อ่า ช่างเป็นฝันที่แสนดี....
หรอว่ะ?!?!
ภาพเด็กชายตัวเล็กจ้ำม้ำ นั่งเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ โดยที่มีเพื่อนตัวเล็กอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน ในขณะที่เขานำดอกไม้ชนิดต่างๆ มาบีบคั้นน้ำสีสวยออกมาจากดอกไม้แต่ละชนิด แล้วใช้มันต่างสีวาดบนกระดาษสีขาวนวล แต่เพื่อนอีกคนกลับนั่งจับเอาหนอนและแมลงนั้นใส่รวมกันไว้ในแก้วใบเล็ก อย่างสนุกสนาน
“เบสๆ มึงดู” เด็กชายตัวเล็กยื่นแก้วมาตรงหน้า ทำให้เด็กชายตัวกลมใบหน้าซีดเผือดสี เมื่อเห็นไส้เดือนดิ้นไปมา หนอนไต่อยู่ที่ขอบแก้ว ตัวด้วงเดินเหยียบย้ำอยู่ด้านบน และมดที่ถูกกัดกินจากแมลงชนิดต่างๆ ที่เขาไม่รู้จัก
“ซัน ไม่เอา คุณเบสไม่เล่น” เด็กน้อยร้องปฏิเสธ พร้อมกับดันมือเพื่อนออกไปให้ห่างๆ ตัว
“มึงดูดิ น่ารักจะตายเนี้ย ดูๆ” อีกฝ่ายคะยั้นคะยอ ชี้ชวนให้มองลงไปในแก้วอีกครั้ง หากแต่เขาเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองดูอีกต่อไป
“ไม่เอา”
“น่า ดูหน่อย อีกนิดหนึ่ง”
“ไม่เอา”
“นิดหนึ่งก็ได้ ดูดิ”
“คุณเบสบอกว่าไม่เอาไง!!!”
เด็กชายตัวกลมร้องบอกพร้อมกับปัดแก้วใบเล็กนั้น จนหลุดจากมือของเพื่อนสนิทที่กำลังถืออยู่ และแมลงเหล่านั้นก็ร่วงลงสู่ตัวเขาจนหมด เขาจึงก้มลงช้าๆ เห็นแมลงตัวจิ๋ว หนอน และไส้เดือน รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นๆ ดิ้นๆ อยู่ที่ตัวของตัวเอง ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาจนสุด
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
พรึ่บ!!!
ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก หัวใจเต้นเร็ว หอบถี่รัวราวกับหัวใจจะหลุดออกจากอก มือถูกยกขึ้นกุมหัวใจตัวเองไว้ หวังให้มันเต้นช้าลงอีกสักนิด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้า เพื่อหวังเรียกสติที่กำลังกระจัดกระจาย
จนเมื่อลมหายใจที่หอบถี่กระชั้นชิด ค่อยๆ คลายลงอย่างช้าๆ ทำให้เขาหันมองรอบตัวอย่างงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าตัวเองมาอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นตาได้อย่างไร ก่อนจะนึกได้ว่า ได้ขนย้ายข้าวของเข้าหอใหม่และไปดื่มเหล้ากับเพื่อนสนิทมา และถ้าให้เดามันเองนั่นแหละที่เป็นคนมาส่งเขา คิดพลางก้มตัวสำรวจร่างกาย ว่าใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอยู่หรือไม่ แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อตัวเขานั้นอยู่ในชุดนอนสบายๆ ด้วยชุดนอนสีแดงเลือดหมูแขนยาวขายาว ใบหน้าของผมขมวดอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วมือจะค่อยๆ เกี่ยวขอบกางเกงของตัวเองออกดู
ชัดเจน......
อ้ากกก
ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ทิ้งตัวลงบนที่นอน พลิกไปพลิกมาอย่างบ้าคลั่ง ฝ่าเท้าไล่เตะผ้าห่มเตะอากาศไปด้วย
เหี้ยเอ้ยยยย
ปึก!
“อืมมมม” เสียงครางที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมหยุดชะงักสิ่งที่กำลังทำทุกอย่าง ค่อยๆ หันไปมองที่มาของต้นเสียง ก่อนจะมองไปที่หมอนอีกใบ ซึ่งมีอะไรสักอย่างอยู่ใต้ล่าง ผมคลานช้าๆ จับปลายผ้าห่มที่กำลังคลุมไว้อยู่จนนิ้วมือขึ้นข้อขาว สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะกระชากเปิดออกสุดแรง
ส้นตีน!!!
