวด ซึ่งผู้จัดการร้านก็รีบไปที่โต๊ะของแขกคนสำคัญทันที
หลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจากปากของแขก ผู้จัดการก็หันมามองเพลงขวัญตาขวางด้วยความไม่พอใจ
"ขอโทษด้วยนะครับพ่อเลี้ยง ผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กฝึกงานอยู่ ยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำของที่ผับนี้ อาจจะยังไม่ค่อยทราบว่าจะต้องต้อนรับแขกยังไง ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วยนะครับ"
เพลงขวัญก็รีบยกมือไหว้ขอโทษทันทีตามคำสั่งของผู้จัดการ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แขกพอใจเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะรังสิมันตุ์ที่โดนเพลงขวัญเข้ามาเตือนตรง ๆ ซึ่งไม่มีการไว้หน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
"แบบนี้มันแย่มาก กล้าดียังไงมาสั่งฉันหุบปากแบบนี้ ยังไม่เคยมีใครกล้ามาทำแบบนี้กับฉันเลยนะ คุณผู้จัดการจะจัดการให้ฉันยังไง"
"ผมขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับพ่อเลี้ยง ถ้าอยากจะให้ผมทำอะไรก็บอกมาได้เลยครับ ขอแค่ผมได้รักษาลูกค้าคนสำคัญอย่างพ่อเลี้ยงไว้ก็พอ สั่งมาได้เลยครับว่าจะให้ผมจัดการยังไง"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณแบบนั้นนะคะ แล้วฉันก็ไม่ได้พูดคำว่าหุบปากด้วย ฉันแค่บอกให้คุณลดเสียงคุยลงหน่อยแค่นั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะสั่งอะไรจริง ๆ นะคะ"
"ถ้าไม่ใช่สั่งแล้วมันคืออะไร"
"ฉันไม่ได้มีเจตนาจริง ๆ ค่ะ ขอโทษถ้าทำให้คุณไม่พอใจนะคะ แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นจริง ๆ ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ"
"ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้แล้ว ไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่ทำก็เป็นฉันนี่แหละที่จะออกไปเอง"
"ครับพ่อเลี้ยง ได้เลยครับ เพลงขวัญ เธอไม่ผ่านการทำงานที่นี่ เชิญออกไปซะ เธอทำเรื่องร้ายแรงกับทางผับเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นฉันจะหักเงินเดือนที่เธอควรจะได้ทั้งหมด"
"ผู้จัดการคะ"
"ออกไป!"
"คุณลูกค้าคะ ยกโทษให้ฉันได้ไหม ฉันพูดจริง ๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรคุณเลย ฉันแค่เกรงว่าเสียงคุณอาจจะรบกวนลูกค้าโต๊ะอื่นก็แค่นั้นเองค่ะ"
"คุณผู้จัดการ ช่วยไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปด้วย เดี๋ยวนี้! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"
"ครับพ่อเลี้ยง" ผู้จัดการของผับหรูก็กระชากแขนของเพลงขวัญออกไปจากตรงนั้นทันที ซึ่งเพลงขวัญก็ถูกดึงไปที่ประตูหลังร้าน ก่อนที่ผู้จัดการจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าของเธอ
"ออกไปได้แล้วนะ ก่อนที่เธอจะโดนมากไปกว่านี้ เธอคงไม่รู้สินะว่าพ่อเลี้ยงรังสิมันตุ์มีอิทธิพลในเชียงใหม่มากแค่ไหน เขาไล่เธอแค่นั้นก็ดีแล้ว ดีกว่าต้องโดนหนักกว่านี้นะ"
"คือฉันไม่รู้จักหรอกนะคะว่าเขาเป็นใคร แต่ถึงแบบนั้นการที่เขาพูดเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น เราก็ควรต้องบอกหรือเปล่าคะ"
