เข้าสู่ระบบ"ร้อนจัง" ใบชาพูดพึมพำเบาๆ พร้อมกับจับคอเสื้อเขย่าคลายร้อน เพราะจู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนๆ เย็นๆ ยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูก ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ 22 องศา ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
"ดื่มไปแค่นั้น เมาซะแล้วหรอ" คลินต์หัวเราะเบาๆ เมื่อเหลือบมองอาการของน้องสาวเพื่อนสนิท มันไม่ใช่อาการร้ายแรงอะไรหรอก มันก็แค่อาการกรึ่มๆ เหมือนคนจะเมามากกว่า
แต่เธอดื่มไปแค่นั้นเอง กลับเมาซะแล้ว ถ้าให้ดื่มจนหมดกระป๋องพรุ่งนี้เช้าคงได้แฮงค์ชัวร์เลย
"หน้าแดงเชียวนะ หึหึ"
"ไม่ได้เมาสักหน่อย!" ใบชาเถียงทันควัน แต่ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอมันฟ้องชัดกว่าอะไรทั้งหมด
เขามองเธอเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยกกระป๋องในมือตัวเองดื่มจนหมด แล้วเอนตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย
ความเงียบอีกระลอกเข้ามาแทรกแซง ไม่มีการพูดคุยใดๆ มันเป็นความเงียบที่ไม่เชิงเป็นความอึดอัด แต่มันเป็นความรู้สึกอีกแบบมากกว่า
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันที่คอนโดสองต่อสอง ณ เวลานี้ ท่ามกลางความเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศ และความมืดรอบตัว ใครบ้างจะไม่รู้สึกแปลก ถึงเขาจะเป็นเพื่อนสนิทที่พี่ชายไว้ใจ แต่ความรู้สึกนี้ใบชารู้ดีกว่าใคร
แต่เธอไม่เคยรักใคร ก็เลยไม่มั่นใจว่า นี่มันแค่การปลื้มใจเพราะเขาดีกับเธอหรือเปล่า หรือมันเป็นความรักความชอบจริงๆ
"พี่คลินต์..." ใบชาเรียกชื่อเขาเบาๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเรียกไปทำไม แค่รู้สึกอยากพูดอะไรบางอย่างกับเขา สักอย่างก็ยังดี
แต่ทว่าคนตัวโตไม่ได้ตอบกลับอะไรเธอ สายตาของเขาที่กำลังจ้องมองเธอ มันดูสงบ เยือกเย็น นิ่งราวกับผืนน้ำที่ไม่ไหวติง เธอไม่รู้ว่าท่าทีแบบนี้มันหมายความว่ายังไง
และแล้ว...ริมฝีปากของเขาก็แตะลงบนริมฝีปากของเธอ อย่างแผ่วเบา นุ่มนวล จนใบชาแทบลืมหายใจ วินาทีนั้นมันเงียบกริบ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
เมื่อทั้งสองผละออกจากกัน สีหน้าเขาก็ดูตกใจไม่แพ้กัน คลินต์เม้มปากแน่นราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
"ขะ...ขอโทษ" เขาเอ่ยเบาๆ
"......" ใบชาก้มหน้าหลบสายตาเพราะความเขินอาย หน้าเธอร้อนผ่าวจนเหมือนจะระเบิด พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่แค่จูบเมื่อครู่ มันก็ทำให้เธออยากหวังขึ้นมาเล็กๆ ว่าใช่
เขาอาจจะกำลังชอบเธอ เหมือนกับที่เธอกำลังชอบเขาอยู่ก็ได้
ไม่รู้สิ แต่การที่เขาจูบเธอแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
"เข้านอนกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว สงสัยเมา" ว่าแล้วคลินต์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองในทันที ทิ้งให้ใบชานั้นนั่งเขินอยู่ที่เดิม
ตัดภาพมาที่เช้าของอีกวัน
ใบชาตื่นตามเวลาที่นาฬิกาปลุก ก่อนจะลุกขึ้นอย่างงัวเงีย เพราะนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง จากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเอาเอกสารที่ต้องใช้ติดมือไปด้วย จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอาตอนที่ไปรับพี่ชายออกจากโรงพยาบาล
มหาวิทยาลัยxxx
"จริงดิ! แล้วพี่ชายแกเป็นอะไรมากมั้ย"
"ก็หนักอยู่นะ แค่มันไม่ถึงกระดูก หมอก็เลยให้นอนดูอาการคืนเดียว"
"ไอ้พวกนี้นี่นะ เจอตัวแล้วแกต้องเรียกค่าทำขวัญให้เข็ดเลยนะ"
"ฉันคงคุยไม่ได้หรอก คงให้พี่เต้หรือไม่ก็พี่คลินต์เขาเป็นคนไปเจรจากันเอง ฉันเป็นเด็ก จะไปรู้เรื่องอะไร"
"ก็จริง แต่อย่าไปยอมนะ ชนแล้วหนีแบบนี้... แม่ง!!"