ครับ!! ส้นตีนจริงๆ ครับ ฝ่าตีนคนแท้ๆ เลยด้วย และมันกำลังวางพาดก่ายอยู่บนหมอนอีกใบ หมอนกู้ววววววววว ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วมุ่งไปที่ปลายเตียงแทน ก่อนจะจับปลายผ้าอีกครั้ง แล้วกระชากเปิดออกอีกหน
“เหี้ยเอ้ยยยยย” ผมบ่นออกมาเบาๆ ใบหน้านั้นอยากจะร้องไห้ ก็รู้แหละว่าต้องเป็นมัน แต่ยังทำใจยอมรับไม่ได้
“หื้มมมมม ตื่นแล้วหรออ” เสียงไอ้ซันในยามตื่นมันชวนเซ็กซี่จนใจสั่นจริงๆ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง แล้วจึงนั่งคุกเข่าทับขาตัวเองอย่างเรียบร้อย
“อะ อืม ตื่น ตื่นแล้ว”
“เออ ดีละ แฮงค์ไหม?” อีกฝ่ายถามพร้อมกับยันตัวขึ้นนั่งช้าๆ ยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเองเบาๆ
“มะ มะ ไม่ ไม่แฮงค์” จริงๆ นะ ผมไม่รู้สึกมึนหัวหรืออะไรแบบนั้นเลย
“ก็น่าอยู่หรอก ถล่มกูซะขนาดนั้น” ในตอนนี้เองที่ผมเห็น ว่าไอ้ซันสวมใส่เพียงบ็อกเซอร์ ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นมัดกล้ามชัดเจน ไม่ต่างจากของผมเท่าไหร่นัก
“กูทำมึงลำบากใช่ไหม ขอโทษนะ แล้วก็ขอบใจมึงด้วย” ผมพูดพร้อมๆ กับยันตัวขึ้นเช่นกัน ตั้งใจจะออกจากห้อง ไปเตรียมทำอาหารเช้าสำหรับสองคน แม้ว่ามันจะเป็นเวลาเกือบ 11 โมงแล้วก็ตาม
“เดี๋ยว” คำเรียกของมันทำให้ผมหันไปเลิกคิ้วมองหน่อยๆ อย่างสงสัย ไอ้ซันก็ชี้นิ้วมาที่ชุดนอนที่ผมกำลังสวมใส่ ผมเองก็ก้มมองตามนิ้วมือของมันอย่างงุนงง มันให้ผมดูอะไร? ก็ชุดนอนผมก็ถูกแล้วนิ
“เอาออกก่อนไหม?” พอมองต่ำลงไปอีกก็เข้าใจ ว่าเพื่อนพูดถึงอะไร แต่ผมก็ส่ายหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย”
“เฮ้ยยยย ได้ไง นี่มันกิจวัตรประจำวันของผู้ชายเลยนะเว้ยยยย” ไอ้ซันพูดพร้อมกับกระโดดลงจากเตียง เดินมาคล้องคอของผม แล้วดึงลากเข้าห้องน้ำ
“มา มาเอาน้ำออกกับกูนี่”
“เฮ้ย!! ไม่เอาโว้ยยยย กูไม่ใช่มึงนะ ปล่อยกูวววววว” ปลายนิ้วมือของผมพยายามไขว่คว้า หาที่จับยึด ไม่ให้มันลากเข้าห้องน้ำได้ดั่งใจ
“อึดอัดตายห่า เอาออกพร้อมกูเนี้ยแหละ จะได้อาบน้ำแต่งตัวออกไปหาข้าวแดกทีเดียว”
“มึงก็ทำไปคนเดียวสิโว้ยยยย กูไปอาบอีกห้องหนึ่งก็ได้!”
“มึงจะอายอะไรวะ เห็นมาตั้งแต่เด็ก ไปๆ ๆ ๆ” ไอ้ซันว่าพร้อมๆ กับดึงลากผมไปด้วย
“นั่นมันสมัยก่อน!! ตอนนี้ไม่เด็กแล้วนะโว้ยยย”
“จุ๊ๆ จริงหรอครับ คุณหนูเบส”
พรึ่บ!!
ทันทีที่จบคำที่ว่า มันก็ดึงกางเกงนอนของผมลงจนสุด ทำให้แก่นกายของผมชี้หน้าของมันทันที ผมเองก็ร้องออกมาทันทีเช่นกัน
“เหี้ยยยยยยยย” ผมร้องเสียงหลง หมุนตัวหันหลังให้มันในทันที
“ไหนๆ ๆ ขอดูหน่อย คุณเบสไม่เด็กแล้วหรอ เท่าไหร่แล้วล่ะ”
หมับ!
