“จิ๊ ฤทธิ์เยอะจังวะ ฉันจับเธอส่งตำรวจแน่ ไม่ต้องห่วง” รุ่นพี่ยูตะส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอก่อนพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ฉันพยายามดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดเขา บ้าฉิบ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ เสียเวลาชะมัด
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ฉันไม่ได้ขโมย”
“หึ ไปคุยที่โรงพักแหละกัน สาวน้อย” รุ่นพี่ยูตะพูดจบก็จับฉันยัดใส่รถสปอร์ตคันหรูที่ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันได้นั่ง แต่ถ้าได้นั่งแบบสถานการณ์ดีกว่านี้ก็คงดี รุ่นพี่ยูตะปิดประตูแล้วกดล็อกจากรีโมตคอนโทรลในมือเขาทันทีก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ฉันพยายามเปิดประตูไปก็เท่านั้นยังไงก็เปิดไม่ออกอยู่ดี
ฉันรอจังหวะที่รุ่นพี่ยูตะต้องกดปลดล็อกเพื่อขึ้นมาบนรถแล้วเปิดประตูออก...แต่ไม่ทัน คนอะไรไวเป็นบ้า เขาคว้าแขนไว้ได้ทันก่อน
“ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยไง หูหนวกรึไงฮะ! ปล่อย!” ฉันโวยวายออกไปพลางแกะมือหนาของเขาออก แล้วฉันก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลงทันทีเพราะเขาออกรถด้วยความเร็วมากกกกจนตัวฉันติดไปกับเบาะโดยอัตโนมัติและไม่กล้าขยับตัวไปไหน ได้แต่หลับตาแล้วสวดมนต์ภาวนาอยู่ในใจ พระเยซูช่วยลูกด้วย…
เอี๊ยดดดดดดด
เสียงเบรกรถดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับตัวฉันที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรงดีที่มีมือหนาของรุ่นพี่ยูตะมากันตัวฉันไว้ ไม่งั้นฉันต้องซ้ำแผลเดิมที่หัวอีกรอบแน่ แล้วเขาก็ลงจากรถไปตอนไหนไม่รู้...รู้อีกทีก็มาเปิดประตูฝั่งฉันแล้วลากฉันลงจากรถอย่างแรง
โฮะ..เนี่ยเหรอ ผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งมหาลัยคลั่งนักคลั่งหนา ธาตุแท้ก็ซาตานดีๆ นี่แหละวะ ความเป็นสุภาพบุรุษก็ไม่มีสักนิด เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ดีนะที่ฉันไม่ได้บ้าผู้ชายขนาดนั้น
แล้วเขาพาฉันมาที่ไหนเนี่ย ไม่ใช่โรงพักซะหน่อย ฉันก็ยังพยายามขัดขืนเขาจนได้ ฉันเอื้อมมือที่วางอยู่ไปจับราวบันไดไว้แน่นก่อนเขาจะหันมาทำท่าทางหงุดหงิดใส่ฉัน
“ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม”
ฟอดดดดด////
พรึบบบบ
อยู่ดีๆ เขาก็โน้มหน้ามาหอมแก้มฉัน ช็อก...ช็อกไหมล่ะทีนี้ รู้ตัวอีกทีตัวฉันก็มาพาดอยู่บนบ่าของรุ่นพี่ยูตะเรียบร้อยแล้ว ไอ้บ้ากาม...กล้ามาขโมยหอมฉันได้ยังไง ฉันทุบรัวกำปั้นไปที่แผ่นหลังของเขาพลางโวยวายด่าทอสารพัด
ตุ๊บ...ตุ๊บ...ตุ๊บบบบ
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้ากาม &$|<,>%? ฿,;/;&@”
เพี้ยะ////
โอ้ยยย.....
