"เราเป็นพี่น้องกันถูกมั้ย? ถ้านายหิวขนาดนั้นทำไมไม่มาขอดีๆ ทำไมต้องขโมยด้วยละ"น้ำเสียงคนอายุมากกว่าเต็มไปด้วยความสงสัย บรรยากาศบางอย่างส่งผลให้เด็กชายรู้สึกผิดปกติ...หญิงสาวตรงหน้ายังคงดุร้ายไม่ต่างจากในอดีต แต่ในความดุนั้นยังแฝงด้วยกระแสธารความเมตตา ที่เขาเองก็สัมผัสมันได้
โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นเจ่เจ้จินจินจอมเห็นแก่ตัว เอาแน่เอานอนกับอารมณ์ไม่ได้คนนั้น..คนเป็นพี่คงจะจัดการกับอาซ้อเหมย ด้วยวิธีการ 'ด่า' ทะเลาะเบาะแว้งกันลั่นถนน
เขารู้ว่าเจ่เจ้ต้องช่วยเขา...แต่เหตุผลที่ช่วยคงไม่ใช่พิศวาสนึกรักน้องชายหรอก แต่เป็นเพราะสำหรับเธอแล้ว น้องชายไม่ต่างจากสิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง... คนเป็นเจ้าของสามารถทิ้งขว้างหรือรังแกได้...แต่หายอมให้คนอื่นรังแกไม่...นั่นแหละ 'จินเยว่' เจ่เจ้คนสวย และแสนดุร้ายของเขา
"ว่าไง ทำไมเงียบ"คนอายุมากกว่ารีบทวนคำถามซ้ำ คนเป็นน้องเม้มปากแน่น ดวงตาชั้นเดียวชี้ขึ้นค้อนควักเต็มไปด้วยความเจ็บใจปนน้อยใจ
"ขออย่างงั้นเหรอ? คนหวงของแบบเจ้จินจินนี้นะ จะยอมแบ่งของกินของใช้..เงินทองให้กับคนอื่น"
"เดี๋ยวนี้ฉันพี่นายจริงๆ ใช่มั้ย?"หญิงสาวชักไม่แน่ใจ แต่ดูจากท่าทีเด็กชายตรงหน้าแล้ว คงไม่ได้โกหก ย้อนกลับมายุคอดีตว่าแย่แล้ว...ยังมาเจอปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนที่ต้องให้ตามแก้ไปอีก ใบหน้าสวยหวานอ้อนล้า ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
"ยังหิวอยู่มั้ย? ตอนนี้ฉันเริ่มหิวแล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยซิ"
ณ ร้านข้าวมันไก่ หน้าตลาด y
สองพี่น้องเลือกนั่งโต๊ะนอกร้าน ร่างผอมเล็กของเด็กชายจ้วงข้าวมันไก่ด้วยความว่องไว ในขณะที่พี่สาวคนสวยนั่งหลังตรงกินไปด้วยมองน้องชายหัวขโมยไปด้วย
"ค่อยๆ กินก็ได้ กับข้าวไม่หายไปไหนหรอก"
"อั้วหิวนี้ เจ้จินจินไม่เข้าใจหรอก เพราะเจ้ไม่เคยได้อด!"เสียงอู้อี้ของคนตัวเล็ก ทำคนเป็นพี่ชะงักไปเล็กน้อย เป็นไปได้ยังไงที่ตัวเธอในอดีตจะปล่อยให้พี่น้องหิวโหย แต่ตัวเองอยู่สุขสบายนี้นะ? ดวงตาคู่สวยมีความลังเลอยู่ในนั้น ก่อนเสียงหวานจะตั้งคำถามออกไป
"ว่าแต่...นายชื่ออะไร"
"แค่กๆ ๆ"เสียงสำลักของเด็กชายผอมเกร็ง ส่งผลให้คนเป็นพี่รีบเลื่อนถ้วยชาไปให้
"เจ้ก็บอกให้ค่อยๆ กินไง จะรีบกินอะไรขนาดนั้น สำลักเลยเห็นมั้ย"เสียงบ่นแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย เล่นเอาน้องชายตัวร้ายเงยหน้าขึ้นมองราวกับเห็นตัวประหลาด
"เจ้จินจิน เจ้ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมถามอั้วแปลกๆ แบบนั่นละ"