“อะ อะไรของมึงเนี้ย ปล่อย!” ผมพยายามๆ ดันมือของคนที่สัมผัสแก่นกายของผมออกไปจากตัว ปัดป้องพัลวัน ก่อนที่มันจะทำสิ่งที่ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อมันขยับมือขึ้นลงช้าๆ
“โฮ่ๆ คุณหนูเบสโตขึ้นจริงๆ ด้วยว่ะ แต่ก็ไม่เท่าพี่นะเบบี้” ว่าจบมันก็จับคว้ามือของผมไปสัมผัสแก่นกายของมันบ้าง ทำให้ผมกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนงง เมื่อรับรู้ความอ่อนนุ่มที่ค่อยๆ แข็งขืนขึ้นใต้ฝ่ามือ
“อ้ากกกกกกก มือกูวววววว” ผมร้องออกมาอีกครั้งอย่างเสียสติ แล้วพยายามที่จะปล่อยมือออก หากแต่ไอ้ซันใช้มือของมันซ้อนมือของผมไว้แน่น ก่อนจะบังคับให้ขยับมือขึ้นลง ในขณะที่มือของมันอีกข้างก็ยังคงไม่ปล่อยออกจากแก่นกายของผม มันจับกระชับแน่นขึ้น แล้วจึงรูดรั้งแน้นๆ แทน
กลับกลายเป็นว่า มือของมันจับของๆ ผม โดยที่ผมก็จับข้อมือของมันเพื่อดึงออก ส่วนมืออีกข้างของผมก็จับของมัน แล้วมือมันก็จับซ้อนบังคับทิศทางไว้อีกที โดยที่เรายืนซ้อนหลังกันอยู่
“อึก ไอ้ซัน ปะ ปล่อยกู” ผมงอตัวหน่อยๆ เมื่อมันไม่ยอมปล่อยตามคำขอ แถมยังจะขยับให้เร็วขึ้นอีกนิดเสียด้วย
“ทำไมละ กูช่วยมึง มึงช่วยกู ก็ฟินดีออก”
“ตะ แต่ แต่กู อึก ไม่อยากทำ” ผมร้องปฏิเสธ พร้อมๆ กับพยายามขยับตัวให้หนีพ้นฝ่ามือของมัน มันจึงดันตัวผมเข้ากับกำแพง ทำให้ผมปล่อยมือที่กำลังจับข้อมือของมันอยู่ออกไปยันกำแพงเพื่อพยุงตัวไว้แทน มันจึงขยับมืออีกข้างได้สะดวกยิ่งขึ้น
“โกหกน่ะสิ น้ำมึงเยิ้มขนาดนี้” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า เริ่มขยับมือหนักหน่วงขึ้นอีกนิด
“อึก อ่า ก็มึง มาปลุกกู”
“มันเรื่องธรรมดาของผู้ชายน่า มึงน่ะคิดมา อืม ขยับให้กูด้วย”
“มะ ไม่ อ้ะ”
“ขยับสิ” ไอ้ซันกระซิบเสียงพร่าข้างใบหู ขยับมือเร็วขึ้นอีก จนผมขยับสะโพกตามเบาๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“เหี้ยเอ้ย มือกู” ผมบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะขยับมือให้ในจังหวะเดียวกัน มันทำแบบไหนผมก็ทำแบบนั้น จนมันยอมปล่อยมือที่กำลังบังคับทิศทางของผมออก มันรูดรั้ง ผมเองก็เช่นกัน มันหมุนวนที่ส่วนปลาย ผมก็ทำเช่นกัน มันแตะสัมผัสที่รอยแยกตรงส่วนหัว และผมเองก็เช่นกัน ไม่ว่ามันทำอะไรให้ ผมก็ทำแบบเดียวกันกลับคืนไป
“ซี้ดดดดด” ผมครางออกมาเบาๆ ก่อนจะร้องขออย่างลืมอาย
“เร็วอีกสิ”
“อืมมมม” ไอ้ซันเร่งมือให้ตามคำขอ ผมเองก็เร่งให้มันเช่นกัน
“อะ อ๊า ซี้ดดดดด อ่าาา” ผมร้องครวญคราง เอนหลังพิงอกของไอ้ซันเอาไว้ กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ อยากจูบ..... แต่ก็ได้แค่คิด เมื่อมันคงไม่ยอมให้ผมหันหน้าไปจูบมันแน่ แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อริมฝีปากร้อนๆ ทาบลงที่ซอกคอ เกิดความอุ่นร้อนและเจ็บแปล็บ มืออีกข้างบีบเคล้นไปทั่วตัวของผม แวะทักทายยอดอกเล็กๆ นั่นด้วยการสะกิดเขี่ยไปมา ทำให้ผมร้องออกไปเบาๆ