ฝ่ามือหนาฟาดลงมาที่ก้นฉันอย่างแรงพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของเขา….แล้วคือมันซ้ำที่เดิมอีกแล้ว อร๊ายยยย อย่าให้หลุดไปได้นะ ไอ้บ้ากาม ฉันจะประจานความบ้ากามของเขาให้ทุกคนในมหาลัยรับรู้เลยคอยดู
“หึ ปากดีนักนะ อย่างอื่นดีด้วยไหมเนี่ย เสียดายของชะมัด”
“อร๊ายยยย ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!!
แกร่กกก...แอ๊ดดดด
ตุ๊บบบ
รุ่นพี่ยูตะเปิดประตูห้องแล้วโยนฉันลงบนโซฟาอย่างแรง..แม่งเอ๊ยยย ทั้งจุกทั้งเจ็บ ระบมไปหมดแล้วมั้ง วันเดียวเล่นซะอ่วมเลย
“เห่ยๆ ๆ อะไรวะ” ฉันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น ในห้องมีคนอยู่งั้นเหรอ ฉันหันไปทางต้นเสียงแล้วพบว่าคนที่ถามคือรุ่นพี่ดิน และคนที่นั่งข้างๆ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากรุ่นพี่ธาม ไม่มีใครไม่รู้จักสามจตุรเทพนี่แน่ๆ ฉันเจอหนุ่มฮอตพร้อมกันที่เดียวสามคนในขณะที่ฉันกำลังซวยสุดๆ กูควรดีใจไหมเนี่ย
“กูจับหัวขโมยมาส่งนายหญิง” รุ่นพี่ยูตะพูดขึ้นแล้วโยนมือถือกับกระเป๋าตังค์ให้รุ่นพี่ดิน ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ ฉัน
“ขโมย?” รุ่นพี่ดินชูของสองอย่างในมือเลิกคิ้วถามขึ้นอย่างสงสัยแล้วหันมามองฉัน
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ขโมย”
“จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีกเหรอฮะ!?” รุ่นพี่ยูตะหันมาตวาดฉันเสียงดังลั่น แต่ฉันไม่กลัวหรอกนะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันเองก็หันไปจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละเหมือนกัน
“ไอ้ห่านี่ ไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะ” รุ่นพี่ดินพูดขึ้นพลางหยิบน้ำแข็งปาใส่รุ่นพี่ยูตะ
“อ้าว ไอ้เวร กูอุตส่าห์ จับขโมยมาให้แม่งทำดีไม่ได้ดี สั่งเหล้ามาแดกดิ จิ๊ หงุดหงิดฉิบหาย”
“แดกเหี้ยไร พึ่งจะบ่ายสาม” แล้วรุ่นพี่ดินก็ตอบกลับมา แล้วคือกูยังอยู่ตรงนี้ไหม ช่วยสนใจกันหน่อย หรือไม่ก็ปล่อยฉันไปไหม ทำอะไรสักอย่างดิวะ
“กูจะแดก กี่โมงกูก็จะแดก มีไรไหมครับ”
“หึ เออ...เธอที่โทรหาฉันใช่ไหม” รุ่นพี่ดินทำหน้าเอือมระอาใส่รุ่นพี่ยูตะแล้วหันมาถามฉัน แต่โทรหารุ่นพี่ดินเนี่ยนะ ฉันหรอโทร บ้าไปแล้ว เขาคงเห็นฉันทำหน้างงๆ ก็เลยชูมือถือของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา
“ห๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น...แฟนรุ่นพี่เหรอ” ฉันเผลอพูดออกมาเสียงดังจนทั้งสามคนหันมามองฉันเป็นตาเดียว ก่อนจะเอามือปิดปากตัวเองเพราะหลุดคำว่ารุ่นพี่ออกมา ซวยแล้วไหมล่ะ
“อืม”
“งั้นหมดธุระฉันแล้ว ขอตัวนะคะ” ฉันรีบขอตัวกลับทันที ตอนนี้ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
หมับบบบบ
“อะไร ปล่อยไปได้ไง ยัยนี่ขโมยของเมียมึงนะไอ้ดิน” รุ่นพี่ยูตะคว้าแขนฉันแล้วหันไปพูดกับรุ่นพี่ดิน ไอ้บ้ากามนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงนะ
“ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยไงเล่า เข้าใจภาษาคนไหมเนี่ย” ฉันโวยวายใส่รุ่นพี่ยูตะแล้วพยายามแกะมือเขาออก เขาหันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉันแต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็โดนฝ่ามือของรุ่นพี่ดินฟาดเข้าที่หัวซะก่อน