"อื่ม ก็นิดหน่อย คือเมื่อวานเจ้ตกบันได...แล้วจำอะไรไม่ค่อยได้นะ"จินเยว่รับคำเสียงเรียบ
ดวงตาเฉลียวฉลาดของคนเป็นน้องสำรวจคนตรงหน้าด้วยความตั้งใจ ทั้งผมยาวดำสลวยถูกมัดง่ายๆ เป็นหางม้า ใบหน้าสวยคมเจือหวานไร้แป้งหนาเต๊อะ เผยผิวขาวอมชมพู แก้มแดงระเรื่อ รับกับริมฝีปากสีแดงจัดโดยไม่ต้องแต่งแต้ม...เจ่เจ้ของเขาเวลานี้แม้ไม่แต่งหน้าเนี๊ยบตามยุคสมัย แต่ความสวยจัดตามธรรมชาติหาลดลงไม่
"ถึงว่าเจ้เรียกอั้วแปลกๆ แถมพูดจาแปลกๆอีก" ถึงบางคำเขาจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ...เด็กชายคิดในใจ ดวงตาดำขลับของคนเป็นพี่หลุบลงปิดบังความรู้สึก ช่างต่างจากเจ่เจ้ตัวแสบจอมโวยวายเสียเหลือเกิน
"นี้อย่าบอกว่า เจ่เจ้ทะเลาะกับซ้อหมวยอีกแล้ว..ไม่งั้นคนแก่นแก้วแบบเจ้จะตกบันไดได้ยังไง"คนอายุน้อยกว่าพูดไปบ่นไป แต่นัยยะในประโยคทำคนสูงวัยกว่าประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว คำว่า 'ซ้อหมวย' น่าจะหมายถึงคนที่แทนตัวเองว่าเป็นพี่สะใภ้
"หมายความว่ายังไง นายจะบอกว่าฉันทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นจนตกบันได?"
"เปล่า คืออั้วหมายความว่า..ปกติเจ้ชอบทะเลาะกับอีไง แต่ส่วนใหญ่อาซ้อหมวยจะเจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียว รอบนี้อั้วเลยสงสัย ปกติเจ้แรงเยอะ แถมว่องไว ไม่น่าจะตกใจบันไดเองได้น่ะ"คนตัวเล็กชักเสียววูบ นึกกังวลว่าตัวเองจะสุมไฟให้บ้านคนเป็นพี่สาว แต่เหมือนอดีตคนขี้โวยวาย มาครานี้กับนิ่งเงียบ ดวงตาดำขลับที่ปกติจะฉายแววฉลาดแกมโกง..กับดูมืดสนิทมองไม่เห็นก้น ..สำหรับคนที่เติบโตมาด้วยกัน เขากับกลัวพี่สาวในรูปแบบนี้มากกว่าในอดีต มือเรียวสวยหมุนแก้วชาเล็กไปมา
"เจ้ ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า"เสียงอุบอิบเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ชักกลัวคนเป็นพี่จะโกรธแล้วไม่ยอมจ่ายค่าอาหารให้
"อื่ม คราวหลัง..ถ้าลื้อยังไม่รู้ความจริง อย่าพึ่งใส่ความคนอื่นซิ"
"..."
"อย่าลืมเรื่องเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้วละ บางที...บางช่วงเวลา สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นเหมือนที่เราคิดก็ได้ สงสัยได้ แต่อย่าพึ่งฟันธง เพราะถ้าแบบนั้นนายอาจจะเผลอทำอะไรพลาดไป...เข้าใจที่เจ้พูดมั้ย"น้ำเสียงราบเรียบของคนตรงหน้า ทำคนเป็นน้องชายชะงักไป ดวงตาคมชั้นเดียวเบิกกว้าง ก่อนจะครุ่นคิดตาม
"อื่ม เจ้พูดถูก อั้วอาจตัดสินเร็วเกินไป..เจ้อย่าคิดมากนะ อั้วไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ไม่สบายใจ"
"ไม่หรอก ต้องขอบใจนายด้วยซ้ำที่ช่วยเตือน สรุปว่านายชื่ออะไร?"