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ เธอพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานฝึกหัดแล้ว แถมยังไม่ผ่านเกณฑ์ของผับด้วย เอาเป็นว่าเธอออกไปได้แล้วนะ แล้วก็ไม่ต้องโผล่มาที่นี่อีก"
"ค่ะ"
สิบนาทีผ่านไป
"คุณผู้จัดการ ฉันขอประวัติของผู้หญิงคนนั้นหน่อย"
"ไม่มีประวัติเลยครับพ่อเลี้ยง นอกจากสำเนาบัตรประชาชน เพราะว่ายังเป็นแค่พนักงานฝึกหัด ก็เลยมีแค่นี้ครับ"
"แค่ชื่อนามสกุลก็เหลือเฟือแล้ว"
"ครับ ๆ"
หลังจากได้ข้อมูลของเพลงขวัญแล้ว รังสิมันตุ์ก็หันไปเรียกผู้ติดตามที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
"นายเอาชื่อนามสกุลของผู้หญิงคนนี้ไปติดแบล็กลิสต์ไว้ตามร้านต่าง ๆ ทั่วเชียงใหม่เลยนะ อย่าให้มันไปสมัครงานที่ไหนได้อีก"
"คุณรังสิมันตุ์ก็เอาหนักเหมือนกันนะเนี่ย"
"ไม่ได้หรอกครับคุณภูมินทร์ ผู้หญิงคนนั้นมันหยามกันเกินไป ยังไม่เคยมีใครมาต่อว่าใส่หน้าขนาดนี้เลย กล้ามากจริง ๆ มันไม่เห็นหัวกันมากเกินไปแล้ว ก็ต้องเล่นงานให้สุดเอาให้สมกับที่มันกล้ามาตำหนิผมต่อหน้าคนมากมายแบบนี้"
เพลงขวัญหันไปมองที่ผับชื่อดังอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากผับแห่งนั้นไป เพราะนับต่อจากนี้...เธอคงเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว
เพลงขวัญเดินไปกดกริ่งห้องที่ชั้นแปด ซึ่งเธอได้เอาลูกสาวไปฝากเลี้ยงไว้ เป็นพี่เลี้ยงที่รับเลี้ยงเด็กโดยเฉพาะ
"สวัสดีค่ะพี่ปีใหม่ หนูมารับของขวัญแล้วค่ะ"
"อ้าว? ทำไมวันนี้ถึงมารับไวจังล่ะเพลงขวัญ"
"พอดีเลิกงานไวน่ะค่ะ"
"พี่ก็แปลกใจอยู่ ว่าทำไมวันนี้ถึงกลับไว ตอนนี้ของขวัญหลับไปแล้วล่ะ นมก็กินไปแล้วนะ เดี๋ยวก็พาไปนอนได้เลย พี่อาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วด้วย"
"ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ปีใหม่ ที่ช่วยดูแลของขวัญให้หนู ช่วยหนูได้มากเลยล่ะค่ะ"
"ไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องคิดมาก เธอก็ให้ค่าจ้างพี่ ไม่ได้ให้ดูฟรีสักหน่อย ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกนะ แล้วนี่เจอเรื่องอะไรมาอีกล่ะ ทำไมถึงทำหน้าตาแบบนั้น เรื่องที่ทำงานอีกหรือเปล่า"
"ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่ปีใหม่"
"แล้วนี่มีปัญหาเรื่องงานแน่ ๆ เลยใช่ไหม หรือว่าจะโดนไล่ออกจากงานอีก คงไม่หรอกมั้ง"
"โดนอีกแล้วล่ะค่ะ"
"เพิ่งจะทำเองนะ แสดงว่างานที่นี่ก็คงไม่เหมาะกับเราสินะ ไม่ต้องคิดมากไปหรอก ถ้างานนี้ไม่ไหวก็หางานที่มันเหมาะกับเรานะ เพราะเพลงขวัญไม่ใช่คนใจร้อนที่จะโดนไล่ออกง่าย ๆ แน่ถ้าไม่โดนเล่นงาน ถ้างานนี้ไม่ดี พรุ่งนี้ก็หางานใหม่ ยังไงก็จะต้องได้เจอกับงานที่เหมาะกับเพลงขวัญแน่นอน งั้นก็รีบไปพักผ่อนเถอะนะ"
"ขอบคุณพี่ปีใหม่มากเลยนะคะสำหรับกำลังใจ วันนี้ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ"
เพลงขวัญก็อุ้มบุตรสาววัย 3 ปี ให้นอนซบที่ไหล่ ก่อนจะเดินไปกดลิฟต์ลงไปชั้นห้า เพื่อไปยังห้องพักของตัวเอง
"หลับปุ๋ยเชียวนะลูกสาวแม่" เพลงขวัญก็วางของขวัญลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะหอมไปที่แก้มยุ้ยของลูกสาวเบา ๆ
"แม่ตกงานอีกแล้วล่ะลูก อุตส่าห์คิดว่าที่นี่จะได้งานแล้วเชียว พรุ่งนี้แม่ต้องรีบไปหางานใหม่ ช่วยเป็นกำลังใจให้แม่หน่อยนะของขวัญ"