“ทำอะไรวะ”
“อ่า โทษที ลืมตัวไปหน่อย” ไอ้ซันบอกมาแค่นั้น ก่อนจะเปลี่ยนจากการทำรอยรัก เป็นการซุกจมูกไปมาแทน พร้อมๆ กับการเร่งมือให้เร็วยิ่งขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปมา
“ซี้ดดดดด แม่งเอ้ย”
“เบส เร็วอีกสิ” ผมก็จัดให้ตามคำขอ เรียกได้ว่าอยากให้มันทำเร็วเท่าไหร่ ผมก็ทำให้มันเท่านั้น จนเมื่อความรู้สึกเสียดเสียวพุ่งตรงมาที่ส่วนปลายของลำกายแกร่ง จึงร้องบอกออกมาเบาๆ
“อึก จะเสร็จแล้ว อ่า จะเสร็จแล้ว”
“อืมมมมม”
“อะ อะ อ่าาาาาาาาา”
“อ่าาาาาาาาาาาา”
ผมกับไอ้ซันเรียกได้ว่าแทบจะเสร็จตามกันติดๆ เราต่างก็ชักรูดให้อีกฝ่าย 2 – 3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำออกหมดจริงๆ ก่อนที่ไอ้ซันจะเอ่ยแซวออกมา
“ออกเยอะเชียวนะคุณหนูเบส ไม่ค่อยได้ปล่อยละสิมึง”
“แฮ่ก แฮ่ก อึก เสือก แฮ่ก กูไม่ได้หื่นเหมือนมึงนี่” ว่าจบก็หันหลังไป ผลักอกของมันออก มันก็เซถอยหลังเล็กน้อย ผมจึงก้าวเท้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดสายน้ำให้รินรดกาย
“แต่คุณหนูเบสของกูไม่เด็กแล้วจริงๆ ว่ะ โตขึ้นเยอะเลยน้าาาา แต่ก็ไม่สู้กูหรอก ฮ่าๆ ๆ” ไอ้ซันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวของผม แต่ถูกผมปัดออกจากหัวอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เหี้ยย มึงเอามือไหนมาเล่นหัวกู”
“อ้ะ เออว่ะ มือนี้” มันพูดพร้อมๆ กับยกมือที่เปื้อนน้ำรักขึ้นมาให้ผมดู
“ไอ้เหี้ยซันนนนนนนนนนน” ผมร้องตะโกนลั่น รีบใช้สายน้ำล้างเส้นผมของตัวเอง ก่อนจะกดแชมพูมาสระผม แล้วก็โดนไอ้ซันดันตัวออกไปด้านข้าง เข้าไปอาบน้ำแทนที่ของผม
หมดแล้วครับความอาย เปลือยกายต่อหน้าแม่งนี่ละ แม้ว่าพวกผมจะอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ แต่พอโตขึ้นก็เริ่มจะห่างหายไปบ้าง จะมีก็ครั้งนี้นี่ละ ที่เผลอตัวไปกับมัน มาอาบน้ำด้วยกันซะอย่างนั้น มันเองพอช่วยผมจนเสร็จแล้วก็แล้ว ไม่ได้มาวอแวกับผมอีก
ต่างคนต่างอาบน้ำของตัวเองไป โดยที่ผมอาบเสร็จก่อน ก็เดินออกจากห้องน้ำ ไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาใช้ ก่อนจะโยนอีกผืนไปให้มันด้วย เมื่อเห็นว่ามันเองก็อาบเสร็จแล้วเช่นกัน โดยที่พยายามบังคับสายตา ไม่ให้มองลงต่ำลงไปมากนัก เมื่อกี้ได้แค่จับ แต่ยังไม่เห็นเลยนี่น่า
พอโยนผ้าให้มันเสร็จ ก็หันมาสูดลมหายใจเข้าออก แล้วเริ่มเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ ส่วนไอ้ซันก็ใส่ชุดเดียวกันกับเมื่อวาน แต่ว่ามันตากไว้ที่ด้านนอก เสื้อยับยู่ยี่
“มึงซักผ้าหรอวะ” ผมถามพร้อมๆ กับชี้นิ้วไปที่เสื้อของมันที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้
“เพราะใครละ”
“กูหรอ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ กะพริบตาปริบๆ
“เออ มึงนั่นแหละ”
“กูจำไม่เห็นได้....”