"ช่วงนี้ก็อาจจะยุ่งๆ หน่อยนะ วันหยุดก็คงไม่ได้ไปทำรายงานด้วย"
"ไม่เป็นไรๆ อย่าคิดมาก"
ใบชาต้องบอกเรื่องนี้กับเพื่อนๆ เพราะมันก็จะเป็นเหตุผลหลักที่เธอไม่สามารถทำตัวสบายชิวๆ ได้เหมือนกับเมื่อก่อน และไม่สามารถไปทำรายงานกับกลุ่มเพื่อนในวันหยุดได้อีกด้วย เพราะเธอต้องคอยดูแลพี่ชาย ที่ไม่รู้ว่าจะหายดีเมื่อไหร่
ตกบ่ายวันเดียวกัน
ถึงเวลาที่ใบชาจะต้องไปรับพี่ชายออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอนั่งรถออกไปพร้อมกับเพื่อนสนิทของพี่ชาย นั่นก็คือคลินต์
ตลอดทางทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก บทสนทนาเล็กน้อยระหว่างทางเป็นแค่เรื่องทั่วไป ฟังดูเหมือน 'เพื่อนของพี่ชาย' กับ 'น้องสาวของเพื่อน' ที่พูดคุยกันตามมารยาท
แต่ภายใต้ท่าทีสงบหัวใจของใบชากลับเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่
เธอแอบเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของคลินต์ขณะที่เขากำลังขับรถ แต่เขากลับนิ่งเหมือนกับว่าเรื่องเมื่อคืนเขาจำอะไรไม่ได้เลย ทำเหมือนกับว่า จูบนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น
หรือเขาแค่เมา แล้วลืมมันไปหมดแล้ว
เธอไม่ได้กล้าถาม และเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมากๆ
จนถึงโรงพยาบาล ใบชารีบลงจากรถจากนั้นก็ไปทำเรื่องเอกสารเพื่อพาพี่ชายออกจากโรงพยาบาล ต้องรับยาและต้องรับใบนัดอีก ซ้ำยังต้องล้างแผลทุกวันอีกดูแล้วกว่าจะหายดีคงได้วุ่นวายอยู่กับโรงพยาบาลจนเบื่อแน่ๆ
แต่วันนี้พี่ชายของเธอดีกว่าเดิมใบหน้าเริ่มมีสีเลือดฝาดกลับมาแล้วเมื่อเทียบกับเมื่อคืน
"เป็นยังไงบ้างพี่เต้"
"ก็ตึงๆ น่ะ สงสัยแผลถลอกมันตึง"
"หมอว่าไงบ้าง"
"ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องล้างแผลทุกวัน ไม่ให้มันติดเชื้อ กินข้าวกินยา แล้วก็งดออกไปทำงานไปก่อน ยาวเลยแหละ"
"โทรบอกร้านที่มึงทำงานอยู่แล้วหรอ" คลินต์ถามขึ้นมา
"อืม...ดีหน่อยที่เถ้าแก่เขาเข้าใจ ก็เลยให้กูพักงานได้"
"ดีแล้ว จะได้พักผ่อน"
"ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ อย่าตากลมนานเลย เดี๋ยวเป็นไข้"
"ครับผม"
เตชินทร์ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ด้วยบาดแผลถลอกบนร่างกายที่มันมีอยู่หลายจุด ก็เลยต้องนั่งรถเข็น เวลาเดินก็ต้องมีคนคอยประคอง
"ขอบใจมึงมากนะไอ้คลินต์ ถ้าไม่ได้มึง กูคงแย่"
"เออ ไม่เป็นไร มึงก็เพื่อนกู"
"แล้วเราล่ะ"
"ชาทำไมคะ?"