เพลงขวัญมองดู ของขวัญ สาวน้อยในวัย 3 ปี ที่กำลังหลับปุ๋ยด้วยความสงสารจับใจ เธอเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ของขวัญอยู่อย่างสุขสบายได้ แถมยังต้องอยู่ในห้องเช่าที่คับแคบอีกด้วย
ถึงในแต่ละวันจะมีแต่ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด แต่เพราะมีของขวัญ...ถึงทำให้เธอมีกำลังใจสู้ต่อ เพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้คือของขวัญจากฟ้า เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่ฟ้าส่งลงมาให้ เธอถึงได้ตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า "ของขวัญ" เด็กคนนี้คือคนสำคัญที่เข้ามาอยู่ในชีวิตและเติมเต็มคำว่า "ครอบครัว" ให้กับเธอ
"แม่จ๋า มีน้ำหย่นมาจากฟ้าเยอะเยยค่ะ""อันนี้เขาเรียกว่าน้ำฝนนะคะลูก""น้ำฝนหยอคะ""ใช่ค่ะลูก อันนี้เรียกน้ำฝนค่ะ แต่ถ้าน้ำฝนที่ตกรวมกันเยอะ ๆ แบบนี้เขาเรียกว่าฝนตกนะคะ""แย้วเยาจะกลับกันยังไงคะแม่จ๋า""ก็คงต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อนนะจ๊ะลูก เพราะถ้าเราตากฝนอาจจะทำให้เป็นหวัดและไม่สบายค่ะ""แย้วถ้าฝนไม่หยุดตก เยาจะทำไงคะแม่จ๋า""ถ้าไม่หยุดก็ต้องรอจนกว่าจะหยุดค่ะ เพราะแม่จะไม่ยอมให้หนูตากฝนเด็ดขาดเลยลูก ถ้าหนูไม่สบายขึ้นมา แม่ต้องรู้สึกผิดแน่ ๆ เลย งั้นเราก็นั่งรออยู่ที่นี่สักพักนะคะ"เพลงขวัญก็เดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์อีกครั้งพร้อมกับบุตรสาว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเจ้าของไร่กำลังเดินมาตรงนี้พอดี"นี่เธอเดินกลับเข้ามาในบ้านฉันทำไมอีก แค่ให้มานวด ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ที่จะเดินเข้าออกบ้านนี้เมื่อไหร่ก็ได้นะ อย่าคิดว่าแม่ฉันให้ท้ายหน่อยแล้วเธอจะถือวิสาสะทำอะไรได้ตามใจชอบได้ล่ะ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย! นี่มันบ้านฉัน คนงานอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของกัน""ขอโทษค่ะพ่อเลี้ยง ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ นะคะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ของขวัญลูก เราออกไปกันเถอะค่ะ""ไหนแม่จ๋าบอกว่าไม่ควรตากฝนนี่คะ
"แม่จ๋า เยามาเที่ยวที่นี่อีกแย้วหยอคะ""ใช่ค่ะลูก หนูชอบหรือเปล่าคะ""แต่ว่าตอนนั้นแม่จะย้องไห้ด้วย แม่จ๋าจะเป็นอะไยไหมคะ""แม่ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะลูก แม่สอนว่ายังไงนะคะ ถ้ามาที่คฤหาสน์หลังนี้ต้องยกมือไหว้คุณนายกับพ่อเลี้ยงใช่ไหมคะ เพราะทั้งสองคนเป็นผู้มีพระคุณของเรา เพราะฉะนั้นแล้วระหว่างที่แม่ทำงานอยู่ หนูต้องนั่งรอที่โซฟาตรงนี้ได้ไหมคะ""ได้ค่ะแม่จ๋า หนูจะนั่งยอแม่จากตรงนี้ไม่เดินไปไหนเยยค่ะ""ดีมากค่ะคนเก่ง งั้นเดี๋ยวแม่เข้าไปนวดให้คุณนายก่อนนะคะ อ้อ...แล้วหนูก็อย่าเดินไปแตะต้องของมีค่าในบ้านหลังนี้นะลูก เราอย่าไปแตะต้องเพราะมันไม่ใช่ของเรานะคะ ถ้าเกิดว่ามันหลุดมือหรือเสียหายขึ้นมา เราไม่มีเงินมาจ่ายให้เขานะลูก""ได้ค่ะแม่จ๋า หนูจะไม่ดื้อค่ะ""ดีแล้วค่ะ ถ้าหนูไม่ดื้อและเชื่อฟังตามที่แม่บอก เดี๋ยวแม่จะพาหนูมาที่นี่ทุกครั้งเลย แต่ถ้าหนูดื้อ วันหลังแม่ก็จะไม่พาหนูมาที่นี่อีกแล้วนะคะ แล้วแม่ก็จะฝากหนูไว้กับป้าเฟิร์นแทน""หนูจะไม่ดื้อค่ะ ก็หนูอยากอยู่กับแม่จ๋า""ค่ะลูก งั้นแม่ไปก่อนนะคะ นั่งรออยู่ตรงนี้นะลูก ส่วนนมอยู่ในกระเป๋านะคะ ถ้าหนูหิวก็เอามาดื่มรอแม่นะคะของขวัญ"เด็กหญิงตัวเล็กก็