“ถ้ามึงจำได้นะ กูยอมกราบมึงเลย” ผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ตาบ้องแบ๋ว ใสซื่อส่งไปให้ เพื่อบ่งบอกว่า หนูไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ จนไอ้ซันถอนหายใจออกมาช้าๆ
“เฮ้อ เมื่อคืน กูพามึงกลับมานอนที่ห้อง ตอนแรกกูก็ว่าส่งเสร็จแล้วจะกลับเลย แต่มึงดันลุกขึ้นมาอ้วกแทน เปียกไปยันไข่ เลอะไปยันที่นอน กูก็เลยต้องจับมึงแก้ผ้า รื้อผ้าปู เช็ดตัวให้มึงแทน มึงก็เข้ามาซุกๆ กอดๆ อยู่นั่นละ พอกูจะกลับ กูก็เลยดันมึงออก แต่มึงกลับจับคอเสื้อกูเอาไว้ ซุกหน้าเข้ามาใกล้ๆ เหมือนจะพูดอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็อ้วกใส่กูเฉยเลย ห่า กูก็ต้องเช็ดตัวมึงใหม่อีกรอบ เปลี่ยนผ้าปูอีกรอบ กว่าจะเสร็จกูก็หมดแรงแล้ว เลยถอดเสื้อผ้าตัวเองไปซัก เอาขึ้นมาตาก แล้วถึงได้มานอนกับมึงนั่นแหละ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตีนกูไปอยู่บนหัวนอนได้” ไอ้ซันร่ายยาว ก่อนจะยักไหล่เมื่อจบประโยค จึงเป็นผมที่ต่อท้ายให้เบาๆ
ก็มึงนอนดิ้นไง ฟายยยย
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะยังมีคุณความดีที่เพื่อนกระทำไว้ให้อยู่ จึงเอ่ยปากด้วยความซาบซึ้งแทน
“เออ ขอบใจว่ะ ลำบากมึงเลย”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเว้ย เพื่อนกัน” ไอ้ซันพูดพร้อมๆ กับเดินเข้ามาวางพาดแขนที่ไหล่ของผม ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง
“ไปหาไรแดกเหอะ หิวฉิบหาย น้ำออกไปซะเยอะ ท้องร้องแล้วว่ะ”
“อะ อ่อ เออๆ ไปดิ” ผมพยายามซ่อนใบหน้าเห่อร้อนของตัวเอง ด้วยการหันไปเสมองทางอื่น ก่อนจะได้ยินเสียงผิวปากดังขึ้นมาเบาๆ ด้วยความอารมณ์ดี แล้วพาลากกันออกจากห้องไป
เราออกมาหาข้าวกินแถวๆ คอนโดนี่ละครับ ไม่ได้ไปไหนไกล ไม่ได้เอารถออก เน้นสะดวกและรวดเร็ว เพราะรวมเอามื้อเช้าและเที่ยงในมื้อเดียวกัน แถมยังมีกิจกรรมชวนเหนื่อยตั้งแต่เช้า จนหิวโซกันทั้งคู่ พอกินกันไปได้ครึ่งหนึ่ง ไอ้ซันก็เอ่ยถามขึ้นมา
“คอนโดมึงเท่าไหร่ว่ะ พี่คมหาให้หรอ หรูฉิบหาย”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ พี่คมเขาจัดการให้หมดนั่นแหละ ถ้าบอกว่าเพื่อการศึกษาป๊ากูไม่บ่นอะไรสักคำ พี่คมก็เลยจัดหนักจัดเต็มให้กูเต็มที่ เอาให้สะดวกสบายที่สุดน่ะ” ห้องผมก็ถือได้ว่าหรูหราพอตัว แบ่งแยกสัดส่วนชัดเจน ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องน้ำ 2 ก็เรียกได้ว่ามีครบครันเท่าที่บ้านหลังหนึ่งจะมีได้ ฟอร์นิเจอร์ก็ซื้อมาตกแต่งใหม่ทั้งหมด เห็นว่าซื้อเป็นห้องชุดมาเลย เผื่อเอาไว้ธุระปะปังที่ไหนจะได้มานอน ถือเป็นบ้านอีกหลังของผมไป ผมว่ามันก็เวอร์ไปอะนะ เรียนแค่ 4 ปี แต่ซื้อของใหม่เหมือนซื้อบ้านทั้งหลัง
“เออ ถ้าพี่คมจัดการก็คงจะแบบนั้นแหละ พี่คมคงไม่ยอมให้คุณหนูสุดที่รักของเขาลำบากหรอก” ไอ้ซันพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากไปด้วย
“แล้วของมึงละ?”
