“ตบเลยเหรอ”
เพื่อนสาวคนสนิทอุทานเสียงเบา ตาโตที่โตอยู่แล้วยิ่งขยายขึ้นขณะที่กุลนารีตักข้าวกลางวันเข้าปากอย่างเซ็งๆ ความจริงก็ไม่ได้อยากบอกเล่าเรื่องส่วนตัวของเจ้านายให้เพื่อนฟัง แต่อีกฝ่ายสังเกตว่าเธอแต่งหน้าหนาแถมสีบรัชออนแจ่มชัดอย่างที่ไม่เคยแต่งมาก่อน แล้วตนดันหลุดปากว่า ‘โดนตบ’ ก็เลยถูกซักไซ้ จึงจำต้องพูดในบางส่วนว่า บังเอิญไปเร็วขัดกิจกรรมเข้าจังหวะทำให้คู่ควงของเจ้านายไม่พอใจ
“ดูแรงเนาะ คุณพศินไม่น่าชอบผู้หญิงแรงๆ”
เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของญาดา
“ไม่ใช่แค่นิสัยแรงหรอก ร้อนแรงไม่เบาด้วย”
พูดแล้วเจ้าตัวก็ยักไหล่อย่างไม่แปลกใจว่าทำไมถูกใจเจ้านายของตน เพื่อนสาวที่มองอยู่ถึงกับหลุดขำ
“ถึงขนาดไปรู้เห็นว่าเขาร้อนแรงนี่มันน่าสยองยังไงๆ อยู่นะ”
คนพูดทำหน้าหวาดหวั่น
กุลนารีเองก็หน้าม่อยไปเช่นกัน หากก็ไม่ได้บอกรายละเอียดกับเพื่อน แต่ที่เธอคาดการณ์ว่าสาวอวบอัดต้องร้อนแรงไม่ธรรมดาเพราะตั้งแต่คบกับคนนี้ เจ้านายของเธอใช้เวลากับอีกฝ่ายนานทุกครั้ง เธอมักไปถึงโดยที่ทั้งคู่ยังมีความสุขอยู่ในห้องเสมอ ยอมรับว่าแอบหวั่นใจกับสิ่งที่ต้องรับรู้เมื่อถูกเรียกไปคอนโดชายหนุ่ม ทว่าก็ปฏิเสธงานไม่ได้
“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”
ญาดาถามพร้อมกับลอบสังเกตแก้มของเพื่อนสาว นึกเห็นใจไม่น้อยที่นอกจากต้องทำงานในเวลางานแล้ว ยังต้องคอยสแตนด์บายในวันหยุดด้วย
“ไม่แล้วล่ะ”
กลุนารีเสียงอ่อย แม้จะยังรู้สึกได้อยู่หน่อยๆ ก็ตามแต่ไม่อยากให้เพื่อนห่วง อีกอย่างมันเป็นงานของเธอ
“คุณพศินก็แปลก ทำไมต้องเรียกแก้มทุกที แค่จ่ายเงินผู้หญิงของตัวเอง”
“ไม่รู้สิ เพราะต้องจ่ายเงินสดมั้ง”
“โอนเงินเข้าบัญชีไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ”
เพื่อนบอกมาอย่างนั้นกุลนารีก็ฉุกคิดขึ้นมา เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้สะดวกสบาย โอบปุ๊บก็เช็กได้ทันที หรือไม่ก็มีแจ้งเตือน ทำไมเจ้านายต้องเรียกเธอไปจ่ายเงินทุกครั้ง
“จริงด้วยเนาะ”
“แบบนี้ถ้าแก้มมีแฟนล่ะก็ได้มีปัญหากันแน่”
“ทำไม งานก็ส่วนงาน แฟนก็ส่วนแฟนสิ”
“ก็ใช่นะ แต่...”
คนมีแฟนแล้วขมวดคิ้ว อึกอักหน้าแดง แล้วพยายามอธิบายกับเพื่อนที่บ่นเสมอว่าอยากมีคนมาพาไปเที่ยวบ้าง ตั้งแต่ญาดามีแฟนกุลนารียิ่งงอแงง้องแง้งหนักขึ้น โอดครวญว่ามีแฟนแล้วอย่าลืมเพื่อน อย่าทิ้งเพื่อน ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่แทบจะปลีกตัวจากการรับรองความต้องการของท่านประธานกรรมการธนัญการไม่ได้
“มันต้องมีเวลาส่วนตัวสำหรับคนที่รักกัน ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับเราอย่างน้อยวันหยุดก็อยากเจอ”
“คุณพริษฐ์ไม่ทำงานวันหยุดหรือไง”
ญาดาส่ายหน้า
“วินเขาพยายามเคลียร์งานดึกทุกวัน ให้วันหยุดว่างน่ะ”
“ดีจัง”
กุลนารีเอ่ยเสียงอ่อย ทว่าก็เลือกไม่ได้ ตำแหน่งของพศินมีเรื่องให้ตัดสินใจให้ตรวจสอบตลอด วันหยุดบางอาทิตย์ก็ต้องเข้าบริษัท หากไม่เข้าหรือว่างจริง เขาก็นัดผู้หญิง นั่นทำให้เธอต้องเจอหน้าเจ้านายของตนแทบทุกวัน หนึ่งอาทิตย์จะมีวันที่เป็นของเธอจริงๆ หนึ่งวันแต่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ อย่างเช่นวันหยุดที่ผ่านมา วันเสาร์เธอได้หยุดและวันอาทิตย์ก็ถูกสั่งให้กดเงินไปจ่ายคู่ขาของพศิน
แล้วก็ได้ฝ่ามือพิฆาตมาเป็นของแถม
“หนังที่แก้มอยากดูก็จะเข้าอาทิตย์นี้แล้วด้วย วันหยุดนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง พริกก็มีคุณพริษฐ์แล้ว ไม่ว่างสแตนด์บายไปกับแก้มแล้วสิ”
เจ้าตัวทำเสียงเง้างอด ญาดาจึงส่งยิ้มให้แล้วก็ปลอบใจ
“ถ้าว่างเสาร์หรืออาทิตย์ก็ค่อยบอกก็ได้ พริกจะบอกวินเอาไว้ว่าขอเวลาให้แก้มสักวัน”
คนได้ยินทำปากยื่น รู้สึกผิดหน่อยๆ ที่แย่งเวลาส่วนตัวระหว่างคู่รัก
“คุณพริษฐ์จะไม่เคืองแก้มเหรอ”
“เอาน่า แค่ไปดูหนังกับเพื่อนวินไม่เรื่องมากหรอก”
ญาดาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เพราะแม้พริษฐ์จะบ่นแต่เขาก็ต้องตามใจเธอ ถ้ายังอยากมานอนที่ห้องของเธอ
=====
พริกไปด้วยได้ แต่แก้มจะว่างไหมนะ?
แต่ทำไมพศินต้องให้แก้มไปจ่ายเงินทุกที? ^-^
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่