“อ๊าย!! คุณพศิน!”
“คุณไม่พอใจเรื่องอะไร ผมว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วตั้งแต่ต้นนะ ว่าแค่ใช้เวลาสนุกด้วยกัน”
พศินยังคงใช้น้ำเสียงโทนเดิมไม่เปลี่ยน ทว่ากุลนารีรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเริ่มไม่พอใจเพราะลมหายใจชายหนุ่มแรงขึ้น
“คุณเห็นเบลเป็นอีตัว!”
“เอ่อ คุณ...”
“แกไม่เกี่ยว หุบปากไปเลย”
เบญจวรรณโพล่งขึ้นในทันทีที่เธอเอ่ย
“คุณเองก็ควรเลิกเสียงดังแล้วกลับเสีย”
ชายหนุ่มตัดบทพร้อมกับพาเธอเดินตรงไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกคน
“กุลนารีเข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาให้เธอ”
คนถูกสั่งเลี่ยงหลบสาวสวยร่างอวบอัดที่ยืนหน้าประตูเข้าไป ขณะที่เจ้าตัวมองตามเธอแล้วหันไปกลับไปมองชายหนุ่ม
“คุณพศินคะ เบล...”
สายตาคู่คมเข้มที่มองมาทำให้เบญจวรรณตระหนักได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว
“พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเพิ่มให้ ขอบใจสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา”
“ไม่นะคะ อย่าเพิ่งตัดรอนเบลสิคะคุณพศิน”
หญิงสาวพยายามจะคว้ามือเขาแต่ชายหนุ่มถอยออกอย่างไม่ต้องการให้แตะต้องตัว เป็นเวลาเดียวกับที่กุลนารีกลับออกมาพอดี
“แล้วก็ อย่ามาดักรอผมหน้าห้องแบบวันนี้อีก”
เบญจวรรณส่ายหน้า ใบหน้าสวยไม่มีน้ำตาแต่เจ้าตัวก็พยายามแสดงสีหน้าชัดเจนว่าเสียใจ
“เบลไม่มารอก็ได้ แต่คุณอย่าจบเรื่องของเราได้ไหมคะ”
พศินไม่ได้ฟังคนขอร้อง เขาเหลือบมองกุลนารี สั่งด้วยสายตาให้เอาเสื้อผ้าให้เบญจวรรณ เธอจำต้องค่อยๆ ยื่นของให้เจ้าตัว อีกฝ่ายคว้าไปอย่างรวดเร็ว
“ผมพูดชัดเจนแล้ว ถ้าคุณยังไม่ฟังล่ะก็ ผมจะไม่โอนเงินที่บอกว่าจะเพิ่มให้”
ใบหน้าสวยอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“กุลนารีชงกาแฟไปไว้ที่ห้องทำงาน”
คนสั่งพูดจบก็เดินเข้าห้องไป ทิ้งให้สองสาวมองหน้ากันเงียบๆ ด้วยบรรยากาศที่ไม่ดีนัก กุลนารีอยากปลอบอีกฝ่ายแต่ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวคงไม่ต้องการ เธอจึงทำได้เพียงหันหลังจะไปยังห้องครัว ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยขึ้น
“หึ แกล้งทำตัวสงบเสงี่ยมเป็นหน้าเลขาหน้าห้อง ที่แท้ก็แอบส่งส่วยเป็นงานเสริม ฉลาดจริงๆ แบบนี้ก็ไม่ถูกสลัดทิ้งเหมือนคนอื่น ได้ทั้งเงินเดือน ได้ทั้งเงินค่าตัว”
ทั้งน้ำเสียงกับคำพูดถากถาง กุลนารีหันขวับไปมอง ดวงตากลมโตวาววาบทว่าก็พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ แก้ตัวไปก็เท่านั้นในเมื่อคำพูดพศินกำกวมให้ตีความผิด แถมอีกฝ่ายก็พร้อมจะคิดในแง่ไม่ดีกับเธออยู่แล้ว เธอไม่พูดอะไรตั้งใจจะเดินหนีแต่กลับถูกคว้าแขนให้หันกลับอีกครั้ง
“ทำเป็นเมิน ไม่เห็นหัวฉันเหรอ หมั่นไส้นัก ขอทีเถอะ”
มือที่ยกขึ้นชะงักกึกกลางอากาศเพราะถูกจับเอาไว้ สองสาวหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเจ้าของร่างสูงกำยำที่กลับมายืนหน้าประตูห้อง
“ถ้าคุณยังแตะต้องเลขาผมอีก นอกจากไม่จ่ายเงินแล้วผมคงต้องโทรแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกาย”
พศินบอกเสียงเรียบแล้วปล่อยมือเบญจวรรญ ตอนเข้าไปเขาไม่ได้ปิดประตู ได้ยินเสียงแว่วๆ จึงออกมา ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังระรานกุลนารีต่อ
เบญวรรณฮึดฮัดแต่ก็ก้มหน้าหอบเสื้อผ้าไปเข้าห้องน้ำด้านนอกเหมือนครั้งก่อน ไม่อาจยื้อแหล่งเงินของตนไว้ได้แล้ว
กุลนารีเหลือบมองเจ้านายหนุ่มแล้วก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณ ในใจเคืองหน่อยๆ แต่ถึงเขาไม่ทำให้เข้าใจผิดเบญจวรรณก็เขม่นเธอจึงพยายามปลง
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณปริ้นต์เอกสารของฝ่ายบัญชีก่อน เสร็จแล้วค่อยมาชงกาแฟ”
เธอกะพริบตาปริบๆ งุนงงหากก็ทำตามที่ชายหนุ่มสั่ง คอนโดของพศินมีสองห้องนอนซึ่งชายหนุ่มใช้ห้องหนึ่งเป็นห้องทำงาน และหากไม่นัดผู้หญิงไว้เจ้านายของเธอก็มักจะอยู่ห้องทำงานเป็นหลักหากมาที่คอนโด
=====
ก็ยังดีที่พศินเข้ามาช่วยทัน เหมือนจะดี แต่กุลนารีเดือดร้อนเพราะใครล่ะ เฮ้อ… ^-^"
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่