“ห้องกูก็ไม่มีอะไรมากหรอก เปิดไปก็เจอเตียง มีห้องน้ำในตัว มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ทีวี แอร์ โซฟาตัวหนึ่ง ห้องพักธรรมดาๆ น่ะ นี่แม่กูก็ให้เงินมาจำนวนหนึ่ง ให้เอาไปซื้อของเข้าเพิ่ม พวกกระทะ ถ้วย ไมโครเวฟ อะไรพวกนั้น ก็อยู่ใกล้มหาลัยแหละ”
“แล้วเวลาซักผ้าทำไงละ?” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็คงดูก่อนว่ะ อาจจะซักมือ หรือไม่ถ้าขี้เกียจหน่อยก็อาจจะหยอดเหรียญเอา”
“มึงเอามาซักห้องกูก็ได้นะ มีเครื่องอยู่”
“โอ้ยยย คุณเบสครับ จะให้กระผมถ่อขับรถมาเพื่อซักเสื้อผ้าเนี้ยนะครับ กูซักแบบหยอดเหรียญยังถูกกว่าขับรถไปใช้เครื่องซักผ้ามึงเลยมั้ง”
“เออว่ะ กูลืมคิด” ไอ้ซันส่ายหัวเบาๆ แล้วจึงกินข้าวต่อ
“เอาไว้ว่างๆ มึงพากูไปดูห้องมึงบ้างดิ”
“โห้ยยยย คุณหนูอย่างมึงเข้าห้องกูไม่ได้หรอก ห้องกูน่ะห้องรูหนู มึงอยู่ห้องมึงนั่นแหละ เอาไว้กูจะแวะไปหาบ่อยๆ” คำพูดของมันทำให้ผมคิ้วผมกระตุกเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยปากด่าออกไปทันที
“นี่! ถึงกูจะเป็นคุณหนู แต่ก็เป็นคุณหนูติดดินโว้ยยยย มึงไม่ต้องมาทำเหมือนกูสูงส่งนักหรอก!!”
“อะ เออว่ะ มึงยังเคยนั่งปั้นขี้ดินเลยนี่หวา ฮ่าๆ ๆ เออๆ เอาไว้ว่างๆ จะพาไปดู”
“ก็แค่นั้น ลีลาเยอะนะมึง” ผมด่ามันเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวของตัวเองต่อ จนเมื่อทานข้าวเสร็จ ก็พากันกลับมาที่คอนโดของผม ไอ้ซันก็กระโดดขึ้นรถ ผมก็ยืนส่งมันที่ข้างประตู มันลดกระจกลงนิดหนึ่ง ร้องบอกเบาๆ
“เจอกันพรุ่งนี้เว้ย อย่าสายละ เรียนวันแรกนะมึง”
“มึงบอกตัวเองเหอะ”
“หึหึ เจอกัน” ไอ้ซันร้องบอกแล้วปรับกระจกขึ้นช้าๆ ผมก็พยักหน้าให้ แล้วมองรถของมันที่เคลื่อนออกไปจนลับสายตา แล้วถึงหมุนตัวเดินขึ้นห้องของตัวเอง
ผมใช้เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันจัดเตรียมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ให้พร้อมสำหรับการเรียนวันแรก แต่ถึงจะบอกให้เตรียม ผมก็มีแค่สมุดกับปากกาเท่านั้นแหละครับ เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า พี่คมจัดการให้หมดทุกอย่างแล้ว ผมจึงเดินสำรวจห้องตัวเอง ว่ายังขาดเหลืออะไรอีกบ้าง จดเป็นรายการเอาไว้ แต่ว่าพี่คมทำงานได้ดีเกินคาด ตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ผมไม่มีรายการที่ต้องซื้อของเพิ่มเลยแม้แต่น้อย จึงมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแทน มองไปที่หมอนอีกใบที่ไอ้ซันมันฝากรอยเท้าเอาไว้ ซักมึงนี่แหละ ปลอกหมอน!!