ผั้วะ//
“ไอ้สัส มือหนักฉิบหาย กูโง่ก็เพราะพวกมึงเนี่ย แม่งเอ๊ยยย” รุ่นพี่ยูตะปล่อยแขนฉันพลางลูบหัวตัวเองแล้วหัวไปด่าเพื่อนตัวเอง เขาเล่นกันแรงขนาดนี้เลยเหรอ ซาดิสม์รึเปล่าวะ...ฮึ้ยยยย
ฉันเลยอาศัยจังหวะนั้นรีบวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ความหายนะกำลังมาเยือนแล้วไหมล่ะ สามคนเนี่ยหยิ่งขั้นเทพ...แล้วถ้ามีคนรู้ว่าฉันได้มาเจอพวกเขาแบบนี้นะ ชีวิตสงบสุขของฉันหมดลงแน่ๆ งานก็ไม่ได้ เจ็บตัวฟรีแถมยังมาเจอคนที่ไม่ควรเจออีก ซวยกว่านี้มีอีกไหมวะ
“เชี่ยยย!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกเงานั้น แม่งขึ้นมาตอนไหนวะ“อะไรของมึงเนี่ยเฮีย ใครเชิญ” ผมหันไปด่าพี่ชายหน้ามึนอย่างหัวเสีย“ฉันเชิญเอง มีอะไรหรอ” มือเล็กยกขึ้นข้างหัวพร้อมกับออกรับแทนไอ้เฮียวาอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่ไว้หน้าพวกเลยสักนิด แล้วใครจะกล้ามีคิดไหม นี่ใคร...ผัวไง แล้วนั้นใคร เมียไง จะกล้าต่อกลอนด้วยเหรอผมทำได้แค่ดึงตัวเองมานั่งตรงๆ หลังพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งแบบจมตีนพุ่งตัวออกจากบ้านทันที โคตรหงุดหงิด ไอ้เฮียหมอก็อีกคน มาด่าแล้วก็ไป ไม่รู้เป็นส้นตีนอะไร หวงมิเชล ยิ่งกว่าพวกผมซะอีก พ่อกับแม่ยังไม่หวงเท่ามันเลย มันคงอยากมีน้องผู้หญิงแหละมั้ง ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องห่วงมิเชลมาก ยังไงก็ยังมีคนช่วยดูแลใช่เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้ามาในสนามแข่งรถของไอ้เฮียวา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาแก่การหัดขับรถมากที่สุด กว้างขวางและไม่มีสิ่งขวางกันเยอะนัก“มา เฮียจะบอกเกียร์ก่อน” ผมหันไปบอกคนตัวเล็กข้างๆ ทันทีที่รถจอดสนิท และเธอก็หันมาหาผมพยักหน้าหงึกๆ แบบตั้งใจสุดๆ“ตัว P เกียร์จอดหรือหยุด มันจะล็อกล้อเคลื่อนไปไหนไม่ได
“ป่ะเฮีย เสร็จแล้ว”ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นมองต้นเสียงที่มาหยุดยืนก้มลงสำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มบางให้ผม ดูเหมือนเมียผมจะอยากขับรถเป็นเอามากๆ ดูจากอาการแล้วน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี ผมกดล็อกหน้าจอมือถือแล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางยีนตัวโปรดก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมแขนไปรั้งไหล่มิณาเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสียงเข้ม“ถ้าขับเป็นแล้ว ห้ามขับหนีผัวเด็ดขาด เพราะผัวจะพลิกแผ่นดินหาจนเจอแน่ๆ เข้าจั๋ย”“จะกลัวอะไรล่ะคะ ตราบใดที่เฮียยังทำตัวน่ารักแบบนี้….” มิณาเอียงคอหันมามองหน้าผมแล้วพูดขึ้นแบบยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคปากบางก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แก้มนวลขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะขวักมือน้อยๆ เป็นเชิงเรียกให้ผมเอาหูไปใกล้ปากเธอ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ฉันไม่มีทางไปไหนรอดหรอก”จุ๊บ///สิ้นเสียงเล็กผมก็อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเขินๆ หันไปจุ๊บริมฝีปากบางแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วผละออก จนตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน น่าฟัดจังวะ เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย เปลือกตาบางกะพริบถี่คล้ายกับกำลังเรียกสติตัวเองอยู่ อะไรกัน ผมทำแบบนี้ออกจะบ่อย ยัยตัวเล็กนี่ยัง