"เห็นไอ้คลินต์มันบอกว่า เรากลัวพี่เป็นอะไรจนนอนไม่หลับ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็นอนหลับอยู่ แค่หลับดึกเท่านั้นเอง" ประโยคท้ายเธอพูดออกมาเบาๆ เพราะมันอาจจะทำให้เธอถูกดุได้ พี่ชายของเธอไม่ค่อยชอบให้เธอนอนดึก
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก พี่น่ะมันแมวเก้าชีวิต"
"แล้วพี่ไม่ไปทำงานแบบนี้ มันจะไม่กระทบกับ..."
"ไม่หรอก เราน่ะเรียนไปเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก พี่มีให้เราเรียนอยู่แล้ว"
"ถ้าอย่างนั้น พี่ต้องรอให้ตัวเองหายดีเลยนะ ค่อยกลับไปทำงาน สักสามเดือนไปเลย"
"โห...ขนาดนั้น เถ้าแก่ไม่ไล่พี่ออกเลยหรอ" เตชินทร์พูดแบบขำขัน แต่ความจริงแผลแบบนี้ใช้เวลาสักเดือนกว่าๆ ก็คงจะหายดีแล้วล่ะ
"ก็ชาอยากให้พี่หายดีก่อนนี่" พูดพร้อมกับทำหน้าบูด
"พี่รู้ครับพี่รู้ พี่ตกลงครับ พี่จะรักษาตัวจนหายดี หายสนิทเลย แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ โอเค๊"
"อื้อ..."
เตชินทร์รู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำข้อตกลงกับน้องสาวเธอจะไม่สบายใจอย่างแน่นอน ใบชาเป็นคนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับทุกเรื่อง และเป็นคนที่ใส่ใจกับทุกรายละเอียดคนรอบข้าง ยิ่งเป็นคนที่สำคัญเธอยิ่งใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรมาหรือแค่เจ็บป่วยเล็กน้อยเธอก็ห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
นิสัยของเธออ่อนโยน และมักจะเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัวเองเสมอ จนบางครั้ง...เธอก็ชอบถูกมองว่า คนโง่
#สองเดือนต่อมา ที่มีคนบอกว่าเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายเลยตอนแรกคลินต์ก็ไม่ได้เชื่ออะไรหรอก ตอนนี้เชื่อแล้วล่ะว่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ คลินต์ต้องคอยป้อนนมลูกเพื่อให้ใบชาได้พักผ่อนเพียงพอเพื่อที่จะได้ตื่นขึ้นมาตามเวลาและปั๊มนม และตอนกลางคืนเขาก็ต้องตื่นบ่อย แทบจะทุกชั่วโมงเพราะลูกตื่นแล้วร้องงอแงขอบตาจะเป็นแบบหมีแพนด้าให้ได้แล้วเนี่ย"อึกแง ~ แง ~""....." คลินต์ที่เพิ่งข่มตาหลับ ยังไม่ทันจะรู้สึกว่าพักสายตาได้พอประมาณเลย จู่ๆ เสียงทารกน้อยในเปลก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระดิ่งข้อเท้าที่คุณปู่เอามาใส่ให้ดังกรุ้งกริ้งเพราะเด็กขยับขาคนตัวใหญ่ดีดตัวลุกขึ้นในทันที ก่อนจะเดินไปดูลูกน้อยที่นอนอยู่ในเปล จากนั้นก็อุ้มลูกน้อยออกไปด้านนอกไม่นานนักใบชาก็ตื่นขึ้นมาตามเวลาที่จะต้องปั๊มนมเก็บไว้ให้ลูกตัวน้อย"ส่งลูกมาให้ชาสิคะ เดี๋ยวชาจะป้อนนม""อืมครับ"คลินต์ส่งลูกน้อยในอ้อมอกให้แต่โดยดี ก่อนที่ตัวเขาจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ด้วยความหมดแรง"เฮ้อ...พี่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมากี่คืนแล้วเนี่ย" พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ทุกครั้งที่หลับตาเขาพร้อมจะหลับสนิทในทันที แต่ก็ต้องพยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้หลับสนิท"แล้ว
#หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้ก็ใกล้วันคลอดเข้ามาเต็มทีแล้วล่ะ ใบชายังคงใช้ชีวิตตามปกติเพราะยังไม่มีอาการปวดท้องใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในที่นี้ก็ช่วยกันสอดส่องและคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดคลินต์หายจากอาการแพ้ท้องแล้วเมื่อช่วงสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา แต่กว่าจะหายก็เล่นน้ำหนักหายไปเยอะเลยเหมือนกัน"ผลไม้ค่ะคุณชา" แม่บ้านเดินขึ้นมาที่หน้าระเบียงด้านบน เพราะใบชาชอบมานั่งรับลมตรงนี้ อากาศดีและลมพัดเย็นสบายตลอดวัน"ขอบคุณค่ะ""เที่ยงนี้ทานอะไรดีคะ จะได้เตรียมไว้ให้""อะไรก็ได้ค่ะ""ได้ค่ะ คุณชาจะทานตรงนี้ใช่ไหมคะ""ค่ะ ลำบากหน่อยนะคะ แต่ตรงนี้อากาศดี""ไม่ลำบากเลยค่ะ คุณชาท้องใหญ่แล้ว เดินลำบาก ให้แม่บ้านคอยดูแลถูกแล้วค่ะ""ขอบคุณนะคะ"อย่างที่แม่บ้านก็ถูกนั่นแหละ เธอท้องใหญ่แล้วทำอะไรก็ลำบาก จะให้ขึ้นลงบันไดเพื่อกินข้าวแป๊บๆ มันก็ดูลำบากไปหน่อย สู้ให้แม่บ้านที่ไม่ได้ลำบากเพราะท้องใหญ่แบบเธอเป็นฝ่ายเหนื่อยแทนจะดีกว่า...สักพักต่อมา "ภรรยาครับ สามีมาแล้ว" เสียงของคลินต์ดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นมาถึงชั้นบนตรงระเบียงที่ใบชาอยู่ซะอีก"กินข้าวแล้วหรือยังคะ?""ยังครับ รอกินพร้อมชาแหละ แม่บ้านเอาข้าวมาให้แล้
สองเดือนต่อมา ณ บ้านไร่เรือนหอของคลินต์"อึก อ้วกก !!" เสียงอาเจียนโอกอากของคลินต์ดังจากด้านบนลงมาที่ด้านล่าง แม่บ้านที่ได้ยินก็ถึงกับพากันยิ้มหัวเราะ เพราะคลินต์เป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ซึ่งก็เป็นอาการแพ้ท้องแทนใบชาตามระเบียบนั่นแหละตอนนี้ใบชากำลังท้อง สมใจอยากคนเป็นพ่อแล้วล่ะ และเขาก็ต้องแบกรับหน้าที่แพ้ท้องแทนภรรยาด้วย"ไหวไหมคะพี่คลินต์ เอาน้ำกลั้วปากก่อนนะ""อืม..."จากคนที่แข็งแรงหน้าตาดูสดใสอยู่ทุกวัน ตอนนี้กลับหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด เขามีอาการเหมือนกับผู้หญิงแพ้ท้องทั่วไปเลย กินอะไรไม่ได้ เช้ามาก็อ้วกแตก มึนหัว ได้กลิ่นอาหารคืออาเจียนออกมาจากหมดไส้หมดพุง"กินยาก่อนนะคะ""ไม่เอา พี่ไม่อยากกิน มันจะอ้วก"อย่าว่าแต่อาหารหรือยาเลย แค่น้ำเปล่าๆ กินเข้าไปเขาก็ยังรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้"จะได้ดีขึ้นไงคะ""ไม่เอา พี่อยู่แบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น" คลินต์ปฏิเสธอย่างหนักแน่นด้วยสภาพที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองก๊อกๆๆ "คุณคลินต์ คุณชา น้ำหวานๆ มาแล้วค่ะ" แม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำหวานเย็นๆ หวังจะให้คลินต์ได้จิบเบาๆ พอชื่นใจ"กินสักหน่อยนะพี่ค
#เช้าวันต่อมา เสียงเคาะประตูดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ตามด้วยเสียงเรียกของเด็กน้อยที่ดังอ้าวอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ทำให้คลินต์ที่กำลังนอนกอดภรรยาสาวสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวังไปเปิดประตู "พ่อครับ มะตื่นแล้ว แม่ล่ะครับตื่นหรือยัง?" เด็กน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองข้างใน "จุ๊ๆ เมื่อวานแม่เหนื่อยมากเลย ให้แม่นอนพักก่อนนะครับ" คลินต์เอามือจ่อปากตัวเองพร้อมกับบอกให้ลูกชายเงียบเสียงลง "อ้าวเหรอครับ""มะลงไปกินข้าวกับคุณปู่คุณย่าก่อนนะครับ""ก็ได้ครับ" "เก่งมากเลยครับลูกพ่อ" หลังจากที่จัดการกับเจ้าลูกชายตัวแสบเสร็จเรียบร้อยแล้วคลินต์ก็กลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นไปนอนข้างๆ ใบชาตามเดิม แต่เขาไม่ได้นอนหลับ เขานอนมองใบชาที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ พร้อมกับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เพิ่งจะจัดหนักกันกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข นึกว่าตัวเองจะไม่ได้ลงเอยแบบนี้ซะแล้วสิ "อือ....