Sun Partไม่เคยคิด.... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ ทั้งๆ ที่ขอเอาไว้แล้วแท้ๆ เคยขอเอาไว้แล้วไม่ใช่หรอ.... คำๆ นั้น คำเลวร้ายแบบนั้น อย่าพูดมันออกมาอีก.....“ที่รัก.... เราเลิกกันนะ”ผมได้แต่นิ่งอึ้งอยู่กับที่เมื่อได้ยินคนรักพูดคำๆ นั้นออกมาทั้งน้ำตา คนตรงหน้าพูดอะไรออกมาอีกหลายอย่างแต่มันไม่เข้าหูของผมเลยแม้แต่น้อย ดวงตาฝ้าฟางและเสียงที่ได้ยินก็อื้ออึง สมองไร้การตอบสนองใดๆ ดวงใจบีบรัดแน่นจนเจ็บปวดไปหมด เกิดคำถามขึ้นมามากมายภายในหัว ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? เพราะอะไร? ทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนี้ ทำไมถึงทิ้งผมได้ลง.....ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ กว่าจะรู้ตัวห้องทั้งห้องก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงจากทีวีที่ยังคงเล่นวนเพลงเดิมอยู่ซ้ำๆ ไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงคนรักของผม เลือกที่จะเดินจากผมไป.... ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เหมือนกับว่าเคยได้รับสัมผัสนุ่มหยุ่นเมื่อนานมาแล้ว ผมเงยหน้ามองห้องไปรอบๆ กวาดสายตาออกไปทั่วบริเวณ เจ็บปวดไปถึง
“โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์” ป๊าพูดพร้อมกับแบมือมาตรงหน้า ทำให้ผมเข้าใจได้ทันที หยิบยื่นให้โดยไม่ได้พูดคำใดออกมา หลังจากที่ป๊ารับไปแล้วก็เอาของใหม่ที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เลยให้ผม เมื่อได้รับมาก็เก็บใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดจะตรวจสอบตอนนี้พวกเราทั้ง 4 คน อันประกอบไปด้วย ป๊า ม๊า พี่เมธ และผม มายืนอยู่ที่สนามบินแห่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรอขึ้นเครื่องเช็คอินในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง และตอนนี้มันก็จวนเจียนจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เพราะผมพึ่งจะมาถึง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ เหลือเพียงแค่ผมเข้าเช็คอินเท่านั้น“ม๊า พี่คมละ” ผมเอ่ยถามม๊าด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนล้า ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่เจอหน้าพี่คมเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้…..“ฉันมีงานให้มันทำ” ป๊าของผมเป็นคนร้องตอบออกมาเอง ในขณะที่ผมนั้นไม่สนใจแม้แต่จะหันหน้าไปมอง เดินเข้าไปกอดม๊าเอาไว้แน่นๆ“ฮึก ผมไปนะม๊า และจะติดต่อมาบ่อยๆ นะ” พูดพร้อมกอดม๊าแน่นขึ้นอีกนิด“ไม่ต้องห่วงนะเบส ม๊าดูแลตัวเองได้”“ผมฝากม๊าดู ฮึก ไอ้ซันให
ผมเดินเข้ามาในตึกด้วยความอารมณ์ดี ที่ช่วงนี้ป๊าไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรกับผมอีก หลังจากเกิดเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โตในครั้งนั้น เหมือนว่าป๊าจะดูนิ่งเฉยมากขึ้น ม๊าก็พยายามที่จะโทรหา เพื่อให้ผมกลับไปปรับความเข้าใจกับป๊าแต่ก็ไร้ผล แม้ว่าเราจะทำงานที่เดียวกัน ห้องอยู่ติดกัน แต่เรากลับไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำในอ้อมแขนของผมเต็มไปด้วยของสดมากมาย ผมพยายามก้าวเท้าพร้อมกับหอบหิ้วของเหล่านี้ไปด้วย ในใจคิดแต่เพียงว่าจะต้องจัดเตรียมเมนูอะไรบ้าง คิดพลางแตะคีย์การ์ดเข้าไปภายในห้อง แต่ก็ต้องชะงักกึกหลังจากแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย เมื่อดวงไฟในห้องถูกเปิดส่องสว่าง หรือบางทีอาจจะเป็นคนรักที่เปลี่ยนใจ ไม่ได้ทำโอทีในวันนี้ก็เลยกลับมาก่อนเวลาปกติ คิดพลางดันประตูให้เปิดออกกว้าง ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่ภายใน“พี่เมธ....” เจ้าของชื่อหันมาทำหน้าลำบากใจส่งมาให้ ผมจึงขมวดคิ้วและเดินสาวเท้าเข้าไปหา“พี่มาหาผมถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ?” ถามพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย ก่อนจะต้องหยุดชะงัก เมื่อรองเท้าที่ถูกถอดวางไว้อย่างเป็นระเบียบมี
