เธอไม่อยากนั่งรอตรงโซฟาที่ได้เห็นพวกเขาทำกิจกรรมอย่างว่าเต็มตา ด้วยรู้สึกนั่งไม่ลง อึดอัดขัดเขินแปลกๆ กุลนารีจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องครัวจัดการเก็บล้างสิ่งที่อยู่ในนั้นรอเจ้านายของตน ซึ่งเธอก็ทำอยู่บ่อยครั้งเมื่อถูกเรียกให้มายังคอนโดของชายหนุ่ม
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เปิดเข้ามาแล้วเจอโป๊ะแตกเข้า โดยมากพศินจะทำกิจกรรมส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็ยังอยู่ในห้องนอนซึ่งเธอพอรับรู้ได้จากเสียง นั่นก็นับว่าน่าขนลุกพอแล้ว แต่ครั้งนี้ทำเอาหัวใจแทบวายจริงๆ แถมภาพนั้นยังติดตาอยู่เลย ให้ตายสิ!
“จองโต๊ะแล้วใช่ไหม”
เสียงเข้มเรียบๆ ดังขึ้น กุลนารีลมหายใจสะดุด ใจกระตุกวูบ หากก็พยายามปรับสีหน้าของตนให้เรียบเฉยแล้วหันไปยังชายหนุ่ม
“ค่ะ”
“คุณไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวแม่บ้านก็มาแล้ว”
เจ้าของร่างสูงยืนกอดอกพิงขอบประตูมองเธอด้วยแววตาคมดุเช่นเดิมเหมือนทุกวัน ทว่ากุลนารีกลับรู้สึกว่าตนเองหน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เสร็จแล้วล่ะค่ะ”
เธอบอกพร้อมล้างมือเรียบร้อย ซับน้ำกับผ้าเช็ดมือเสร็จก็เดินไปหยิบกระเป๋าของตนที่โต๊ะกินข้าว
ชายหนุ่มขยับตัวเดินนำไปก่อนเป็นเวลาเดียวกับที่สาวสวยร่างอวบออกจากห้องน้ำมาพอดี
“เบลขอไปทานข้าวด้วยคนสิคะ”
เบญจวรรณเอ่ยพร้อมยิ้มหวาน ทั้งยังเดินมาเกาะแขนกำยำ
“ผมมีงานต้องคุยกับเลขาด้วย”
พศินบอกสั้นๆ ไม่ต้องเดาความหมายก็เข้าใจได้ว่าปฏิเสธ
เจ้าของใบหน้าสวยที่แต่งแต้มใหม่แล้วหุบยิ้มแล้วเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง ขณะที่กุลนารีพยายามวางสีหน้านิ่งไม่แสดงออกว่ามีเรื่องขุ่นใจต่อกัน
“งั้นเบลกลับก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวบอกเสียงอ้อนนิดๆ หากก็ไม่อยากแสดงออกต่อหน้าเลขาของชายหนุ่ม ว่าจริงๆ ตนต้องเอาอกเอาใจและยัดเยียดตัวเองให้เขาแค่ไหน พศินค่อนข้างเย็นชาแม้จะตอบสนองร้อนแรง แต่เขาไม่เริ่มก่อน ไม่คลอเคลียเรียกร้องต้องการ ทว่าเมื่อเธอปลุกอารมณ์ชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธออยากดูมีภาษีเหมือนเป็นคนโปรดของเขา นังเลขามันจะได้ไม่กล้าหือ ไม่กล้าดูถูกเธอ
“โทรหาเบลด้วยนะคะ มิสยู”
บอกแล้วก็จุ๊บแก้มสากเบาๆ ส่งสายตามีความหมายก่อนจะผละออกจากห้องไปด้วยท่าทางเฉิดฉาย ทั้งที่ในใจยังเสียดายเวลาเพียงคืนเดียวที่ได้ใช้กับชายหนุ่ม และเขาก็มักจะเรียกมาเจอกันเพียงชั่วคืนทุกครั้ง เช้าวันต่อมาก็บอกให้กลับพร้อมจ่ายเงิน เรื่องเงินน่ะดีอยู่แล้วแต่จับได้อยู่มือสิถึงจะดีที่สุด คงต้องรีบๆ ทำให้พศินติดใจเธอจนขาดไม่ได้ให้เร็วหน่อย เพราะเธอไม่ถูกชะตาแม่เลขาหน้าสวยนี่เลย รู้สึกเหมือนมันอยู่เหนือกว่าเธอ
ประตูปิดลงกุลนารีก็ขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงกำยำ สังเกตแก้มสากเห็นรอยลิปสติกจางๆ จึงหยิบทิชชูในกระเป๋าออกมา
“ขอโทษนะคะ”
เธอยืดตัวขึ้นขณะมือบางขยับไปเช็ดแก้มให้เขาอย่างเบามือ เกรงอกเกรงใจ รู้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบใจนักที่มีใครมาประทับรอยทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้
ตาคมเหลือบมายังเธอเหมือนจะดุว่า ‘ยังไม่เสร็จอีกหรือ’ ทำเอากุลนารีเผยยิ้มบาง พยายามทำใจให้นิ่งเช็ดต่อไป ทว่าอยู่ๆ มือหนาก็ยกขึ้นเธอจึงผงะนิดๆ หากปลายนิ้วแข็งแกร่งเพียงแตะที่ข้างแก้มแผ่วเบา ร่างบางนิ่งขึงไปแต่ใจกลับเต้นโครมคราม เช็ดรอยลิปสติกจนเสร็จก็หลุบตาลง
“หายาทาก่อนไหม”
คิ้วเรียวสวยขมวดอย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็น หมายความน่าจะเป็นรอยแดงชัด แต่เขาก็ไม่ได้ถามว่าไปโดนอะไรมา คงเดาได้ว่าเพราะอะไร
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอบอกพร้อมกับขยับตัวถอยออกมาเล็กน้อยให้ดูเหมือนไม่รังเกียจเจ้านาย ไม่รังเกียจก็ใช่ แต่เกร็งแถมยังใจเต้นแรงด้วยนี่สิ ไม่ดีเท่าไร
ใช่ว่ากุลนารีไม่เคยมีอาการแบบนี้ สาวบริสุทธิ์ไร้ราคีอย่างเธออยู่ใกล้เจ้านายหนุ่มหล่อเพอร์เฟกต์มีหรือจะไม่ใจสั่น แต่หน้าที่การงานสำคัญกับชีวิตของเธอ กุลนารีจึงใส่ใจเพียงแค่ทำงานให้เป็นที่พอใจของชายหนุ่ม เขาคือคนที่ชี้เป็นชี้ตายในชีวิตเธอเลยทีเดียว เรื่องชู้สาวไม่มีอยู่ในหัวของหญิงสาว
“ทีหน้าทีหลังก็ระวังตัวหน่อย”
พศินบอกเรียบเฉยทั้งสีหน้าและแววตา กุลนารีจึงรับคำ ไม่แปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายสักนิด ออกเขาออกจะเย็นชาหน้าตาย แค่เห็นว่าเธอโดนทำร้ายแล้วไม่ดุซ้ำก็นับว่าดีแล้ว
=====
หืม…ทำไมบรรยากาศมันดูเขินๆ ^-^
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่