"จริงเหรอคะที่ว่าพี่ยูนป่วย""ใช่...พี่ป่วยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ เมื่อวานทั้งวันพี่ก็รู้สึกไม่สบายตัวอยู่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นหนักขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยนะที่ต้องมาป่วยแบบนี้น่ะ" พะยูน เป็นคนงานที่ผันตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพราะหลังจากมีบุตรก็ต้องเลี้ยงเอง ซึ่งมีสามีที่ทำงานในไร่ จึงรับจ้างทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กของคนงานในไร่ด้วย"ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องเจ็บป่วยมันช่วยไม่ได้อยู่แล้ว""ส่วนลูกของพี่ก็จะให้ไปนอนห้องของป้าไปก่อนน่ะ ไม่รู้ว่ากี่วันถึงจะหาย แต่พี่ว่าจะขอพักไปก่อนสักสามวัน แล้วนี่เพลงขวัญจะเอายังไงดีล่ะ ช่วงสามวันนี้ถ้าพี่พัก แล้วใครจะเลี้ยงของขวัญให้""นั่นสิคะ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องไปทำงานแล้วด้วย หนูเตรียมตัวไม่ทันเลยค่ะว่าจะเอายังไงดี แถมเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ด้วย ถ้าลาเพื่อเลี้ยงของขวัญก็คงจะดูไม่ดีแน่ พี่ยูนพอจะแนะนำอะไรได้ไหมคะ""ความจริงเราสามารถเอาเด็กไปที่ไร่ได้นะ เพียงแต่ว่ามันจะร้อนแค่นั้นเอง ถ้าเด็กไม่ดื้อ ไม่วิ่งไปยุ่งกับเราระหว่างที่ทำงานด้วยก็คงไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงก็มีคนที่คอยดูแลในส่วนของอาหารกลางวันอยู่แล้วนี่ ยังไงก็สามารถฝากแม่ครัวที่โรง
สี่ปีก่อนเพลงขวัญกับรมิตาเป็นน้องใหม่ปีหนึ่งในคณะพยาบาลศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งสองคนรู้จักกันเพราะบังเอิญพักอยู่ที่หอพักเดียวกันและอยู่ข้างห้องกันด้วย ทั้งสองคนก็มักจะไปมาหาสู่กันตลอด เวลาจะไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอ จึงค่อนข้างสนิทกันพอสมควร"ขวัญ...แย่แล้วล่ะ""มีอะไรหรือเปล่าขิม ทำไมเธอถึงทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ เรื่องแย่อะไรของเธอ เป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า เธอบอกฉันมาได้ไหม""แย่แล้วล่ะขวัญ ฉะ...ฉันท้อง""เดี๋ยวนะ จะล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา แต่ไม่ต้องอำกันแรงแบบนั้นก็ได้นะ""ฉันไม่ได้พูดเล่นนะขวัญ ฉันท้องจริง ๆ""อะไรกัน นี่เธอพูดจริงเหรอ" เพลงขวัญก็รีบจ้องตาของเพื่อนเพื่อหาความผิดปกติในสายตาคู่นั้น แต่กลับมีแต่ใบหน้าที่แสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ราวกับไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันเลย "นะ...นี่เธอเอาจริงเหรอ นี่เธอท้องจริง ๆ เหรอขิม แต่เราเพิ่งเรียนปีหนึ่งเองนะ เทอมสองเรายังเหลือเวลาอีกแค่สี่เดือน เราก็จะจบปีหนึ่งกันแล้วนะขิม นี่มันอะไรกันน่ะ""ฉันพลาดเองแหละเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรก็เลยไม่ได้ป้องกัน จนตอนนี้ฉันท้องได้สองสัปดาห์แล้ว พอดีเมื