@มหาวิทยาลัย Aผมเดินลงมาจากตึกวิศวะพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนโปรดและพบว่ามันเหลืออีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่ามิณาจะเลิกคลาส เพราะผมเทสเสร็จก่อนเวลา ตอนแรกก็กะจะไปนั่งรอเมียที่ใต้ตึกบัญชีแต่เผอิญเหลือบตาไปเห็นพวกรุ่นน้องทั้งหลายแหล่มันนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โต๊ะประจำ จุดรวมตัวของผมมันเลยแวะเข้าไปสร้างสีสันให้พวกมันหน่อยผมแล้วจัดการทักทายไอ้ไม้รุ่นน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนพนักพิงม้าหินอ่อนด้วยฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงหัวมันดังสนั่นหวั่นไหวจนหัวเกือบทิ่มลงโต๊ะ ที่นั่งเขาก็มีเสือกนั่งผิดที่ผัวะ!!“โอ๊ย ใครวะแม่ง” ไอ้ไม้เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันมาโวยวายด้วยสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ แทนเมื่อเห็นว่าเป็นผม“กูเองอ่ะ มึงจะต่อยกูงะ” ผมถามกลับไปพลางยักคิ้วให้มันอย่างกวนตีน ก่อนไอ้พวกรุ่นน้องที่เหลือจะลุกให้ผมนั่งแทนอย่างรู้งาน“โห้เฮีย ใครจะกล้า แต่มือหนักใช้ได้เลยนะ มึนฉิบ”“ทำไมเงียบเหงาจังวะ” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ตามความคิดตัวเอง ปกติหน้าตึกวิศวะสาวๆ เดินสวนกันเป็นขบวนพาเลซแต่วันนี้แทบจะไม่มี เกิดไรขึ้นวะ“นั่นดิเฮีย ผมนั่งรอเหยื่อตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ไม้ตอบกลับแบบเซ็งๆ ก่อนที่
พอถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มทุกคนก็พากันไปรุมสาวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านกันใหญ่ ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิเชลตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน“โหล เทส...โหล เทต่างๆ นานา” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกเฮียยูตะนั่งอยู่ตรงเวทีที่ถูกจัดไว้ริมสระว่ายน้ำ โดยมีกีตาร์โปร่งอยู่บนตักและปากจ่ออยู่กับไมค์ที่เขาพยายามเทสเสียงอยู่หลายรอบ“บัดนี้ นี้ นี้” เสียงที่ดังออกมาตามลำโพงจากเฮียวาโยที่เดินขึ้นเวทีไปยืนอยู่ข้างๆ เฮียยูตะ พร้อมเสียงแอดโค่ที่ทำขึ้นมาเองนั่น เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในที่นี่ได้เป็นอย่างดี“เวลาอันเป็นสมควรได้มาถึงแล้ว แล้ว แล้ววว”“มึงจะเล่นแอคโค่ทำเหี้ยอะไร เอาธรรมดาพอ” เฮียยูตะหันไปด่าพี่ชายจอมขี้เล่นของตัวเองลั่นกังวานไปทั่วเพราะไมค์ที่จ่อปากอยู่ ก่อนที่เฮียวาโยจะพูดต่อแบบธรรมดาตามที่น้องชายสั่ง“เอาแหละ วันนี้บ้านเหมบดินทร์มีสมาชิกมาเพิ่มหนึ่งคน เป็นสาวน้อย น่ารักจิ้มลิ้ม ที่มีนามว่า มิเชล มิรินดา เหมบดินทร์”แปะๆ ๆ ๆ ฮู้ๆ ๆ ๆสิ้นเสียงเฮียวาโยทุกคนก็พากันปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเด็กหญิงมิเชลเข้าสู่ครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนข
หลายวันต่อมา…..ฉันเปิดประตูลงมาจากรถแบบงงๆ คือเฮียยูตะพาฉันมาบ้านใต้แสงจันทร์ก็เรื่องปกตินั่นแหละ...แต่ทำไม พ่อกับแม่ของเขาถึงตามมาด้วย พวกเขาจะมาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าจะมาบริจาคเงินต้องเอาฉันมาด้วยเหรอ เฮียยูตะเดินมาจูงมือฉันเดินตามท่านทั้งสองไปจนถึงห้องคุณแม่อธิการ“สวัสดีค่ะ” คุณแม่อธิการเอ่ยทักพ่อกับแม่ของเฮียยูตะ ก่อนท่านทั้งสองจะตอบกลับไปอย่างนอบน้อมและพากันไปนั่งโซฟากลางห้อง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับเฮียยูตะก็ได้แต่ยกมือไหว้คุณแม่อธิการก่อนจะพากันไปนั่งโซฟาตรงข้ามท่านทั้งสอง คิ้วบางเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อคุณแม่อธิการหยิบเอกสารใบรับอุปการะให้ท่านทั้งสองอ่าน อุปการะใครกัน ฉันเกินวัยที่จะต้องรับไปเลี้ยงแล้วนี่นา ไม่ใช่ฉันแน่ๆแกร่ก….แอ็ดดดดจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ฉันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที และก็ได้คำตอบให้คำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่ เมื่อเด็กหญิงมิเชลเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทก่อนจะเดินมานั่งลงบนตักเฮียยูตะอย่างสนิทสนม เหอะ...คือสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่มิเชลไม่เคยยอมไปอยู่กับใครเลยนะ มีพวกคนใหญ่คนโตจะมารับอุปการะตั้งหลายครั้งแต่มิเชลก็ไม่ยอมไป
@คอนโดพอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เฮียยูตะก็รีบเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูลงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนฉันถึงกับสะดุ้ง ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหมาก พี่นนท์นี่ก็จริงๆ เลย ยั่วโมโหเฮียยูตะอยู่ได้ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินไปจับลูกบิดประตูห้องเฮียยูตะออกแรงหมุนมันเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนที่นอนหันหน้าไปทางหน้าต่าง“เฮีย โกรธฉันเหรอ” ฉันนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขาก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาที่สอดประสานกันแน่น ทำใจดีสู้เสือทั้งๆ ที่ใจก็กังวลไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเงียบได้แต่เสียงขบกรามเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาร้อนแค่ไหนฉันเลื่อนมือเล็กขึ้นนาบแก้มสากทั้งสองข้างแล้วออกแรงหันใบหน้าคมมาสบตาฉัน ก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากหนาสักพักแล้วผละออก แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมเพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันแล้วบดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาแบบรีบๆ ฉันเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้นอื้ออออ~ ~แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดก่อนจะออกแรงยกตัวฉันขึ้นนั่งคร่อมบนตักเขา โดยที่ปากเรา