พี่คลินต์กี่โมงแล้วคะเนี่ย""ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะ ไม่ต้องห่วงลูกหรอก เขาอยู่กับปู่กับย่า" "อือ..." ใบชาหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลีย กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็
และแล้วค่ำคืนที่คลินต์รอคอยก็มาถึง หลังจากที่งานเลี้ยงของงานแต่งเล็กๆ นั้นจบลง แขกในงานก็พากันกลับบ้านพักของตัวเอง เพราะพรุ่งนี้มีงานที่ต้องทำ ใบชาเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเพราะกลิ่นบางอย่างในห้องนอน และด้วยท่าทางของคลินต์มันก็ทำให้เธออดถามไม่ได้จริงๆ "พี่ฉีดน้ำหอมเหรอคะ กลิ่นฉุนเชียว" "เหม็นเหรอ?" คลินต์ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความร้อนใจ สีหน้าของเขาดูตกใจมากจริงๆ "เปล่าค่ะ ไม่ได้เหม็น แค่ปกติมันไม่มี..." มันไม่ได้เหม็นฉุนขนาดนั้น และไม่เชิงเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เรามักจะฉีดใส่ตัวเอง แต่มันเป็นกลิ่นหอมเย็นๆ ที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่น "แม่ให้มาน่ะ บอกว่ามันช่วยทำให้เราผ่อนคลาย" "อ๋อ..." "พี่พร้อมแล้วนะ" "....." ใบชามองเงียบๆ เธอสังเกตเห็นตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำแล้วล่ะ ห้องถูกจัดใหม่พร้อมด้วยแสงไฟโทนอุ่น แถมด้วยกลิ่นน้ำหอมอบอวลอยู่อีก "มามะ มาหาพี่ที่เตียงหน่อยครับ ปุปุ ~ " คลินต์เอามือตบที่เตียงนอนเป็นจังหวะ พร้อมกับส่งสายตายั่วยวน แต่แทนที่ใบชาจะเดินไปตามคำขอ เธอกลับยืนยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา "ชา อย่ามาแกล้งพี่นะ ให้พี่รอกลางคืน พี่ก็รอแล้วนี่ไ
และแล้วก็มาถึงวันที่คลินต์และใบชาได้แต่งงานกัน งานถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่ายตามความต้องการของใบชา ณ กลางไร่องุ่นถูกจัดแต่งให้เป็นซุ้มเล็กๆ และประดับประดาไปด้วยดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและมีความหมายในงานแต่งพื้นที่รอบๆ ก็มีโต๊ะสำหรับรองรับแขกที่มีไม่เท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นคนงานของที่นี่ ใบชาไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่จะต้องมางาน พวกญาติๆ ที่เคยอยู่ด้วยสมัยเด็กๆ เธอไม่อยากไปยุ่งกับใครแล้ว กลัวว่าจะเข้ามาทำให้ครอบครัวที่มีความสุขตอนนี้ของเธอต้องลำบากทางฝั่งของคลินต์ก็มีพ่อแม่ของเขาและคุณอาที่เป็นเจ้าของไร่ตัวจริงที่นี่ ครั้งแรกเลยที่ใบชาได้เห็นหน้าตาของเจ้าของไร่เมื่อถึงเวลาใบชาก็เดินมาพร้อมกับพี่ชาย ญาติผู้ใหญ่คนเดียวของเธอ ด้วยชุดเดรสสีขาวสะอาด กระโปรงพลิ้วแต่ไม่รุ่มร่าม สวยเข้ากับรูปร่างของเธอพอดี ทรงผมถูกม้วนเก็บครึ่งศีรษะแบบเรียบร้อย และประดับด้วยดอกไม้สวยๆ ดูเข้ากับใบหน้าแสนหวานของเธอด้านหน้าคือเจ้าบ่าวที่ใส่ชุดสูทหล่อเหลากับลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน คลินต์กำลังยิ้มให้กับเจ้าสาวแสนสวยของเขา จนกระทั่งเธอเดินเข้ามาถึง"แม่สวยมากเลยครับ""ขอบคุณครับ เราก็หล่อมากเลยนะ สูทตัวนี้หล่อมาก""ขอบคุณครับ"ค