ไอ้วุฒิแทบจะเป็นบ้าไปเลย หลังจากที่รู้เรื่องนี้ มันรีบไปที่บ้านของไอ้เพชรทันที และเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้งจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ และครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ พวกผมเองก็สลับไปเรียนสลับไปเฝ้า ไอ้วุฒิแทบจะเสียผู้เสียคน.....เวลาล่วงเลยไปเป็นเดือนในระหว่างที่ไอ้วุฒิมันรักษาตัว พวกผมก็ตามหาไอ้เพชรจนเจอแล้วล่ะครับ แต่มันขอร้องไว้ว่าไม่ให้บอก พวกผมเหมือนกับน้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ได้ ได้แต่ทนอึดอัดอยู่อย่างนี้ หลังจากนั้นมันก็พักฟื้นจนหายดี กลับไปอยู่ที่คอนโด พวกผมเองก็ไปช่วยปัดกวาดเช็ดถู ก่อนจะพากันออกไปตามหา พวกผมทำได้เพียงทำตามคำสั่งของไอ้วุฒิมัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันต้องไปหาที่ไหน ไอ้ซันจับกุมมือของผมเอาไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คลายความเศร้าลง อาการของไอ้วุฒิหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยที่พวกผมช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่คอยแอบรายงานให้ไอ้เพชรรู้เป็นระยะๆปีที่ 1…..ชีวิตในรั้วมหาลัยของเราเปลี่ยนจาก 5 คน เป็น 4 คน เรียบร้อยแล้ว เพราะไอ้เพชรมันหายไปโดยไร้การติดต่อใ
“กูไม่รู้ กูไม่รู้ว่า.....” ไอ้ซันเงียบเสียงลงไปซะดื้อๆ แต่ผมก็ใจเย็นพอที่จะรอ ใช้ฝ่ามือลูบหลังคนรักไปพลางๆ เพื่อให้มันผ่อนคลาย ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเงียบๆ โดยที่มีเสียงน้ำกระทบกำแพงเป็นฉากหลัง“กูไม่รู้ว่า ที่กูเป็นอยู่ตอนนี้ มันดีพอให้มึงรักไหม” ไอ้ซันพูดเสียงเบา ผมจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ขมวดคิ้วหมุน“ไปได้ยินได้ฟังอะไรมา” ผมเอื้อมมือยกขึ้นสูง ลูบหัวคนรักเบาๆ ไอ้ซันโน้มตัวลง ซบลงที่บ่าของผม ก่อนจะเริ่มต้นเล่าต่อ“จำวันที่ไอ้นายร้องไห้ ตอนไอ้เพชรเข้าโรงพยาบาลได้ไหม” เพราะเรื่องนั้นสินะ...“ซัน มึงไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับใคร มึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร เรื่องฐานะ หน้าตาทางสังคม ความรู้ความสามารถ กูไม่เคยหยิบมันมาใส่ใจเลย สิ่งที่กูสนใจและใส่ใจมาตลอด มีแค่มึง แค่มึงคนเดียวเท่านั้น กูเฝ้ามองมานานตั้งเท่าไหร่ มันไม่ทำให้มึงมั่นใจบ้างเลยหรอ” ผมพูดพร้อมกับลูบหลังปลอบใจไปด้วย“กูรู้... แต่บางที.... กูก็อดคิดไม่ได้ กูไม่อยากเสียมึงไป แต่.. เบส พวกเราไม่ต่างกันเกินไปห
ในที่สุดเย็นวันเสาร์ก็มาถึง เชฟจองห้องส่วนตัวให้พวกเรา นักเรียนทั้ง 5 คนของเชฟ ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา และมีหัวหน้าเชฟต่างๆ ที่เคยประกบคู่กับพวกเรายืนเรียงรายอยู่ด้วย แต่ละคนนั้นทำอาหารที่ทำร่วมกับพวกเราคนละ 1 จาน วางลงตรงหน้า ทำให้พวกเราประทับใจไม่น้อย แต่ละคนก็ได้แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าหัวหน้าเชฟจะเลือกจานไหนที่เคยทำด้วยกัน หลังจากนั้นเชฟทั้ง 5 คนก็เข้าไปช่วยงานเชฟฟรองซัวในการจัดทำอาหาร มีทั้งหมด 10 เมนูและทยอยนำออกมาจนครบทุกเมนูเมื่อทานอาหารโดยที่มีเชฟยอดฝีมือคอยประกบ และแนะนำวิธีการทานให้ ทำให้พวกผมรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษเลยละครับ เสียดายจังที่ไอ้ซันไม่ได้เข้าร่วม ผมนั่งคิดพร้อมกับหันหน้าไปทางเวทีเล็กๆ ที่เชฟกำลังพูดแนะนำและให้คำอวยพรกับพวกเราอยู่ แต่จิตใจของผมกลับล่องลอย คิดถึงสิ่งที่คนรักเป็นอยู่ในช่วงนี้หลังจากที่มันได้คุยกับเชฟวันนั้น เหมือนจะปกติ แต่มันไม่ปกติ.....“อ่า ซัน แรงๆ อึก ทำแรงๆ”“อืมมม” ผมได้แต่ร้องครางอยู่ใต้ร่างของคนรัก บิดตัวไปมาอย่างทรมาน นิ้วมือร้า