"เฟยเทียน...เฟยที่มาจำคำว่า...โบยบิน...เทียนที่มาจากคำว่าท้องฟ้า ปกติเจ้จะเรียกอั้วว่าอาเทียน"
"เฟยเทียน...อื่ม ชื่อดี"หญิงสาวพึมพำด้วยความพอใจ ก่อนจะส่งคำถามต่อไป
"แล้วนายอายุเท่าไร"
"ปีนี้ย่างสิบขวบ"
"หืม สิบขวบ? ทำไมตัวเล็กอย่างกับเจ็ดแปดขวบละ?"คนที่เคยเลี้ยงน้องในภพปัจจุบันชักตกใจ ดวงตาคมกริบกวาดตามองน้องชายตรงหน้า เล่นเอาคนโดนว่าตัวเล็กหงุดหงิดไม่พอใจ
"อั้วก็อยากตัวโต แต่ทำไงได้ที่บ้านยากจนขนาดนี้ ใครจะใช้ชีวิตสบายแบบเจ้ละ"
"เดี๋ยวนะ ปกติครอบครัวคนจีนมักให้ความสำคัญกับลูกชายไม่ใช่เหรอ ทำไมอั้วอยู่สบาย แล้วลื้อถึง.."
"นี้ เจ้จำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอ?"
"อื่ม"
ดวงตาตี่เล็กมองมาอย่างเหลือจะเชื่อก่อนจะอธิบายเรื่องของครอบครัวตระกูลตั้งให้คนเป็นพี่ฟัง หญิงสาวต่างภพจึงได้รับรู้ว่า อาม่ากับอากงของเธอเป็นคนจีนแท้อพยพมาจากมณฑลหนึ่งในประเทศจีน ส่วนอาปาของเธอเกิดในประเทศไทย อากงกับอาม่ามีลูกห้าคน เป็นลูกชายสี่ ลูกสาวหนึ่ง...อาปาของเธอเป็นลูกชายคนที่สาม ถึงแม้อาปาจะมีเชื้อสายจีนร้อยเปอร์เซ็น แต่ด้วยเกิดในผืนแผ่นดินไทย จึงรับวัฒนธรรมของคนไทยมาแทบทั้งหมด แม้แต่แนวความคิด หรือแม้แต่ผู้หญิงที่รักยังเป็นผู้หญิงไทยแท้
หรือก็คือแม่แท้ๆ ของเธอนั่นเอง แต่เสียดายที่ครอบครัวคนจีนแท้ โดยเฉพาะอาม่าผู้ยึดติดของเธอนั่น ไม่ยินยอมที่จะให้ลูกชายแต่งงานกับสาวไทย คนเป็นพ่อจึงถูกจับคลุมถุงชนกับลูกสาวชาวจีนที่เป็นเพื่อนสนิท ตระกูลที่อพยพมาพร้อมกัน ด้วยความกตัญญูที่เธอไม่มีวันจะเข้าใจ..สองหนุ่มสาาวที่รักกันมาก..ก็เลิกลากันไป
ความรักที่ไร้ความยินยอมพร้อมใจ แม้จะอยู่ด้วยกันได้ แต่ก็อยู่กันอย่างแกนๆ อาปาของเธอมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นสามคน ลูกชายคนโตก็คืออาเฮียของเธออายุห่างกับเธอราวๆ ห้าปี ส่วนลูกสาวคนที่สองอายุห่างจากเธอราวๆ สองปี ก่อนที่อาปาจะใช้ความเห็นแก่ตัวในชีวิตเพียงอย่างเดียว คือการขออาม่าและเมียคนแรก เพื่อแต่งแม่แท้ๆ ของเธอ เพื่อเป็นเมียรอง
สิ่งที่จินเยว่ไม่เข้าใจ ทำไมผู้หญิงดีๆ อย่างแม่ของเธอ ที่ชีวิตดีพร้อม..มีบิดามารดาครอบครัวที่รักใคร่ ชีวิตหาได้ลำบากในข้าวของเงินทอง ทำไมถึงยอมเป็นเมียน้อยของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งได้..หรือคือความไร้เดียงสาของผู้หญิงในวัยหนุ่มสาว..ที่ความรักมาเหนือทุกอย่าง
ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ
รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท
"หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ
เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